ตอนที่แล้วบทที่ 42 ข้อจำกัดของวัสดุ(อ่านฟรี25-01-2021)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 44 เปลี่ยนไปผลิตสินค้าชนิดใหม่(อ่านฟรี31-01-2021)

บทที่ 43 วันเงินออก(อ่านฟรี28-01-2021)


อากาศร้อนยังคงแผดเผาต่อไปไม่นานกลางเดือนสิงหาคมก็มาถึงในพริบตา

ในวันนี้โรงงานของหอการค้าเฟรสเทค เต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวาเกือบทุกคนยิ้มออกมาอย่างมีความสุข

ส่วนเหตุผลน่ะเหรอ? มันง่ายมากเพราะวันนี้เป็นวันเงินเดือนออก

ตามกฎที่ซูยี่กำหนดไว้ทุกวันที่สิบห้าของแต่ละเดือนคือวันเงินเดือนออก ตอนนี้ผ่านมาแล้วหนึ่งเดือนนับตั้งแต่เริ่มงานดังนั้นวันนี้จึงเป็นวันเงินเดือนออกและนี่อาจถือได้ว่าเป็นเหตุการณ์ครั้งยิ่งใหญ่

เซบาสมาถึงโรงงานก่อนเวลาและยื่นบัญชีการเงินของเดือนที่แล้วซึ่งเขาได้แจ้งให้ซูยี่กับไฮนซ์ตรวจสอบ

ซูยี่คิดว่าไม่จำเป็นต้องสงสัยคนที่มีประโยชน์และอย่าใช้คนที่น่าสงสัย เขาเพียงแค่กวาดดูบัญชีการเงินอย่างลวกๆ ในทางกลับกันไฮนซ์ตรวจสอบอยู่หลายครั้งอย่างระมัดระวังและให้เซบาสไปได้เมื่อพบว่าทุกอย่างถูกต้องครบถ้วน

ซูยี่ไม่สามารถทำอะไรได้กับท่าทางของไฮนซ์เขาจึงปล่อยให้ทำต่อไปโดยไม่หยุดเขา

ในฐานะผู้ถือหุ้นรายใหญ่อันดับสามของหอการค้าเฟรสเทครองจากตัวเขาเองและวิสเคานท์เลสลี่ไฮนซ์มีคุณสมบัติและเหตุผลเพียงพอที่จะทำเช่นนี้ ยิ่งไปกว่านั้นการที่เขาตรวจสอบอย่างถี่ถ้วนมัก็ช่วยซูยี่ได้ไม่น้อย

ช่วงเวลาเช้าที่สดไสผ่านไปอย่างรวดเร็วไม่นานเวลาบ่ายก็มาถึงในพริบตา คนงานทั้งหมดในโรงงานทั้งสองรวมตัวกันและเริ่มเข้าแถวเพื่อรับค่าจ้าง

คนแรกคือแคมบี้จากเผ่าคนแคระ

ในฐานะผู้จัดการโรงผลิตเครื่องจักรเวทมนตร์ค่าจ้างของแคมบี้นั้นสูงกว่าคนแคระคนอื่น ๆ เขาอยู่ในระดับเกือบเท่ากับที่ไฮนซ์ได้รับ คือยี่สิบเหรียญทองต่อเดือน

คนต่อไปที่เดินเข้ามาคืออเล็กซ์

ในฐานะผู้ช่วยของไฮนซ์ค่าจ้างของอเล็กซ์คือสิบเหรียญทองซึ่งสูงกว่าคนงานทั่วไปเล็กน้อย

จากนั้นก็มาถึงคนแคระที่เหลือวึ่งไม่รวมแคมบี้ที่ได้ไปแล้ว

นอกเหนือจากคนแคระที่สภาพร่างกายไม่พร้อมหรือมีปัญหาสุขภาพแล้วคนแคระคนอื่น ๆ ทั้งหมดได้รับเหรียญทองแปดเหรียญต่อเดือนเป็นค่าจ้าง

เมื่อพวกเขาเปิดถุงที่เซบาสยื่นให้ก็พบเหรียญทองแปดเหรียญที่ส่องประกายอยู่ข้างในคนแคระทุกคนต่างก็มีรอยยิ้มบนใบหน้าของพวกเขา มีแม้กระทั่งคนแคระบางคนที่กระโดดโลดเต้นด้วยความตื่นเต้น

เหมือนอย่างที่ปรมจารย์ลานัสกล่าวไว้คนแคระเหล่านี้มีสภาพความเป็นอยู่ที่แย่มากมาก่อน ย้อนกลับไปในตอนที่พวกเขาอาศัยอยู่ในเผ่าแม้ว่าพวกเขาจะไม่ถึงขั้นขาดแคลดอาหารและมีไวน์ที่สามารถบ่มเองได้ แต่นั่นก็ยังไม่เพี่ยงพอต่อความต้องการของพวกเขา

หลังจากพวกเขามาทำงานที่โรงงาน โรงงานไม่เพียงแต่ดูแลมื้ออาหารของพวกเขาไม่ปล่อยให้พวกเขากังวลเกี่ยวกับสิ่งจำเป็นในชีวิตประจำวัน พวกเขายังได้รับเงินแปดเหรียญทองต่อเดือนอีก!

แม้ว่าเหรียญทองแปดเหรียญจะไม่ได้ถือว่ามากนัก แต่ก็สามารถซื้อสิ่งของที่จำเป็นและนำกลับไปที่เผ่าได้เพื่อให้พ่อแม่ภรรยาและลูก ๆ มีชีวิตที่ดีขึ้น

เมื่อนึกถึงรอยยิ้มแห่งความสุขที่สมาชิกในครอบครัวได้รับสิ่งเหล่านี้คนแคระที่มีนิสัยซื่อตรงเหล่านี้ก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข

เมื่อนึกได้ว่าพวกเขาสามารถมีความสุขกับชีวิตแบบนี้ได้หลังจากมาที่โรงงานนี้ คนแคระทุกคนมองไปที่ซูยี่ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นและความเคารพ

เมื่อเทียบกับคนแคระแล้วค่าจ้างของนักเรียนจากสถาบันเวทมนตร์บารอนริกโต้นั้นต่ำกว่าเล็กน้อย จำนวกของมันอยู่ที่ประมาณห้าถึงหกเหรียญทองเท่านั้น

ที่พวกเขาได้รับค่าจ้างเท่านี้เพราะเนื่องจากพวกเขายังเป็นเพียงนักเรียนดังนั้นเวลาในการทำงานแต่ละวันจึงมีจำกัด โดยปกติแล้วพวกเขาไม่สามารถเปรียบเทียบกับคนแคระที่ทำงานในโรงผลิตเครื่องจักรเวทมนตร์ทั้งวันได้

เหตุผลที่สองเป็นเพราะพวกเขาแค่จารึกรูปแบบเวทมนตร์ที่ไม่ซับซ้อนมาก แม้ว่าจะเป็นงานด้านเวทมนตร์ แต่ก็เป็นงานที่เรียบง่ายและซ้ำซากจำเจ มันไม่ได้มีความต้องการสูงในด้านของทักษะ ดังนั้นค่าจ้างของพวกเขาจึงไม่สูงนัก

ซูยี่รู้สึกกังวลเล็กน้อยในตอนแรกว่านักเรียนพวกนั้นจะไม่พอใจที่เห็นว่าค่าจ้างของคนอื่นสูงกว่าของพวกเขา แต่หลังจากที่นักเรียนได้รับค่าจ้างแล้วทุกคนก็เต็มไปด้วยความสุขที่ล้นออกมา ไม่มีความไม่พอใจออกมาเลยแม้แต่น้อย

แม้แต่เด็กจากตระกูลชั้นสูงอย่างโอริน ปากของเขาบิดเป็นรอยยิ้มที่ภูมิใจกับเงินแค่หกเหรียญทอง ราวกับว่าที่อยู่ตรงหน้าไม่ใช่เงินหกเหรียญทองแต่เป็นหกร้อยเหรียญทอง

ซูยี่คิดถึงเรื่องนี้และอดไม่ได้ที่จะยิ้ม

จริงๆแล้วปฏิกิริยาของนักเรียนคนอื่น ๆ เป็นเรื่องปกติ ตอนนี้พวกเขาเป็นเพียงนักเรียนที่ยังอยู่ในโรงเรียนการได้รับค่าจ้างจากการทำงานของตัวเองก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้พวกเขามีความสุข

ไม่ต้องพูดถึงว่าเหรียญทองห้าหกเหรียญสำหรับพวกเขานั้นค่อนข้างมากแล้ว เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าค่าเทอมแต่ละเทอมของสถาบันเวทมนตร์บารอนริกโต้นั้นอยู่ที่ยี่สิบห้าเหรียญทอง

นั่นหมายความว่าตราบใดที่พวกเขายังคงทำงานนี้นักเรียนเหล่านี้สามารถพึ่งพาการทำงานหนักของตัวเองเพื่อจ่ายค่าเล่าเรียนของตัวเองได้

สำหรับนักเรียนส่วนใหญ่ที่มาจากครอบครัวปกติหรือยากจนการทำงานนี้ช่วยลดภาระให้กับครอบครัวได้ไม่น้อย เมื่อพ่อแม่ของพวกเขารู้เรื่องนี้พวกเขาจะพอใจกับเรื่องนี้มาก

หลังจากให้ค่าจ้างนักเรียนเสร็จแล้วก็มีคนงานส่วนหนึ่งที่ไม่ได้รับค่าจ้างซึ่งเป็นทาสทั้งหนึ่งร้อยคน

เมื่อถึงเวลาที่จะต้องให้ค่าจ้างทาสร้อยคนเหล่านี้ซูยี่ก็รู้สึกหนักใจจริงๆ

ตามตรรกะปกติแล้วเนื่องจากทาสเหล่านี้ทำงานในโรงงานพวกเขาจึงสมควรได้รับค่าจ้าง แต่ทาสก็เป็นทาส แม้ว่าซูยี่จะไม่เต็มใจที่จะยอมรับสิ่งนี้ แต่เขาก็ต้องยอมรับอยู่ดี ทาสนั้นไม่มีสิทธิ์หรือตำแหน่งใด ๆ ในทวีปไซน์และในสภาวะปกติไม่มีใครยอมให้ทาสได้รับค่าจ้าง

เหตุผลที่สำคัญกว่านั้นคือทาสเหล่านี้ในปัจจุบันเป็นของวิสเคานท์เลสลี่ซูยี่เพียงแค่ยืมพวกเขามาเท่านั้น

แม้ว่าซูยี่อยากจะให้ค่าจ้างพวกเขา แต่เขาก็ควรมอบให้ผ่านวิสเคานท์เลสลี่ ส่วนวิสเคานท์เลสลี่จะจ่ายเงินให้ทาสเหล่านี้หรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับอารมณ์ของเขา

ดังนั้นหลังจากที่ซูยี่กับไฮนซ์คุยเรื่องนี้กับเซบาสสักพักในที่สุดพวกเขาก็ตัดสินใจที่จะไม่ให้ค่าจ้างทาส แต่พวกเขาจะได้รับเงินสวัสดิการแทน

ตอนนี้ยังคงเป็นช่วงกลางฤดูร้อนที่ร้อนแรงซูยี่จึงมอบพัดลมเวทมนตร์ความเร็วแปลผันให้กับทาสแต่ละคน นอกจากนั้นเขายังให้ตั๋วเสื้อผ้าสำหรับร้านตัดเสื้อของ เมทาเก้นภายในเมืองบันต้าให้กับทาสทุกคน ด้วยตั๋วเสื้อผ้านี้ทาสสามารถให้ร้านตัดเสื้อเมทาเก้นเตรียมเสื้อผ้าให้พวกเขาโดยที่ไม่เกินมูลค่าหนึ่งเหรียญทอง

นอกเหนือจากนี้เขายังให้เนื้อสัตว์และผลไม้รวมทั้งของใช้ประจำวันกับพวกเขา

เมื่อคิดตามสวัสดิการทั้งหมดแล้วจะมีมูลค่าประมาณสี่เหรียญทอง

ตามความคิดของซูยี่ในตอนแรก งานของพวกทาสนั้นควรจะได้รับค่าจ้างต่อเดือนอยู่ที่หกเหรียญทอง แต่เป็นไฮนซ์ที่ไม่เห็นด้วยกับความคิดนี้

ไม่ว่าอย่างไรก็ตามทาสเหล่านี้ยังคงเป็นของวิสเคานท์เลสลี่ ถ้าซูยี่ดูแลพวกเขามากเกินไปวิสเคานท์เลสลี่จะคิดอย่างไร

แม้ว่านี่จะเป็นความคิดที่เรียบง่ายของซูยี่ แต่นี่ก็เกินกว่าที่คนคนหนึ่งกระทำต่อทาสแล้ว

เมื่อทาสเหล่านั้นเห็นคนแคระและนักเรียนได้รับค่าจ้างจากด้านข้างแม้ว่าพวกเขาจะอิจฉา แต่พวกเขาก็รู้ว่าพวกเขาเป็นเพียงทาส มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วที่พวกเขาจะได้รับค่าจ้างแบบนั้น ดังนั้นพวกเขาจึงได้แต่เฝ้าดูโดยไม่พูดอะไร

จริงๆแล้วพวกเขาพอใจกับสภาพความเป็นอยู่ในปัจจุบันมากอยู่แล้ว

เนื่องจากการที่พวกเขามาที่โรงงานนี้ไม่เพียงแต่พวกเขาจะไม่ถูกทุบตีหรือด่าทอในแต่ละวันพวกเขายังสามารถเพลิดเพลินกับอาหารเลิศรสสามมื้อต่อวันและไม่ต้องกังวลเรื่องท้องว่าง

แม้ว่าในแต่ละวันพวกเขาจะต้องทำงานตลอดแต่ว่าเมื่อเทียบกับตอนที่ทำงานให้กับวิสเคานท์เลสลี่แล้วที่นี่สบายกว่ามาก

ไม่ต้องพูดถึงว่าพวกเขาแค่ต้องทำงานเพียงแปดชั่วโมงต่อวันและยังไม่มีงานอื่นที่นอกเหนือจากงานที่ทำประจำอีก

อย่างครั้งงานคนงานปรับปรุงถนนไม่พอซูยี่ก็มาช่วยพวกเขาทำ อีกทั้งยังให้เงินเล็กๆน้อยๆกับทาสอย่างพวกเขาอีกด้วย

อาจกล่าวได้ว่าชีวิตในปัจจุบันของพวกเขาเป็นเหมือนความฝันของทาส พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่าพวกเขาจะมีชีวิตที่สะดวกสบายและผ่อนคลายเช่นนี้

ถ้าเป็นไปได้พวกเขาต้องการให้วิสเคานท์เลสลี่ขายพวกเขาให้กับซูยี่จริงๆ

ด้วยความเป็นอยู่ที่ดีแบบนี้ ที่นี่เป็นบ้านที่ดีสำหรับพวกเขาทุกคน

ดังนั้นเมื่อเซบาสประกาศให้ทาสขึ้นมาและรับเงินสวัสดิการของพวกเขาทาสทั้งหมดก็ตกตะลึง

เงินสวัสดิการ? สิ่งนี้คืออะไร? นี่เป็นของเราอย่างนั้นรึ?

เมื่อเซบาสขึ้นเสียงเพื่อพูดซ้ำและเรียกชื่อทาสออกมา ทาสเหล่านั้นก็แน่ใจว่าพวกเขาไม่ได้ฟังผิด

ทาสที่ถูกเรียกเดินอย่างระมัดระวังไปตรงหน้าของเซบาส ไฮนซ์ยิ้มขณะที่ยื่นพัดลมเวทมนตร์ ตั่วเสื้อผ้า เนื้อสัตว์และอื่นๆให้

ทาสคนนั้นมองของในมือด้วยความงุนงงสักพักก่อนจะเผยรอยยิ้มกว้าง ดวงตาของเขาอดไม่ได้ที่จะเต็มไปด้วยน้ำตาเขาเริ่มสะอึกสะอื้น ชั่วขณะหนึ่งเขาไม่รู้ว่าเขาควรจะมีปฏิกิริยาอย่างไร

เมื่อเห็นฉากนี้ซูยี่ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจเบา ๆ

ไอ้ระบบทาสบัดซบนี่เขาจะกำจัดมันออกไปใให้เร็วที่สุด

หลังจากทาสนับร้อยคนได้รับเงินสวัสดิการ ซูยี่ก็ประกาศเสียงดังว่าเขาจะให้พวกเขาพักผ่อนในช่วงบ่ายีตามมาด้วยเสียงปรบมือที่ดังออกมาแทบจะทันที

ด้วยค่าจ้างที่มีอยู่ในมือไม่ว่าจะเป็นคนแคระหรือนักเรียนพวกเขาแทบรอไม่ไหวที่จะอวดกัน แน่นอนว่ามีบางส่วนที่เริ่มไม่อดทนแล้ว

ซูยี่ประกาศออกไปว่าให้วันนี้เป็นวันหยุดพักผ่อน เพียงแค่เขาพูดจบเสียงตะโกนดีใจก็ระเบิดออกมาทันที

เมื่อเห็นนักเรียนหลายคนรวมกลุ่มกันร้องตะโกนชึ่งแม้แต่โอรินก็ไม่มีข้อยกเว้น ซูยี่ก็อดยิ้มไม่ได้

ฉากนี้ทำให้เขานึกย้อนกลับไปตอนที่เขาอยู่ในมหาวิทยาลัยเขาวิ่งออกจากโรงเรียนกับเพื่อนร่วมชั้นแบบนี้และเฮฮากันทั้งวัน

เมื่อหันไปมองพวกคนแคระที่กระจัดกระจายกันเป็นกลุ่มเหลือเพียงทาสที่ยืนอยู่ที่นั่นไม่รู้จะทำอย่างไร ซูยี่คิดสักนิดก่อนจะดึงไฮนซ์ไปที่มุมหนึ่ง

“ ไฮนซ์เริ่มรับสมัครคนงานเลย”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด