ตอนที่แล้วตอนที่ 7: ไก่ขอทาน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 9: หม่าล่าลูกกุ้ง (ส่วนที่2)

ตอนที่ 8: หม่าล่าลูกกุ้ง


*ก่อนจะอ่านนิยาย โปรดตรวจสอบว่าท่านได้อยู่ในสถานที่ที่มีแสงเพียงพอ หรือถ้าท่านอ่านในความมืดก็อย่าลืมเปิด Night Mode หรือจอส้ม เพื่อป้องกันการปวดหัวและสายตาสั้นด้วยนะครับ*

----------------------------------------------------------------------------------------------

นี่มันตัวละครเอกชายหนิ! ชั้นจำเป็นต้องสร้างสัมพันธไมตรีกับเขา ในอนาคตเขาจะได้มาช่วยชั้นไงล่ะ.

 

ขณะที่เขายังไม่ลุกไปจากตรงนั้น ชิยูก็รีบไปแบ่งไก่มาให้เขาทันที. พอคิดอยู่พักหนึ่ง เธอจึงตัดสินใจเอาส่วนน่องให้เขาแล้วขอให้เสี่ยวฉีเอาไปให้.

 

เสี่ยวฉียังเด็กอยู่และเธอจะต้องเจอปัญหาในอนาคตแน่. ถ้าตอนนี้เธอไปพบกับพระเอกล่ะก็ เธอก็อาจจะรอดก็เป็นได้.

 

เสี่ยวฉีมองน่องไก่แล้วกลืนน้ำลายกรึ่บ. ถึงแม้ว่าเธอจะไม่รู้ว่าทำไมพี่สาวถึงอยากให้เธอเอามันไปให้ใครที่ไม่รู้จักก็ไม่รู้, เธอก็ยอมทำตามอยู่ดี.

 

พอเปิดประตูออกไป เธอก็เห็นชายหนุ่มคนนึงกำลังกุมหน้าอกไว้อยู่ ราวกับว่าเขากำลังพยายามทนความเจ็บปวดไว้. เธอรู้สึกสงสารเขาขึ้นมาแล้วรีบเข้าไปหาทันที. แล้วก็ยื่นน่องไก่ไปให้เขา “พี่ชายคะ, ถ้าพี่กินนี่แล้วพี่จะไม่เจ็บอีกต่อไปเลย”

 

หลินฟ่านตกใจมากที่เห็นเด็กผู้หญิงคนนี้. ตอนแรกเขาพยายามจะเมินเธอ แต่ตาของเธอมันดูแบ๊วเกินไปที่เขาจะปฏิเสธลง.

 

หลินฟ่านลูบหัวเสี่ยวฉีแล้วมองด้วยสายตาอบอุ่นขึ้นมานิดนึง “ขอบใจนะ, หนูเก็บไว้กินเถอะ!”

 

“หนูยังมีเหลือที่บ้านน่ะค่ะ” เสี่ยวฉีเดินเตาะแตะเข้ามาแล้วพยายามยัดน่องไก่ใส่ปากเขา “พี่สาวเป็นคนทำมันเอง. มันอร่อยมากเลยนะคะ ลองสิ”

 

กลิ่นหอมมันยั่วยุจมูกเขาอย่างไม่หยุดและความอบอุ่นของเด็กผู้หญิงอ่อนโยนคนนี้ทำให้หัวใจของเขาพองโตขึ้นมา. หลินฟ่านจึงยอมแพ้และก็รับไก่มาแล้วก็กัดลงไป.

 

ใต้หนังสีทองนั่น, เนื้อไก่มันช่างขาวและนุ่มมาก. นี่มันก็แค่อาหารธรรมดาๆ แต่มันไม่มีรสชาติหนักๆของไก่อยู่เลย. กลับกันมันนุ่มลิ้นมาก. พอกัดเต็มคำไปอีกซักหน่อย เขาก็กินหมดทั้งน่องเลย.

 

นี่เป็นครั้งแรกที่หลินฟ่านไม่สามารถอธิบายอะไรได้เลย.

 

เขาคิดว่าตัวเองคงหิวมาก นั่นเลยทำให้ไก่มันอร่อยกว่าเดิม. เพื่อเป็นการแสดงคำขอบคุณเขาคิดอยู่แปปนึงแล้วถอดสร้อยมรกตออกมาแล้วมอบให้เสี่ยวฉีไป “ขอบคุณสำหรับน่องไก่นะ. อันนี้พี่ให้. ถ้าหนูมีปัญหาก็ให้มาหาพี่ที่สำนักของตระกูลหลิน. ชื่อของพี่คือ หลินฟ่าน”

 

เสี่ยวฉีเป็นเด็กขอทานและเคยชินกับของอะไรก็ได้ที่คนเขาให้เธอ. อีกอย่างในหัวเธอตอนนี้ก็มีแต่อาหารที่กำลังรอเธออยู่ที่บ้าน เธอเลยไม่ได้คิดมากเรื่องนี้. เธอพยักหน้าทันที “ขอบคุณค่ะพี่ชาย!” แล้วเธอก็รีบพุ่งกลับบ้านไป.

 

หลินฟ่านมองเธอขณะที่เธอกลับบ้านไป แล้วก็เห็นต้นไม้ใหญ่ในสวน. เขาจดจำที่แห่งนี้ไว้แล้วเดินกระเผลกกลับบ้านไป.

 

บางทีมันอาจจะเป็นเพราะความรู้สึกอบอุ่นในหัวใจเขาที่ส่งผลไปทางด้านจิตใจ แต่ว่าหลินฟ่านก็รู้สึกว่าแผลมันไม่ได้เจ็บปวดเท่าก่อนหน้านี้เลย.

 

ทันทีที่เสี่ยวฉีกลับบ้านมา เธอก็รีบยื่นสร้อยมรกตให้ชิยูทันที “พี่ชายคนนั้นให้นี่มาค่ะ” จากนั้นเธอก็ไปร่วมวงอาหารสุดบ้าคลั่งกับเพื่อนๆ.

 

ชิยูมองไปที่สร้อยมรกตเส้นนั้นแล้วนึกถึงเรื่องในอนาคต ถ้าหากเธอต้องการให้พระเอกช่วย เธอก็สามารถใช้สร้อยนี้เป็นเครื่องพิสูจน์ได้. เธอดีใจมาก. แต่พอมองสร้อยนี้ดูดีๆแล้ว เธอก็คิดว่ามันดูคุ้นๆ.

 

จากนิยายที่เออกูเขียนไว้, หลินฟ่านชอบใส่สร้อยนี้ไปกับเขาด้วยทุกหนทุกแห่ง. สร้อยนี้มีช่องเก็บของต่างมิติขนาดใหญ่มากและมีวิญญาณอาศัยอยู่ในนั้นด้วย. พระเอกใช้พลังปราณของเขาเพื่อหล่อเลี้ยงสร้อยนี้มาหลายปีจนวิญญาณในสร้อยนี้สามารถจำแลงกายตัวเองได้. จากวินาทีนั้นเอง ชีวิตของเขาก็พลิกผลันเป็นดีขึ้นทันที.

 

ตอนนี้สร้อยนั้นก็ถูกให้เป็นของตอบแทนแล้ว. ถ้าไม่มีสร้อยนี้พระเอกจะแข็งแกร่งขึ้นได้ยังไงกันนะ?

 

ชิยูรีบออกมาและตามพระเอกไป.

 

โชคดีที่เธอคิดทันและหลินฟ่านเองก็กำลังบาดเจ็บเลยเดินช้าอยู่. เธอมองไปนอกประตูแล้วเห็นพระเอกอยู่ตรงสุดตรอกนั่น.

 

“หลินฟ่าน” ชิยูตะโกนและวิ่งไปหาเขา. จากนั้นเธอก็เอาสร้อยยัดใส่มือเขาไปแล้วพูดว่า “ของชิ้นนี้มันแพงเกินไปชั้นรับไว้ไม่ได้หรอกนะ. อีกอย่างคือนายไม่ควรจะให้สร้อยนี้กับใครอีก. ในนี้มันมีกุญแจสู่อนาคตของนายอยู่นะ”

 

พอพูดอย่างนี้เสร็จ เธอก็ไม่รอให้หลินฟ่านตอบแต่รีบวิ่งกลับไปที่บ้าน. ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับหลินฟ่านว่าเขาจะคิดหรือทำอะไรต่อ.

 

ทันทีที่เธอกลับถึงบ้าน, ไก่ก็เหลือแต่กระดูกแล้ว. แต่ทุกคนก็เหลือปีกไก่ไว้ให้เธอ.

 

เสี่ยววูอิ่มแปร้มาก เขาเรอออกมาแล้วก็ลูบท้อง “อร่อยจุง”

 

ในตอนนี้ชิยูก็รู้สึกได้ถึงพลังปราณที่ไหลเวียนอยู่ตรงช่วงท้องน้อยของเธอ. เธอเอื้อมมือไปจับจุดนั้น.

 

โอ๊ะ, สรุปเครื่องรางศักดิ์สิทธิ์ซ่อนอยู่ที่ดันเทียน* ของเธอสินะ.

 

หลังกินอาหารเย็นเสร็จท้องฟ้าก็เริ่มมืดแล้ว. ใต้ท้องฟ้ายามค่ำคืนนั้นมีดวงดาวส่องแสงระยิบระยับ. เสียงของนกกับแมลงหลากพันธุ์ก็ดังขึ้นตามประสาสัตว์หากินกลางคืน. ชิยูนั่งบนเก้าอี้ใกล้ๆประตูและรู้สึกสงบใจมาก.

 

ท้องฟ้ายามค่ำคืนที่งดงามนี้มันยากที่จะหาได้ในเมืองใหญ่ที่คนพลุกพล่านและตึกสูงเต็มไปหมด. อากาศที่นี่เองก็ไม่เป็นมลพิษและสะอาดมาก. แม้แต่พวกวัตถุดิบเองก็ออร์แกนิค/สดใหม่. เธอได้ยินมาว่านอกจากวัตถุดิบทั่วไปแล้วก็ยังมีวัตถุดิบบางอย่างที่มีพลังปราณ* อยู่. และก็มีเนื้อของสัตว์ปราณ* และวัตถุดิบสมบัติระดับเทพอยู่ด้วย.

 

โลกนี้กว้างใหญ่มากและการพัฒนาก็มีหลายระดับด้วย. ระดับของการพัฒนามีมากขึ้นอีก8ระดับหลังจากระดับของมนุษย์ธรรมดา. ในอนาคตข้างหน้าถ้าเธอสามารถสำรวจโลกนี้ได้และลูทวัตถุดิบพิเศษและหายากมาได้ มันก็คงจะดีมาก.

 

ขณะที่เธอคิดอยู่นี้ชิยูก็ยิ่งอยากสำรวจขึ้นไปอีก. ตราบใดที่มันเป็นอาหารและวัตถุดิบที่คุ้นมือเธอก็รู้สึกสบายๆ.

แล้วเธอก็โดดเข้าเตียงไปนอน.

 

ไม่กี่วันต่อมาชิยูก็ยังคงตื่นเช้าแล้วไปขายซาลาเปาที่ประตูนอกเมืองเช่นเคย. คนในโลกนี้เป็นคนง่ายๆมาก - ถ้าอาหารรสชาติอร่อยพวกเขาก็จะเอาไปแบ่งเพื่อนๆและครอบครัว. คนแรกที่มาซื้อก็เอาไปแบ่งสมาชิกในครอบครัวตั้งคน10. และสมาชิกทั้ง10คนนี้ก็จะเอาไปแบ่งเพื่อนและคนรู้จักต่ออีก. ในเวลาไม่นานทั้งเมืองก็รู้จักซาลาเปาแสนอร่อยที่ชิยูขาย และร้านเธอก็ยุ่งมากๆเพราะซาลาเปาขายออกอย่างไว.

 

แต่ละวันนั้นพอซาลาเปาพร้อมขาย มันก็จะขายออกหมดแทบจะทันที. มีคนเคยบ่นเพราะเธอทำซาลาเปาไม่ทันด้วย.

 

ชิยูไม่ต้องการให้ธุรกิจมันใหญ่มากไปกว่านี้. ถ้าทำอย่างงั้นก็แปลว่าเธอจะต้องเหนื่อยมากๆและไม่มีแรงเหลือทำงานอื่นๆ. อีกอย่างคือเงินน่ะมันหาง่ายแต่ก็ออกง่ายมากเช่นกัน. แค่ซื้อของนู่นนี่นั่นเงินก็หายวับไปกับตาแล้ว.

 

ขณะที่ชื่อเสียงแผงลอยของเธอดังขึ้นเรื่อยๆ, คนที่มีอำนาจก็อาจจะเหลียวมามองแล้วก็พยายามสร้างปัญหาก็ได้. นั่นแปลว่าเธอคงจะทำแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆไม่ได้.

 

นี่ไม่ใช่สังคมที่สงบสุขแบบอีกโลก แต่เป็นสังคมที่ใช้กำลังและอำนาจเป็นหลัก. ขนาดก่อนที่พระเอกจะได้พลังมา เขาก็ต้องทนรับมือรับเท้าก่อน, ส่วนพวกขอทานไร้อำนาจแบบเราคงไม่ต้องพูดถึง.

 

ในสถานการณ์แบบนี้มันจะดีกว่าถ้าทำตัวไม่โดดเด่น, แต่ก็พยายามทำเงินให้ได้เยอะๆ.

 

หลังจากขายซาลาเปาหมดแล้ว ชิยูก็รีบขึ้นเขาไปทันทีเพื่อมองหาพวกพืชผักที่จะย้ายไปปลูกในสวน. หลังจากเทียวไปเทียวมาอยู่พักหนึ่ง, สวนนั้นก็เต็มไปด้วยพืชผักที่กินได้หลายอย่าง. เมื่อเธอกลับมา ในสวนก็มีสีเขียวอร่ามสบายตาไปหมด.

 

เธอปลูกผักชนิดใหม่ลงจำนวนหนึ่งแล้วเพื่อนบ้านก็เอาพริกแห้งกับกุ้งตัวเล็กๆที่จับได้ตรงแม่น้ำมาให้.

 

พอมองพวกกุ้งเล็กๆพวกนี้แล้ว ตาของชิยูก็ไฟลุกขึ้นมา. นี่แหละอาหารเย็น!

แต่จำนวนมันไม่พอสำหรับทุกคนนี่สิ.

 

ดังนั้นเธอจึงเรียกเด็กๆมาทันที, “พวกเราไปที่แม่น้ำแล้วจับกุ้งพวกนี้เพิ่มกันเถอะ. คืนนี้พี่จะทำหม่าล่าลูกกุ้งเป็นอาหารเย็นล่ะ!”

 

ช่วงนี้อยู่ระหว่างฤดูใบไม้ผลิกับฤดูร้อนและแม่น้ำก็มีกุ้งพวกนี้อยู่เต็มไปหมด. พวกเขาสามารถจับพวกนี้ได้เต็มกระบุงระหว่างทางเลย.

 

สัตว์พวกนี้ชอบฝังตัวเองลงในทรายไม่ก็โคลน. นี่คือเหตุผลที่คนส่วนใหญ่ในโลกนี้รู้สึกว่าเจ้าตัวนี้มันสกปรก, ทำความสะอาดยากแล้วก็กินยากด้วย. เลยไม่ค่อยมีคนอยากกินพวกมันนัก.

 

แต่ชิยูมั่นใจว่าถ้าเธอปรุงอาหารจากพวกมันได้แล้ว, มันจะกลายเป็นอาหารที่ยอดเยี่ยมและเป็นจุดเด่นของเมืองนี้

 

----------------------------------

 

*ดันเทียน/ Dantian คือจุดพลังปราณในร่างกายมนุษย์ครับ ผมไม่รู้คำเรียกไทยเลยทับศัพท์ไปเลย.

 

*Spiritual Beast หรือสัตว์วิญญาณที่ผมแปลไว้ในตอนก่อนๆ ผมขอเปลี่ยนเป็นสัตว์ปราณนะครับ เพราะ Spiritual Energy หรือพลังวิญญาณผมจะแปลเป็นพลังปราณแทน เพื่อให้เข้ากับธีมจีนของเรื่องนี้ครับผม.

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด