ตอนที่ 182 เพื่อนข้าชอบท่าน
ท่ามกลางพื้นที่โล่งและแสงจันทร์สลัว เหนือภพจ้องที่ยังสิ่งมีชีวิตประหลาดที่พญานาคบอกว่าเป็นลิง เมื่อเขาได้เห็นเต็มสองตาก็ถึงกับตะลึง แสงจันทร์ทำให้เขาเห็นได้ชัดเจนขึ้น มันคิดวานรขนฟูที่มีร่างเล็กกว่ามนุษย์มาก แต่ทันทีที่มันก้าวเดินร่างกายของมันก็ขยายใหญ่ขึ้น ราวกับกำลังจะความสามารถของมันที่สามารถปรับสภาพตัวเองได้ตามสภาพแวดล้อม เมื่ออยู่ในพื้นที่คับแคบอย่างในตัวอาคาร ทำให้มันหดตัวเองลงเพื่อใช้คงความได้เปรียบการเคลื่อนไหว แต่พอมันมาอยู่ภายในพื้นที่โล่งกว้าง มันก็ไม่จำเป็นต้องปิดบังพลังของตัวเองอีกต่อไป ดวงตาแดงก่ำกันมาจ้องเหนือภพอย่างกระหายเลือด
กรรร !
เสียงคำรามของมันทำให้เหนือภพรู้สึกว่าเขาหลงกลมันเข้าแล้ว มันตั้งใจล่อให้เขาขึ้นมาบนดาดฟ้าตั้งแต่แรก
เหนือภพรีบใช้พลังรวมศูนย์ขณะพุ่งเข้าปะทะวานรยักษ์ด้วยความเร็วสูง เขาซัดกำปั้นที่ผนึกไปด้วยกำลังมหาศาล แต่กลับถูกวานรต้านรับไว้ด้วยท่อนแขนอันแข็งแกร่ง แล้วเหนือภพก็สังเกตเห็นอะไรบางอย่าง ท่าทางของมันเหมือนกับท่าทางที่เหนือภพเคยใช้ก่อนหน้านี้
‘มันสามารถเรียนรู้การต่อสู้ ?’
แต่ถ้ามันเรียนรู้ได้แล้วยังไง เหนือภพรีบใช้กระบวนท่าเพลงมวยพหุยุทธ์ฟาดขาเข้าที่สีข้างของวานรยักษ์อย่างรวดเร็วและหนักหน่วง เสียงอั๊กมาพร้อมกับฝอยโลหิตสีม่วง ที่พ่นออกมาจากปากวานรยักษ์ ก่อนที่วานรจะได้ทันตั้งตัว กำปั้นพลังรวมศูนย์ก็ซัดเปรี้ยงเข้าที่ใบหน้าของวานรยักษ์จนกระเด็นออกไป
เหนือภพรีบพุ่งตามไปติด ๆ ก่อนจะคว้าขาของวานรยักษ์ด้วยความเร็วที่เหนือชั้นกว่า แล้วก็เหวี่ยงฟาดวานรยักษ์ลงกับพื้นอาคารอย่างไร้ความปรานี
ตูม !
แม้ตัวอาคารจะสั่นสะเทือนบ้าง แต่มันก็ไม่ได้พังทลายลงมา แสดงว่าตัวโครงสร้างถูกสร้างมาเพื่อใช้สำหรับรองรับต่อสู้ตั้งแต่แรกแล้ว ชายหนุ่มผมสีม่วงหรี่ตามอง แม้วานรยักษ์จะโดนไปหนักหน่วง แต่แววตาสีแดงก่ำของมันกลับยังไม่หม่นแสง มันมีแต่จะยิ่งเจิดจ้ามากยิ่งขึ้น
เหนือภพกำหมัดซัดเปรี้ยงไปที่ใบหน้าของวานรยักษ์ซ้ำอีกครั้ง แต่แววตาสีแดงก่ำของมันก็ยิ่งเจิดจ้ามากขึ้นอีก เหนือภพตัดสินใจต่อยซ้ำ ๆ และในทุกครั้งเขาจะเพิ่มกำลังหมัดขึ้นทีละระดับ เขาซัดไปนับสิบครั้งจน กระทั่งกำปั้นแฝงไปด้วยกำลังระดับ 50 ถึงจะสามารถดับแสงที่เจิดจ้าภายในดวงตาของวานรยักษ์ได้ ท่าทีขัดขืนบ้าคลั่งค่อย ๆ อ่อนลง ร่างที่ใหญ่โตเทอะทะของมันค่อย ๆ หดเล็กลง
และนั่นก็ทำให้เหนือภพต้องเบิกตากว้าง
“จิต ! เป็นไปได้ยังไง”
จากร่างลิงยักษ์กลายเป็นหญิงสาวร่างเปลือยเปล่าที่ทรุดตัวอยู่เบื้องหน้าเหนือภพ เธอเป็นคนที่เขาพยายามตามหามาโดยตลอด
เหนือภพรีบอุ้มจิตขึ้นมาด้วยความรู้สึกผิดในใจ ตอนนี้เขาร้อนใจมากเพราะลมหายใจของจิตช่างแผ่วเบาเหลือเกิน
ณ ลานประลองส่วนกลางที่ 7 หลอมแร่แปรธาตุ
เมื่อการประลองได้เดินมาถึงจุดสิ้นสุด กรรมการสนามประลองก็ประกาศทันที
“ผู้ชนะได้แก่ พุดตาน จากบ้านเพชร”
เย้...
เสียงไชโยของเหล่าผู้ชมจากหลากหลายบ้าน มีเพียงนักศึกษาจากบ้านเพชรที่ตบมือเบา ๆ อย่างมีมารยาท พวกเขาดูแตกต่างจากนักศึกษาทั่ว ๆ ไป ทั้งกิริยามารยาท ทั้งคำพูดคำจา ทั้งความรู้ความสามารถ ช่างสมกับเป็นบ้านอันดับหนึ่งของวิทยาลัย ที่คว้าชัยชนะจากการประลองทุกรายการ
ทางบ้านนิลกาฬเอง เมื่อพ่ายแพ้ไปก็มีท่าทางเสียดาย การแข่งหลอมแร่แปรธาตุโดยการนำแร่หินไร้ประโยชน์และอัญมณีหลายชนิดมาแปรธาตุให้เป็นแร่มีสีนั้น เป็นศาสตร์วิชาที่ท้าทายมาก เพราะตามปกติแล้วแร่มีสีในธรรมชาติจะเกิดจากการหลอมเหลวและกดอัดโดยธรรมชาติ เป็นเวลาหลายร้อยหลายพันปี จนได้แร่ที่มีปราณอาคมไหลเวียนอยู่ภายใน แต่ศาสตร์การหลอมแร่แปรธาตุคือการกระตุ้นปฏิกิริยาของแร่ด้วยสารเร่งอนุภาคบางชนิด กระตุ้นให้เกิดการกลั่นหลอมโดยเตาหลอม ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่คนทั่ว ๆ ไปจะทำได้ ต้องอาศัยองค์ความรู้และเวลาในการบ่มเพาะประสบการณ์
ดังนั้นต่อให้ กลืนดาว รุ่นพี่สาวจากบ้านนิลกาฬจะพ่ายแพ้ แต่เธอก็ยังได้รับการยกย่องสรรเสริญ และได้รับคำชมไม่หยุดเช่นเดียวกัน
“นี่ ! รางวัลในรอบนี้คืออะไร”
ข้าวเหนียวถามดนัยเพื่อนสนิทที่นั่งติดกัน เพราะเขามาช้าจึงได้ดูการแข่งขันเพียงครึ่งหลัง แถมยังไม่รู้ว่ารางวัลของการประลองคืออะไร ทำให้ขาเม้ารุ่นใหม่ประจำบ้านบุษราคัมอย่างเขารู้สึกเสียหน้านิดหน่อย เพื่อไม่ให้ใครครหาได้ เขาจึงต้องหาข้อมูลรอบตัว
“นี่เจ้ายังไม่รู้อีกหรอ สุราสามก้าวนิทรา หนึ่งหยดไง”
ดนัยหันมาบอกเพื่อนด้วยหน้าตาเหยาะเย้ยอย่างไม่จริงจังนัก อย่างน้อยรอบนี้เขาก็ทันข่าวมากกว่า
“เฮ้ยจริงดิ นี่มันโคตรของรางวัลมีค่าเลยนี่หว่า ถึงว่าทำไมวันนี้ตัวเต็งของทั้งสองบ้านถึงลงประลองอย่างเอาเป็นเอาตาย”
จากนั้นกรรมการการแข่งขันก็ประกาศให้คู่ต่อไปขึ้นประลอง ซึ่งก็ยังคงเป็นรุ่นพี่ปีสามเช่นเดิม แต่รอบนี้เป็นตัวแทนจากบ้านมุกดาที่มาเจอกับตัวเต็งด้านการหลอมแร่จากบ้านมรกต
ข้าวเหนียวเฝ้าดูการประลองอย่างตื่นเต้น เขาพยายามจดจำรายละเอียดปลีกย่อย และสิ่งที่น่าสนใจให้ได้มากที่สุดเพื่อไปเล่าต่อให้ผู้อื่นฟังต่อ ในขณะนั้นเองรุ่นพี่ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นตัวปัญหาอย่างบุหรงก็มานั่งข้าง ๆ เขา ทำให้ทั้งดนัยและข้าวเหนียว รวมไปถึงคนอื่น ๆ ต้องผงะถอย อารมณ์สนุกสนานในการชมการประลองกลายเป็นความกดดัน
ข้าวเหนียวพยายามคิดหาหนทางเพื่อที่จะทำลายบรรยากาศที่แสนอึมครึมนี้ จนกระทั่งเขานึกได้ว่าก่อนหน้านี้พิภพมาถามเขาเรื่องบุหรง ด้วยประสบการณ์การซุบซิบนินทามาหลายปีทำให้ข้าวเหนียวคาดเดาได้ว่าทั้งสองคนน่าจะรู้จักและมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน พิภพอยากเอาใจบุหรงแต่ไม่รู้ว่าเธอชอบอะไร เลยมาถามเขา ดังนั้นเพื่อให้เพื่อนได้สมหวัง แม้จะต้องฝ่ามรสุมดาบหรือทะเลเพลิง เขาก็ต้องช่วยเหลือเพื่อนร่วมรุ่นให้ได้
ข้าวเหนียวหันมาทางบุหรง แล้วกระแอมหนึ่งที
“รุ่นพี่ครับ”
“หืม”
บุหรงเอียงหน้ามองข้าวเหนียว สายตาของเธอเต็มไปด้วยการจับผิดและไม่ไว้วางใจ ทำให้ข้าวเหนียวรู้สึกประหม่า เขาลอบกลืนน้ำลายลงคอและบีบมือตัวเองแน่น จะว่าไปบุหรงก็เป็นคนสวยจัดคนหนึ่ง แม้เธอจะปล่อยตัวกระเซอะกระเซิง ขอบตาดำคล้ำดูเหมือนคนไม่หลับนอน มีกลิ่นเหล้าผสมกลิ่นหอมอ่อน ๆ ที่มีเอกลักษณ์บางอย่าง แถมยังชอบใส่เสื้อผ้าซ้ำหลายวันติดกัน แต่เธอก็ยังดูมีเสน่ห์แบบสาวร้าย ๆ
“เอ่อ คือว่า มีเพื่อนข้าคนหนึ่ง ดูเหมือนเขาจะตามหารุ่นพี่”
บุหรงเอียงคอสงสัย เธอคิดไม่ออกจริง ๆ ว่าจะมีรุ่นน้องคนไหนสนใจเธอ ต่อให้เธอเปลื้องผ้าต่อหน้าพวกเขา พวกเขาก็คงจะวิ่งหนี
“พูดต่อสิ”
เวลานี้ข้าวเหนียวรู้สึกอึดอัดไม่น้อย เขาเริ่มเหงื่อตกแล้ว
“รุ่นพี่ก็รู้ใช่ไหมว่าเรื่องข่าวลือ หรืออะไรต่าง ๆ ภายในวิทยาลัยข้าก็รู้ทั้งนั้น”
บุหรงพยักหน้า แม้ว่าเธอดูเหมือนจะไม่สนใคร แต่เธอก็คอยสอดส่องพวกรุ่นน้องของบ้านบุษราคัมตามหน้าที่เสมอ โดยเฉพาะคนประหลาด ๆ อย่างข้าวเหนียวเธอพอได้ยินเรื่องของเขามาบ้าง
ข้าวเหนียวยืดอกภูมิใจ คิอไม่ถึงว่าชื่อเสียงของเขาจะโด่งดังไปทั่วบ้าน
“คือว่าเพื่อนของข้าคนนั้น เขาถามถึงรุ่นพี่ ว่าท่านชอบอะไร ข้าก็บอกว่าท่านไม่ได้ชอบอะไรพิเศษจึงเดาออกไปว่าท่านชอบดื่มบ่อย ๆ พอเพื่อนของข้าคนนั้นได้ยินปุ๊บ เขาก็รีบกระโดดหน้าต่างออกไปปั๊บ แล้วตะโกนบอกว่า ‘ข้าจะหาเหล้าที่ดีที่สุดมาให้ท่านให้ได้’ ดูท่าเพื่อนของข้าคนนี้จะมีใจให้รุ่นพี่แล้วล่ะ”
“ชื่อ ?” บุหรงถามสั้น ๆ
“พิภพ”
“หืม” บุหรงถึงกับเลิกคิ้วสูง
‘เขาอีกแล้วหรือ’
ทำไมเธอรู้สึกว่าชายคนนี้วนเวียนอยู่รอบตัวเธอบ่อยครั้ง ทุกครั้งที่เธอไปที่ไหนก็มักได้ยินชื่อของเขา แต่เมื่อพูดถึงเรื่องเหล้าเธอก็หูผึ่งทันที ด้วยฝีมือเด็กใหม่อย่างเจ้านั่น หากไม่ไปเอาเหล้าจากตาแก่พันกรนั่น ก็คงหาเหล้าจากที่อื่นไม่ได้
“น่าสนใจ”
บุหรงพึมพำ ก่อนหันไปยิ้มหยาดเยิ้มให้ข้าวเหนียว หากไม่มีอคติตั้งแต่แรกรอยยิ้มของเธอคงดูงดงามที่สุด แต่พอใจคนมีอคติ รอยยิ้มดังกล่าวจึงมีความหมายเปลี่ยนไป
ข้าวเหนียวห่อตัวเข้าหากันด้วยความรู้สึกเหน็บหนาวที่กัดกินในใจ นี่มันรอยยิ้มของพญามาร ที่ไม่ว่ามองกี่ครั้งเขาก็รู้สึกขนหัวลุกอย่างบอกไม่ถูก
“เอาล่ะ ข้าไม่กวนพวกเจ้าล่ะ”
พอบุหรงลุกจากไป ข้าวเหนียวก็หันมาเห็นชายหนุ่มหญิงสาวในละแวกนั้นต่างยกนิ้วให้ จะมีใครสักกี่คนที่กล้าทำให้บุหรงลุกจากไปได้ พวกเขาจึงตั้งฉายาให้ข้าวเหนียวอย่างลับ ๆ นั่นคือ ‘ผู้กอบกู้วิกฤติ’
เหนือภพอุ้มจิตกระโดดลงมาจากดาดฟ้าด้วยความรวดเร็วสูงสุด จิตที่อยู่ในอ้อมแขนของเขาถูกพันไปด้วยเสื้อของเขาเอง ทิศทางที่เหนือภพมุ่งไปคือหอพักของบ้านเพชร แต่แล้วเขาก็นึกขึ้นมาได้ว่ามีกฎห้ามอยู่ แม้ว่าแต่ละบ้านดูเหมือนจะมีการคุ้มกันที่หละหลวม แต่ความจริงแล้วมีค่ายกลบางอย่างป้องกันไว้ คนจากบ้านอื่นหากไม่ได้รับอนุญาต ก็จะไม่สามารถเข้าไปได้
เหนือภพจึงได้แต่พาจิตไปซ่อน ทว่าในเวลานั้นเองบุหรงก็เดินผ่านมาเห็นเข้า สายตาของเธอเหลือบมองเหนือภพที่วิ่งผ่านไปด้วยความเร็ว จนเธอเองฉีกยิ้มออกมา ไม่นึกเลยว่าเด็กรุ่นใหม่จะมีพวกระดับสูงแฝงมาด้วย
สิ่งที่น่าตกตะลึงยิ่งกว่าคือบุหรงที่ดูเหมือนจะเมามายไปวัน ๆ กลับวิ่งตามเหนือภพไปด้วยความเร็วที่ไม่ได้ด้อยไปกว่าเหนือภพเลย
เหนือภพที่ยังวิ่งอยู่ เมื่อสัมผัสได้ว่ามีบางอย่างเคลื่อนที่ตามมา ทำให้เขาต้องรีบหยุดการเคลื่อนไหว แล้วหันกลับมามอง ในเวลานี้เขาไม่ยังไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรกับจิตดี แม้เขาจะให้ยาฟื้นโลหิต เม็ดยาปิดยมโลก เพื่อยื้ออาการของเธอ แต่หากเธอไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที เกรงว่าเขาคงรักษาชีวิตเธอไว้ไม่ได้
เสี้ยววินาทีต่อมา เหนือภพก็เห็นชัดว่าใครตามเขามา
“รุ่นพี่ ช่วยนางหน่อย”
เหนือภพขอร้องอย่างคนหมดสิ้นหนทาง เขาเพิ่งเข้ามาเรียนที่นี่ เขายังไม่รู้จักวิทยาลัยดีพอ มีเพียงแค่ผลักภาระไปให้ผู้ที่อยู่มานานอย่างรุ่นพี่ เธอน่าจะช่วยอะไรได้มากกว่าการที่เขาเอาแต่อุ้มจิตวิ่งไปวิ่งมา
บุหรงตกใจไม่น้อยเมื่อเห็นหญิงสาวร่างเปลือยเปล่า นอนหมดสติอยู่ในอ้อมแขนของเหนือภพ บนร่างกายของเธอมีบาดแผลและรอยฟกช้ำ กระดูกก็ดูเหมือนจะแตกหักหลายซี่ แม้ในใจบุหรงจะมีคำพูดนับร้อยนับพัน แต่บุหรงก็ไม่ได้พูดออกไป
“ตามข้ามา !”
บุหรงทำตัวสมกับเป็นรุ่นพี่ที่อยู่มานานกว่าสิบปี เพียงแค่เธอออกตัวช่วย พวกเขาก็สามารถหาคนมารักษาจิตได้ในเวลาไม่นาน