ตอนที่แล้วตอนที่ 191 ผลึกแร่
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 193 มันต้องรับผิดชอบ

ตอนที่ 192 ประตูทองคำหมื่นปี


“แรกเริ่มก็เป็นไปด้วยดี แต่ในปีนั้นขณะที่พวกเขากำลังขุดลอกถ้ำเพื่อสร้างฐานบัญชาการ พวกเขากลับได้พบกับประตูทองคำอายุหลายหมื่นปี ทันทีที่เปิดประตูนั้นออก ข่าวคราวของกองกำลังลับก็หายไป มีเพียงแต่เสียงกรีดร้องดังระงมยามค่ำคืน กับซากศพผู้คนเป็นจำนวนมากที่ถูกขนออกมา เรื่องการฝึกนั้นแม้แต่ข้าเองก็ไม่รู้ว่าจบสิ้นยังไง รู้เพียงแต่ว่าสาเหตุการตายของคนในกองกำลังลับในตอนนั้น คือสัตว์อสูรระดับจักรพรรดิที่เฝ้าอยู่ทางเข้าประตูทองคำ ส่วนด้านในเป็นอะไรนั้นข้าเองก็ไม่รู้”

เหนือภพเอียงคอครุ่นคิดสิ่งที่บุหรงเล่า เขาหวนคิดไปถึงค้างคาวยักษ์ขนาดเท่าแม่วัวสามตัว ระดับพลังของมันสูงมากจนสร้างแรงกดดันให้กับเขาได้ ส่วนเรื่องตำนานอะไรนั่นก็ฟังดูเหมือนเรื่องพร่ำเพ้อมากกว่า อีกอย่างคนเกเรอย่างบุหรงจะมารู้เรื่องอะไร เหนือภพหรี่ตามองบุหรงอย่างค้นหา

“ถ้าเจ้ารู้ละเอียดขนาดนี้ ทำไมถึงไม่รู้ว่าด้านในประตูทองคำมีอะไร”

“ที่ข้ารู้ เพราะยี่สิบปีก่อน ตอนที่ข้าอายุเพียงแค่ 11 ขวบ ข้ากับพ่อข้าเคยมาที่เหมืองมหาลาภ พ่อข้าเป็นคนมีอำนาจ ทั้งยังเป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนโครงการลับนั้น ข้าเลยพอรู้เรื่องมาบ้าง ส่วนละเอียดของมันนั้นข้าไม่มีสิทธิ์รับรู้ โดยเฉพาะเมื่อตัวข้าเป็นแบบนี้”

พอบุหรงย้อนคิดถึงอดีต เธอก็ยกน้ำเต้าขึ้นดื่มอึกใหญ่ ภายในแววตามีเพียงแต่ความทุกข์อัดอั้นตันใจ หากเธอไม่ใช่คนไร้พรสวรรค์ บางทีเรื่องราวอาจจะไม่เป็นแบบนี้ก็ได้

เหนือภพมองบุหรงด้วยความเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง เขารู้สึกว่าเธอยังพูดไม่หมด แต่พอลองคิดใคร่ครวญดู ก็ไม่เห็นว่าเธอจะได้ประโยชน์อะไรจากการโกหกเขา

จากนั้นเหนือภพกับบุหรงก็พูดคุยตกลงแผนการกัน ไม่ว่าอย่างไรพวกเขาก็ต้องเข้าไปข้างในประตูทองคำให้ได้ แม้บุหรงจะไม่รู้ว่าด้านในมีอะไร แต่เธอมั่นใจว่าของที่ดูมีอายุยาวนานขนาดนั้นคงเป็นพวกสุสาน หรือไม่ก็พื้นที่มรดก หากเลวร้ายที่สุดก็คงเป็นตำหนักเทพของเหล่าสิ่งมีชีวิตบรรพกาลที่มีสติปัญญา แต่ไม่ว่าจะเป็นแบบไหน มั่นใจได้เลยว่าด้านในต้องซุกซ่อนสมบัติจำนวนมากเอาไว้

เหนือภพส่งสัญญาณให้บุหรงเดินเข้าไปก่อน ขณะที่เขาเดินคุมเชิงอยู่ด้านหลัง พวกเขาค่อย ๆ ก้าวทีละก้าวอย่างช้า ๆ เพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่เกิดเสียงจนทำให้จักรพรรดิค้างคาวทั้งฝูงตื่น

ทั้งสองใช้เวลาเดินอย่างเป็นระบบไม่นาน พอเห็นว่าจักรพรรดิค้างคาวทั้งสามทำท่าจะตื่นขึ้น พวกเขาก็จะหยุดนิ่ง เมื่อแน่ใจว่าปลอดภัยพวกเขาก็เดินต่อไป แต่ทันทีที่ไปถึงประตูทองคำ พวกเขาก็พบว่ามันมีขนาดใหญ่กว่าที่คิด ประตูสีทองหนาหนัก สูงกว่าสิบเมตร กว้างกว่าห้าเมตร อีกทั้งลวดลายบนประตูยังมีเรื่องราวบางอย่างสลักอยู่ แต่เหนือภพแทบจะไม่สนใจอะไรเกี่ยวกับมัน นอกจากจ้องไปยังรูกุญแจ แค่รูกุญแจประตูยังมีขนาดใหญ่กว่าสองนิ้ว มันมีสามช่อง น่าจะต้องใช้กุญแจสามดอกเปิดพร้อมกันถึงจะเปิดมันได้

บุหรงรู้สึกสิ้นหวัง หากพวกเขาใช้กำลังเปิดประตูก็เกรงว่าค้างคาวนับร้อยที่อยู่บริเวณโถงใหญ่จะโจมตีพวกเขาทันที  บุหรงนึกคิด พลางมองไปยังจักรพรรดิค้างคาวทั้งสาม ที่กำลังขยับปีกเพื่อไล่แมลง

“นี่ ๆ”

จู่ ๆ บุหรงก็ตื่นตัว ขณะจ้องไปที่ค้างคาวตัว ราวกับกลัวว่ามันจะหายไป เธอเขย่าไหล่เหนือภพที่อยู่ข้าง ๆ อย่างแรง

เหนือภพนิ่วหน้าหันมามองใบหน้าที่ทั้งดีใจระคนตกใจของหญิงสาว ทำให้เขามองตามทิศทางที่นางชี้ และเขาก็ได้เห็นแสงสีทองแวววาวสะท้อนกลับเข้าสายตา เหนือภพไม่คิดว่ากุญแจหนึ่งดอกจะถูกแขวนอยู่บนคอของจักรพรรดิค้างคาว ไม่รู้ว่าอีกสองตัวจะมีเหมือนกันหรือเปล่า เหนือภพมองเห็นไม่ชัดเพราะถูกบดบังด้วยปีก

บุหรงที่กำลังตื่นเต้น ส่งสัญญาณให้เหนือภพไปลุย

‘ไปสิ’

เหนือภพชี้หน้าตัวเอง ก่อนจะรีบส่ายหน้ารัว

‘ไม่ ๆ’

จักรพรรดิค้างคาวเพียงตัวเดียวคงจัดการได้ไม่ยาก แต่ถ้าจะให้จัดการทั้งสามตัวพร้อมกัน ก็คงมีเสียเลือดเสียเนื้อกันบ้าง ยังไม่นับรวมฝูงลูกสมุนค้างคาวนับร้อยที่มีแรงค์ D เป็นส่วนมาก การต่อสู้นี้มีแต่ตายกับตาย

บุหรงฮึดฮัดอย่างไม่พอใจ เธอตัดสินใจล้วงเข้าไปในอกเสื้อของตัวเอง ขยับมือไปมาเพื่อควานหาอะไรบางอย่าง ก่อนจะดึงตำราเล่มหนึ่งออกมายื่นให้เหนือภพ

เหนือภพอ่านมัน ‘พลังอสูรคำราม’ เขาหันกลับไปมองหญิงสาว พร้อมกับกัดฟันกรอด เขาไม่ได้โง่ โดยเฉพาะเรื่องการต่อสู้ การที่นางส่งตำราวิชามาก็เพื่อให้เขาฝึกไว้ใช้จัดการกลับฝูงค้างคาว เพราะเห็นว่าค้างคาวพวกนี้มีประสาทรับเสียงได้ดี พลังวิชาจำพวกเสียงจึงพอจะสังหารมันได้ ด้วยการสร้างคลื่นความถี่เสียงที่รุนแรง แต่วิชาต่อสู้มันใช้เวลาแค่วันสองวันเรียนรู้ที่ไหน อย่างน้อยก็ต้องปูพื้นฐานกันเป็นปี

เหนือภพเก็บตำราเข้ากระเป๋าสัมภาระ แล้วบ่นพึมพำนางด้วยปากขมุบขมิบ พร้อมกับสื่อว่า

‘ออกไปก่อนค่อยว่ากัน’

บุหรงชักสีหน้าไม่พอใจ เธอคาดหวังความสามารถจากตัวเหนือภพมากกว่านั้น เแต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้สั่งสอนรุ่นน้องหัวทึบ เวลานั้นก็เกิดมีเสียงสนทนาของบุคคลอื่นก็ดังแว่วใกล้เข้ามา

“เจ้าบอกว่าเจอโบราณสถานภายในเหมืองหรอ ทางไหน”

“ทางนี้ครับนายท่าน เมื่อหลายเดือนก่อนข้าให้คนมาสำรวจที่นี่ บวกกับข้อมูลที่ทางราชวงศ์ให้เรา มีความเป็นได้ที่เราจะได้ข้อมูลเกี่ยวกับพื้นที่มรดกของนครทองคำ ที่ทางสำนักงานฮันเตอร์พบเจอ”

“นำข้าเข้าไป”

“ขอรับ”

ทั้งเหนือภพและบุหรงจ้องหน้ากัน ก่อนจะพากันหมอบลงกับพื้น แกล้งทำเป็นว่าพวกเขาเป็นเพียงแค่ศพสองศพที่โชคร้ายที่ถูกฆ่าตาย

กลุ่มคนปริศนาใกล้เข้ามาทุกที นำโดยชายหนุ่มใบหน้าธรรมดา เขาเดินนำมาได้ระยะหนึ่งก็ถูกชายที่เป็นผู้นำกลุ่มจับไหล่เอาไว้ ไม่ให้เดินต่อ

“ที่นี่มีบรรยากาศแปลก ๆ คนที่ต่อสู้กันที่โถงข้างหน้าอาจจะซ่อนตัวอยู่แถวนี้”

เมื่อคำพูดของผู้นำกลุ่มดังขึ้น กองกำลังอีกหลายร้อยคนที่อยู่เบื้องหลังต่างชักอาวุธออกมาอย่างพร้อมเพรียงกัน เพราะก่อนหน้าที่พวกเขาเข้ามา ไม่เพียงพบรถม้าอสูรสีดำของใครบางคน ยังเป็นรถม้าที่พิเศษและแข็งแกร่งมาก ๆ แม้พวกเขาจะใช้กำลังเปิดมัน แต่กลับถูกค่ายกลที่ซ่อนอยู่บนรถทำร้ายจนบาดเจ็บ บางคนถึงก็ล้มตาย พอพวกเขาเข้ามาถึงโถงใหญ่ส่วนแรก ก็เผชิญกับกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้ง บริเวณรอบ ๆ โถงนั้นมีร่องรอยการต่อสู้อย่างรุนแรง บ่งบอกระดับของทั้งสองที่ไม่ธรรมดา

บุหรงหรี่เปลือกตาขึ้นนิดหนึ่ง เธอเห็นจากระยะไกลว่าตอนนี้ทุกคนมีท่าทีระวังมาก ทั้งเครื่องแต่งกายของแต่ละคนก็ดูมีความสูงส่งไม่ธรรมดา แม้แต่คนแบกหามก็ยังสวมใส่ชุดผ้าไหม เห็นได้ชัดว่าคนพวกนั้นไม่ใช่คนในพื้นที่ น่าจะมาจากเมืองอื่น

กลุ่มผู้มาเยือนนำโดยชายวัยกลางคนรูปลักษณ์สง่างาม ด้านหลังพกทั้งคันธนูและก็ดาบยาว พวกเขาค่อย ๆ เดินมาถึงโถงของสัตว์อสูรค้างคาว

“ด้านหน้ามีคนตาย ! หรือว่าจะเป็นเจ้าของรถม้าคันนั้น”

หนึ่งในผู้ติดตามพูดขึ้น ทำให้ทุกคนเพ่งมองร่างที่นอนแน่นิ่งอยู่ตรงหน้า และไม่ทันได้สังเกตถึงสิ่งมีชีวิตด้านบนแม้แต่น้อย

สายตาทักคู่จับจ้องไปยังศพทั้งสองที่นอนตายหน้าประตูทองคำ ร่างหนึ่งเป็นชายหนุ่มรูปร่างดีกำลังนอนคว่ำอยู่กับพื้น เขามีเลือดเปรอะเปื้อนทั่วกายและแน่นิ่งไม่ไหวติง ส่วนอีกร่างเป็นหญิงสาวผมเผ้ายุ่งเหยิงที่มองเห็นใบหน้าได้ไม่ชัดเจน เธอทอดร่างอยู่บนพื้นด้วยท่านอนหงาย แขนขาทั้งสองข้างเหยียดออก มันหงิกงอไปในทิศทางที่ไม่เป็นธรรมชาติและไม่น่าดู เธอคงจะผ่านเรื่องเลวร้ายมาเยอะจริง ๆ

พวกเขาตัดสินใจพุ่งเข้าไปตรวจสอบร่างทั้งสอง เสียงฝีเท้ามากมายที่ดังสะท้อนไปมา ทำให้ถ้ำสั่นสะเทือน และในขณะที่พวกเขาวิ่งเข้าไปในโถงถ้ำจักรพรรดิค้างคาวได้เพียงครึ่งทาง ผู้นำกลุ่มก็รู้สึกได้ถึงลมหายใจของสิ่งมีชีวิตด้านบน บัดนี้พวกมันตื่นแล้ว

“กรี๊ดดดด !!!”

เสียงร้องของค้างคาวแหลมเล็กราวกับเสียงกรีดร้องของผู้หญิง กลุ่มคนปิดหน้าทั้งกลุ่มตื่นตัว ขณะที่ฝูงค้างต่างส่งเสียงร้องออกมา มีโทนเสียงต่าง ๆ นานา ที่น่าแปลกคือทุกเสียงนั้นเหมือนกับมนุษย์เวลาส่งเสียงด้วยความหวาดกลัว มีทั้งเสียงชายและหญิงผสมปนเปกันไป

กลุ่มผู้มาเยือนถูกฝูงค้างคาวพุ่งเข้าฉีกกัด บางคนถูกลากให้ลอยขึ้นบนฟ้า ก่อนจะถูกค้างคาวมากกว่า ห้าตัวรุมดูดเลือดจนเหือดแห้ง แล้วปล่อยร่างตกลงมากระแทกพื้น

“นี่มันค้างคาวคร่ำครวญ  ถอยเร็ว !”

ชายผู้นำกลุ่มเพียงแค่ได้เห็นลักษณะของค้างคาวพวกนี้ก็ดูออกทันที เขารีบวิ่งออกไปพร้อมกับฉุดลากสหายร่วมทางที่ยังคงมีชีวิตกลับไปด้วย

“เร็วกว่านี้ !”

“โอ๊ย !”

ฝูงค้างคาวจำนวนมากบินตามกลุ่มคนพวกนั้นไป เสียงกรีดร้องครวญไม่รู้ว่ามาจากค้างคาว หรือมจากกลุ่มมนุษย์ที่ถูกเข็นฆ่า ดังก้องผสานกันไปตลอดทาง มันดังมากขนาดที่ทำให้ชาวบ้านที่อยู่ห่างจากเหมืองในรัศมีไม่เกินหนึ่งกิโลเมตรได้ยินเสียงนี้ ใครได้ยินก็พากันขนลุกซู่ รีบปิดบ้านเข้านอนโดยไว คาดว่าพรุ่งนี้คงจะมีเรื่องเล่าสะพัดทั่วเมืองอีกแน่นอน

ด้วยขนาดตัวที่ใหญ่โตของจักรพรรดิค้างคาวทั้งสาม ทำให้มันไม่อาจบินผ่านเข้าไปโถงถัดไปได้ พวกมันจึงได้แต่ลงมายืนบนพื้นแล้ว แล้วค่อย ๆ เดินหาทางมุดเข้าไปยังโถงต่อไป

บุหรงที่จับตามองพวกค้างคาอยู่ ก็รีบสะกิดเหนือภพ

“เร็วตอนนี้แหละ ถ้าพวกเราช่วยกัน เราก็ฆ่าพวกมัน ในตอนที่พวกมันติดอยู่ที่โพรงแคบ ๆ นั่นได้ นี่เป็นโอกาสดีที่สุดแล้ว เร็ว !”

เหนือภพพยักหน้าพลางลุกขึ้น ทว่าเขากลับดันบุหรงที่เตรียมจะเข้าปะทะ ให้ไปอยู่ด้านหลัง เขาทำราวกับว่านางเป็นเพียงตัวเกะกะ ที่มีเพียงแค่แรงใจแต่ไม่มีแรงสู้

“ปล่อยให้ข้าจัดการเอง ไปอยู่ไกล ๆ”

แม้บุหรงจะไม่เข้าใจ แต่นางก็ทำตาม นางรู้มาตลอดว่าเหนือภพคงไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป เริ่มตั้งแต่ในวันนั้นตอนที่หญิงสาวที่ชื่อว่าจิต หลุดปากเรียกชายหนุ่มคนนี้ว่า ‘ท่านฮัน’ แม้จะไม่จบประโยค แต่เธอก็ฉลาดพอที่จะรู้ว่ามันหมายถึงอะไร เขาเป็นคนไร้พรสวรรค์ที่เป็นถึงฮันเตอร์ คงจะไม่ได้ธรรมดาสามัญอย่างที่คิด ดังนั้นคำว่าเป็นห่วง หรือระวังด้วยนะ มันไม่จำเป็นสำหรับคนแบบนี้ ดังนั้นนางอยู่เบื้องหลังไม่ขัดแข้งขัดขาเขาคงเป็นเรื่องดีที่สุด

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด