ตอนที่แล้วตอนที่ 7 ราชาโจร
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 9 การอัญเชิญ

ตอนที่ 8 กำจัดวัชพืช


ตอนที่ 8: กำจัดวัชพืช

ดรอซโซ่มุ่งหน้าไปยังค่ายพักของเหล่าอัศวิน กลุ่มโจรเดินตามหลังเขาเป็นโขยงพร้อมกับคบเพลิงจำนวนนับไม่ถ้วนส่งแสงริบหรี่ท่ามกลางความมืดมิด รองเท้าบูทหลายสิบคู่เหยียบพื้นหญ้าในป่าขณะที่พวกโจรเดินตามเขาไป เขารู้มาจากหน่วยสอดแนมที่เขาส่งไปว่าอัศวินไม่ได้คาดหวังว่าจะต้องต่อสู้มากนัก พวกนั้นหลายคนยังคงอยู่ที่แคมป์น่าจะกำลังดื่นด่ำไวน์จนเมามายอยู่ พวกนั้นเชื่อว่าตนมาที่นี่เพื่อประหัตประหารชีวิตอาชญากรทั่วๆไปเท่านั้น

ดรอซโซ่ยิ้มเยาะขณะที่เขาพุ่งเข้าไปในป่า บางครั้งก็กระแทกเข้ากับต้นไม้ที่ขวางทางของเขาอยู่และทำให้พวกมันแตกเป็นเสี่ยงๆด้วยพลังอันเหี้ยมโหดเพียงอย่างเดียว หลังจากดูดกลืนเรนเจอร์และพวกพ้องนักเวทย์และนักรบของเธอแล้ว พลังของเขาก็เพิ่มสูงขึ้นและแข็งแกร่งขึ้นมาก อัศวินเหล่านี้ไม่มีใครรู้ตัวเลยว่าพวกเขากำลังจะเจอกับอะไร พวกเขาทั้งหมดจะกลายเป็นอาหารสำหรับเจ้าปีศาจซาแกน ตามสนธิสัญญามันจะมอบพลังให้แก่เขา

"มุ่งหน้าไป พี่น้องทั้งหลาย!" ดรอซโซ่คำรามขณะที่เขากระแทกเข้ากับต้นไม้อีกต้น ทำให้มันแตกออกเป็นเศษเล็กเศษน้อย

เหล่าโจรที่อยู่ข้างหลังเขาร่ำร้อง เพราะเสียงปลุกใจด้วยพลังอันท่วมท้นที่เขาแสดงออกมา

แต่มีบางอย่างผิดปกติ ดรอซโซ่รู้สึกว่าเสียงร้องของพวกเขาเงียบกว่าปกติ และเขาไม่ใช่คนโง่: เขารู้ว่าบางคนตามเขามาด้วยความกลัว แต่ถึงกระนั้น นี่มันก็เงียบเกินไป จากนั้นเสียงฝีเท้ารอบๆตัวเขาก็เริ่มหายไป

ดรอซโซ่หยุดชะงัก เหงื่อเย็นๆก่อตัวขึ้นที่หลังของเขา นี่เป็นสัญชาตญาณที่บ่งบอกเขาว่ามีบางอย่างผิดปกติ เขากลับหลังหัน

มีเพียงความมืดสนิท เขาเพ่งสายตามองหาแสงไฟจากคบเพลิงที่ออกนอกเส้นทางและหูของเขาก็กำลังฟังเสียงฝีเท้าของบรรดาพี่น้องทั้งหลาย

ไม่มีอะไรเลย มีเพียงแค่ความมืดของป่าที่มองย้อนกลับมาที่เขา ลำต้นที่ตะปุ่มตะป่ำก็ชวนให้หลอกหลอนและน่าขนหัวลุก

เหมือนราวกับว่ากลุ่มโจรของเขาซึ่งเป็นกองกำลังอันน่าเกรงขามที่มีจำนวนห้าสิบคน ได้หายไปเสียเฉยๆ ไม่มีร่องรอยอะไรเลยของพวกเขา ไม่มีรองเท้าบูท ไม่มีคบเพลิงที่หลงเหลืออยู่ ไม่มีคราบเลือด มีเพียงความว่างเปล่าอย่างสมบูรณ์

ดรอซโซ่ตั้งท่าทางเตรียมการต่อสู้ทันที เขาชักดาบออกมาข้างหน้าขณะที่เขาหมุนวนไปรอบๆอย่างช้าๆ พยายามทำความเข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น หรือบางทีเขาอาจกำลังตกอยู่ภายใต้ภาพลวงตาบางอย่าง?

"ซาแกน ผู้ยิ่งใหญ่" ดรอซโซ่พูดขึ้น "ท่านรู้สึกถึงเวทมนตร์อันร้ายกาจที่ขึ้นกับเราหรือไม่?"

เสียงของซาแกนดังก้องจากแขนของเขาดั่งเสียงคำรามในลำคอ "ไม่มีเรื่องเช่นนั้นหรอกคนของข้า ไม่ต้องหวาดกลัวไปเพราะพลังอำนาจที่ข้ามีอยู่ในตัวเจ้านั้นมากยิ่งกว่าสิ่งใดก็ตาม ที่มนุษย์ซึ่งมีเพียงก้อนเนื้อและเลือดจะบันดาลได้"

ดรอซโซ่หรี่ตาลงขณะที่เขาพยายามมองเข้าไปในป่าแห่งความมืดมิด ด้วยการที่ซาแกนเพิ่มความสามารถให้กับเขา เขาจึงรู้สึกปลอดภัยเสมอแม้อยู่ในความมืดเพราะเขาก็เป็นคนหนึ่งที่กลัวในความมืดเช่นกัน แต่ในตอนนี้ความรู้สึกเก่าๆที่คุ้นเคยของมนุษย์ – ความกลัวในสิ่งที่ไม่รู้จัก – กลับเข้ามาในหัวใจอันเย็นชาของเขาและมันทำให้เขาเหงื่อตก

แต่เขาไม่ใช่พวกมือใหม่ เขารู้จักการต่อสู้เป็นอย่างดี ในตอนที่เขายังเป็นอัศวินเขาได้ต่อสู้กับเอลฟ์ป่าและเฝ้าดูเพื่อนร่วมชาติของเขาที่ถูกโถมกระหน่ำจากลูกศร ที่ดูเหมือนจะตกลงมาอย่างหาต้นตอไม่ได้ราวกับห่าฝนท่ามกลางหมู่แมกไม้ เขาถูกฝึกมาเพื่อทำลายและเขาก็รีบรุดเข้าไปยังที่โล่งของป่าในทันที

ในที่โล่งแจ้งนั้น หากฝ่ายตรงข้ามซ่อนตัวอยู่ เขาก็จะต้องเห็นที่ที่มันซ่อนตัวอยู่แน่ และหากพวกมันใช้ธนูหรือเวทมนตร์ ก็ย่อมเห็นทิศทางของการโจมตีได้อย่างชัดเจนมากกว่านี้

ที่โล่งนั้นดูสวยงามและกว้างใหญ่ สี่สิบก้าวที่ย่างเดินบนหญ้าเตี้ยๆเพื่อเพิ่มให้มีทัศนวิสัยสูงสุด ดวงจันทร์ส่องแสงสว่างไสวกระจ่างเหมือนแสงไฟที่แยงตา เขายืนอยู่ที่ใจกลางโรงละครของธรรมชาติแห่งนี้และมองดูต้นไม้ที่ล้อมรอบตัวเขา อย่างไม่ต้อนรับขับสู้ผู้ดูชมอย่างเขาเอาเสียเลย

แม้ว่าเขาจะเชื่อว่าเขาได้ละทิ้งความเป็นมนุษย์ไปนานแล้วเพื่อพลังปีศาจ แต่เขาก็ยังคงรู้สึกได้ถึงสัญชาตญาณของมนุษย์ มันช่างสมจริงและเป็นสิ่งพื้นฐาน ที่บอกเขาว่าป่ารอบตัวเขาคือคุกกำแพงต้นไม้ที่ล้อมรอบกักขังเขาไว้เพื่อสังหาร ขนทั่วร่างกายของเขาลุกชูชันและกล้ามเนื้อของเขาสั่นระรัว

ความตายที่เงียบงันหายไปในอากาศ ไม่มีแม้แต่แมลงส่งเสียงร้อง ต้นหญ้าเองก็ดูไม่ต้อนรับเขาเท่าไหร่นัก เขารู้สึกราวกับว่าหญ้ากำลังหยิกเข้าที่เท้าของเขาอยู่และหิวกระหายที่จะได้กินศพของเขา

ร่างหนึ่งโผล่ออกมาจากต้นไม้ มันเดินอย่างเนิบช้าไม่รีบร้อนอะไร ดรอซโซ่พอจะมองออกได้ว่านั้นคือรูปร่างของมนุษย์ รูปร่างสูงเพรียวแต่ไหล่กว้างพอที่จะทำให้เห็นได้ชัดว่าเป็นผู้ชาย เขาใช้ฝ่ามือข้างที่ไม่ได้ถือดาบของเขารวบรวมลมอย่างไม่ลังเล

ลมพัดขณะที่พวกมันหมุนวนและรวมตัวกันรอบ ณ จุดๆเดียวเหนือฝ่ามือของเขา แล้วควบแน่นเป็นจนเกือบจะเป็นมวลทรงกลมแข็ง

ดรอซโซ่เปลี่ยนทรงกลมให้กลายเป็นใบมีดรูปเคียวและร่าย [ดาบวายุ] ให้มันพุ่งออกไปทางร่างๆนั้น เขาหายใจแรงและวิสัยทัศน์ของเขาสั่นไหวเล็กน้อย เขาอยู่คลาสนักรบและความชำนาญของเขาคืออัศวินแห่งความตาย ดังนั้นมานาของเขาจึงไม่ได้มีเยอะมากพอ และคาถาที่เขาขโมยมานั้นทำให้เขาเสียมานาอย่างหนักและนั่นก็เป็นเรื่องอันตรายถึงชีวิตอย่างหนึ่ง แต่ไม่มีอัศวินคนใดหรือไม่ว่าเกราะของเขาจะหนาสักขนาดไหน ก็ไม่มีใครสามารถต้านทานพลังของมันได้

ใบมีดจากลมที่ควบแน่นพัดไปข้างหน้าและส่งเสียงร้องโหยหวนเมื่อมันชนเข้ากับร่างนั้น ลมที่ควบแน่นแตกแยกออกจากกันเมื่อมันปะทะเข้ากับร่างนั้น และอ่อนแรงลงกลายมาเป็นเป็นลมที่พัดอย่างสงบ

ดรอซโซ่ส่งเสียงฮึดฮัดแสดงความไม่พอใจ จิตใจที่เสื่อมโทรมจากการต่อสู้ของเขาทำงานอย่างรวดเร็ว เขาอนุมานได้ว่าชายคนนี้มีความต้านทานเวทมนตร์บางรูปแบบ บางทีอาจเป็นแหวนหรือเครื่องรางที่ต้านทานต่อเวทมนตร์ เสื้อคลุมนั่นไม่มีทางต้านทานการโจมตีจากคาถาระดับซีเลเซียมได้เลย

ไม่เป็นไร เขาชอบต่อยตีและสับเฉือนศัตรูให้ตายอยู่แล้ว เขาจะทำในสิ่งที่ตัวเองถนัด เขาแสยะยิ้มแล้วกล้ำกลืนสัญชาตญาณที่ร่ำร้องให้เขาวิ่งหนีไปและแทนที่ด้วยการปลุกตัวเองให้เดือดดาลเตรียมพร้อมรบ เขาจับดาบเล่มยาวด้วยสองมือและพุ่งเข้าใส่

ร่างนั้นไม่ได้ทำอะไรนอกจากเดินไปข้างหน้า ไม่ได้เร่งฝีท้าว ไม่หวั่นวิตก ไม่เตรียมตั้งรับ ไม่ร่ายเวทมนตร์ - ไม่ทำอะไร ตอนที่ร่างนั้นเข้ามาใกล้ ดรอซโซ่ก็ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเขาถึงรู้สึกกลัวเช่นนี้ สิ่งที่อยู่บนตัวของชายผู้นี้มีเพียงรองเท้าบูทที่เลอะดินเป็นคราบสกปรก กางเกงหนังเก่าๆ เสื้อเชิ้ตผ้าลินินขาดรุ่งริ่งและฮู้ดที่ตัดเย็บอย่างหยาบๆเท่านั้น ไม่มีอะไรมีค่าเลย

ดรอซโซ่สงสัยอยู่ครู่หนึ่ง ว่านี่อาจเป็นแค่ชาวบ้านผู้โชคร้ายที่เดินหลงเข้ามาในป่าด้วยความมึนเมา จะใช่หรือไม่ก็ช่างเถอะ เขาวาดดาบลงตรงหัวของร่างนั้น โดยหมายไว้ว่าจะผ่าร่างนี้ให้แยกออกเป็นสองท่อน

"อะไรเนี่ย!?" ดวงตาของดรอซโซ่ที่เดิมทีเล็กและเหล่ เบิกโผล่งออกกว้างอย่างไม่น่าเชื่อ

เขาฟันลงที่ชาวนาคนนี้ด้วยแรงทั้งหมดที่เขามี ด้วยพละกำลังทั้งหมดที่เกิดจากเลือดของวิญญาณเกือบร้อยที่สละไป

แต่ร่างนั้นกลับยกแขนขึ้นและคว้าดาบด้วยมือเปล่าอย่างง่ายดาย เสียงระเบิดและโลหะแตกดังออกมาเมื่อดาบของดรอซโซ่กระแทกเข้ากับมือที่ดูเหมือนจะไม่สามารถทำลายได้ แข็งเหมือนกับมิธริล*

ชายคนนั้นคีบดาบเอาไว้ระหว่างนิ้วโป้งและนิ้วชี้ ดรอซโซ่ฮึดฮัดขณะที่เขาพยายามดึงดาบกลับเพื่อให้ดาบของเขาให้เป็นอิสระ เขาขุดเท้าลงไปในดินและเมื่อกล้ามเนื้อเกร็งตึงและเหงื่อของเขาก็ไหลริน เท้าของเขาจมลงไปในผืนป่า – นั้นเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงพลังอันมหาศาลของเขา

แต่มันไม่มีอะไรทัดเทียมกับชายผู้นี้ได้เลย

ไม่ว่าดรอซโซ่จะทำอะไร เขาก็ไม่สามารถดึงดาบออกมาจากชายคนนี้ที่คีบดาบอย่างดูถูกเขาได้เลย

ความเจ็บปวดแล่นเข้ามา เขามองเห็นทัศนะเบื้องหน้าเป็นสีขาวขณะที่เขาร้องคำรามด้วยความเจ็บปวด เขาก้าวถอยหลังและเขารู้สึกว่าร่างกายเบาขึ้น เขามองไปที่ชายคนนั้นด้วยสายตาอันสั่นเครือ

ชายคนนั้นถือดาบของดรอซโซ่ และขณะที่ดรอซโซ่ยังคงจับที่ด้ามดาบด้วยแขนที่ใหญ่บึกบึนราวกับต้นไม้ ข้อต่อไหล่ถูกถอดถอนออกอย่างหมดจด

ดรอซโซ่ใช้เวลาสองสามวินาทีในการตระหนักรับรู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้น ความตกใจอย่างที่สุดทำให้เขาครุ่นคิดได้ช้าลง จนกระทั่งเขารู้สึกถึงความเจ็บปวดที่มีเลือดไหลออกมาจากต้นแขนที่ว่างเปล่าของเขาเท่านั้น เขาถึงจะได้สติกลับคืนมา

"แกเป็นใคร?" ดรอซโซ่กล่าวในขณะที่เขาใช้มือปีศาจกดเข้าที่บาดแผลอย่างแรง พยายามอย่างไร้ผลที่จะทำให้เลือดหยุดไหลออกมา ของเหลวสีแดงเข้มรั่วไหลออกมาระหว่างซอกนิ้วของเขา และมันหยดลงบนหญ้าในป่าที่ดูหิวกระหายอยากได้เลือดอีก "เสื้อผ้าที่แกใส่อยู่เป็นของราคาถูก - แสดงว่าแกใช้ภาพลวงตาเพื่อปกปิดพลังที่แท้จริงของมัน แต่ความแข็งแกร่งของแกก็น่ากลัวไม่แพ้กัน แกเป็นฮีโร่ใช่ไหม? ดัชเชสจ่ายเงินเท่าไหร่เพื่อใช้ให้แกมาเห่าหอน? เธอขายตัวเองให้แกเหมือนที่เธอขายอาณาจักรของเธอหรือเปล่า?”

ชายคนนั้นโยนแขนของดรอซโซ่ไว้ข้างหลังเขา เขาก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าวและดรอซโซ่ก็ถอยหลังไปสามก้าว

"ฮีโร่เหรอ? ไม่มีอะไรแบบนั้นหรอก" ชายคนนั้นหยุดลง ดรอซโซ่ไม่รู้ว่าเขากำลังเห็นภาพหลอนอะไรอยู่หรือเปล่า แต่เขารู้สึกได้ว่าเขามองเห็นต้นไม้ใบหญ้าขึ้นรอบๆคนแปลกหน้าคนนี้ มันขดตัวอยู่รอบๆเท้าของเขาอย่างรักใคร่ "ฉันเป็นแค่ชาวนาที่มาที่นี่เพื่อถอนวัชพืชออก"

“แกกล้าล้อเลียนฉันเหรอ?” ดรอซโซ่กล่าว เขารู้ว่าเขาควรวิ่ง สัญชาตญาณทุกอย่างในตัวเขาบอกให้เขาวิ่ง แต่สัญชาตญาณของเขาก็บอกเขาเช่นกันว่าต่อให้เขาวิ่งหนีเท่าไหร่ก็ไม่สามารถหนีไปจากผู้ชายคนนี้ เขาจึงต้องยืนหยัดต่อสู้ "ฉันไม่ได้คิดว่าจะได้เผชิญหน้ากับฮีโร่ตั้งแต่แรกแบบนี้ แต่ก็ช่างมัน ซาแกน จงดึงวิญญาณที่เราได้ดื่มด่ำออกมา [อสุรกายแปลงอาตม]"

แขนปีศาจของดรอซโซ่สั่นสะท้านอย่างควบคุมไม่ได้ ก่อนที่จะระเบิดออกมาเป็นกองขยุกขยุยคล้ายงูสีดำสนิทที่เคี้ยวคด มันเลื้อยไปทั่วร่างกายของเขา และปกคลุมเขาด้วยคลื่นสีดำจนเขาไม่หลงเหลือความเป็นมนุษย์อีกต่อไปแล้ว เหลือเพียงแต่ความมืดสนิทไร้สัณฐานของมวลเดรัจฉานแทน เขาร้องโหยหวนขึ้นไปในอากาศ เสียงของเขากลายเป็นเสียงของสัตว์ป่าอย่างแท้จริง

รูปร่างของเขาเริ่มคงที่เมื่อเขาส่งเสียงหอนอันโหยหวน ความมืดนั้นทำให้แขนที่หายไปของเขากลับคืนมา มันปกคลุมแขนขาของเขาและทำให้กลายเป็นสิ่งที่น่าเกลียดน่ากลัวด้วยขนสีดำถ่านและกรงเล็บอันโหดร้าย ชุดเกราะที่ปกคลุมร่างกายของเขาสลายไปและได้กลายเป็นร่างของสัตว์ร้าย นี่เพิ่มมวลกล้ามเนื้อให้เขาเป็นสองเท่าและมีขนสีดำหนาปกคลุมตัวที่เพิ่มการป้องกัน

ศีรษะของเขากลายเป็นมนุษย์หมาป่า ดวงตาของเขาเปล่งประกายสีแดงดุร้ายและขากรรไกรของเขาเรียงรายไปด้วยเขี้ยวหยักยาวและแหลมคมเหมือนมีดสั้น

เขายืนสูงเกือบเท่าต้นไม้และกว้างกว่าสามเท่า เส้นเอ็นของเขาขดตัวอย่างผิดปกติภายใต้ขนของเขาและลมหายใจของเขาเร็วระรัวและหายใจยาวออกมาเป็นดั่งไอหมอกสีม่วงและเป็นพิษ

“ฉันกินวิญญาณไปแล้วกว่าร้อยดวงเพื่อไปเกิดใหม่ในร่างของซาแกน” ดรอซโซ่กล่าว เสียงของเขาเจือด้วยเสียงคำราม "พลังของฉันพุ่งสูงขึ้น ไม่มีอัศวินคนใดจะล้มฉันได้ ไม่มีนักเวทย์คนใดจะสังหารฉันได้ ไม่แม้แต่แกฮีโร่ ไม่มีใครที่จะเทียบชั้นฉันได้"

"เราจะแปลงร่างกันตอนนี้เลยใช่ไหม?" ชายคนนั้นกล่าว ชายคนนี้ตัวเล็กนิดเดียวเมื่อเทียบกับร่างปีศาจใหม่ของดรอซโซ่ ยังไม่ถึงหนึ่งในสี่ของขนาดตัวของเขาด้วยซ้ำ แต่ชายคนนั้นดูเบื่อหน่ายสิ้นดี "ฉันเข้าใจแล้ว แกคิดว่าความแข็งแกร่งคือทุกสิ่งอย่างนั้นเหรอ? ยิ่งใหญ่ก็ยิ่งดีอย่างนั้นใช่ไหม? ฉันเล่นเกมนี้ด้วยก็ได้นะ - [เชฟชิฟ: กำปั้นแห่งยูมีร์]"

ชายคนนั้นชูกำปั้นขึ้นฟ้า มันเริ่มเปลี่ยนแปลง แขนเสื้อลินินฉีกขาดออกจากกันและสลายไปสู่ความว่างเปล่า เผยให้เห็นแขนของมนุษย์ที่เปลือยเปล่า จากนั้นแขนก็ขยายตัว และเมื่อมันเติบโตขึ้น มันก็เปลี่ยนไป ผิวหนังกำลังกลายเป็นสีฟ้าเหมือนสีของมหาสมุทร

องค์ประกอบทั้งหมดของโลกกำลังงอกขึ้นบนแขนนั่น – ผลึกน้ำแข็งโผล่ออกมาเหมือนหูด รอยแตกของหินหนืดที่ลุกเป็นไฟเหมือนแผลเป็น และเถาวัลย์ก็งอกขึ้นเหมือนเส้นขน

จากนั้นแขนก็ขยายตัวมากขึ้น มันโตขึ้นและโตขึ้น

ขากรรไกรของดรอซโซ่เปิดกว้างในขณะที่เขาก้าวถอยหลัง เขามองสูงขึ้นเรื่อยๆในไม่ช้าเงาขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นเหนือเขา กำปั้นอยู่สูงขึ้นเหนือท้องฟ้าเหมือนเสาโอเบลิสก์ขนาดมหึมาสักแห่ง มันบดบังดวงจันทร์ มันเหมือนกับภูเขาที่ลอยอยู่กลางอากาศ ภาพของยักษ์ในยุคดึกดำบรรพ์ที่ร่างกายของเขาได้รับการออกแบบมาจากดินแดนในมหาสมุทรทั้งหมดในโลก

เมื่อเปรียบเทียบกับสิ่งนั้น ดรอซโซ่รู้สึกว่าตนช่างตัวน้อยนิดอะไรเช่นนี้ เขารู้แล้วว่าตอนนี้เขาไม่มีอะไรเลย ความฝันทั้งหมดของเขาในการประกาศถึงการเปลี่ยนแปลงและการโค่นล้มอาณาจักรนั้น ช่างไม่มีความหมายอะไรเลย เมื่อเทียบกับรูปร่างที่สร้างขึ้นตรงนี้นั้น เขาไม่ได้ยิ่งใหญ่ไปกว่ามดตัวหนึ่งเลย

กำปั้นเริ่มตกลงมาอย่างช้าๆและเหมือนดาวตก ในที่สุดความกลัวก็เข้าครอบงำเขาและเขาก็วิ่งหนีไป เขาวิ่งเร็วที่สุดในชีวิต รวดเร็วกว่าเมื่อหลายปีก่อนตอนที่เขาหนีทัพออกมาอย่างยิ่งยวด แต่เขารู้ว่าเงาของหมัดเริ่มมืดลงมาเรื่อยๆรอบๆตัวเขา และชะตากรรมของเขาคือการกลับสู่ผืนโลก ถูกบดขยี้เป็นเยื่อปุ๋ยสำหรับดิน

------------------------------------

***

มิธริล - โลหะในจินตนาการจากนิยายแฟนตาซีเรื่อง ลอร์ดออฟเดอะริงส์ ของ เจ. อาร์. อาร์. โทลคีน

ติดตามตอนล่าสุดได้ที่เพจ: ว่างๆก็เลยเอานิยายมาแปลไทย

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด