ตอนที่แล้วตอนที่ 4 ความฝันที่เป็นจริง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 6 ความยากลำบากของชาวนา II

บทที่ 2: ตอนที่ 5 ความยากลำบากของชาวนา I


ตอนที่ 5 ความยากลำบากของชาวนา I

ตลอดเวลาหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ลีได้เข้าสู่โลกแห่งการทำฟาร์มอย่างบ้าบิ่น

ในตอนแรกมันเกือบจะเหมือนกับการนั่งฟังบรรยายในมหาวิทยาลัย เพียงแค่ตามติดเฒ่าเธนตลอดทั้งวันและฟังคำอธิบายเกี่ยวกับสิ่งที่เขาทำ และไม่ว่าเฒ่าเธนจะสอนอะไร ลีก็ซึมซับมันได้ดั่งฟองน้ำ

ลีตระหนักได้ในไม่ช้าว่าเขารู้จักการทำฟาร์มอย่างแท้จริงเพียงเสี้ยวเดียวเท่านั้น เขารู้วิทยาศาสตร์อันแสนยากลำบากที่อยู่เบื้องหลังมัน เพราะเขาได้เข้าศึกษาเรื่องนั้น แต่การทำให้มือทั้งสองต้องเปรอะเปื้อนสกปรกนั้นเป็นคนละเรื่องกันอย่างสิ้นเชิง

มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ไม่ได้ถูกกล่าวถึงในตำราเรียนของเขา ส่วนใหญ่เป็นเพราะการทำการเกษตรด้วยมือนั้นได้หายสาบสูญไปนานแล้ว และถูกแทนที่ด้วยเครื่องจักรที่มีประสิทธิภาพและพืชจีเอ็มโอ เขารู้ว่าจะต้องมีการไถนาพรวนดินแต่เขาไม่รู้รูปแบบวิธีการไถพรวนดินว่าควรไถอย่างไรให้พืชเจริญเติบโตได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด เขารู้ว่าต้องหว่านเมล็ดพันธุ์แต่เขาไม่รู้ว่าต้องขุดลึกแค่ไหนและเมล็ดแต่ละเมล็ดควรอยู่ห่างกันมากเท่าไหร่

หากจะเปรียบเทียบกัน ระบบการทำฟาร์มในเกมเอลเดนเวิลด์นั้นมีเพียงการปลูก, การรดน้ำและการเจริญเติบโต ช่างตลกสิ้นดี

เฒ่าเธนปลูกข้าวสาลีหรือก็เรียกได้ว่าพยายามปลูกข้าวสาลี เขาไม่ประสบความสำเร็จในการเก็บเกี่ยวมาเกือบยี่สิบปี ตั้งแต่เขาสูญเสียภรรยาไปและหลังจากนั้นไม่นานก็เป็นการมองเห็นของเขา เขายังคงไถนาและหว่านเมล็ดพืช แต่ในตอนนี้มันเป็นเหมือนธรรมเนียมปฏิบัติไปเสียมากกว่า บทกวีแห่งความภาคภูมิใจที่เขายังสามารถออกไปที่นั่นและมีหยาดเหงื่อไหลหล่นลงมา

การสูญเสียการมองเห็นนั่นหมายความว่า เขาไม่สามารถจัดสรรเวลาและดูแลข้าวสาลีได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้นทุกๆ ปี ณ ช่วงเวลานี้ ตอนที่ฤดูร้อนกำลังร่ำลาไป พืชผลของเขาก็ไร้ซึ่งชีวิตและทุ่งนาก็พลันเหี่ยวแห้ง ขาดสีสันและไม่มีชีวิตชีวา

นั่นทำให้น่าประหลาดใจว่าทำไมเฒ่าเธนถึงสามารถมีชีวิตอยู่รอดได้ แต่เขาจัดการกับผลเบอร์รี่ได้ ทางด้านซ้ายของกระท่อมเป็นสวนขนาดใหญ่ที่ล้อมรอบไว้ด้วยไม้บางๆ ในนั้นมีบลูเบอร์รี่, สตรอเบอร์รี่และราสเบอร์รี่ที่เจริญเติบโตขึ้นเป็นจำนวนมาก พุ่มไม้สีเขียวขนาดใหญ่ที่มีจุดสีแดงและสีน้ำเงินเป็นประกาย

เฒ่าเธนสามารถจัดการผลเบอร์รี่ได้ดีพอแม้ว่าจะตาบอด โดยสัมผัสอันเกือบจะเหนือธรรมชาติที่ทำให้เขารับรู้ถึงความสมบูรณ์ของพุ่มไม้พร้อมทั้งวิธีการและตำแหน่งที่จะตัดมัน เนื่องจากสวนมีขนาดค่อนข้างเล็กกว่าที่ไร่มาก นี่จึงเป็นภาระงานที่ชายตาบอดสามารถจัดการได้

สวนเบอร์รี่นั้นแบ่งได้สองส่วน ส่วนที่หนึ่งสำหรับผลที่สุกแล้วและอีกส่วนคือที่สำหรับพืชที่กำลังเติบโต เมื่อรวมกันแล้วมันมากพอที่จะเป็นอาหารในเวลาหนึ่งปี และที่สำคัญที่สุดคือสิ่งนี่มีค่าพอสำหรับแลกเปลี่ยนสิ่งที่จำเป็นต่างๆอย่างเช่นผัก เนื้อสัตว์และขนมปัง ลีได้พบเขาครั้งแรกบนทางเดินในป่าที่เขากำลังเดินทางกลับจากการแลกเปลี่ยนผลเบอร์รี่จำนวนมากเป็นสิ่งของต่างๆและอาหารที่จำเป็น

ทางด้านขวาของกระท่อมนั้นมีสวนอีกแห่งหนึ่ง แต่สวนนี้กลับชำรุดทรุดโทรมเละเทะไม่เป็นชิ้นเป็นอัน พร้อมทั้งวัชพืชขึ้นอยู่ทั่วทั้งสวนจนรั้วเก่าๆที่ผุพังแทบจะไม่สามารถล้อมมันไว้ได้หมด

เฒ่าเธนอธิบายว่าภรรยาผู้ล่วงลับของเขาเคยเป็นนักสมุนไพรและใช้สวนนี้เพื่อปลูกสมุนไพรของเธอ แต่เมื่อเธอเสียชีวิตความรู้เรื่องสมุนไพรของเธอนั้นก็จางหายไปพร้อมๆกัน เฒ่าเธนพยายามที่จะดูแลรักษาพืชสมุนไพรให้มีชีวิตอยู่รอดต่อไป แต่เขาเป็นชาวนาของโลก แห่งข้าวสาลีและผลเบอร์รี่ ไม่ใช่เรื่องเวทย์มนต์จากเมล็ดก็อบลินแฟลกซ์และรากแอมเบอร์บลูม

ขณะที่ลีเรียนรู้และรับฟัง เขารู้ว่าจริงๆแล้ว เขาสามารถทำให้ทุกอย่างเติบโตได้อย่างเต็มที่ เขาเป็นดรูอิดที่มีความสามารถสูงสุดและหนึ่งในคาถาที่เขามีคือ [ปลูกป่า] ซึ่งจะเร่งการเจริญเติบโตของพืชต่างๆ เขาสามารถเรียกสิ่งมีชีวิตออกมาเพื่อฆ่าศัตรูพืชได้ เขาทำได้กระทั่งเปลี่ยนสภาพอากาศเพื่อไม่ให้การเก็บเกี่ยวผลผลิตล้มเหลว นอกจากนี้เขายังถูกพาตัวมาที่นี่พร้อมกับถุงบรรจุเมล็ดพันธุ์อันมีค่าของเขาซึ่งบรรจุพืชที่หายากที่สุดในเอลเดน เวิลด์ แต่เมื่อตัดสินจากเลเวลของอุปกรณ์บนโลกใหม่นี้ ไม่ว่าจะปลูกอะไรก็ตามที่อยู่ในถุงนั่นย่อมต้องได้รับความสนใจอย่างล้นหลามแน่นอน

ลีไม่ต้องการทำอะไรเช่นนั้น และเขาไม่ต้องการใช้เวทมนตร์ดั่งพระเจ้าเพื่อที่จะทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดีสำหรับเขา เขาต้องการใช้ชีวิตที่เรียบง่ายด้วยสองมือของเขาเอง ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น เขาพอใจกับชีวิตปัจจุบันของเขามากพอแล้วและหลายครั้งหลายคราเขาก็ลืมไปว่า เขาพอจะมีอำนาจที่สามารถปกครองโลกนี้ได้อย่างสมบูรณ์

และเพราะเหตุนี้ ลีนักเวทย์เลเวล 100 ผู้ควบคุมวัฏจักรแห่งความเป็นและความตาย เอลดริทช์ ดรูอิดแห่งศาสตร์มืด ได้กลายมาเป็นชาวนาธรรมดาๆ เขาตกอยู่ในกิจวัตรประจำวันที่เรียบง่าย การตื่นขึ้นมาในยามอรุณเบิกฟ้าเพื่อช่วยเฒ่าเธนถอนวัชพืชออกจากไร่นา

เมื่อพิจารณาว่านี่เป็นช่วงปลายฤดูร้อน ข้าวสาลีน่าจะงอกเงยออกมาเป็นก้านสีทองสง่าได้แล้วตอนนี้ ที่เกือบพร้อมสำหรับการเก็บเกี่ยว แต่ดูเหมือนว่าทุ่งนาของเฒ่าเธนจะแห้งแล้งอีกครั้ง ลีไปที่สวนเบอร์รี่และตัดแต่งพุ่มไม้ที่เริ่มหนาเกินไปอยู่บ่อยครั้ง เขามักใช้เทคนิคที่เฒ่าเธนสอนเขาอยู่เสมอ

แสงอาทิตย์เลือนหายไปอย่างรวดเร็วแม้ในช่วงฤดูร้อน ลีรู้ดีว่าวันๆหนึ่งในโลกที่เต็มไปด้วยแสงไฟอิเล็กทรอนิกส์อยู่ทุกหนทุกแห่งนั้นยาวนานขนาดไหน ที่นี่แสงสว่างนั้นส่องมาจากดวงอาทิตย์ เตาผิงและตะเกียงเล็กๆเท่านั้น วันเวลาหนึ่งวันนั้นเกือบจะสิ้นสุดลงเมื่อยามบ่ายย่างกรายมาถึง เมื่อพระอาทิตย์เริ่มลาลับขอบฟ้า ผืนนภาก็ถูกแต่งแต้มไปด้วยสีเหลืองผ่องอำพันพร้อมกับสีส้มอันอบอุ่น ลีและเฒ่าเธนกลับไปที่กระท่อม อาบน้ำล้างตัวในอ่างไม้ขนาดใหญ่ที่วางอยู่ด้านนอกกระท่อมแล้วรับประทานอาหารเย็น

"ถือว่าวันนี้เป็นวันครบเดือนที่ 1 ของการฝึกงานของเธอนะ" เฒ่าเธนกล่าว ขณะที่เขาควานหาขนมปังอยู่รอบโต๊ะ มือสีน้ำตาลอ่อนของเขาพบกับตะกร้าขนมปังและหยิบขนมปังออก เขาจุ่มมีดทื่อๆลงไปในแยมบลูเบอร์รี่โฮมเมดแล้วเกลี่ยให้ทั่วขนมปัง "เธอชอบมันไหมละ?"

“นี่มันยิ่งกว่าที่ผมคาดหวังเอาไว้เสียอีก” ลีกล่าว เขาคว้าก้อนขนมปังและฉีกมันออกฅครึ่งหนึ่ง เขามักจะกินน้อยเพื่อให้มีอาหารเพียงพอสำหรับเฒ่าเธน ที่จริงแล้วลีไม่จำเป็นต้องกิน ในฐานะที่เป็นปีศาจ เขาไม่ต้องเผชิญกับความหิวหรือกระหาย แต่เขาจะให้เฒ่าเธนรู้เรื่องนั้นไม่ได้ “ที่นี่ใหญ่โตมโหราฬมากจนผมตกใจเลย ผมคิดว่าจะใช้ชีวิตได้ยากลำบากกว่านี้ แต่มันน่าสนใจจริงๆที่เวทมนตร์ทำให้สิ่งต่างๆง่ายขึ้น”

มันเป็นเรื่องจริงที่ลีคิดว่าชีวิตในยุคกลางนั้นน่ากลัว จากเอกสารทางประวัติศาสตร์ทั้งหมดชี้ให้เห็นว่า สมัยนั้นการเข้าถึงอาหารหรือน้ำสะอาดและวิทยาศาสตร์การแพทย์มันเป็นไปได้ยาก ทำให้คนในยุคนั้นเสียชีวิตอย่างรวดเร็วและบ่อยกว่าที่ควรจะเป็น แต่ในโลกใหม่นี้ การมีเวทมนตร์ช่วยบรรเทาปัญหาเหล่านี้ได้ดีมาก

ตู้กับข้าวของเฒ่าเธนมีรูนชีวิตจารึกไว้ซึ่งช่วยชะลออาหารจากการเน่าเสีย จริงๆแล้วก็ค่อนข้างเหมือนตู้เย็น นอกจากนั้นก็มียังมีน้ำ ด้วยการซื้อก้อนหินที่มีรูนบริสุทธิ์สลักอยู่ ณ ร้านรูนสมิธในท้องถิ่น เราสามารถนำมันไปใส่ไว้ในถังน้ำและมันจะขจัดพวกปรสิตและสิ่งสกปรกออกให้กลายเป็นน้ำบริสุทธิ์

ในเกมรูนชีวิตและรูนบริสุทธิ์ถูกใช้เพื่อเพิ่มความทนทานพิเศษให้กับอาวุธและพลังโจมตีศักดิ์สิทธิ์ตามลำดับ ดังนั้นสิ่งนี้จึงน่าสนใจมากว่าเวทมนตร์ในเอลเดนเวิลด์ถูกปรับใช้ให้เข้ากับชีวิตได้อย่างไร

นอกจากนี้ยังมีน้ำให้ใช้ไม่เคยขาด – ริเวียร่ามีระบบท่อลำเลียงน้ำที่ดำเนินการได้อย่างน่าอัศจรรย์ ซึ่งเชื่อมโยงกับทะเลสาบในบริเวณใกล้เคียง มันเป็นเพียงเรื่องของการลากถังน้ำจากเมืองไปยังกระท่อม แต่ความแข็งแกร่งเหนือธรรมชาติของลีทำให้นั่นเป็นงานง่ายๆ

จริงๆแล้วลีรู้สึกเหมือนเขากำลังโกงในบางเรื่อง เขาไม่เคยต้องกินหรือนอน เขาไม่เคยเหนื่อย เขาแข็งแกร่งและเร็วกว่าผู้ชายทุกคน ไม่ได้มีความเสี่ยงใดๆที่เกี่ยวข้องกับตัวเขาเลย หากการเก็บเกี่ยวล้มเหลวเขาก็ไม่เสี่ยงต่อการอดอยากปากแห้ง

แต่เขายังคงรักในลักษณะงานที่ได้ลงมือทำจริงๆ เขาไม่ได้ให้คุณค่าของการทำฟาร์มเพียงเพราะเพื่ออยู่รอด สำหรับเขาการทำไร่นั้นเปรียบเหมือนศิลปะ ความหลงใหลของเขานั้นไม่ได้มาจากความต้องการพื้นฐานเพื่อที่จะได้มีชีวิตอยู่รอด ทว่าคือความพิสมัยในความงดงามของการทำงานร่วมกับธรรมชาติอันล้ำค่าที่ได้สูญสลายหายไปจากโลกของเขา

นอกจากนี้ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่ลีจำไม่ได้ เขากำลังเปลี่ยนไป ยิ่งเขาใช้เวลาอยู่ที่นี่มากเท่าไหร่เขาก็ยิ่งเชื่อมโยงกับพืชรอบๆตัวเขามากขึ้นเท่านั้น เขารู้สึกได้ถึงการมีชีวิตของพืชเหล่านี้ที่แผ่กระจายออกมาอย่างรุนแรงเสมือนกับความอบอุ่นจากผิวหนังของมนุษย์ และหากเขาตั้งใจสังเกต เขาจะรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงหายใจของพืชพันธุ์เหล่านี้ ได้ยินเหล่าพืชหายใจเอาก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เข้าผ่านทางปากใบและหายใจเอาออกซิเจนที่บริสุทธิ์และสะอาดออกมา เขามีความสุขกับความรู้สึกเหล่านี้และไม่ได้คิดอะไรมาก

เขาไม่ได้คิดถึงสิ่งอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับตัวเอง เขาไม่ได้เจ็บปวดกับพลังอันมหาศาลของธรรมชาติของเขาหรือจิตใจมนุษย์ของเขาจะทำงานอย่างไรในร่างของสรรพสิ่งที่สร้างขึ้นมาจากป่า เอลดริท์ชที่เป็นทั้งปีศาจและเทพเจ้า

มีบางสิ่งที่เขารู้สึกขอบคุณเช่นการที่เผ่าพันธุ์ของเขามี ออลสปีค ทำให้เขาสามารถสื่อสารทั้งทางวาจาและทางลายลักษณ์อักษรไปยังสิ่งมีชีวิตอื่นๆได้ แต่ถ้ามันไม่ส่งผลโดยตรงต่อการทำฟาร์มของเขา เขาก็ไม่ค่อยคิดถึงมันเท่าไหร่นัก

เฒ่าเธนเคี้ยวขนมปังของเขาอย่างเหม่อลอย “ดีใจนะ ที่ได้ยินว่างานไร่ของฉันยังไม่ได้ทำให้เธอหมดแรงไปเสียก่อน คงพูดแบบนี้กับคนอื่นไม่ได้หรอก ฮ่า! มันทำให้ฉันอบอุ่นใจเหลือเกินที่เธออยู่ที่นี่ ลี และเธอพูดถูก: กระท่อมนี้หลังใหญ่”

เขาถอนหายใจ

"ตั้งใจไว้ว่าจะสร้างครอบครัวที่นี่ แต่โชคชะตาคือผู้หญิงที่ช่างเอาแต่ใจ เธอให้พรฉันด้วย ไอน์ ผู้หญิงที่สวยที่สุดที่ฉันเคยรู้จัก – เธอควรจะได้เห็นไอน์ เธอเปล่งประกายเหมือนดวงอาทิตย์ ผมสีทองเหมือนข้าวสาลีในฤดูร้อน – ในฐานะภรรยาแต่ทำให้เธอเป็นหมันและพาเธอจากฉันไปเร็วเกินไป ฉันยังคงเกลียดการที่เธอจากไป ฉันสูญเสียเธอไปกับพายุหิมะครั้งนั้น แม้กระทั่งศพของเธอก็ยังหาไม่เจอ ยังไม่ได้ฝังร่างเธอและไม่ได้เคารพดวงวิญญาณแสนดีของเธอเลย”

ลีเอามือของเขาจับเข้าด้วยกันในท่าทางที่เคร่งขรึม เฒ่าเธนยังคงเสียใจถึงภรรยาที่จากไปและการระลึกถึงเธอก็ยังคงทำให้บาดแผลเก่าๆเปิดออกอีกครั้ง นี่เป็นครั้งเดียวที่เฒ่าเธนอ่อนแอหรือเศร้าโศก เวลาอื่นเขานั้นร่าเริงดั่งดวงอาทิตย์ แต่ลีได้สำรวจกระท่อมและวางแผนที่จะทำให้สิ่งต่างๆดีขึ้น

“รู้อะไรไหม ผมมองหาหนังสือบางเล่มในห้องเก็บของอยู่แหละ” ลีกล่าว

"เล่มไหนละ?" เฒ่าเธนกล่าว "ฉันหวังว่าเธอจะไม่ตัดสินคนแก่อย่างฉันเกินไปนะ สำหรับรสนิยมหนังสือโป๊ในตอนที่เขายังหนุ่มน่ะ  โอ้ พระเจ้า ฉันจำได้ว่าไอน์พยายามเผาพวกมันทั้งหมดอย่างไรตอนที่เธอเจอมัน แต่นักผจญภัยย่อมรู้วิธีเก็บซ่อนของเอาไว้อย่างปลอดภัยอยู่แล้วแหละนะ"

เฒ่าเธนหัวเราะอย่างสนุกสนาน เสียงหัวเราะของเขาฟังดูอ่อนกว่าวัยเสมอ

“ไม่ใช่พวกนั้น หนังสือของภรรยาคุณต่างหาก” ลีกล่าวยิ้มๆ เฒ่าเธนเงียบลง ลีพูดต่อ "ไอน์ เป็นนักสมุนไพรใช่ไหม? เธอมีหนังสือมากมายเกี่ยวกับสมุนไพรที่จะปลูกเพื่อใช้เป็นยาอายุวัฒนะและยารักษาโรค ทุกเล่มมีการจดโน้ตเต็มไปหมด ดูออกเลยว่าเธอรักงานของตัวเองมากจริงๆ"

เฒ่าเธนเอนหลังพิงผนักเก้าอี้ สิ่งที่เปราะบางส่งเสียงดังเอี๊ยดขึ้นภายใต้น้ำหนักที่กดทับลงไป "ใช่ นั่นเธอทำ เธอเก่งมากเลยด้วย หัวสมองทึบๆของฉันมันไม่เคยจดจำรายละเอียดทั้งหมดเกี่ยวกับดอกไม้ชนิดนี้หรือสมุนไพรชนิดนั้นได้เลย แต่ ไอน์เป็นคนฉลากหลักแหลมมาก ฉันว่าเธอเป็นอัจฉริยะเลยแหละ และเธอก็รักสมุนไพรพวกนั้นประหนึ่งว่าเป็นลูกของเธอเอง ไม่ต้องแปลกใจเลยว่าทำไมนักผจญภัยต่างๆถึงแห่กันมาที่นี่เพื่อหาส่วนผสมของยาอายุวัฒนะ "

เขาส่ายหัวและดึงเครา "เคราะห์ซ้ำกรรมซัด ตาฉันเริ่มมองไม่เห็นและได้ปล่อยให้พวกมันตายไป ความทรงจำเพียงอย่างเดียวของฉันเกี่ยวกับเธอ และฉันปล่อยให้พวกมันเน่าตายไป นั่นคือสิ่งที่ฉันเสียใจที่สุดในชีวิตของฉัน"

“ผมอยากเริ่มสร้างสวนสมุนไพรอีกครั้ง” ลีพูด "บันทึกของเธอมีรายละเอียดมากพอ ให้ผมได้เริ่มมันใหม่อีกครั้งอย่างไม่ยากเลย และที่สำคัญที่สุดคือผมต้องการเป็นให้สวนนี้เกียรติแก่ความทรงจำของไอน์สำหรับคุณ ผมรู้ว่ามันไม่ได้ชดเชยความจริงที่ว่าเธอไม่ได้รับการฝังศพอย่างเหมาะสมได้ แต่อย่างน้อยที่สุดที่เราทำได้คือคุ้มครองความทรงจำของเธอด้วยการสืบสานสิ่งที่เธอทิ้งไว้"

เฒ่าเธนใช้เวลาไม่กี่วินาทีในการแยกแยะสิ่งที่ลีพูด เขาวางขนมปังลง เขาฝังใบหน้าลงในมือที่หยาบกร้านของตน ตอนแรกลีคิดว่าเขากำลังร้องไห้ บางทีอาจจะเต็มไปด้วยอารมณ์ที่เอ่อล้น แต่กลับไม่ใช่อย่างนั้น เขาหายใจด้วยความสงบแม้จะเป็นช่วงๆ แต่ก็ยังมีความตึงเครียดในความเงียบของเขาที่ทำให้ลีไม่สามารถพูดอะไรได้

หลังจากนั้นไม่กี่นาที เฒ่าเธนก็ลดมือลงไปข้างลำตัว เขาส่ายหัวอย่างแรงราวกับปลุกตัวเองให้ตื่น

"ยกโทษให้ฉันนะ ลี" เขากล่าว “มันไม่ควรเป็นแบบนี้”

ลีโน้มตัวไปข้างหน้า เขาพร้อมที่จะยืนหยัดและช่วยชายผู้แก่ชราด้วยทุกสิ่งที่เขามี "คุณเป็นอะไรหรือป่าว?"

เฒ่าเธนยิ้ม กลบเกลื่อนบรรยากาศที่ตึงเครียด "ไม่ต้องห่วงนะ หนุ่มน้อย ฉันแค่คิดว่า ฉันนี่มันงี่เง่าเกินเยียวยาขนาดไหนที่ไม่เคยคิดจะปลูกสมุนไพรพวกนั้นอีกเลยตั้งแต่เธอมาที่นี่ ฉันมักจะสาปแช่งตัวเองที่ตาบอดและบอกตัวเองเสมอว่าสมุนไพรเหล่านั้นเน่าไปในวันหนึ่ง ถ้าฉันมีความตั้งใจสักนิด ฉันจะปลูกผลงานในชีวิตของไอน์ขึ้นมาใหม่ แต่ตอนที่เธอเข้ามาถึงในบ้านของฉัน สิ่งเดียวที่ฉันคิดได้คือมรดกของฉันเอง

ทั้งหมดที่ฉันสนใจคือให้เธอมาช่วยดูแลฟาร์มของฉันเอง ทันทีที่เธอมาที่นี่ ฉันควรจะคุกเข่าขอร้องให้เธอปลูกสมุนไพรเหล่านั้นใหม่ทั้งหมด”

เฒ่าเธนผลักเก้าอี้ของเขาด้วยความมีชีวิตชีวาอีกครั้ง “แต่ฉันจะไม่มัวมาหมกมุ่นอยู่กับการสมเพชตัวเองและความผิดพลาดอีกต่อไป มาเถอะ ลี! ชักช้าอยู่ใย! เราจะมุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านที่ใกล้ที่สุดและซื้อเมล็ดพันธุ์ทั้งหมดที่เราต้องการ ในวันพรุ่งนี้เราจะถอนรากถอนโคนวัชพืชที่อยู่ในสวน และทำให้ดูดีเหมาะสมกับความทรงจำอันรุ่งโรจน์ของไอน์!”

“ตอนนี้เหรอ?” ลีกล่าว "ผมไม่ได้หมายความว่าจะขี้เกียจนะ ผมแค่เป็นห่วง ตอนนี้ก็มืดแล้วและความมืดก็เวลาที่สัตว์ร้ายคืบคลานออกมา พวกโจรที่ผมจัดการไปพวกมันอาจจะไม่ได้มีแค่นั้น ทำไมเราไม่ไปริเวียร่าแทนละ? ตลาดในเมืองเปิดทั้งกลางวันและกลางคืนมีอัศวินผู้พิทักษ์คอยลาดตระเวนอยู่ตลอด"

“เหอะ พวกเมืองขี้โกงพวกนั้นเรียกเก็บเงินมหาศาลสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง” เฒ่าเธนกล่าวด้วยความรังเกียจเดียดฉันท์ "และพวกเขารับแต่เหรียญ ซึ่งฉันก็มีอยู่แค่นิดหน่อยเท่านั้นเอง สำหรับฉันมันง่ายกว่ามากเลยที่จะใช้ผลเบอร์รี่ในการแลกเปลี่ยนสิ่งของ ด้านความปลอดภัย ฉันคิดว่าพวกเราสองคนน่าจะมีแรงสู้มากพอ จนทำให้พวกกลุ่มโจรอันธพาลผอมกะหร่องต้องกลับไปทำการทำงานที่เหมาะที่ควร"

“ถ้าอย่างนั้น ผมว่าก็เข้าท่านะ” ลีพูดเช่นนี้เพื่อให้ชายชรามีความสุข เขาสามารถใช้เหรียญที่มีอยู่มากพอในคลังของเขาเพื่อใช้จ่ายได้ ถ้าเขาต้องการ แต่เขาจะต้องตอบว่าเขาได้เหรียญนั้นมาจากไหนและเขาก็ไม่อยากคิดหาข้ออ้างที่ยากเกินไป และมันก็เป็นความจริงที่ว่าไม่มีโจรคนใดสามารถเป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อลีได้เลย

“มันต้องอย่างนั้นสิ พ่อหนุ่ม!” เฒ่าเธนรีบเข้าไปในห้องของเขา และออกมาพร้อมเสื้อคลุมตัวหนาที่สวมทับอยู่บนเสื้อเชิ้ตผ้าลินินของเขา "ใส่อะไรที่อุ่นๆ แล้วไปขนของขึ้นเกวียนกันเถอะ! โอ้ยตาย ฉันโกรธมากเลย ฉันว่าความมุทะลุของฉันหายไปตอนที่ฉันมัวแต่นั่งอยู่นี่!”

------------------------------------

ติดตามตอนล่าสุดได้ที่เพจ: ว่างๆก็เลยเอานิยายมาแปลไทย

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด