ตอนที่แล้วตอนที่ 192 ประตูทองคำหมื่นปี
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 194 ถึงเวลาเปิดใจ

ตอนที่ 193 มันต้องรับผิดชอบ


ทันทีที่เหนือภพลุกขึ้นยืนนั้นก็เหมือนว่าจักรพรรดิค้างคาวทั้งสามจะรู้ตัว พวกมันเริ่มพลิกตัวคล้ายกับว่าจะหันกลับ แต่ช่องทางเดินในโพรงถ้ำไม่ได้ใหญ่มากพอที่พวกมันจะพลิกตัวได้ตามใจ

‘เสร็จล่ะ ไอ้หนู’

เหนือภพยิ้มอย่างมีความสุขในคราวเคราะห์ของผู้อื่น

“สหัสเดชะ”

สิ้นเสียงพึมพำของเหนือภพ ก็ปรากฏยักษ์อาคมสิบกรสีขาวโปร่งแสงขนาดใหญ่ยืนค้ำอยู่ด้านหลังของเหนือภพ จากนั้นร่างกายของเขาก็แปรเปลี่ยนเป็นสีขาว

‘ลมปราณราชันย์ยักษา’

เหนือภพเปิดใช้งานพลังวิชาอย่างต่อเนื่อง เพื่อรีดเร้นพลังโจมตีออกมาให้สูงที่สุด

เหล็กไหลทั้งสองราชันย์ไหลเวียนไปตามเส้นเลือดด้วยความเร็ว แพร่กระจายไปตามร่างกายหมุนเวียนต่อเนื่อง ผิวหนังปรากฏเส้นสายสีทองและแดง แตกแขนงออกไปตามร่างกาย มีลวดประหลาดที่น่าเกรงขาม ก่อเกิดเส้นสายลมปราณภายในร่างกาย หมุนวนตามหลักวิชาลมปราณราชันย์ยักษา

ในเสี้ยววินาทีที่สหัสเดชะถูกเรียกตัวขึ้นมา พลังของเหนือภพก็ถูกเพิ่มขึ้นมาสองร้อยเท่า แรงกดดันและกลิ่นอายอันศักดิ์สิทธิ์ส่งแรงกดดันมหาศาลไปทั่วบริเวณ แม้แต่บุหรงยังตื่นกลัวตกใจแทบหมดสติ ใบหน้าขาวซีด ร่างกายหลั่งเหงื่อตัวเย็นเฉียบราวอยู่ท่ามกลางนรกน้ำแข็ง

และเพื่อที่จะต้องการป้องกันแรงกดดันนั้น บุหรงใช้พลังเตาหลอมสร้างม่านพลังป้องกันด้วยเหล็กไหลพญาแดง จนร่างกายก่อสร้างโล่พลังงานความร้อนขึ้นมาได้ สีหน้าของบุหรงจึงพอจะดีขึ้นบ้าง

เหนือภพปรับเปลี่ยนกลไกดาบร้อยคมแปรผัน จากดาบยาวสองคมเล็ก แปรเปลี่ยนเป็นดาบใหญ่ในชั่วพริบตา

“ย้าก”

‘พลังรวมศูนย์’

เหนือภพฟันดาบใหญ่ร้อยคมแปรผัน สองมือฟาดฟันเฉียงใส่อากาศอย่างรุนแรง เสียงอากาศถูกฉีกกระชากไปพร้อมกับที่ใบดาบแตกกระจายราวผึ้งแตกรัง พุ่งออกไปเบื้องหน้าด้วยความเร็วเสียง พวกมันหมุนวนราวกับสว่านยักษ์ พุ่งเข้าไปในโพรงถ้ำขนาดเล็กที่ค้างคาวจักรพรรดิทั้งสามกระจุกตัวกันอยู่

เคล้ง! เคล้ง! ...เคล้ง!

เสียงโลหะปะทะของแข็ง ดังต่อเนื่องเท่ากับจำนวนร้อยคมเขี้ยวที่ปะทะเข้ากับปีกค้างคาวจักรพรรดิ ทั้งบุหรงและเหนือภพต่างหน้าเสีย ทำไมปีกมันถึงแข็งขนาดนั้น

“หยุดทำไมเล่า โจมตีเข้าไปอีก”  บุหรงเริ่มตื่นเต้นขึ้นมาอีกแล้ว เธอส่งเสียงร้องราวกับกำลังดูเหนือภพประลองอยู่

เหนือภพดึงฝูงร้อยคมเขี้ยวกลับ ก่อนจะเหวี่ยงดาบควบคุม ฝูงร้อยคมเขี้ยวซ้ำอีกครั้ง

เคล้ง! เคล้ง! ...เคล้ง!

เหนือภพนิ่วหน้า ฟาดดาบซ้ำอีกหลายครั้งต่อหลายครั้ง

เคล้ง! เคล้ง! ...เคล้ง!

เหนือภพเริ่มเหงื่อตก มองด้ามดาบร้อยคมแปรผันเริ่มแตกร้าว ผิวหนังของจักรพรรดิค้างคาวแข็งแกร่งอย่างยิ่ง ในเวลานี้เหนือภพกัดฟัน คำรามออกมาอย่างสุดเสียง

“ทศกัณฐ์ !”

ทันใดนั้นข้างกายสหัสเดชะก็มียักษ์อาคมกายสีเขียวโปร่งแสงขนาดใหญ่อีกตัวปรากฏขึ้นทางด้านขวา  มันมีสิบกรและสูงเท่ากับสหัสเดชะ ท่าทางเกรงขามไม่แพ้กัน ทันใดนั้นร่างกายของเหนือภพก็คล้ายกับมีการแบ่งซีกของสี ด้านครึ่งซ้ายสีขาว ด้านครึ่งขวาสีเขียว พลังภายในร่างของเหนือภพสูงขึ้น ส่งผลให้เกิดคลื่นลมกรรโชก กระแทกบุหรงที่อยู่ห่างจากเขากว่าห้าเมตร กระเด็นไปกระแทกเข้ากับประตูทองคำอย่างแรง

ตึง !!

โถงถ้ำสั่นไหวรุนแรง ก้อนหินร่วงกราวลงมา พื้นที่ที่เหนือภพยืนอยู่ยุบตัวลง มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางสามเมตร ราวกับไม่อาจทนรับน้ำหนักและพลังมหาศาลที่เพิ่มขึ้นฉับพลัน กระแสลมแรงกรรโชกก่อเกิดให้พายุฝุ่น แม้แต่ก้อนหินแร่ เศษซากศพที่อยู่ในบริเวณนั้น ยังถูกผลักกระเด็นไปราวกับปุยนุ่น

‘พลังรวมศูนย์’

ครั้งนี้เหนือภพไม่ได้ใช้ดาบใหญ่ร้อยคมแปรผัน เพราะพลังของมันกระจายมากเกินไป ที่สำคัญคือตอนนี้เริ่มเกิดร้อยร้าวขึ้นบนตัวอาวุธ เขาคว้าเอาท่อนโลหะสีเงินสามท่อนที่อยู่ข้างเอวมาต่อกันจนกลายเป็นหอกยาวสีเงินยวง ‘หอกเขี้ยวเงิน’

ทันทีที่เขาได้สัมผัสอาวุธขณะที่เป็นรูปเป็นร่าง มันทำให้เขามีความรู้สึกบางอย่าง ก่อเกิดสำนึกรู้ของยันต์อาคมทศกัณฐ์ขึ้น

ในนิมิตเขาเห็นหอกสีเขียวมีเปลวเพลิงสีมรกตลุกโหม ทว่าแทนที่หอกนั้นจะหลอมละลายเพราะความร้อน มันกลับยิ่งทวีความคมและรุนแรงมากยิ่งขึ้น ยามที่มันปักลงพื้นพิภพ ในรัศมีร้อยกิโลเมตรก่อเกิดเพลิงสีเขียวลุกไหม้ สรรพชีวิตล้มตาย ในรัศมีนั้นลงเหลือเพียงแค่ฝุ่นผง พื้นที่ว่างเปล่ากลายเป็นเพียงดินแดนแห้งแล้ง

เหนือภพรู้สึกหวาดกลัวตัวเอง เมื่อเขามีพลังมากขึ้นก็ยิ่งงทำให้เขาได้พบเห็นอะไรแปลก ๆ รับรู้ได้ถึงบางอย่างที่ไม่สมควรรู้ ก่อนหน้านั้นเขาก็นิมิตเห็นลมปราณราชันย์ยักษา บัดนี้ก็ได้เห็นหอกกับเปลวเพลิงมรกต ไร้นาม เหนือภพขนลุกซู่ หอกที่อยู่ในมือเขาจู่ ๆ ก็ลุกไหม้ด้วยเปลวเพลิง

หลังจากเขาใช้พลังรวมศูนย์รวบรวมพลังทำหมดลงไปยังหอก หอกก็ส่งเสียงคำรามราวกับอสูรร้าย เหนือภพเหนี่ยวรั้งหอกไปด้านหลังสุดแรงจนเส้นเลือดบนกล้ามแขนปูดโปนนูนดันขึ้นมาบนชุดเกราะนาคาซ่อน ก่อนจะเหวี่ยงไปด้านหน้าอย่างเต็มกำลัง หอกพุ่งออกไปด้วยความเร็วเสียง

“ตายซะ !”

ปึง !! ราวกับอาการถูกฉีกกระชาก ทิ้งไว้เพียงเส้นแสงสีมรกตที่พุ่งออกไปด้านหน้า

เคล้ง !! หอกเขี้ยวเงินหมุนเป็นเกลียวสว่านพุ่งปะทะเข้ากับร่างกายค้างคาวจักรพรรดิ ตัวหอกเจาะไม่เข้า แต่แทนที่มันจะกระเด็นกลับมา กลับกลายเป็นว่าหอกยิ่งหมุนคว้างราวกับสว่านเร็วขึ้นเปลวเพลิงมรกตลุกโชนขยายใหญ่มากขึ้น เสียงหมุนควงเจาะโลหะดังแหลมบาดหู มันหมุนต่อเนื่องพร้อมกับก่อเกิดสะเก็ดไฟและควันร้อน เพียงไม่กี่สิบวินาทีหลังจากนั้นก็เกิดการระเบิดอย่างรุนแรง

สวบ !! บรึ้ม  !!

หอกเจาะทะลุปีกของค้างคาวจักรพรรดิไปอย่างง่ายดาย พุ่งทะลุลำตัวด้านในราวกับเจาะเต้าหู้ ตามมาด้วยเสียงระเบิดดังก้องกังวาน พื้นที่โพรงถ้ำถูกแรงอัดระเบิดอัดทำลายจนแตกร้าว ผนังและเพดานหินหนาหนักพังทลายล้มครืนลงมาในที่สุด

ภายในไม่กี่สิบวินาที เปลวเพลิงมรกตก็ระเบิดลุกไหม้ พร้อมกับแรงระเบิดอีกระลอก เหตุการณ์ตั้งแต่ต้นการต่อสู้จนจบดูเหมือนยาวนาน แต่ความจริงแล้วผ่านไปเพียงแค่หนึ่งนาที กลุ่มผู้มาเยือนก่อนหน้าที่ยังไม่ทันได้หลบหนีไปถึงโถงหน้าจึงถูกเปลวเพลิงมรกตและแรงระเบิดทำลาย แม้จะมีคนเหลือรอด ก็เหลือเพียงไม่ถึงสี่คน และแต่ละคนต่างก็ได้รับบาดเจ็บไม่น้อย

ครืน !!

เสียงโพรงถ้ำถล่มลงมา มันกลบทางเดินตั้งแต่โพรงถ้ำที่ค้างคาวจักรพรรดิติดอยู่ ไปจนถึงทางเข้าเหมืองมหาลา�

ฝูงค้างคาวจำนวนมาก บินหนีรอดออกมาได้ ต่างพาโผบินขึ้นฟ้า หายไปท่ามกลางความมืดมิด ทิ้งไว้เพียงเสียงกรีดร้องคร่ำครวญที่ฟังแล้วน่าเวทนายิ่งนัก

หัวหน้ากลุ่มไม่คิดเลยว่าด้านในจะมีตัวอะไรอย่างอื่นซ่อนอยู่อีก เพียงแค่ค้างคาวโบราณพวกนั้น พวกเขาก็แทบจะเอาตัวไม่รอดแล้ว แต่ตัวประหลาดที่สามารถพ่นเปลวเพลิงนรกนั้นกลับดูโหดร้ายยิ่งกว่า พวกเขาเหลือเพียงแค่นี้ไม่พอที่จะจัดการมัน คงทำได้แค่รีบกลับอาราม

ชายวัยกลางคนไม่หลงเหลือเค้าความสง่างาม ใบหน้าเปรอะเปื้อนไปด้วยดินโคลนและกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้ง แววตาที่เคยฉายแววเด็ดเดี่ยวมุ่งมั่น กลับกลายเป็นแววตาแห่งความว่างเปล่า ท้อแท้และสิ้นหวัง

“กลับ !”

คำสั่งสั้น ๆ ที่อ่อนแรงไร้ความหนักแน่น ทำให้เหล่าคนที่เหลือจ้องผู้เป็นผู้นำอย่างเจ็บปวด ขณะพยุงร่างผู้นำกลับสู่ขบวนรถและม้านับร้อยตัวที่ถูกผูกเอาไว้ มีคนข้างนอกดูแลอย่างดี บรรยากาศค่ายพักข้างนอก มีคนงานไม่กี่คนที่ยืนขึ้นต้อนรับผู้เป็นนาย

“หัวหน้า”

พวกเขาเพียงเรียกหัวหน้าคำเดียว ไม่จำเป็นต้องเอ่ยถาม แค่เสียงระเบิดและสภาพของคนที่รอดกลับมา ก็ทำให้พวกเขาเข้าใจ ต่างพากันเบือนหน้าหนีพยายามเก็บน้ำตา ปล่อยให้บรรยากาศเต็มไปด้วยความเศร้าและเงียบเหงา

“อะไรที่พอจะชดเชยให้พี่น้องที่ตายไปได้ ก็ทำเถอะ”

หัวหน้าสั่งเพียงเท่านี้ เหล่าข้ารับโค้งกายรับคำ จากนั้นก็ตรงไปยังม้าของพี่น้องที่ตายไป ก่อนจะทำการสังหารม้าพวกนั้น นี่เป็นวัฒนธรรมของนักรบชนเผ่าพวกเขา เพื่อที่จะให้คนตายไปอย่างสุคติ ม้าที่เคยเคียงคู่ต้องตายไปด้วย วิญญาณของมันจะช่วยพาพี่น้องที่ตายไป ไปสู่ปรโลกอย่างปลอดภัยและก็ว่องไว เพื่อที่จะกลับมาเกิดพี่น้องกันอีกครั้ง

เสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวดของม้าดังต่อเนื่องกันหลายสิบตัว สุดท้ายพวกมันก้ต้องตายไปอย่างไม่ยินยอมพร้อมใจนัก

“กลับ ข้าต้องการความยุติธรรมให้กับพี่น้องข้า”

ใบหน้าชายวัยกลางคนฉายแววเด็ดเดี่ยวดื้อรั้น ความภาคภูมิกลับมาอีกครั้ง แววตาที่คุกรุ่นไปด้วยโทสะ หากไม่เป็นเพราะราชวงศ์อมตะบอกว่าค้นพบข้อมูลเกี่ยวกับอารามโบราณของพวกเขา มีหรือที่พวกเขาจะได้มาเผชิญเหตุการณ์สูญเสียพี่น้องจำนวนมากขนาดนี้ ข่าวลือที่ราชวงศ์อมตะมอบให้ ก็แค่ล่อให้พวกเขามาเป็นเบี้ยช่วยกำจัดค้างคาวคร่ำครวญที่เฝ้าสมบัติ

“ใช่ ๆ ราชวงศ์อมตะ มันต้องรับผิดชอบ”

เหล่าพี่น้องที่เหลือต่างส่งเสียงด้วยความแค้นเคือง เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว หากราชวงศ์อมตะไม่หลั่งเลือด พวกเขาก็จะไม่ยอมรามือ

ด้านในโถงถ้ำค้างคาว

บัดนี้ทุกอย่างสงบเงียบ นอกจากกองหินมากมาย ก็มีเหนือภพนั่งกระอักเลือดอยู่เพียงลำพัง การฝืนเรียกยักษ์อาคมสองตัวพร้อมกัน อีกทั้งมีการเคลื่อนปราณอาคมภายในร่าง ก่อเกิดความเสียหายใหญ่หลวง  ร่างกายที่ไม่เคยมีอาคม เมื่อมีกระแสอาคมไหลเวียนภายในร่างมากเกินไปก็จะเกิดผลกระทบ โดยเฉพาะผู้ที่กัดกินเนื้อสัตว์อสูรเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่ง ปราณอาคมก็เหมือนยาพิษที่ค่อย ๆ ทำลายพวกเขาจากภายใน

วิธีนี้แก้ได้หากสามารถหลอมรวมเหล็กไหลได้อย่างสมบูรณ์ มันจะเปลี่ยนร่างกายคนธรรมดาให้คล้ายกับผู้มีพรสวรรค์ อีกทั้งก็ยังคงร่างกายที่สามารถพัฒนาตัวเองได้ด้วยเนื้อสัตว์อสูรได้ ทว่าทฤษฎีนั้นเป็นเพียงตำนาน ผู้ที่ได้ครอบครองเหล็กไหล การจะหลอมรวมมันให้ได้สักห้าสิบส่วนในร้อยส่วน ก็นับว่าโชคดีมากแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการหลอมรวมให้ได้ร้อยส่วน หากเป็นเหล็กไหลธรรมดาทั่วไปอาจเป็นไปได้ ทว่าสำหรับเหล็กไหลราชันย์นั้นคือความเพ้อฝัน แค่ให้ได้สักสี่ส่วนหรือห้าส่วนก็ยากดุจเข็นครกขึ้นภูเขา

ขนาดเขาในตอนนี้ยังหลอมรวมพวกมันทั้งสองได้เพียงแค่สองส่วน แต่ก็ยังดีแม้จะหลอมรวมได้ไม่สำเร็จ แต่เขาก็ยังดึงพลังปราณออกมาใช้ได้ถึง 20 % และด้วยความที่เขาไม่มีความรู้สึกเจ็บ ผลกระทบที่น่าจะทำให้รู้สึกเจ็บปวดทุกข์ทรมาน กลับไม่ส่งผลต่อเขาแม้แต่น้อย อย่างมากก็แค่กระอักเลือด ขับเลือดคั่งภายในออกมาเสียหน่อยก็ดีขึ้น

เหนือภพกัดกินเม็ดยาก่อนจะนอนราบไปกับพื้นปรับลมหายใจ แม้เขาไม่เหนื่อย แต่การกระอักเลือดต่อเนื่อง มันก็ทำให้เขารู้สึกแปลก ๆ มันไม่ใช่ความรู้สึกเหนื่อย แต่คลับคล้ายคลับคลาว่าจะหายใจไม่ทั่วปอด คล้ายกับว่ากำลังจะขาดอากาศหายใจเสียให้ได้

เหนือภพนอนแน่นิ่งอยู่แบบนี้เกือบสามสิบนาทีกว่าร่างกายจะกลับมาดีขึ้น

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด