ตอนที่แล้วบทที่ 24:ภาษาอังกฤษที่น่าแปลกใจ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 26: พลังของภาษา

Chapter 25:การบรรยายที่ไร้ที่ติ


“เสี่ยวหลัวนายหมายถึงอะไรนายจะมีปัญหากับผู้ดูแลงั้นเหรอ?”

“ถ้านายไม่มีความสุขที่ รั่วหราน เป็นผู้ดูแลในชั้นเรียน นายสามารถส่งข้อเสนอแนะต่อที่ปรึกษาหรือไม่นายก็เสนอตัวเองให้เป็นผู้ดูแลได้ แต่ทุกคนจะลงคะแนนให้นายเป็นผู้ดูแลหรือไม่ก็อีกเรื่องหนึ่ง”

"ถูกต้อง อย่าคิดเพียงว่านายเป็นผู้ชายที่เป็นสมบัติของชาติแล้วนายจะทำตัวไร้ระเบียบและไร้กฎได้”

ผู้หญิงสี่ถึงห้าลุกขึ้นยืนและพูดปกป้องรั่วหราน

จูเสี่ยวเฟยและเติ้งไค รู้สึกปวดหัว สำหรับ ฮวาง รั่วหราน เธอคือผู้ดูแลแน่นอนว่าเธอมีผู้สนับสนุนหลายคนในชั้นเรียน ผู้ที่ยืนขึ้นและตำหนิเสี่ยวหลัวนั้นเป็นสมาชิกของคณะกรรมการประจำชั้นหรือผู้หญิงที่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับ ฮวาง รั่วหราน เสี่ยวหลัวเป็นเพียงผู้มาใหม่ดังนั้นเขาจึงยังไม่มีพักพวกที่คอยสนับสนุนเขา

เสี่ยวหลัวประกายรอยยิ้มที่ดูหมิ่นเหยียดหยาม ในเวลาเดียวกันนั้นเขาก็สงสัยว่า เขาไม่มีความสุขที่จะทำตามคำสั่งที่ไร้เหตุผลของเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง สิ่งนี้จะไม่เกิดขึ้นถ้าหากเธอไม่เข้ามายุ่งตั้งแต่แรก

ในตอนนั้น ฮวาง รั่วหราน ก็พูดกับเด็กผู้หญิงที่ยืนขึ้นว่า "ถึงเวลาเรียนแล้วพวกเธอกำลังทำอะไรอยู่ พวกเธอไม่มีวินัยในชั้นเรียนแล้วใช่ไหม นั่งลงเถอะและฟังอาจารย์จ้ง อย่าลดระดับตัวเองลงไปเถียงกับคนอื่นเลย"

เซียวหลัวรู้สึกรำคาญใจอย่างมาก ฮวาง รั่วหราน กำลังดูถูกเขาอย่างเห็นได้ชัดคำว่า “ลดระดับ” นั้นเห็นได้ชัดว่าไม่ได้หมายถึงคนอื่นมันหมายถึงเขาอย่างชัดเจน

“อะแฮ่ม ... ..”

อาจารย์ จ้ง เหม่ยลี่ ไออกมาสองสามครั้งและพูดอย่างเคร่งขรึมว่า“เอาหละ พวกเรามาทิ้งความไม่พึงพอใจเอาไว้ข้างหลังแล้วอย่าไปคิดเกี่ยวกับมันมากนัก นอกจากนี้เสี่ยวหลัวก็ยอมรับความผิดของเขาแล้ว เขาเพิ่งมาเรียนใรคลาสเรียนของเราครั้งแรก และเขาก็ต้องใช้เวลาอีกสักพักเพื่อปรับตัวเข้ากับพวกเธอทุกคน มาเรียนกันต่อเถอะในตอนนี้ เสี่ยวลั่วนั่งลงได้แล้ว”

เธอพูดให้เสี่ยวหลัวเพราะเห็นว่าระดับการพูดภาษาอังกฤษของเสี่ยวหลัวนั้นค่อนข้างสูง ไม่งั้นเธอคงจะช่วยพูดให้ ฮวาง รั่วหราน สักสองสามประโยคไปแล้ว

เสี่ยวหลัว ปฏิบัติตามคำพูดของเธอและนั่งลง แต่ใจของเขาเต็มไปด้วยความโกรธ เขาไม่คิดเลยว่าเขาที่ได้ใช้ชีวิตอยู่ในสังคมเป็นเวลากว่าสามปีจะมาโกรธผู้หญิงที่อายุน้อยกว่าสี่หรือห้าปี แบบนี้ได้

“พี่หลัว ทำไมพี่ถึงต้องเป็นศัตรูกับผู้ดูแลในชั้นเรียนของเรา”

จูเสี่ยวเฟย กล่าวแนะนำด้วยความจริงจังเป็นอย่างมาก“พี่หลัวในเอกอังกฤษของเรา มีเพียงแค่พวกเราที่เป็นผู้ชายสามคน ถึงแม้ว่าพี่จะถูกระบุว่าเป็น 'สมบัติของชาติ' ก็ตาม แต่ถ้าพวกเธอร่วมมือกัน พวกเราตายหยังเขียดแน่ๆ”

“ใช่แล้วพวกเรามีเพียงแค่ผู้ชายสามคนเท่านั้น พวกเราไม่สามารถเอาชนะพวกเธอที่มีจำนวนมากขนาดนั้นได้” เติ้งไค กล่าวเห็นด้วย

เสี่ยวหลัวหัวเราะ“ฉันไม่ชอบถูกวิพากษ์วิจารณ์จากพวกผู้หญิง และพวกนายก็ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ ฉันไม่สนใจเธอแล้ว”

จูเสี่ยวเฟยและเติ้งไค มองหน้ากันพวกเขาไม่เชื่อคำพูดของเสี่ยวหลัวเลย หนึ่งคือต้องรู้ว่าเมื่อเสี่ยวหลัวถูกเยาะเย้ยโดยทีมฝ่ายตรงข้ามในระหว่างเกมเมื่อวานนี้ เขาใช้Tryndamereของเขาในการสั่งสอนบทเรียนให้กับอีกฝ่ายหนึ่งและนั้นมันทำให้พวกเขาไม่มีวันที่จะลืมไปสิ่งที่เกิดขึ้นลงไปได้ พวกเขามั่นใจมากว่าเสี่ยวหลัวนั้นไม่ใช่คนที่จะตอบแทนด้วยความเมตตา แต่เขาตอบแทนด้วยต่อตาฟันต่อฟัน ตอนนี้เขายังเงียบสงบราวกับผิวน้ำนิ่ง แต่เมื่อถึงเวลาที่เขาเปิดเผยเขี้ยวเล็บของเขาออกมา คนอื่นๆก็ไม่มีเวลาที่จะตอบสนองเลยได้ทัน

หลังจากความวุ่นวายเล็กน้อย อาจารย์ จ้ง เหม่ยลี่ ก็สอนต่อ

เนื้อหาที่เธอนำเสนอในวันนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับสกุลเงินของประเทศต่างๆทั่วโลก แน่นอนว่าเธอสอนเป็นภาษาอังกฤษ ท้ายที่สุดเพราะทุกคนคือนักศึกษาของเอกอังกฤษ หากเธอสอนเป็นภาษาจีนแน่นอนว่ามันคงจะไม่เหมาะสม

“ตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษของเรามีคำพูดเสมอว่า” เงินเป็นรากเหง้าของความชั่วร้ายทั้งหมด“ดังนั้นเงินคือรากเหง้าของความชั่วร้ายทั้งหมดใช่หรือไม่ นักศึกษาพวกเธอคิดยังไงกับเรื่องนี้” จ้ง เหม่ยลี่ โยนหัวข้อคำถามไปให้กับพวกนักศึกษา

“เงินเป็นรากฐานของความชั่วร้ายทั้งหมด อาชญากรรมทุกชนิดเกิดขึ้นเพราะเงิน ตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงปัจจุบันผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนเสียชีวิตเพราะต้องการความมั่งคั่ง” อันหวนยืนขึ้นและแสดงความคิดเห็นเป็นภาษาอังกฤษ

คนอื่นๆ ก็เห็นด้วยกับคำพูดนี้ ท้ายที่สุดมีคำพูดในรัฐจีนที่เป็นเช่นนี้“มนุษย์ตายเพื่อแสวงหาความมั่งคั่งและนกตายเพื่อแสวงหาอาหาร” ประโยคนี้แสดงให้เห็นถึงสถานะของบาปที่มีเงินครอบงำอยู่

"นี่คือความเห็นของพวกเธอทั้งหมดใช่ไหมถ้าเป็นเช่นนั้นแล้วเธอล่ะคิดเห็นอย่างไร?" จ้ง เหมยลี่ มองไปที่ ฮวาง รั่วหราน

ฮวาง รั่วหราน ยืนขึ้นและตอบเป็นภาษาอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่วว่า“เรื่องราวของ” สวรรค์ที่หายไป” จากพระคัมภีร์และคำสอนของ เม่งจื้อบรรพบุรุษชาวจีนที่โดดเด่นของเราทั้งสองอธิบายว่า ไม่ใช่ธรรมชาติที่มนุษย์เป็นผู้ชั่วร้าย มันคือสิ่งล่อใจภายนอกที่ทำให้ผู้คนสูญเสียมโนธรรมของพวกเขา

(เม่งจื้อ คือ นักปราชญ์จีน)

“ฉันคิดว่าเงินเป็นรากฐานของความชั่วร้ายทั้งหมด”

“ประการแรกคือเงินมีความถูกต้องตามกฎหมายอย่างแท้จริงและสามารถแลกเปลี่ยนที่เทียบเท่ากับสินค้าใดๆก็ได้ มันมีประสิทธิภาพไม่ที่ จำกัด และดังนั้นมันจึงสามารถกระตุ้นความโลภไม่สิ้นสุดของมนุษย์ได้”

“ประการที่สอง ไม่เพียงแต่เงินจะสามารถควบคุมด้านสินค้าโภคภัณฑ์ แต่ยังสามารถทำให้สินค้าที่ไม่ใช่สินค้าเป็นสินค้าได้อีกด้วย มันไม่ได้เป็นเพียงสัญลักษณ์ของความมั่งคั่งทางวัตถุ แต่ยังกลายเป็น ‘ชิป’ ที่ใช้ในการต่อรองสำหรับคุณค่าทางจิตวิญญาณอื่นๆ อำนาจและสถานะสามารถซื้อได้ด้วยเงิน ความบริสุทธิ์และเกียรติสามารถวางขายในที่สาธารณะได้ มนุษยชาติและศักดิ์ศรีสิ่งของสิ่งต่างๆสามารถขายให้กับผู้ประมูลสูงสุดได้ และมโนธรรมจะถูกปนเปื้อนด้วยเงิน”

“ประการที่สามการเคารพเงินของผู้คนมันทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างคนกับเงินนั้นแปลกแยก ในความเป็นจริงเงินถือได้ว่าเป็นเทพเจ้าที่ผู้คนเคารพบูชา เพราะเงินมันทำให้ผู้คนต่างหลงไหลในโลกแห่งวัตถุที่แปลกประหลาด เพราะเงินมันทำให้ผู้คนสูญเสียมโนธรรมภายในจิตใจโดยไม่รู้ตัว”

“เช็คสเปียร์ได้เปิดเผยเมื่อนานมาแล้วว่า เงินสามารถเปลี่ยนจากความมืดไปเป็นแสงสว่าง จากน่าเกลียดไปเป็นสวยงาม จากผิดเป็นถูกและจากต่ำกลายเป็นความสูงส่ง มันเป็นเพราะเงินมีอำนาจอย่างไร้ขอบเขตที่จะทำให้ผู้คนสับสนในความถูกต้องและทำให้จักรวาลกลับหัวกลับกลายเป็นว่ามันเป็นรากเหง้าที่ใหญ่ที่สุดของอาชญากรและการแพร่กระจายของความชั่วร้าย ดังนั้นฉันจึงเชื่อว่าเงินเป็นรากเหง้าของความชั่วร้ายทั้งหมด”

แม้ว่าพวกเขาจะเป็นนักศึกษาในวิชาเอกภาษาอังกฤษ แต่ความสามารถด้านภาษาอังกฤษของทุกคนก็ยังไม่ถึงระดับที่แน่นอน ดังนั้นพวกเขาจึงเข้าใจได้เพียงแค่ครึ่งเดียวในสิ่งที่ได้ยิน แต่ ฮวาง รั่วหราน ก็ได้กล่าวถึงมุมมองของเธอเป็นภาษาจีนอีกครั้งหลังจากพูดจบ แล้วทั้งคลาสเรียนก็มีความเชื่อมั่นอย่างลึกซึ้งจากวาทกรรมที่มีเหตุผลและมีหลักฐานที่ดีของเธอ

“มันถูกต้องแล้ว เธอสมควรที่จะเป็นผู้ดูแลชั้นเรียน เพราะว่าคำพูดของเธอมันดีเกินไป”

“ผู้ดูแลชั้นเรียนกล่าวถูกต้องแล้ว เพราะเงินเป็นรากฐานของความชั่วร้ายทั้งหมด”

“อืม มนุษย์เป็นสิ่งที่ดีงามโดยธรรมชาติ มีเพียงสาเหตุและปัจจัยภายนอกเท่านั้นที่ทำให้ผู้คนตกอยู่ในความผิดและเงินก็เป็นสาเหตุ”

“รั่วหราน มีคารมคมคายจริงๆ!” ชูเยว่กล่าว พร้อมกับยิ้มออกมาเล็กน้อย

“ใช่แล้ว มิฉะนั้นนายหญิงชู ของเราคงจะไม่ยอมให้เธอมีตำแหน่งเป็นผู้ดูแลชั้นเรียน” ไป่หลิง พยักหน้าเห็นด้วย

ชูเยว่เงยหน้ามองเธอ“เธอพูดมากเกินไปแล้ว”

ไป่หลิง เงียบปากของเธอลง

จูเสี่ยวเฟยและเติ้งไค จ้องไปที่เสี่ยวหลัว โดยไม่กระพริบตา พวกเขารู้สึกเสมอว่าเสี่ยวหลัวคงจะลุกขึ้นยืนเพื่อลบล้างคำพูดของ ฮวาง รั่วหราน พวกเขาไม่เชื่อว่าเสี่ยวหลัวสามารถกลืนความโกรธที่เขารู้สึกได้ในตอนนี้

แต่ทั้งคู่รู้สึกว่าการเล่าเรื่องของ ฮวาง รั่วหราน นั้นไร้ที่ติมันสมบูรณ์แบบ หลังจากที่ได้ฟังเรื่องเล่าของ ฮวาง รั่วหราน แม้พวกเขาที่คิดว่าเงินเป็นสมบัติที่ยิ่งใหญ่ที่สุดก็รู้สึกราวกับพวกเขาถูกล้างสมอง ในตอนนี้พวกเขาตกลงอย่างตั่งมั่นแล้วว่าเงินเป็นรากฐานของความชั่วร้ายทั้งหมด ไม่มีทางที่เสี่ยวหลัวจะเอาชนะ ฮวาง รั่วหราน ได้ พวกเขากลัวว่าเสี่ยวหลัวจะทำเรื่องตลกและขายหน้า ถ้าเขาลุกขึ้นยืนเพื่อลบล้างเธอนี่ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาต้องการจะเห็น  แต่...

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด