ตอนที่แล้วจอมยุทธ์ระบบเลเวล ตอนที่ 10
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปจอมยุทธ์ระบบเลเวล ตอนที่ 12

จอมยุทธ์ระบบเลเวล ตอนที่ 11


ติดตามผู้แปลได้ที่ Lazy Meow นิยายแปล


ฉินเทียนปฏิเสธไปแล้ว

เป็นการปฏิเสธที่ตรงไปตรงมา ไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าเขาจะปฏิเสธมัน นอกจากนี้มันยังเป็นคำเชิญจากประมุขโดยตรง นี่ทำให้ตัวฉินซานเทียนยังลอบตกใจ

ตอนนี้มีบางคนกล้าปฏิเสธมัน!

เช่นนี้มันจะเอาหน้าไปไว้ที่ใด?

กระนั้นฉินซานเทียนก็ไม่ได้มีโทสะและบังคับแต่อย่างใด ตอนนี้ตัวตนของฉินเทียนมีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับตระกูลฉิน เด็กหนุ่มผู้หนึ่งกับยืนต้านทานการโจมตีจากฉินเซี่ยงเทียนได้! เพียงเท่านี้ก็พิสูจน์คุณค่าของเขาได้แล้ว

ภายในเมืองชิงเหอ ผู้เยาว์ที่สามารถรับการโจมตีของระดับสุดยอดของชั้นจิวิญญาณและยังสามารถมีชีวิตรอดมาได้มีอยู่น้อยยิ่งกว่าน้อย กระทั่งอัจฉริยะอันดับหนึ่งเสี่ยวหยูเฟิงก็ยังยากที่จะทำได้เช่นนี้

ภายในลานฝึกฝีมือ ฉินเทียนได้เอาชนะฉินคุนเพียงหนึ่งการลงมือ ต้านทานการโจมตีจากฉินเซี่ยงเทียนได้อย่างน่าอัศจรรย์ ข่าวนี้ถูกเผยแพร่ออกไปราวไฟลามทุ่ง เพียงครึ่งวันผู้คนภายในเมืองชิงเหอต่างทราบโดยทั่วกัน

แม้ว่านี่จะดูราวกับเป็นการต่อสู้ที่ไม่สลักสำคัญ หากแต่ความจริงกลับดุเดือด

อัจฉริยะที่ผุดขึ้นมานี้ได้รับความสนใจจากผู้คนอย่างมาก โดยเฉพาะเรื่องที่เขากล้าปฏิเสธฉินซานเทียน กระทั่งตระกูลอื่นๆเองก็เริ่มให้ความสนใจขึ้นมา ใช่มีเรื่องลับลมคมในอะไรหรือไม่? หรือเป็นเพราะฉินเทียนโกรธแค้นตระกูลและต้องการแก้แค้น? ทุกคนต่างงุนงง ขณะที่ขบคิดหาสาเหตุ

เรื่องในครั้งนี้ราวกับก้อนหินถูกโยนลงไปที่ผิวทะเลสาบอันเงียบสงบจนก่อเป็นแรงกระเพื่อมขึ้นมา ไม่มีผู้ใดกล้าไม่สนใจ อาจบางทีที่เรื่องราวนี้จะกลายเป็นคลื่นที่สั่นสะเทือนในอนาคตข้างหน้า

ในยามเช้า ฉินเทียนและเมิ่งเล่ยกลับไปยังเหลาฟุหลง

ที่ส่วนหลังของเหลาฟุหลง

จางต้าฟู่หลั่งเหงื่อเย็นขณะคุกเข่าอยู่บนพื้น ร่างกายของมันสั่นสะท้านไม่หยุด

มันทราบแล้วว่ามีอะไรเกิดขึ้นที่ลานฝึกฝีมือเมื่อเช้านี้ ในตอนนั้นมันเกือบจะฉี่รดกางเกงจากความหวาดกลัว ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา มันได้กลั่นแกล้ง ทุบตีและด่าทอทั้งสองคนนั้นเอาไว้มากมาย ตอนนี้ราวกลับสวรรค์ถูกพลิกกลับ กรรมกำลังตามมาสนองมันแล้ว

ฉินเทียนกำลังนั่งอยู่ด้านบนขณะปากคาบหญ้าแห้งเอาไว้มองดูจางต้าฟู่ที่น่าขบขันผู้นี้ จิตใจเขาสงบราบเรียบ เขาไม่เคยคิดว่าตนเองเป็นสุภาพบุรุษอะไรอยู่แล้ว ก่อนหน้านี้เขาต้องก้มหน้างกๆต้องทำตัวต้อยต่ำ มาตอนนี้ได้เห็นจางต้าฟู่ ก้มศีรษะโค้งตัวให้กับเขาอย่างอ่อนน้อมแล้ว มันทำให้เขารู้สึกดีขึ้นมาบ้าง

ความลำบากที่เขาได้รับมาก่อนหน้านี้ทำให้ความคิดชั่วร้ายผุดขึ้นมาในใจ ฉินเทียนส่งสายตาให้กับเมิ่งเล่ย

เมิ่งเล่ยที่เข้าใจความนัยเดินไปอยู่เบื้องหน้าจางต้าฟู่ สะบัดมือของมันตบไปที่ใบหน้าของจางต้าฟู่

เพี๊ยะ!

พร้อมเสียงตบที่ดังสนั่น จางต้าฟู่รู้สึกหัวหมุนงุนงง มันย่อมไม่กล้าใช้พลังปราณเข้าต้านทาน หากว่ามันใช้ สิ่งที่มันจะต้องเผชิญอาจจะไม่ใช่แค่เพียงการตบหน้า

หลังจากนั้นเมิ่งเล่ยก็หัวเราะอย่างโง่งม ความปรารถนาประการแรกของมัน....ตอนนี้ได้กลายเป็นจริงแล้ว

จากนั้นฉินเทียนก็เดินมาประคองจางต้าฟู่ขึ้น เขากล่าวว่า "เรื่องที่แล้วมาข้าจะลืมมันไป เรื่องหลังจากนี้เจ้าควรทราบว่าต้องทำอย่างไร"

"ข้าทราบแล้วขอรับ ข้าทราบขอรับ...."

จางต้าฟู่ก้มศีรษะและโค้งตัวลง มันไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมองฉินเทียน

"เจ้าไม่มีอะไรทำหรือไง? ไป รีบไปซะ"

"ขอรับ นายน้อยฉิน ข้าจะรีบไปแล้ว"

จางต้าฟู่รีบหลบหนีจากไปโดยเร็วขณะที่จิตใจเต็มไปด้วยความหวาดวิตก

มันเป็นเพียงบ่าวรับใช้ของตระกูลฉินที่ได้รับมอบหมายให้คอยดูแลกิจการ ตอนนี้ฉินเทียนได้ฟื้นฟูความแข็งแกร่งกลับมาแล้ว ฐานะของเขาแน่นอนว่าย่อมต้องสูงส่งกว่ามัน เพียงสั่งออกมาคำเดียวตระกูลฉินก็จะโยนมันออกจากเมืองชิงเหอในทันที กระทั่งสั่งให้มันฆ่าตัวตายก็ยังถือเป็นความชอบธรรม

"นายน้อย เพียงปล่อยมันไปเช่นนี้หรือ? สิ่งที่มันกระทำต่อพวกเราก่อนหน้านี้..."

"ช่างมันเถอะ บ่าวไพร่ผู้หนึ่งไม่ควรค่าแก่การใส่ใจ ต่อล้อต่อเถียงไปก็เท่านั้น"

"นายน้อย เช่นนั้นพวกเราจะทำอะไรต่อดี? ฉินเซี่ยงเทียนแน่นอนว่าย่อมไม่ปล่อยพวกเราไปง่ายๆ หรือว่าพวกเราควรจะเดินทางออกจากเมืองชิงเหอ?"

ฉินเทียนหรี่ตาลง คิดไปถึงแววตาที่เต็มไปด้วยความเคียดแค้นของฉินเซี่ยงเทียน ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง "เจ้าอ้วน พวกเราจะเดินทางออกจากเมืองชิงเหอ หากแต่ยังไม่ใช่ตอนนี้"

แน่นอนว่าพวกเขาไม่ควรจากไป โดยที่ยังไม่ได้จัดการกับบอสฉินเซี่ยงเทียน แล้วเขาจะจากไปได้อย่างไร?

หากเป็นภายในเกม หากว่าพบเห็นบอสแล้วยังไม่ล่าได้หรือ?

เล่มเกมแต่ไม่ล่าบอสเนี่ยนะ? ไร้สาระ

ฉินเทียนในตอนนี้ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉินเซี่ยงเทียน การที่จะสังหารบอสตัวแรกนี้ได้ มีความเป็นไปได้น้อยมาก ทว่าไม่ช้าก็เร็ว บอสตัวนี้จะต้องตกตายด้วยน้ำมือของเขา หากว่าไม่ฆ่าแล้ว จิตใจเขาจะสงบได้อย่างไร?

เมิ่งเล่ยเมื่อได้ยินดังนั้นก็ไม่กล่าวอะไรอีก ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนแล้วแต่ขึ้นอยู่กับฉินเทียน เขาเพียงรอปฏิบัติตามเท่านั้น

"นายน้อยฉิน ท่านเจ้าเมืองต้องการจะพบท่าน" จางต้าฟู่รีบวิ่งเข้ามาอย่างเร่งรีบก่อนจะกล่าวด้วยความเคารพ ความเคารพนี้ยังมากยิ่งกว่าพบบรรพชนของตัวมันเสียอีก

บ่างรับใช้ก็ควรกระทำเช่นนี้ มองผู้คนด้วยการแสดงออกที่ยิ้มแย้มแจ่มใส นับว่ามันมีทักษะในด้านนี้ไม่น้อย

"เจ้าเมือง?" ฉินเทียนคิดขึ้นอย่างสงสัย "ไฉนเจ้าเมืองจึงอยากพบข้า?"

"ขอรับ ตอนนี้มันอยู่ที่ห้องส่วนตัว หากว่าท่านไม่ต้องการจะพบกับมัน ข้าก็จะกลับไปปฏิเสธมัน ตระกูลฉินมักไม่เต็มใจที่จะติดต่อกับขุนนางของทางการอยู่แล้ว" จางต้าฟู่กล่าวเสียงเบา

"ข้าจะไปพบมัน นำทางข้าไป" แววตาของฉินเทียนฉายวาบขึ้น ขณะที่ภายในใจกำลังขบคิดหาสาเหตุที่อีกฝ่ายต้องการจะพบเขา

วันนี้การค้าของเหลาฟุหลงนับว่าดียิ่ง เหล่าผู่ที่มีชื่อเสียงภายในเมืองชิงเหอต่างก็แวะเวียนมา เป็นผู้คนจากสี่ตระกูลที่ใหญ่ที่สุดของเมือง นอกจากนี้ยังมีกลุ่มคนที่คล้ายกับเป็นชนชั้นสูงมา ทั้งหมดต่างมาหาฉินเทียนโดยเฉพาะ

ภายในห้องส่วนตัว

"ฮ่าฮ่า วีรบุรุษมักเกิดจากคนหนุ่ม"

ฉินเทียนก้าวเข้าไปในห้อง บุรุษวัยกลางคนที่อายุราวสี่สิบปีที่เบื้องหน้ายิ้มให้ฉินเทียน

"คารวะท่านเจ้าเมือง การมาเยือนของท่านนับว่าเป็นเกียรติแก่ร้านอาหารเล็กๆของพวกเราจริงๆ" ฉินเทียนประสานขณะกล่าวออกมา

"ฮ่าฮ่า น้องฉินช่างสุภาพนัก"

จ้าวหนานตู้พลันวางมือลงบนบ่าของฉินเทียนอย่างสนิทสนม

ฉินเทียนยิ้มแย้มและเผยสีหน้าที่ประหลาดใจออกมา สีหน้าท่าทางเช่นนี้มักทำให้ผู้อาวุโสรู้สึกรักชัง เมื่อเห็นเช่นนี้จ้าวหนานตู้ก็รู้สึกดีอย่างยิ่ง

เมืองชิงเหอเป็นเมืองของราชวงศ์หลี่ เป็นเมืองสำคัญในภาคตะวันตกเฉียงเหนือ

อย่างไรก็ตาม อำนาจของทางการภายในเมืองชิงเหอก็ค่อยๆตกต่ำลงจากสี่ตระกูลใหญ่ ในหลายๆเรื่องราว การตัดสินใจสำคัญมักต้องขึ้นอยู่กับสี่ตระกูลใหญ่ ซึ่งในฐานะเจ้าเมืองแล้ว จ้าวหนานตู้รู้สึกอัปยศอย่างมาก

เขาได้ยื่นคำร้องถึงราชสำนักให้เพิ่มกำลังพลของเมืองชิงเหออยู่หลายครั้ง ทว่ากลับไม่ประสบความสำเร็จแม้เพียงครั้งเดียว หลังจากเวลาผ่านไปหลายปี ทหารของเมืองชิงเหอยิ่งมายิ่งลดน้อยถอยลง

ด้วยเหตุนี้มันจึงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องพึ่งอำนาจของตนเองด้วยการใช้อำนาจของขุนนางที่มีอยู่ค่อยๆริดรอนอิทธิพลของสี่ตระกูลใหญ่

มันมีความทะเยอทะยานอันสูงส่ง เพียงแต่ขาดซึ่งกำลังที่จะผลักดันให้ประสบผล มันได้รับรู้เรื่องที่ฉินเทียนปฏิเสธประมุขตระกูลฉินท่ามกลางสายตาผู้คนมา สติปัญญาที่เฉียบแหลมของมันบอกกับมันว่านี่เป็นโอกาสอันดีที่จะชักจูงอัจฉริยะผู้นี้

ฉินเทียนมักไม่ชอบร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ของทางการ ส่วนเหตุผลที่ว่าทำไมเขาถึงต้องการพบกับจ้าวหนานตู้ก็เป็นเพราะทุกคนต่างต้องการที่จะประจบเอาใจเขา เขาเองก็ต้องไขว่คว้าโอกาสนี้เอาไว้

ฉินเทียนเป็นคนโลภ โลภมากจนหน้าเลือด เขาย่อมต้องไม่พลาดโอกาสทองเช่นนี้

โดยไม่ทำให้ฉินเทียนต้องผิดหวัง ขณะที่ทั้งสองกล่าวทักทายกัน จ้าวหนานตู้ก็หยิบขวดเม็ดยาออกมาจากอกเสื้อ มันลดเสียงขณะกล่าววาจา "นี่เป็นเม็ดยาหู่เซิงห้าเม็ด ใช้ในการปกป้องจิตใจและบรรเทาอาการปวด แม้ว่าจะไม่ได้มากมายอะไรนัก ถือเสียว่าเป็นความปรารถนาดีจากข้า"

"ท่านเจ้าเมืองทำอะไร? ผู้คนย่อมไม่รับสิ่งของหากไม่คู่ควรกับมัน"

ฉินเทียนแสร้งแสดงท่าทีปฏิเสธอย่างขันแข็ง ทว่ามือของเขารีบยื่นออกไปคว้ามันเอาไว้

จ้าวหนานตู้ย่อมมีประสบการณ์ด้านการเมือง แล้วมันจะไม่เข้าใจได้อย่างไร มันพลันหัวเราะขึ้นมา "ถือเสียว่าเป็นของขวัญแรกพบหน้าจากพี่ใหญ่ก็แล้วกัน นี่เป็นเพียงของเล็กๆน้อยๆ"

"นี่...นี่...เช่นนั้นข้าก็จะไม่ทำให้ท่านต้องลำบากใจแล้ว" ขณะที่กล่าวเช่นนั้น ขวดยาหู่เซิงก็อยู่ภายในอกเสื้อเรียบร้อยแล้ว ไม่มีท่าทางหลบเลี่ยงอีก ในเวลาเดียวกันเขาก็ตรวจสอบคุณสมบัติของเม็ดยาหู่เซิง

เม็ดยาหู่เซิง

ระดับ: ระดับสอง

ผล: ปกป้องจิตใจ ขับไล่สิ่งชั่วร้าย บรรเทาอาการปวด

ค่าพลังชีวิต: 400

ค่าพลังปราณ: 80

ค่าการรอดชีวิต: 20

"เป็นเพียงเม็ดยาระดับสอง น้องสาวมันเถอะ ช่างตระหนี่นัก!" ฉินเทียนคิดขึ้นอย่างดูถูก ทว่าใบหน้าของเขากลับแสดงออกถึงความปลาบปลื้มทั้งยังเกรงใจอย่างมาก

จ้าวหนานตู้เองก็ยิ้มอย่างมีความสุข มันคิดขึ้นในใจ "ฉินเทียนผู้นี้ไม่เลวเลย"

"น้องฉินวางแผนจะทำอะไรต่อไปในอนาคตหรือ?"

ฉินเทียนหัวเราะขึ้นในใจ "ได้เวลาบิดาทำการค้าแล้ว"

"ข้าวางแผนที่จะทำงานให้ดี ไม่ต้องการกลับไปยังตระกูลฉินอีก"

จ้าวหนานตู้ยินดียิ่ง คิดขึ้นในใจ "ดูเหมือนว่าเม็ดยาหู่เซิงทั้งห้าเม็ดจะไม่สูญเปล่าแล้ว ช่างคุ้มค่าเสียจริง"

"เจ้าเคยคิดจะรับราชการหรือไม่?"

"เอ๊ะ ข้าราชการหรือ? ข้าไม่บังอาจ ข้าเป็นเพียงคนต่ำต้อยผู้หนึ่ง แล้วข้าจะกล้าคิดฝันถึงการเป็นข้าราชการได้อย่างไร? ข้าไม่กล้า ข้าไม่กล้าคิดเช่นนั้น...." ฉินเทียนแสดงท่าทางไร้เดียงสา ทำให้จ้าวหนานตู้หัวเราะอย่างขบขันขึ้นมา

"ภายในกองกำลังของเมืองชิงเหอนั้นมีตำแหน่งที่ว่างอยู่ ข้ากำลังต้องการผู้ที่มีพรสวรรค์ ไม่ทราบว่าเจ้าสนใจหรือไม่? หากว่าเจ้าสนใจ ตำแหน่งหัวหน้าทีมก็ยกให้เจ้าแล้ว"

"เป็นความจริง?"

"ย่อมแน่นอน"

"แต่ข้าคงไม่อาจรับมันได้ ท่านประมุขคงไม่ปล่อยให้ข้าทำเช่นนั้น" ฉินเทียนแสดงท่าทีที่ดูลำบากใจออกมา

"ฉินซานเทียน ต้องมีสักวันที่ข้าจะกำจัดมันด้วยตนเอง...อ๊ะ..ข้าหมายถึงว่าจะพูดคุยกับมันเอง ให้มันปล่อยคนออกมา" จ้าวหนานตู้เผลอแสดงความเกลียดชังออกมา หากว่าถ้อยคำเหล่านี้ไปเข้าหูฉินซานเทียนเข้าล่ะก็ มันคงต้องเดือดร้อนแล้ว

จ้าวหนานตู้ปัจจุบันดำรงตำแหน่งเจ้าเมือง เพียงควบคุมข้าราชการ หากไม่ใช่เพราะสี่ตระกูลใหญ่ไว้หน้าเขา การจัดเก็บภาษีก็คงลำบากมากแล้ว

หลังจากหลอกลวงเอาเม็ดยาหู่เซิงมาได้ห้าเม็ดแล้ว เขาก็คว้าโอกาสที่จะถอนตัวออกมาเงียบๆ จ้าวหนานตู้ที่รู้สึกว่าการพูดคุยเสียเปล่าแล้ว ราวกับคนที่หมดแรง มันยิ้มให้เล็กน้อยก่อนจะขอตัวจากไป

การพูดคุยเป็นการส่วนตัวระหว่างเจ้าเมืองและฉินเทียนถูกโหมกระพืออย่างหนัก เพียงไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็ทราบไปถึงหูของตระกูลอื่นๆแล้ว

หลังจากนั้นฉินเทียนก็แลกเปลี่ยนคำทักทายกับคนแล้วคนเล่า ผลลัพธ์ก็คือ ในหนึ่งวันเขาได้รับเม็ดยาหยางเฉิงมาสิบสามเม็ด เม็ดยาหู่เซิงยี่สิบห้าเม็ด ได้เงินมาสี่พันตำลึงและคำสัญญาจากตระกูลนับไม่ถ้วน

ในตอนกลางคืน ฉินเทียนกล่าวพร้อมทอดถอนใจ "การแสดงเป็นทักษะในการดำรงชีวิตจริงๆ"