ตอนที่แล้วChapter 10: สอบสวน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 12 มหาวิทยาลัย

Chapter 11: งานปกป้อง


เมื่อได้ยินชื่อนั้นในหัวของเสี่ยวหลัวก็มีเสียงดังราวกับฟ้าร้องก้องอยู่ข้างใน

ชู หยุนเชียง หนึ่งในยักษ์ใหญ่ทางการค้าของ เจียงเฉิง เขาเริ่มต้นจากศูนย์เมื่อเขายังเด็กและทำงานอย่างหนักมาเป็นเวลากว่า 20 ปีเพื่อก่อตั้ง ฉางชาน พาวิลเลี่ยน ตอนนี้ร้านอาหารของเจียงครึ่งหนึ่งอยู่ในอุตสาหกรรมของเขาและหลายร้อยเมืองทั้งใหญ่และเล็กทั่วประเทศต่างก็มีสาขาย่อยของเขา

เสี่ยวหลัวทั้งประหลาดใจและสับสน เขาไม่รู้ว่าเมื่อไหร่กัน ที่เขาไปมีความสัมพันธ์กับ ชู หยุนเชียง

"คุณเสี่ยว คุณชูกำลังรอคุณอยู่!" จี เซินเจิ้น ผ่ายมือออกไป

ตามทิศทางที่ชี้ให้เห็นโดย จี เซินเจิ้น เสี่ยวหลัวก็เห็นรถโรลส์-รอยซ์ คันสีดำจอดอยู่ริมถนน

ตอนที่ "เขา" ได้มาประกันตัวเสี่ยวหลัวมันเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับเสี่ยวหลัวที่จะไปเจอเขา นอกจากนี้เขายังต้องการที่จะทราบว่าทำไม ชู หยุนเซียง ถึงมาช่วยเขา

หลังจากกล่าวคำอำลากับ จี เซินเจิ้น เสี่ยวหลัว ก็เดินไปที่รถโรลส์-รอยซ์ ทันใดนั้นดวงตาของเขาก็พบว่ามันยากที่จะขยับสายตาออกไปจากบุคคลผู้นั้น "เอ๊ะเป็นคุณเองงั้นเหรอ?" เขาถามด้วยความประหลาดใจ

ชายคนนั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากชายวัยกลางคนที่นั่งอยู่ไม่ไกลจากเขาเมื่อคืน ตอนที่เขาออกไปทานอาหารตอนดึก

เมื่อคืนมันมืดมากเกินไปและมีระยะห่างระหว่างคนทั้งสอง ดังนั้นเสี่ยวหลัวจึงไม่รู้ว่าชายวัยกลางคนคือ ซู หยุนเซียง อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าคนที่มีสถานะเช่นนั้นจะชอบกินข้าวร้านแผงลอยริมถนน

ชู หยุนเชียง สวมชุดสูทและนั่งอยู่ในเบาะหนังแท้สีดำบริสุทธิ์ เขามีผมสีขาวครึ่งหนึ่งและลักษณะของเขามีความแข็งแรงมากกว่าคนทั่วไป "หนุ่มน้อยเข้ามาในรถก่อนสิแล้วเราค่อยมาพูดคุยกัน!" เขาพูดอย่างร่าเริง

รอยยิ้มนั้นเป็นรอยยิ้มที่ดูใจดีมาก แต่ในขณะเดียวกันก็เผยให้ถึงเห็นลมหายใจที่เหนือชั้น

เสี่ยวหลัวคิดว่านี่เป็นโอกาสที่ดี ดังนั้นเขาจึงเปิดประตูและเข้าไปข้างใน

"ฉินเหลียนดูเหมือนว่านี่จะเป็นรถของ ชู หยุนเซียง ประธานของ ฉางชาน พาวิลเลี่ยน "

บนชั้นสองของสถานีตำรวจเจ้าหน้าที่ตำรวจหวังมองดูรถโรลส์ – รอยซ์ที่กำลังขับห่างออกไป จากทางด้านหน้าต่างและพูดด้วยสีหน้าตกใจ " เสี่ยวหลัวคือใครทำไม ซู หยุนเซียง ถึงมาช่วยเขา?"

กู่ กุ้ยหลิน ก็รู้สึกประหลาดใจเช่นเดียวกัน หนึ่งคือประธานที่อยู่ในชั้นบนสุดของชนชั้นทางสังคม และอีกหนึ่งคือผู้มีรายได้ระดับต่ำสุดของชนชั้นทางสังคม ความสัมพันธ์ระหว่างชายทั้งสองนั้น มันน่าจะไม่มีอะไรที่เกี่ยวข้องกันได้ และพวกเขาก็ไม่น่าจะมีเรื่องอะไรยุ่งเกี่ยวกันเลย แต่จะอธิบายสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนี้อย่างไร?

เห็นได้ชัดว่าเธอจำไม่ได้ว่า ชู หยุนเชียง เองก็อยู่ตอนที่เธอจับเสี่ยวหลัวเมื่อคืนก่อนที่เธอจะพาตัวเขาไป

ตอนนี้เธอรู้สึกมีความสนใจอย่างมากต่อตัวของเสี่ยวหลัว เธอลอบสาบานในใจว่าถ้าหากมีโอกาสเธอจะต้องทำให้เสี่ยวหลัวเปิดเผยความลับทั้งหมดออกมาให้ได้

******

ประมาณสิบนาทีต่อมารถก็มาหยุดที่ร้านกาแฟที่อยู่ใกล้กับจัตุรัส เสี่ยวหลัวเดินผ่านน้ำพุขนาดใหญ่และเดินตาม ชู หยุนเชียง เข้าไปในร้านกาแฟ

" ท่านประธาน!"

พนักงานและผู้จัดการของร้านกาแฟยืนอยู่ทั้งสองข้างทางให้การต้อนรับ ชู หยุนเชียง

เสี่ยวหลัวคาดเดาว่าร้านกาแฟนี้น่าจะเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมภายใต้ชื่อของ ชู หยุนเชียง

ทั้งสองคนมาที่มุมอันเงียบสงบบนชั้นสองของร้านซึ่งมีพืชพรรอันหลากหลายมันทำให้บรรยากาศโดยรอบดูเงียบสงบ เล้งโจ่วและเล้งหยู่ บอดี้การ์ดทั้งสองคนของ ชู หยุนเชียง ต่างก็เฝ้ามองอย่างใกล้ชิด

" ติดอยู่ที่สถานีตำรวจทั้งคืน เธอคงจะรู้สึกหิวสินะ" ชู หยุนเชียง ถามด้วยรอยยิ้ม

" นิดหน่อยครับ!" เสี่ยวหลัวตอบ

ชู หยุนเชียง โบกมือให้กับพนักงานของร้านกาแฟ ในไม่ช้าพนักงานก็นำอาหารมาเสิร์ฟบนโต๊ะ มันมีขนมปัง, ขนม, โจ๊กข้าว, น้ำผลข้าวโพด, สเต็ก ... และในเวลาอันสั้นทั่วทั้งโต๊ะก็เต็มไปด้วยอาหารอร่อยๆ มากมาย

เสี่ยวหลัวไม่สามารถทนต่อความยั่วยวนได้เขาเริ่มลงมือกินในทันทีเพราะตอนนี้เขารู้สึกหิวมากจริงๆ

ชู หยุนเชียง ค่อนข้างรู้สึกเอนดูในตัวของเขา:“เด็กดีเธอสามารถกินอะไรก็ได้ที่เธอต้องการแตกต่างจากคนแก่อย่างฉันที่เห็นได้ชัดว่าไม่สามารถกินอะไรแบบมั่วๆได้ เพราะมันง่ายที่จะถูกวางยาหรือมีปัญหาหลังจากรับประทานอาหารอย่างนั้น” ซู หยุนเชียง คิด

ขณะที่กำลังคิดอยู่เขาค่อยๆ หยิบน้ำข้าวโพดหนึ่งแก้วขึ้นมาจิบ

"มาเข้าประเด็นกันเลย คุณชู ผมไม่คิดว่าคุณชูแค่อยากจะพาผมมากินอาหารเช้าแค่นั้น" เสี่ยวหลัว กัดขนมปังและพูดขึ้นในขณะที่เขาเคี้ยวขนมปัง

"ฮ่าฮ่า ... ดีดี!"

ชู หยุนเชียง พบว่าสไตล์ของเสี่ยวหลัวนั้นใกล้เคียงกับเขามาก เขาหยิบเอาหนังสือสัญญาออกมาจากแขนของเขาต่อหน้าเสี่ยวหลัว

"นี่คือ?" หัวใจของเสี่ยวหลัวตื่นตัวเล็กน้อย

"เมื่อคืนนี้ฉันเห็นด้วยตาของตัวเองว่าเธอถล่มพวกอันธพาลและนักเลงหัวเซี่ยจนเละแทะ เธอไม่เพียงแต่มีความกล้าหาญ แต่ยังมีความสามารถพิเศษในการต่อสู้กับพวกอันธพาลมากกว่า 20 คนและพวกพวกอันธพาลพวกนั้นก็ยังติดอาวุธมีดอีกด้วย ฉันขอชื่นชมเธอด้วยใจจริงดังนั้นฉันต้องการขอให้น้องชายเสี่ยวปกป้องใครสักคน ค่าตอบแทนคือ 2 ล้านและกรอบระยะเวลาคือ 3 เดือน "

ถ้าฉันปกป้องคนเป็นเวลาสามเดือนค่าตอบแทนคือ 2 ล้าน?

เงินปริมาณนั้นส่งผลอย่างมากต่อหัวใจของเสี่ยวหลัว แต่ในขณะเดียวกันนั้น เขาก็ยังไม่สามารถตอบสนองต่อสถานการณ์ที่อยู่ตรงหน้านี้ได้ เขาอ่านสัญญาอย่างละเอียด มันเขียนระบุไว้อย่างชัดเจนในรูปของตัวอักษรขาว – ดำยืนยันว่า ชู หยุนเชียง นั้นไม่หลอกตัวเขาเองอย่างแน่นอน

"ผมต้องปกป้องใคร"

"ลูกสาวของฉัน."

"ลูกสาวของคุณ?"

เสี่ยวหลัวเงยหน้าขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ "คุณชู คุณมองผมสูงเกินไปแล้ว คุณจะมอบความไว้วางใจให้ลูกสาวของคุณได้รับการปกป้องจากคนที่คุณพึ่งรู้จักมาไม่ถึงหนึ่งวันได้ยังไง?"

" ฉันไม่สงสัยและไม่จำเป็นต้องสงสัย ฉันรู้จักนิสัยและความสามารถของเธอดี เธอให้การช่วยเหลือเด็กที่เธอพบเจอโดยบังเอิญและไม่มีอะไรืที่เกี่ยวข้องกับตัวเอง" ชู หยุนเชียง ดื่มน้ำข้าวโพดอย่างสบายๆ และกล่าวราวกับเขากำลังสอบสวนเสี่ยวหลัวอยู่

“ถึงอย่างนั้นทำไมคุณถึงไม่ขอให้พวกเขาปกป้องลูกสาวของคุณ?”

เสี่ยวลั่วชี้ไปที่ เล้งโจ่วและเล้งหยู่ "ในฐานะที่พวกเขาเป็นบอดี้การ์ดพวกเขาน่าจะดีกว่าผมไม่ทางใดก็ทางหนึ่งไม่ใช่เหรอ?"

ชู หยุนเชียง วางแก้วของเขาลงแล้วส่ายหัว " ไม่เหมาะ เพราะว่าพวกเขาเป็นบอดี้การ์ด และเพราะว่าพวกเขาเป็นบอดี้การ์ดนี้แหละมันถึงไม่เหมาะสำหรับงานนี้"

เรื่องนี้มันทำให้เสี่ยวหลัวมีความสงสัยบางอย่างบอดี้การ์ดมีความเชี่ยวชาญในการปกป้องผู้คนดังนั้นเหตุใด ชู หยุนเชียง จึงบอกว่าพวกเขาไม่เหมาะสม

“ เหตุผลก็คือลูกสาวของฉันชูเยว่ไม่ชอบที่จะมีบอดี้การ์ดมาคอยตามติดเธอ และเธอก็พยายามทำทุกวิถีทางที่จะบังคับพวกเขาให้ออกไป ชู หยุนเชียง ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้

เสี่ยวหลัวพยักหน้าว่าเขาเข้าใจ ว่าเธอที่เกิดในครอบครัวที่ร่ำรวยและได้รับการดูแลเป็นอย่างดีมาตั้งแต่ยังเด็ก มันเป็นเรื่องปกติที่จะมีลูกสาวที่เอาแต่ใจ

ดังนั้นเขาจึงถามว่า "ลูกสาวของคุณชูทำงานที่ไหน?”

"เธอยังเป็นนักศึกษาอยู่และกำลังศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยหัวเย่"

"นักศึกษา"

นี่มันเกินความคาดหมายของเสี่ยวหลัว แต่ในไม่ช้าเขาก็สงบลง "คุณชูหมายความว่าผมต้องแกล้งไปเป็นนักศึกษาและตามเป็นผู้คุ้มกันที่มองไม่เห็นอยู่ข้างๆเธอ งั้นเหรอ?"

"ใช่มีเพียงวิธีนี้เท่านั้น ที่เธอไม่สามารถต้านทานการตัดสินใจของฉันได้"

เสี่ยวหลัวรู้สึกทนทุกข์: "ผมต้องขอเตือนคุณชูว่าจริงๆแล้วตอนนี้ผมอายุ 26 ปีแล้ว"

การให้เขาไปปลอมตัวเป็นนักศึกษานั้นมันดูไม่สมเหตุสมผลเอาซะเลย

"อายุไม่สำคัญ สิ่งสำคัญก็คือเธอยังเด็กอยู่และมันก็จะไม่มีใครสงสัยสถานะของเธอในฐานะนักศึกษา เมื่อเธอเดินเข้าไปในมหาวิทยาลัย"

ชู หยุนเชียง หัวเราะ "นี่เป็นเหตุผลหลักที่ฉันเลือกเธอ บอดี้การ์ดของฉันแม้ว่าพวกเขาจะมีความสามารถ แต่ให้พวกเขาไปเล่นบทบาทของนักศึกษาแล้วนั้น ... "

เขาไม่ได้พูดอะไรต่อ ได้แต่ส่ายหัว ความหมายนั้นมันชัดเจนอยู่แล้ว

เสี่ยวหลัวพยักหน้าว่าเขาเข้าใจแล้ว

"เราจะเซ็นสัญญาในตอนนี้เลยเธอคิดว่าไง?" ชู หยุนเชียง ยังคงเป็นคนที่ตรงไปตรงมา

"ผมมีหนึ่งคำถามสุดท้าย"

"พูดมาเถอะ."

"ทำไมต้องเป็นเวลาสามเดือน?" เสี่ยวหลัวถาม

นิ้วของ ชู หยุนเชียง เคาะลงบนโต๊ะ: "ฉันมั่นใจว่าคู่แข่งของฉันจะล้มละลาย ภายในระยะเวลาสามเดือนตราบใดที่เขาล้มละลาย เขาก็จะไม่มีเงินมาจ้างพวกนอกกฎหมายเพื่อที่จะอุ้มลูกสาวของฉัน เพื่อมาข่มขู่ฉัน และฉันก็สามารถสงวนพลังงานได้มากขึ้นเพื่อปกป้องเธอ "

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด