ตอนที่แล้วตอนที่ 59 ระดับสีเขียว(รีไรท์)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 61 โคลอสเซียม

ตอนที่ 60 ระหว่างทาง


ตอนที่ 60 ระหว่างทาง

ไนเรลเดินออกมาไม่นานก็มีพนักงานสาวของสมาพันธ์นักล่าเดินมาแจ้งกับเขาว่า มีคนจากทางรัฐบาลมาขอเข้าพบ

แต่เมื่อไปพบกับพวกเขาที่ห้องรับแขกและก็พบว่าที่นี่ไม่ได้มีแค่คนของรัฐบาลแต่มีคนจากพาราซัสมาด้วย ชายคนนั้นก็คือผู้จัดการของ สำนักงานย่อยประจำเมืองย่อย 101 นั้นเอง

สิ่งที่พวกเขาต้องการจะพูดก็คือการมาขอโทษถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับไนเรลในการลอบสังหารที่ผ่านมา

แต่ในความหมายแฝงนั้นพวกเขาคงจะมายืนยันสภาพของไนเรล ว่าเขาบาดเจ็บใกล้ตายหรือเป็นอย่างไรบ้าง

ส่วนผู้จัดการพาราซัสที่มาก็มาเพื่อแก้ข่าวลือที่ว่าแผนการทั้งหมดเป็นสิ่งที่พาราซัสสั่งการมา ซึ่งผู้จัดการก็เข้ามาพร้อมกับกระเช้าที่สวยงามและรอยยิ้มที่ดูจริงใจ

“ผมคือผู้จัดการของสำนักงานย่อยของพาราซัส หวังว่าคุณจะไม่หลงเชื่อข่าวลือที่เกิดขึ้น และผมหวังว่าในอนาคตพวกเราจะได้ร่วมธุรกิจด้วยกัน”

ไนเรลมองไปรอยยิ้มเหมือนงูพิษของผู้จัดการคนนี้อย่างสะอิดสะเอีอน แต่เขาก็ยิ้มและจับมือกลับไปเพื่อเป็นมารยาทพร้อมทั้งกล่าวออกมาอย่างจริงใจว่า “แน่นอนเดี๋ยวผมจะแวะไปหา”

ทันทีที่ผู้จัดการได้ยินคำพูดของไนเรลตัวของเขาก็ขนลุกขึ้นมาในทันทีอย่างไม่มีสาเหตุ

และจากคำพูดนี้เองภายในค่ำคืนนี้ที่พักของผู้จัดการก็เต็มไปด้วยเสียงกรีดร้อง และการฆ่าฟัน ผู้จัดการสำนักงานย่อย บริษัทพาราซัสอยู่ในภาพที่ร้องขอชีวิตแต่ก็ถูกฆ่าตายอยู่ดี

ในเช้าวันต่อมา ก็มีข่าวการตายของคนระดับสูงของ สำนักงานย่อยพาราซัส ประจำเมืองย่อย 101 โดยลักษณะการตายนั้นเป็นรูปแบบฆ่าของนักฆ่าเงา มันแทบจะเรียกได้ว่านักฆ่าเงาไปกวาดล้างคนของสำนักงานย่อยของบริษัทพาราซัสของเมืองย่อย 101 ไปจนหมดเลยก็ว่าได้

นั้นทำให้ทันทีที่สำนักงานใหญ่ของบริษัทพาราซัสโกรธแค้นเป็นอย่างมากและตั้งค่าหัวนักฆ่าเงามากถึง 10 ล้านเหรียญไทกีล่า และผลคริสตัลวิวัฒนาการอีก 2 ผล

แต่แน่นอนก็มีหลายคนที่สมน้ำหน้าและรอซำเติมพวกเขา โดยเฉพาะรัฐบาลเมื่อย่อย 101 ที่ถือโอกาศนี้จัดการถอนรากถอนโคลนสำนักงานย่อยพาราซัสออกไปในทันที

โดยกล่าวหาว่าผู้จัดการของสำนักงานย่อยแห่งนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับนักฆ่าเงาในการว่าจ้างรอบสังหารไนเรลดังนั้นจึงได้จับกลุ่มคนของสำนักงานย่อยแห่งนี้ทั้งหมด

แต่นั้นยิ่งทำให้สำนักงานหลักของพาราซัสโกรธพวกเขาไปอีกแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะทุกคนในสำนักงานย่อยตายไปหมดแล้วคนตายไม่สามารถพูดอะไรได้ หลักฐานที่ไม่รู้ว่ารัฐบาลไปขุดมาจากไหนก็ทำให้บริษัทพาราซัสถูกตรวจสอบและเพ่งเล็กจากรัฐบาลกลางของไทกีล่าในทันที

พาราซัสได้แต่ทำตัวสงบสะเงียมมากขึ้นมากขึ้นเพื่อหลีกเรียงในหลาย ๆ เรื่องที่รัฐบาลไทกีร่ากดดันมา

ซึ่งตัวการที่รับรู้เรื่องทั้งหมดนี้อย่างไนเรลก็ไม่ได้สนใจเลยแม้แต่น้อย เพราะตอนนี้เขากำลังจะออกเดินทางไปที่คฤหาสน์ตระกูลอาโรเดียแล้ว โดยมีเอวาที่ตอนนี้เลื่อนระดับเป็นสีน้ำตาลแล้ว และนิเรียที่เธอก็เลือนมาเป็นระดับสีน้ำตาลใกล้จะเลือนเป็นระดับ สีเขียว

เหตุที่นิเรียเลื่อนระดับได้ไว้นั้นก็ไม่น่าแปลกเพราะตามจริงแล้วศักยภาพของเธอนั้นก็ไม่ได้น้อยไปกว่านักฆ่าเงาถ้าไม่ติดที่ตอนแรกเริ่มขาดแคลนแก่นพลังงาน

แต่หลังจากที่เธอได้รับการสนับแก่นพลังงานจากไนเรลพลังของเธอก็ก้าวหน้าเร็วขึ้นมาก ซึ่งนั้นก็เป็นสิ่งที่ทำให้ไนเรลวางใจเกี่ยวกับความปลอดภัยของเธอมากขึ้น

“พี่ชาย พี่จะไม่รอให้พ่อกับแม่เดินทางมาที่นี่ก่อนหรือ” นิเรียถามออกมาด้วยความเป็นห่วง

“พี่ออกไปไม่นานอาจจะแค่ 1 เดือน อีกอย่างพี่กลัวว่าเบาะแสของปู่จะหายไปก่อน ถ้าพ่อกับแม่มาถึงแล้วก็ให้พักที่สมาพันธ์นักล่าก็ได้”

“อืมเอาแบบนั้นก็ได้” นิเรียพูดออกมาด้วยปากที่มุ้ยอย่างเสียดาย เธอคิดว่าจะได้เห็นใบหน้าของพี่ชายที่รู้ว่าพ่อแม่รู้เรื่องที่พี่ชายของเธอทำอะไรกับเอวาไว้ มันคงจะสุดยอดน่าดู เธอถึงกับเตรียมที่จะแอบอัดวิดีโอไว้แล้วด้วย

นอกจากนี้เธอก็จะให้พ่อกับแม่ช่วยกันผู้หญิงหน้าอกส้มโอแบบเอวาออกห่างจากไนเรล เพราะทั้งสองยังไม่เป็นอะไรกันก็ทำเรื่องแบบนั้นแล้ว เธอเตรียมใช้เหตุผลที่ว่าเดี่ยวไนเรลจะทำผู้หญิงท้องก่อนแต่ง? เอวาได้แต่คิดในใจด้วยความหึงหวงพี่ชายของตนเอง

ไนเรลที่ตอนนี้หันไปร่ำลาคนอื่น ๆ โดยไม่รู้ถึงความคิดของน้องสาวตัวน้อยเลยแม้แต่น้อย

เขาบอกกับแมวน้อยและธีโอเป็น 2 คนสุดท้าย ไม่สิเป็น 2 ตัวสุดท้ายว่าให้ปกป้องทุกคนด้วย ซึ่งแมวน้อยก็รับปากจะปกป้องต้นคริสตัลวิวัฒนาการอย่างเต็มที่ เพราะผลของต้นคริสตัลวิวัฒนาการนั้นก็เป็นเหมือนกับมันครึ่งหนึ่งอยู่แล้วไนเรลไม่ต้องเป็นห่วง

มันรับปากพร้อมกับมองไปที่ผลคริสตัลวิวัฒนาการจำนวนมากอย่างตาเป็นมัน

ไนเรลได้ยินดังนั้นก็วางใจ แต่ที่เขาวางใจจริง ๆ คงเป็นธีโอ เจ้าคาปิบาร่าผู้น่ากลัวนี้

หลังจากนั้นเขาก็ไปหาคนสุดท้ายจริง ๆ นั้นก็คือเอวาเขาไม่ได้พูดอะไรมากแค่บอกว่าดูแลตัวเองดี ๆ แค่นั้น

สำหรับไนเรลนั้น เขายังไม่รู้ว่าจะเรียกเอวาว่าคนรักได้อย่างเต็มปากหรือไม่ เพราะเขายังคงฝังใจกับเรื่องในอดีต ผู้หญิงคนนั้นที่ชื่อสเตล่า คนที่เขาทั้งรักและเกลียด เธอผู้ที่เป็นตัวการในการฆ่าทุกคนที่เขารัก รวมถึงลูกสาวของพวกเขาด้วย

ไนเรลใช้ความสามารถของ [ปีกแห่งความตาย B] บินขึ้นสู่ท้องฟ้าในทันที มองไปที่ด้านล่างที่เห็นผู้คนกำลังสร้างกำแพงที่ดูมันคงและติดตั้งปืนใหญ่จำนวนมาก รวมถึงปืนใหญ่พลังงาน E1 จำนวนหลายกระบอก ทั้งได้รับมาจากเมืองหลักในรอบหลัง ๆ พร้อมกับมีสัตว์กลายพันธุ์ที่ดุร้ายโจมตีตามจุดต่าง ๆ ของเมืองบ้างเป็นบางครั้งบางคราว

ด้านนอกมีซอมบี้ที่ถูกนักล่าไล่ล่านอกเมืองย่อย 101 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นซอมบี้ที่หลงฝูงหรือถูกทิ้งไว้

ห่างออกไปมีสัตว์กลายพันธุ์หลายตัวที่รุมโจมตีฆ่านักล่า ในขณะที่นักล่าก็ฆ่าพวกมันเช่นกัน

ที่ผ่านมาถึงในเมืองจะสงบสุขจากการปกป้องของกองทัพ แต่ทันทีที่ออกมานอกเมืองมันก็มีการฆ่าฟันอยู่ทั่วทุกหนแห่งไม่ต่างจากดินแดนป่าเถื่อนเลยแม้แต่น้อย และโดยเฉพาะที่ที่เขากำลังไปนั้นที่ซึ่งอยู่นอกเหนือจากอิทธิพลของรัฐบาลกลางของไทกีล่าด้วยแล้วมันยิ่งโหดร้ายเข้าไปอีกอย่างแน่นอน

ไนเรลมองไปที่เมืองย่อย 101 ที่กลายเป็นจุดเล็กลง ขณะที่เขาบินออกห่างไปเรื่อย ๆ

ไนเรลไม่ได้บินสูงมากนักโดยจะอยู่ที่ความสูงแค่ 1500 เมตรจากพื้นดินเท่านั้น เพื่อให้พ้นระยะของยอดไม้บางส่วน และอยู่ต่ำกว่าสัตว์นักล่าบนท้องฟ้าที่เป็นอันตรายอย่างมาก

ถึงเขาจะเป็นระดับ สีเขียวแต่ก็ต้องระวังตัวเป็นอย่างมาก เพราะเหนือเมฆขึ้นไปนั้นถึงจะเรียกว่าราชาที่แท้จริง

สิ่งมีชีวิตที่ก้าวข้ามระดับชีวิต ไปแล้วนั้นจะน่ากลัวเป็นอย่างมาก ถึงขนาดที่สามารถฆ่าเขาไปง่าย ๆ เลย

ส่วนระดับชีวิตที่ว่านั้นก็คือ ระดับสีน้ำเงินหรือขั้น 5 นี่คือระดับต่ำสุดที่มีสิทธิ์ในการบินอยู่เหนือกว่าเมฆอย่างแท้จริง

ในการจะกล้าวผ่านจากระดับสีเขียวไปเป็นสีน้ำเงินนั้นจะต้องมีพลังงานในเซลล์มากกว่า 10,000 หน่วย

ซึ่งไนเรลก็ยังไม่ได้รีบยกระดับขึ้นไปอีกเขาอยากจะให้เซลล์ของตัวเองคงระดับสีเขียวไปก่อนเพื่อไม่ให้มันเกิดปัญญาหาขึ้นในอนาคต ถึงแม้เขาไม่รู้ว่าเมล็ดพันธุ์วิวัฒนาการจะจัดการในเรื่องนี้ได้หรือไม่กันแน่แต่เขาก็ไม่ต้องการจะเสียง

อีกอย่างพลังของเขาก็ถือว่าพัฒนาการเร็วมากแล้ว เพราะในชีวิตที่แล้วของเขาระดับสูงสุดก็เป็นแค่สีน้ำเงินเท่านั้น

ไนเรลบินด้วยความเร็วสูงมากกว่า 3 วันแล้ว ในทุกวันตอนเย็นเขาก็ลงไปพักข้างล่างตามต้นไม้ และล่าสัตว์กลายพันธุ์ในบางครั้ง

มีอยู่ครั้งหนึ่งที่มีสัตว์กลายพันธุ์ระดับ 3 โจมตีเขาซึ่งมันก็ลงไปอยู่ในกระเพาะของไนเรลอย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งมันยังให้แก่นพลังงานมาอีก 1 ชิ้น แต่เขาก็ไม่ได้ความสามารถใหม่มา

ส่วนสัตว์กลายพันธุ์ที่กินไม่หมดไนเรลก็เก็บมันไว้ในเงา แต่ว่าเขาก็สร้างพื้นที่เงาให้มีขนาดได้แค่ 100 เมตรเท่านั้นนี่คือขีดจำกัดในการคงพื้นที่ให้เสถียรที่สุดแล้วในระดับพลังของเขาตอนนี้

“จากระยะที่บินมาอีกไม่กี่กิโลเมตรก็คงพ้นระยะของสัญญาอินเทอร์เน็ตและเข้าสู่ภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทกีล่าที่ติดกับประเทศจีนาส ที่นี่มีสงครามเมืองและการแย่งชิงพื้นที่ปกครองของมนุษย์ชั้นสูงอยู่บ่อยครั้งสินะ ถ้าจำไม่ผิดแถวนี้มีเมืองแลกเปลี่ยนที่เรียกว่า โคลอสเซียม อยู่ลงไปแวะพักที่นั่นแล้วกัน” ไนเรลนึกถึงข้อมูลในชีวิตที่แล้วจากนั้นเขาก็ส่งข้อความระบุตำแหน่งของตัวเองเป็นครั้งสุดท้ายให้สมาพันธ์นักล่ารับรู้ ก่อนที่จะมุ่งหน้าต่อไป

หลังจากบินมาจนถึงเย็นไนเรลก็เตรียมจะลงที่แถวป่ายักษ์และใช้ความสามารถ [ราชานักวิ่ง C] ไปที่โคลอสเซียมแทน เพราะเขาไม่ต้องการที่จะเป็นจุดเด่น

แต่ก่อนนั้นอยู่ ๆ เขาก็เห็นกลุ่มของคนที่กำลังจำโดนซอมบี้โจมตีอยู่แถวทุ่งหญ้าโล่งกว้าง

ไนเรลสังเกตดูมีในฝูงมีซอมบี้อยู่ไม่เกิน 1 พันตัว ในฝูงยังมีซอมบี้สติปัญญา 2 อยู่ด้วย เมื่อเขาเห็นแบบนั้นก็ตาเป็นประกายเลียริมฝีปากในทันที

ที่ด้านล่าง กลุ่มของนักล่าที่พยายามช่วยกันแบกหมูป่ากลายพันธุ์ขั้น 3 ที่หนักประมาณ 600 กิโลกกรัม หนีฝูงซอมบี้เพื่อไม่ให้ซอมบี้พวกนี้กัดโดนเนื้อของของหมูได้ไม่อย่างนั้นเนื้อนี่ก็จะติดเชื้อจนกินไม่ได้

สำหรับพวกเขาแล้วเนื้อของสัตว์กลายพันธุ์ขั้นที่สามตัวนี้สามารถเลี้ยงคนของพวกเขาให้อยู่รอดได้อีกหลายวัน

และที่สำคัญมันยังสามารถนำไปแลกเปลี่ยนเป็นสิ่งของต่าง ๆ ได้จำนวนมาก

“คนที่มีแรงอยู่ก็ช่วยกันแบกหมูนี่ไป ส่วนสัตว์กลายพันธุ์ตัวอื่น ๆ ทิ้งไปเป็นเหยื่อล่อซอมบี้”

“ไปถึงที่รถบรรทุกได้พวกเราก็น่าจะหนีออกจากฝูงซอมบี้ได้อย่างแน่นอน”

คนประมาณ 10 กว่าคนช่วยกันแบกหมูป่าและอีกหลายคนที่ทำหน้าที่คุ้มกันจัดการกับซอมบี้

หนึ่งในนั้นก็มีมนุษย์ชั้นสูง สีน้ำตาล ที่มีความสามารถสนับสนุน [ความเร็ว C] ใช้ดาบซามูไรตัดคอซอมบี้ตายเป็นจำนวนมาก พร้อมกับพุ่งเข้าหาซอบบี้ไททันขั้น 3 ในทันที

“โอ้วๆๆๆ”

“ท่านโรฮานลงมือแล้ว”

“ท่านโรฮานฆ่ามัน จัดการซอมบี้ทั้งหมดเลย”

คนทั้งหมดนั้นก็ร้องออกมาด้วยความดีใจ เพราะดูเหมือนว่าคนที่ส่งไปตามกำลังหนุนจะมาแล้ว

โรฮานจัดการฟันซอมบี้ไททันขั้น 3 พร้อมกับที่มนุษย์ชั้นสูงระดับสีเทา อีก 4 คนได้เข้ามาช่วย นั้นทำให้สถาณะการของพวกเขาดีขึ้นมาก

ในตอนนั้นเองที่เสียงกรีดร้องของซอมบี้ปีกขั้น 2 ก็ดังขึ้นพร้อมกับที่ร่วงหล่นลงจากท้องฟ้า

พร้อมกับสิ่งมีชีวิตบินได้ที่จู่โจมไปที่ซอมบี้สติปัญญาอย่างไม่ทันตั้งตัว เหมือนกับเหยี่ยวที่ตะครุบหนูพาซอมบี้สติปัญญาขั้น 2 ขึ้นสู่ท้องฟ้าและหายไปทางในยอดไม้หลังจากนั้นก็มีเสียงกรีดร้องของซอมบี้สติปัญญาตามา

ทุกคนได้แต่มองไปด้วยความงุนงงว่านั้นมันคือตัวอะไร ใช่สัตว์กลายพันธุ์หรือไม่

ถึงแบบนั้นพวกเขาก็ไม่มีเวลามางุนงงสงสัยมานัก เพราะซอมบี้สติปัญญาจะโดนกำจัดไปแล้วแต่ก็ยังมีซอมบี้ธรรมดาและซอมบี้กลายพันธุ์ตัวอื่น ๆ อยู่

พวกเขารีบพากันเปิดทางและพาร่างของหมูป่าขั้น 3 กลับไปที่รถและเตรียมขับออกไปทัน

แต่ในนั้นตอนนั้นอีกเจ้าสิ่งที่ฆ่าซอมบี้สติปัญญาก็บินลงมาหยุดขวางทางพวกเขาไว้

และในที่สุดพวกเขาก็รู้ว่าสิ่งที่ฆ่าซอมบี้สติปัญญาไม่ใช่สัตว์หรืออะไร แต่มันคือ มนุษย์ชั้นสูงที่ใส่หน้ากากทองคำพร้อมกับผ้าคลุมสีดำมิดชิด

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด