ตอนที่แล้วย้อนชีวิตพิชิตเซียน - บทที่ 92 : เงาจำลอง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปย้อนชีวิตพิชิตเซียน - บทที่ 94 : เข้าสู่ขั้นโฮ่วเทียน

ย้อนชีวิตพิชิตเซียน - บทที่ 93 : เงาจำลองสลาย


บทที่ 93 : เงาจำลองสลาย

เพียงแค่ภาพเงาจำลองของชายชราผู้นี้ก็สามารถรับมือกับซูอานในขั้นนี้ได้แล้ว จึงแทบไม่ต้องพูดถึงตัวจริงของเขาว่าจะแข็งแกร่งจนน่าตกใจมากสักเพียงใด?

แววตาของซูอานเปลี่ยนเป็นระมัดระวังยิ่งกว่าเดิม เขาคิดไม่ถึงจริงๆว่า นักยุทธระดับปรมาจารย์ที่ไม่ต่างจากมดปลวกในสายตาของเขานั้น จะแข็งแกร่งได้มากมายถึงเพียงนี้

ซูอานไม่รอช้า เขาพุ่งหมัดของตนทะลุผ่านอากาศเบื้องหน้าตรงเข้าใส่ร่างเงาของชายชราในทันที!

แต่เสียงดังซวบ.. ซึ่งเป็นเสียงกำปั้นพุ่งทะลุเข้าใส่อากาศที่ว่างเปล่ากลับดังขึ้น และนั่นเป็นการย้ำว่าคู่ต่อสู้ของซูอานเวลานี้แข็งแกร่งมากเพียงใด?

ซูอานถึงกับตกใจไม่น้อย.. กำปั้นของเขาทั้งรวดเร็วและรุนแรง แต่กลับไม่สามารถสัมผัสได้แม้แต่เงาของชายชรา ทำให้เขาอดคิดไม่ได้ว่า หรือชายชราผู้นี้จะเหนือกว่าขั้นปรมาจารย์?

“หึ! เจ้าเด็กเมื่อวานซืน คิดจะทำร้ายข้างั้นรึ? ข้าจะสั่งสอนเจ้าเอง..”

ดวงตาของชายชราผมขาวหรี่ลง และจู่ๆ ก้อนเมฆหนาก็ปรากฏขึ้นอยู่เหนือท้องฟ้า และตามมาด้วยสายฟ้าที่น้ำเงินที่พุ่งออกจากฝ่ามือของเขา ดูช่างน่ากลัวและหวาดผวายิ่งนัก!

สายฟ้าสีน้ำเงินพุ่งตรงเข้าใส่ร่างของซูอานอย่างรวดเร็ว ราวกับว่าฟ้าพิโรธ เพราะในขณะนี้บนท้องฟ้ามีทั้งเสียงฟ้าร้องครืนๆ และเสียงฟ้าผ่าเปรี้ยงๆดังอยู่ตลอดเวลา

และเวลานี้บนดาดฟ้าของอาคารเตี้ยนซื่อที่สูงกว่าหนึ่งร้อยเมตร ก็ดูราวกับว่าต่ำกว่าท้องฟ้าเบื้องบนมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น สายฟ้าสีน้ำเงินผ่าลงกลางกำปั้นของซูอานจนเกิดเสียงดังเปรี้ยงสนั่นหวั่นไหวไปทั่วทั้งบริเวณ ราวกับว่ามีรถที่แล่นมาด้วยความเร็วสูงสองคันชนปะทะกันเข้าอย่างแรง

และความรุนแรงของสายฟ้าสีน้ำเงินนั้น ก็ทำให้ร่างของซูอานกระเด็นออกไปไกลถึงสิบกว่าเมตร เลือดสีแดงไหลออกจากกำปั้นของซูอาน และสายฟ้าที่วิ่งผ่านกำปั้นเข้าลำตัวของซูอานนั้น ได้ทะลุลงสู่เท้าของเขาจนรองเท้าถึงกับกลายเป็นรู

“เฒ่าซัน.. รีบหนีไปก่อนเร็วเข้า!”

ซูอานร้องตะโกนบอกซันกูที่กำลังยืนงงให้รีบหนีไป เพราะไม่เช่นนั้นเขาอาจโดนลูกหลงได้รับบาดเจ็บไปด้วยก็ได้

ซันกูได้ยินเช่นนั้นจึงรีบพยักหน้า แล้ววิ่งหนีไปตามทางเดินทันที แต่ในระหว่างที่วิ่งไปนั้น ก็คอยหันกลับมาดูการต่อสู้ระหว่างซูอานกับชายชราผมขาวเป็นครั้งคราวไปด้วย

“ฮ่าๆๆ เจ้ายังอยากจะสู้กับสายฟ้าข้าอีกหรือไม่? เจ้าเตรียมตัวตายได้แล้ว ข้าจะใช้พลังสายฟ้านี้ช็อตเจ้าให้ตายคาที่!”

ชายชราผมขาวโพลนเงยหน้าขึ้นหัวเราะเสียงดัง แววตาของเขาเต็มไปด้วยความหยิ่งผยอง แต่ในระหว่างนั้นซูอานก็ร้องตะโกนตอบไปว่า

“สายฟ้าแค่นี้จะทำอะไรข้าได้? เจ้าประเมินข้าต่ำเกินไปแล้ว!

เสียงฟ้าร้องครืนๆ และสายฟ้าที่แลบแปลบปลาบอยู่บนท้องฟ้าราวกับดอกไม้ไฟนั้น พุ่งตรงเข้ามาที่ยอดของอาคารเตี้ยนซื่ออย่างไม่หยุดยั้ง

ครืน.. เปรี้ยง!!

เสียงฟ้าร้องที่ดังสนั่นหวั่นไหว และสายฟ้าที่ผ่ากำลังจะผ่าลงบนร่างของซูอานนั้น ทำให้เขาถึงกับขนหัวลุก และผมตั้งขึ้นในทันที

เปรี้ยง!

สายฟ้าที่ดูราวกับสาวขนาดใหญ่นั้น ได้พุ่งเข้าใส่ร่างของซูอน และรัดรึงร่างของเขาไว้ไม่ต่างจากงูยักษ์ ที่กำลังจะกลืนกินเหยื่อของมันลงไปในท้องนั่นเอง

แต่ชายชราผมขาวโพลนกลับไม่มีแม้แต่แผลถลอกด้วยซ้ำไป นั่นเพราะร่างที่เห็นอยู่ในเวลานี้หาใช่ร่างจริงของเขาไม่ มันคือเงาที่เสมือนวิญญาณของเขาเท่านั้น สายฟ้าเหล่านี้จึงไม่สามารถทำอันตรายต่อเขาได้

“ถึงเวลาตายของเจ้าแล้ว! โทษฐานที่เจ้าบังอาจสังหารศิษย์ของข้า..”

แววตาของชายชราผมขาวเต็มไปด้วยความโกรธแค้น..

ในสายตาของชายชรานั้น ซูอานซึ่งโดนสายฟ้าขนาดใหญ่เท่าเสาผ่าลงกลางร่างนั้น ไม่ว่าอย่างไรก็คงยากที่จะหนีจุดจบของชีวิตพ้น เขาจึงได้แต่ยืนซูอานพร้อมกับแสยะยิ้มอย่างเย้ยหยัน

“จะตายอยู่มะรอมมะร่อแล้ว แต่เจ้ากลับไม่มีท่าทีหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย ข้าชื่นชมเจ้ามากจริงๆ!”

“เจ้าผิดแล้ว.. ใครบอกเจ้าว่าข้ากำลังจะตาย ตรงกันข้าม.. สายฟ้านี่กำลังช่วยบ่มเพาะร่างกายของข้าต่างหากเล่า!”

เวลานี้สายฟ้าขนาดใหญ่นั้นกำลังปกคลุมไปทั่วร่างของซูอาน และไหลผ่านเข้าสู่ร่างของเขาอย่างรวดเร็ว ความร้อนของกระแสไฟจากสายฟ้าที่ผ่าลงมานั้ ทำให้เสื้อผ้าของเขากลายเป็นเถ้าถ่านในทันที

แต่ถึงกระนั้น ซูอานกลับยังคงยืนนิ่ง ไม่บิดไปมาด้วยความเจ็บปวด หรือทรุดลงหมดสติไปกับพื้น และดูเหมือนว่าสายฟ้าที่กำลังห่อหุ้มร่างของซูอานอยู่เวลานี้ จะไม่สามารถทำอันตรายเขาได้เลยแม้แต่น้อย

ไม่เพียงซูอานไม่ได้รับอันตราย แต่ดูเหมือนว่าร่างกายของเขากำลังดูดซับเอาพลังสายฟ้าเหล่านั้นเข้าไปในร่างได้อีกด้วย และนั่นทำให้ชายชราถึงกับยืนมองนิ่งด้วยความตกตะลึง!

“สวรรค์! คิดไม่ถึงว่าสายฟ้าจะสามารถแปรเปลี่ยนเป็นพลังชีวิตได้มากมายถึงเพียงนี้!”

ซูอานร้องอุทานออกมาด้วยความงุนงง เพราะเรื่องนี้อยู่เหนือความคาดหมายของเขาอย่างมาก และได้แต่คิดว่า หรือคัมภีร์เก้าสวรรค์จะช่วยให้ร่างกายของเขาสามารถแปรเปลี่ยนสายฟ้าเหล่านี้ให้กลายเป็นพลังชีวิตได้ ที่ผ่านมาเขาไม่เคยคิดว่าสายฟ้าจะสามารถแปรเปลี่ยนเป็นพลังชีวิตที่ทรงพลังได้ถึงเพียงนี้ เขาจึงไม่เคยใส่ใจกับมัน แต่เขาคิดผิดมาโดยตลอด...

นั่นเพราะสายฟ้านั้นเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติอันน่าอัศจรรย์ที่เกิดขึ้นระหว่างสวรรค์กับโลกมนุษย์ สายฟ้าเกิดจากการเสียดสีของก้อนเมฆ พลังของมันจึงนับว่าอัศจรรย์อย่างยิ่ง และเมื่อแปรเปลี่ยนเป็นพลังชีวิตจึงยิ่งทรงพลังอย่างมาก!

หลังจากที่ดูดซับเอาสายฟ้าจำนวนมากเข้าไปในร่าง จุดตันเถียนของซูอานก็เริ่มอิ่มตัว และเขารู้สึกได้ว่าตนเองจะสามารถพัฒนาเข้าสู่ขั้นโฮ่วเทียนได้ หากได้รับพลังชีวิตเข้าไปมากพอ

ซูอานดีใจอย่างมาก แต่ก็พยายามสงบสติอารมณ์ของตนเองไว้ เพราะแม้ว่าสายฟ้าจะให้พลังชีวิตที่มากมาย แต่ก็ใช่ว่าจะสามารถรับมือได้ง่ายดาย ซูอานกำมือทั้งสองข้างแน่นในระหว่างที่กำลังดูดซับเอาสายฟ้าเข้าไปในร่าง

ในขณะเดียวกัน ใบหน้าของชายชราผมขาวก็เปลี่ยนเป็นเย็นชามากยิ่งขึ้น เงาของชายชราร้องตะโกนออกมาด้วยความโมโห

“เจ้าอย่าอวดดีให้มากนัก เจ้าคิดว่าเงาของข้าจะไม่สามารถสังหารเจ้าได้งั้นรึ?”

“ในเมื่อสามารถสังหารข้าได้ เหตุใดเจ้าไม่เข้ามาสังหารข้าเลยเล่า?” ซูอานตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน และติดตลก

ระหว่างที่พูดนั้น ซูอานก็กระโดดถีบเข้าใส่เงาสีฟ้าของชายชราติดต่อกันถึงห้าครั้ง ทำให้เงาสีฟ้าของเขานั้นค่อยๆสลัวลงจากเดิมมาก

ชายชราผมขาวต้องใช้พลังภายในอย่างมากในการสร้างเงาจำลองของตนเองขึ้นมา แต่เมื่อรู้ว่าเงาจำลองของตนกำลังจะถูกซูอานทำลาย ก็ยังไม่ยอมแพ้ และต้องการที่จะสังหารซูอานให้ได้

“ต่อให้เจ้าสามารถทำลายเงาจำลองของข้าได้ ข้าก็จะต้องสังหารเจ้าให้ได้เช่นกัน!”

แววตาของชายชราผมขาวเผยให้เห็นรังสีสังหารที่รุนแรงยิ่งกว่าเดิม แต่ซูอานหาได้กลัวไม่ เขาถ่ายเทพลังชีวิตเข้าไปที่ฝ่าเท้า และกระโดดถีบเข้าใส่ร่างของชายชราผมขาวอีกครั้ง

แต่ในระหว่างที่ซูอานกำลังกระโดดถีบเข้าใส่ร่างของชายชรานั้น ร่างของเขาก็เปลี่ยนเป็นสีฟ้าสว่างจ้า คล้ายกับว่ากำลังจะระเบิด!

และเมื่อร่างของซูอานเข้าไปใกล้ เงาจำลองสีฟ้านั้นก็ระเบิดขึ้นทันที เสียงดังสนั่นหวั่นไหว และเกิดแรงสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งบริเวณ

ตูม!!

เสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว และแรงสั่นสะเทือนที่รุนแรงนั้น ทำให้ผู้คนที่อยู่รอบๆ หันมาสนใจมากยิ่งขึ้น

ก่อนหน้านี้ผู้คนด้านล่างต่างก็นึกแปลกใจ ที่จู่ๆก็เกิดฟ้าผ่าขึ้นทั้งที่ไม่มีวี่แววว่าฝนจะตกเลยแม้แต่น้อย และเมื่อได้ยินเสียงระเบิดดังขึ้นที่บนดาดฟ้าของอาคารเตี้ยนซื่อ ทุกคนต่างก็เงยหน้าขึ้นไปมอง พร้อมกับพากันวิพากษ์วิจารณ์

“เกิดระเบิดขึ้นบนอาคารเตี้ยนซื่อเหรอ?”

“หนีเร็วเข้า.. ถ้าเกิดระเบิดขึ้นจริงๆ ตึกต้องถล่มลงมาแน่น!”

เมื่อใครบางคนร้องตะโกนขึ้น ผู้คนที่พากันมามุงดูเหตุการณ์อยู่ด้านล่าง ก็พากันวิ่งหนีไปหลบอยู่ในที่ที่คิดว่าปลอดภัย และพากันจ้องมองขึ้นไปบนดาดฟ้าของอาคารเตี้ยนซื่อ และสิ่งที่พวกเขาพบก็คือ ดวงไฟสีน้ำเงินที่ระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆ คล้ายกับพลุไฟที่สวยงามอย่างมาก

แต่เมื่อเห็นซากศพที่นอนเกลื่อนกลาดอยู่ด้านล่าง พวกเขาก็พากันถอยกรูดออกไปด้วยความตกใจ..

นับว่าโชคดีที่ซูอานสามารถถอยหลังกลับได้ทันในระหว่างที่เงาสีฟ้านั้นกำลังจะระเบิด ซูอานถึงกับถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก เมื่อเห็นเงาสีฟ้านั้นแตกสลายไป

“คุณชายซู!” ซันกูถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่สั่นสะท้าน

“ที่ไม่เหมาะจะอยู่นานนัก พวกเรารีบออกไปก่อนจะดีกว่า!”

หลังจากพูดจบ ซูอานก็เดินไปถอดเสื้อผ้าของศพที่กองอยู่ขึ้นมาใส่ จากนั้นจึงเดินลงไปทันที และซันกูก็วิ่งตามไปติดๆ

ทั้งสองคนอาศัยจังหวะที่ผู้คนกำลังชุลมุนวุ่นวายกันอยู่ด้านล่างหนีไป จากนั้นซันกูจึงรีบโทรหาตำรวจในสถานีตำรวจหลินโจวที่เข้ารู้จัก เพราะอย่างน้อยก็จะเกิดปัญหาตามมาน้อยกว่า

“เฒ่าซัน เจ้ากลับไปดูหลานสาวของเจ้าได้แล้ว ข้าจะกลับไปเจียวโจวก่อน!”

ซูอานรู้ดีว่าซันกูนั้นเป็นห่วงหลานสาวมากเพียงใด เขาจึงต้องการให้ซันกูได้อยู่หลินโจวกับหลานสาวไปก่อน เขาจะได้คลายความกังวลใจ

ซันกูตอบกลับด้วยความซาบซึ้งใจ “ขอบคุณคุณชายซูยิ่งนัก!”

จากนั้นทั้งสองคนก็แยกกัน ซูอานขับรถกลับเจียงโจวทันที ส่วนซันกูก็กลับบ้านที่หลินโจว..

…..

ทันทีที่กลับถึงบ้านที่เจียงโจว ซูอานก็รีบตรงเข้าไปในห้อง และเริ่มที่จะพัฒนาเข้าสู่ขั้นต่อไปทันที เพราะเวลานี้ภายในจุดตันเถียนของเขามีพลังชีวิตอัดแน่นอยู่เต็มไปหมด จนถึงขั้นก่อตัวเป็นของเหลวแล้ว และนั่นหมายความว่าเขาพร้อมที่จะพัฒนาเข้าสู่ขั้นต่อไปแล้วนั่นเอง

ในขั้นโฮ่วเทียนนั้น พลังชีวิตในจุดตันเถียนจะแปรเปลี่ยนเป็นพลังหยินและหยาง และตัวจุดตันเถียนเองก็จะเปลี่ยนเป็นรูปสัญลักษณ์หยินและหยางด้วยเช่นกัน

ประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงทั้งสองอย่างที่เห็นได้ชัดก็คือ พลังหยินและพลังหยางจะส่งเสริมกันและกัน หากพลังใดพลังหนึ่งอ่อนแอลง พลังที่แข็งแกร่งกว่าก็จะช่วยเสริมพลังที่อ่อนแอนี้ ไม่ต่างจากการได้จุดตันเถียนที่วิเศษเลยทีเดียว

ซูอานเริ่มทำสมาธิ น้อมจิตใจให้จดจ่ออยู่กับลมหายใจของตนเอง ทำจิตใจให้สงบนิ่งดั่งสายน้ำที่ไร้คลื่น นี่คือพื้นฐานของพัฒนาขั้นพลังในทุกๆครั้ง และยิ่งพัฒนาขึ้นสู่ขั้นที่สูงมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งต้องทิ้งตัวตนของตนเองมากเท่านั้น

*****

[ฝากนิยายแปลอีกเรื่องของทีมงานนะคะ: จักรพรรดิ์เทพมังกร ]

จักรพรรดิเทพมังกร

(Dragon Emperor - Martial God)

ความเป็นอมตะของหลิงหยุนได้มลายหายไป.. ทำให้เขาตกลงมาสู่โลกมนุษย์ ในยุคที่เต็มไปด้วยความเสื่อมทรามอย่างที่สุด

จากนั้น.. หลิงหยุนจะค่อยๆ บ่มเพาะพลังในตัวเองทีละขั้น ทีละขั้น และไต่ลำดับขึ้นไปต่อกรกับสวรรค์ได้อย่างไร..

******

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด