ตอนที่แล้วบทที่ 114 การปรากฏตัวของ?
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 116 ไม่ว่าใครก็อยากเป็นเพื่อนกับคนใหญ่คนโต

บทที่ 115 การบันทึกหลักฐาน


บทที่ 115 การบันทึกหลักฐาน

“เรื่องจริงงั้นหรือ?” สีหน้าของรองผู้บัญชาการเจิ้งยังคงไม่เปลี่ยนแปลง แต่สายตาของเขาหันไปทางจางเล่ย

“ไม่ใช่แบบนั้นแน่นอน!” จางเล่ยตอบอย่างเย็นชาและพูดต่อว่า “ผู้กองหวังคนนี้เปลี่ยนจากขาวให้เป็นดำอย่างหน้าด้านๆ ความจริงก็คือเราเคยพบกับคนคนหนึ่งบนรถไฟตอนมาที่สหพันธ์มหาวิทยาลัยเจียงโจวเพื่อรายงานตัว....”

จางเล่ยอธิบายเรื่องราวทั้งหมดโดยละเอียดตั้งแต่ต้นจนจบ โดยเฉพาะคำพูดของผู้กองหวังและอู๋เฉียนที่พวกเขาพูดถึงแผนสกปรกของพวกเขาในห้องสอบสวนที่จะจัดการตัวเขาเองกับคนอื่นๆ จางเล่ยเล่าทุกอย่างโดยไม่มีอะไรขาดตกบกพร่อง

“อู๋จุ้นเจี๋ยอยู่ที่ไหน?!” รองผู้บัญชาการเจิ้งยังคงไม่เปลี่ยนสีหน้าหลังจากฟังเรื่องราวทั้งหมดและถามหาอู๋จุ้นเจี๋ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

“เขาอยู่ที่ห้องสอบสวนอื่นครับ...” ผู้กองหวังตอบ จากนั้นเขาก็พยักหน้าให้กับตำรวจนายหนึ่งแล้วพูดว่า “ไปที่ห้องสอบสวนหมายเลข 5 แล้วพาตัวอู๋จุ้นเจี๋ยมา!”

ก่อนที่นายตำรวจคนนั้นจะเดินออกไปเพื่อพาตัวอู๋จุ้นเจี๋ยมา รองผู้บัญชาการเจิ้งก็พูดขึ้นว่า “ฉันจะไปหาเขาเอง!” หลังจากนั้นเขาก็มองกลับไปที่จี้เฟิงกับคนอื่นๆและพูดว่า “พวกเธอไปกับฉัน!”

“ท่านรองเจิ้ง มันดูจะไม่ค่อยเหมาะสมสักเท่าไหร่ ท่านรองเจิ้งไม่จำเป็นที่จะต้องไปพบเขาด้วยตัวเอง เดี๋ยวผมให้คนพาเขามาพบท่านที่นี่จะดีกว่านะครับ” ผู้กองหวังพูดพร้อมกับส่งสายตาขอความช่วยเหลือให้สนับสนุนคำพูดของเขากับคนผู้ชายสองคนที่ตอนนี้ยืนอยู่ข้างๆกับรองผู้บัญชาการเจิ้ง

ผู้ชายสองคนที่ว่านี้ก็คือ *อาจารย์ผู้สอนและผู้กำกับการสถานีตำรวจในเมืองมหาวิทยาลัย หลังจากพวกเขาที่ได้ยินว่ารองผู้บัญชาการเจิ้งมาที่สถานีตำรวจแห่งนี้ พวกเขาก็มาปรากฏตัวและยืนอยู่ข้างๆรองผู้บัญชาการเจิ้งอย่างรวดเร็ว และเมื่อพวกเขาได้ยินว่ารองผู้บัญชาการเจิ้งเดินทางมาที่นี่เพื่อตรงมาหาผู้กองหวัง สีหน้าของพวกเขาก็เต็มไปด้วยความเศร้าหมองและหัวใจที่สั่นรัว

ผู้กองหวังคนนี้ชื่อ หวังเหลียนเฉิง เดิมทีเขาเป็นแค่นักเลงข้างถนน แต่เพราะผู้กำกับได้ตกหลุมรักพี่สาวของหวังเหลียนเฉิง และได้ขอให้เธอเป็นคนรักของเขา หวังเหลียนเฉิงคนนี้จึงอาศัยความสัมพันธ์ในลักษณะนี้เพื่อที่จะได้ที่นั่งในสถานีตำรวจแห่งนี้และเขาก็ได้ตำแหน่งผู้กองมาด้วยวิธีนี้นั่นเอง

และเมื่อรองผู้บัญชาการเจิ้งได้ตรงมาที่นี่เพื่อมาหาผู้กองหวังโดยตรง มันจึงเห็นได้ชัดว่าเรื่องนี้ต้องไม่ใช่เรื่องดีอย่างแน่นอน นั่นจึงทำให้ผู้กำกับถึงกับใจคอไม่ดีทันทีเมื่อรู้ข่าว โดยไม่จำเป็นต้องบอกเขาก็รู้ได้ทันทีว่าหวังเหลียนเฉิงผู้นี้จะต้องก่อปัญหาขึ้นอีกอย่างแน่นอน และครั้งนี้ต้องไม่ใช่เรื่องเล็กๆอย่างที่ผ่านมาและมันยังทำให้ผู้นำต่างๆที่อยู่ในเขตเมืองถึงกับตื่นตระหนก

แม้เขาจะเข้าใจสายตาที่ขอความช่วยเหลือของหวังเหลียนเฉิง แต่เขาก็ยังไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้สักเท่าไหร่นัก แต่เขาก็พอจะรู้จักนิสัยน้องเขยของเขาคนนี้ดี

และเพื่อเป็นการป้องกันไว้ก่อนเขาจึงได้แต่ตามน้ำไป เขารีบพูดว่า “ใช่แล้ว ท่านรองผู้บัญชาการเจิ้ง เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ท่านไม่ต้องลำบากไปหาเขาด้วยตัวเองหรอกครับ ปล่อยให้พวกเด็กๆเป็นคนพาเขามาพบท่านจะดีกว่า”

“ไม่จำเป็น ฉันจะไปเอง!”

รองผู้บัญชาการเจิ้งปฏิเสธอย่างไม่ไว้หน้า แต่อันที่จริงมันก็ไม่ได้ทำให้ผู้กำกับเสียหน้าแต่อย่างใด เพราะในฐานะของผู้กำกับมักจะไม่ค่อยมีโอกาสได้พบปะพูดคุยกับบุคคลระดับนี้อยู่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้น สาเหตุที่เขามาในครั้งนี้ เพียงเพื่อที่จะมาพบจี้เฟิงและหลานๆของเขา แล้วทำไมเขาถึงจะต้องสนใจคำพูดของคนอื่น?

ผู้กำกับถึงกับสะอึกเมื่อเห็นรองผู้บัญชาการเจิ้งกำลังจะก้าวขาเดินออกไป เขาจึงรีบมองไปทางหวังเหลียนเฉิงด้วยสายตาที่ดุดันเพื่อเป็นการบอกให้เขาเดินตามไป

“ห้องสอบสวนไหน!” รองผู้บัญชาการเจิ้งถามด้วยน้ำเสียงที่เริ่มไม่สบอารมณ์

หวังเหลียนเฉิงตกใจกลัวจนพูดตะกุกตะกัก “เอ่อ..ผมอาจจะจำผิด อู๋จุ้นเจี๋ยเป็นผู้แจ้งความเพราะฉะนั้นเขาน่าจะอยู่ที่ห้องสำนักงานในเวลานี้”

“ฮึ่ม!”

รองผู้บัญชาการเจิ้งตะโกนอย่างเย็นชา “ไปเรียกทุกคนแล้วไปรวมกันที่ห้องสำนักงาน!”

อย่างไรก็ตามเมื่อทุกคนมาถึงที่ห้องสำนักงานและเห็นภาพที่อยู่ตรงหน้า พวกเขาก็รู้สึกใจคอไม่ดี เพราะอู๋จุ้นเจี๋ยซึ่งเป็นเพียงพลเรือนแม้จะเป็นผู้แจ้งความก็ควรจะอยู่อย่างสงบเสงี่ยมเรียบร้อย แต่เขากลับนั่งเล่นคอมพิวเตอร์อยู่ที่โต๊ะทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วยความเพลิดเพลินจนขนาดที่เขาไม่รู้ตัวเลยว่ามีคนเข้ามาในห้องสำนักงาน

“เธอคืออู๋จุ้นเจี๋ย?” หลังจากที่รองผู้บัญชาการเจิ้งกวาดสายตามองไปรอบๆห้องสำนักงานและเมื่อเห็นว่ามีอู๋จุ้นเจี๋ยนั่งอยู่คนเดียวจึงเอ่ยปากถามทันที

“ใช่! แล้วคุณเป็นใคร?” อู๋จุ้นเจี๋ยชะงักและถามกลับอย่างไม่สบอารมณ์

“นี่คือวิธีการทำงานของพวกคุณ?” รองผู้บัญชาการเจิ้งไม่สนใจอู๋จุ้นเจี๋ยและหันไปมองหน้าผู้กำกับและอาจารย์ผู้สอน

ในเวลานี้ผู้กำกับและอาจารย์ผู้สอนที่ยืนหน้าซีดมาซักพักหนึ่งแล้วพวกเขาต่างคิดที่อยากจะเข้าไปจัดการหวังเหลียนเฉิงซะเดี๋ยวนั้น

“สรุปว่ามันเกิดอะไรขึ้น จนถึงตอนนี้ฉันก็ยังไม่ได้รับคำอธิบายอย่างตรงไปตรงมา!” รองผู้บัญชาการเจิ้งจ้องไปที่หวังเหลียนเฉิงและพูดอย่างเย็นชา

แม้ว่าตอนนี้ขาของหวังเหลียนเฉิงจะอ่อนแรงมาก แต่เขารู้ดีว่าไม่ว่ายังไงวันนี้เขาก็ไม่สามารถยอมรับในสิ่งที่เขาทำในวันนี้ได้ มิฉะนั้นเขาจะต้องพบกับความฉิบหายอย่างใหญ่หลวง

เขาก้มหัวและพูดว่า “ท่านรองเจิ้ง เรื่องที่ผมเล่าไปเป็นความจริงทั้งหมด!”

สีหน้าของรองผู้บัญชาการเจิ้งมืดลงทันที เขาไม่มีหลักฐานใดๆในเรื่องนี้อย่างชัดเจน อย่างดีที่สุดเขาก็ทำได้แค่ปลดหวังเหลียนเฉิงออกจากตำแหน่งด้วยเหตุผลอะไรก็ตามในอนาคต แต่ไม่ใช่ในวันนี้เพราะมันเป็นไปไม่ได้ที่จะระบายความโกรธที่หวังเหลียนเฉิงกล้าทำกับหลานชายและหลานสาวของเขาโดยที่ไม่มีหลักฐาน

“หึหึ!!”

ทันใดนั้นเสียงหัวเราะของจางเล่ยก็ดังขึ้น “ท่านรองผู้บัญชาการเจิ้งครับ ผู้กองหวังคนนี้เขาใช้อำนาจในทางที่ผิดและข่มขู่ประชาชน!”

“โอ้ ใช้อำนาจในทางที่ผิดอย่างไร? มีอะไรก็พูดมาได้เลย ฉันจะรับรองความปลอดภัยให้เอง!” รองผู้บัญชาการเจิ้งโบกมือใหญ่ๆของเขาขึ้นและพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยพลัง

“ท่านรองเจิ้ง คุณอย่าไปฟังเรื่องไร้สาระของคนพวกนี้ พวกเขาทั้งหมดเป็นผู้ต้องสงสัยและมันเป็นธรรมดาที่พวกเขาจะโกหกเพื่อปกป้องตัวเองจากความผิด!” หวังเหลียนเฉิงกล่าวอย่างรวดเร็ว

“คิกคิก ผู้กอง~ อย่าเพิ่งเถียงสิคร้าบ คุณต้องลองฟังสิ่งนี้ดูก่อน แล้วหลังจากนั้นผู้กองอยากจะพูดอะไรผมก็จะไม่ขัดอีก!” เมื่อพูดจบจางเล่ยก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋าเสื้อ

...............

[“ใช่! โทรศัพท์ของฉันมันไม่ได้หาย ฉันแค่ต้องการให้พวกนายมีความผิด แต่แล้วยังไง? ในเมื่อรู้ความจริงแบบนี้แล้วพวกนายจะทำอะไรฉันได้?!”]

[“ฉันคงทำอะไรนายไม่ได้ แต่ที่นี่คือสถานีตำรวจที่เต็มไปด้วยผู้รักษากฎหมาย ฉันเชื่อว่าพวกเขาจะรักษาความยุติธรรมให้กับพวกเรา!”]

[“เฮ้! เด็กน้อย แกโง่หรือเปล่าเนี่ย? ฉันกับอู๋เฉียนพวกเราสนิทกัน อย่าว่าแต่จะให้ฉันจับเขาเลย ฉันจะปล่อยให้เขาทำร้ายพวกแกจนถึงตายและจะยัดเยียดความผิดให้กับพวกแกด้วย เป็นไง ยุติธรรมพอหรือเปล่า?”]

เมื่อได้ยินบทสนทนาทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นหวังเหลียนเฉิง ผู้กำกับหรืออาจารย์ผู้สอน ต่างก็มีใบหน้าที่ซีดขาวไร้ร่องรอยของเลือด อู๋เฉียนรู้สึกไม่อยากจะเชื่อเขาได้แต่พึมพำ “นี่มันเป็นไปได้ยังไง...”

จี้เฟิงพยายามอย่างมากที่จะกลั้นหัวเราะ จางเล่ยเจ้าเพื่อนตัวแสบคนนี้ของเขาเรียนรู้ได้เร็วมาก จางเล่ยจำกลอุบายเมื่อตอนที่เขาใช้ในการจัดการกับซูเฉาและลูกชายของเขาซูหม่าเมื่อตอนนั้นได้

แต่ไม่ว่าอย่างไร ผลมันก็ออกมาดีมาก!

“รออะไรกันอยู่ จับคนพวกนี้ไปให้หมด!” รองผู้บัญชาการเจิ้งตะโกน และเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายสิบนายก็พุ่งตรงไปที่หวังเหลียนเฉิงและคนอื่นๆอย่างรวดเร็ว

เมื่อเห็นหวังเหลียนเฉิง อู๋เฉียน และคนอื่นๆถูกจับกุม จี้เฟิงก็ยิ้มทันที เขารู้ดีว่าถ้าหวังเหลียนเฉิงไม่ถูกลงโทษให้ออกจากตำแหน่งภายในวันนี้ เขาคงจะไม่สามารถมีชีวิตที่สงบสุขในมหาวิทยาลัยได้ในอนาคต และถงเล่ยก็ต้องตกอยู่ในอันตรายจากฝีมือของอู๋เฉียนและอู๋จุ้นเจี๋ยอย่างแน่นอน

“เดี๋ยวก่อน!”

จางเล่ยเดินไปหาอู๋จุ้นเจี๋ยอย่างรวดเร็ว และทันใดนั้นเขาก็ใช้ตัวของเขาบดบังสายตาของตำรวจคนอื่นๆและพูดด้วยเสียงต่ำ “กูบอกมึงไปแล้วใช่มั้ยว่า อย่าได้มายุ่งกับพวกกู ตอนนี้มึงเห็นแล้วใช่มั้ย ว่าผลมันเป็นยังไง?”

ทันทีที่เขาพูดจบ จางเล่ยก็กระแทกกำปั้นของเขาเข้าไปที่ท้องน้อยของอู๋จุ้นเจี๋ยอย่างรุนแรง ทันใดนั้นอู๋จุ้นเจี๋ยก็ตัวงอด้วยความเจ็บปวดจนแทบจะกระอักเลือดจนทำให้เขาแทบจะล้มลงไปกองอยู่กับพื้น

จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะส่ายหัวและยิ้มเฝื่อนๆ จางเล่ย..ไม่ว่ายังไงเพื่อนของเขาคนนี้ก็ยังคงเป็นคนที่ใจเย็นไม่เป็นอยู่ดี!

เมื่อทุกคนถูกนำตัวออกไปจากห้องสำนักงาน รองผู้บัญชาการเจิ้งก็มองไปที่จางเล่ยและคนอื่นๆ เขาส่ายหัวเล็กน้อย “ทำไมพวกเธอถึงได้ก่อเรื่องยุ่งตั้งแต่ครั้งแรกที่มาถึงเจียงโจว ทำไมจะต้องทำตัวให้มีปัญหา?!”

จางเล่ยยิ้ม “ลุงรอง เรื่องนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะพวกเราซะหน่อย แต่เพราะเจ้าอู๋เฉียนกับผู้กองหวังนั่นมาก่อกวนเล่ยเล่ยต่างหาก หรือน้าจะปล่อยให้พวกเรายืนดูเล่ยเล่ยถูกรังแก?”

จากนั้นจางเล่ยก็เหลือบมองไปทางถงเล่ยและขยิบตาเป็นการส่งซิกเพื่อต้องการให้ถงเล่ยช่วยสนับสนุนคำพูดของเขา

การกระทำเล็กๆน้อยๆของจางเล่ยมีหรือจะรอดพ้นสายตาของรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งเจียงโจวไปได้ เขายิ้มอย่างเหนื่อยใจ เขาโบกมือและพูดว่า “โอเคๆ ไม่ต้องพูดอะไรให้มากความ ฉันจะจัดการดูแลเรื่องนี้ให้เรียบร้อย เธอก็เอาหลักฐานการบันทึกเสียงไว้ที่นี่แล้วก็รีบๆกลับไปได้แล้ว!”

“ลุงรอง จะให้พวกเรากลับไปทั้งแบบนี้ได้ยังไง  ลุงจะจัดการอย่างไรกับอู๋จุ้นเจี๋ย?” จางเล่ยถามอย่างรีบร้อน เขารู้ดีว่าผู้ที่เป็นสาเหตุของเรื่องราวทั้งหมดนี้คืออู๋จุ้นเจี๋ยผู้หยิ่งผยอง จางเล่ยจึงถามเรื่องนี้ด้วยความสงสัย

รองผู้บัญชาการเจิ้งยิ้มและส่ายหัว “เพื่อนร่วมชั้นของเธอก็อยู่ที่นี่ ไม่กลัวว่าเพื่อนๆจะหัวเราะเยาะหรือยังไง?” หลังจากนั้นเขาก็เหลือบมองไปที่จี้เฟิง โดยตั้งใจหรือไม่ได้ตั้งใจก็ไม่รู้ได้ แต่ดูเหมือนว่าเขาจะรู้ตัวตนที่แท้จริงของจี้เฟิง และเป็นการบอกกับจางเล่ยเป็นนัยๆว่า เขาไม่อยากใช้อำนาจในเรื่องนี้อย่างชัดเจนเกินไปนัก

จางเล่ยไม่เข้าใจว่าลุงรองของเขาหมายถึงอะไร เขาเพียงแค่ยิ้มเล็กน้อยแต่ไม่ได้พูดอะไรออกไป

ในความเป็นจริงแล้ว มิตรภาพระหว่างจางเล่ยและจี้เฟิงนั้นเป็นที่ชัดเจนมากว่า ความสัมพันธ์ของพวกเขาแตกต่างจากมิตรภาพทั่วไปอย่างแน่นอน กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือความสัมพันธ์ของพวกเขาเทียบไม่ได้เลยกับมิตรภาพของเพื่อนทั่วๆไป

“ท่านรองผู้บัญชาการเจิ้ง ผมก็คิดเช่นเดียวกันกับจางเล่ย ผู้ร้ายตัวจริงในเรื่องนี้คืออู๋จุ้นเจี๋ย ผมก็อยากรู้เหมือนกันว่าท่านรองจะจัดการกับเขาอย่างไร?!” จี้เฟิงพูดสนับสนุนจางเล่ยทันที

รองผู้บัญชาการเจิ้งตกใจเล็กน้อย จากนั้นเขาก็มองไปที่จางเล่ยอยู่พักหนึ่งและทันใดนั้นเขาก็รู้ว่าหลานชายของเขามีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับหลานชายของตระกูลจี้มากกว่าที่คิด จากนั้นเขาก็นึกถึงเรื่องที่พี่เขยของเขาเคยบอกกับเขาในเรื่องของความสัมพันธ์ระหว่างจี้เฟิงกับหลานสาวของเขาถงเล่ยขึ้นมาได้ทันที

เขาหัวเราะเบาๆและพูดว่า “ไม่ต้องกังวล ฉันจะหาข้อกฎหมายมาจัดการกับเรื่องนี้ ทางตำรวจจะจัดการส่งจดหมายไปยังสหพันธ์มหาวิทยาลัยเจียงโจวเพื่อแจ้งเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นและแนะนำให้อู๋จุ้นเจี๋ยถูกไล่ออกจากสหพันธ์มหาวิทยาลัย”

“ใช่แล้ว มันต้องแบบนี้สิ!” จางเล่ยหัวเราะสะใจ “เพราะถ้าในอนาคตฉันยังต้องเห็นหน้าไอ้หมอนั่นอีกในมหาลัย ชีวิตฉันคงจะน่าเบื่อสุดๆ!”

“เจ้าเด็กคนนี้!” รองผู้บัญชาการเจิ้งจ้องไปที่จางเล่ยและตำหนิเขาที่พูดออกมาอย่างไร้ยางอาย

จากนั้นรองผู้บัญชาการเจิ้งพูดปลอบใจจ้าวไคและคนอื่นๆหลายคน และขอให้พวกเขาลงบันทึกก่อนที่จะจากไป

…จบบทที่ 115~❤️

-------------------------------

*อาจารย์ผู้สอน เทียบเท่ากับเป็นหัวหน้าของผู้บังคับกองร้อย(ผู้กอง) อาจมีอำนาจหน้าที่เกี่ยวโยงทางด้านการเมืองด้วย

1 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด