ตอนที่แล้วบทที่ 213
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 215

บทที่ 214


เสียงตบหน้าหยวนปิงดังสนั่นไปทั่วบริเวณ ใบหน้าเริ่มปูดบวมแดงก่ำทหารหลายคนตัวสั่นไปด้วยความกลัว เจิงอันไป๋ก้มหน้าตัวสั่นสะท้านเช่นกัน เกือบยี่สิบลมหายใจที่ได้ยินเพียงเสียงตบ สภาพหยวนปิงตอนนี้มีน้ำเหลืองเปียกชุ่มทั่วกางเกง ใบหน้าด้านซ้ายปูดบวมเลือดไหลนองเต็มใบหน้า ทันทีที่เสียงตบเงียบลงก็ได้ยินเสียงสะบัดมือดังแว่วออกมา เนี่ยฟงโยนขวดยาสีขาวนวลลงพื้นพร้อมกับเอ่ยวาจาออกมา

“พวกเจ้านำคุณชายหยวนปิงไปรักษาด้านในเถอะ”

หลังจากนั้นก็หันไปมองหยางเวย สะบัดมือขวาเรียกกระบี่กลับมาเก็บไว้ในแหวนแล้วเดินออกไป ทหารมากมายแหวกทางเป็นช่องให้แก่ทั้งสอง จงเหรินป้ารีบเข้าไปหยิบขวดยาป้อนยาให้แก่หยวนปิงอย่างเร่งรีบ ส่วนหยางเฟยรีบเข้าไปประคองเจิงอันไป๋ที่ตอนนี้แทบจะเป็นลมล้มหมดสติเพราะความกลัว เหล่าทหารรีบเข้าไปประคององครักษ์ด้วยเช่นกัน ไม่นานจงเหรินป้าก็พาคุณชายทั้งสองและทหารเข้าไปด้านในเมือง หลังจากทานอาหารจนอิ่มหยางเวยก็พาเนี่ยฟงขึ้นไปบนกำแพงเมืองทางทิศใต้หยางเวยนำแผ่นหินออกมาเกือบสามร้อยแผ่น เนี่ยฟงยกยิ้มเก็บแผ่นหินทั้งหมด หลังจากนั้นก็ได้ยินเสียงสะบัดมือ วงอักขระศักดิ์สิทธิ์สีฟ้าปรากฏออกมาที่พื้นไม่นานก็กลายเป็นม่านพลังบดบังทั้งสองเอาไว้

“หยางเวย เราจะออกเดินทางกันคืนนี้เจ้าพร้อมไม่”

“มีสิ่งใดรึ”

“เมื่อตอนบ่ายข้าสัมผัสได้ว่ามีคนกำลังแอบมองข้าอยู่ หากเดาไม่ผิดอาจจะเป็นยอดฝีมือที่ตาแก่พวกนั้นส่งมาจัดการข้าแน่”

“พวกมันมากันกี่คน”

“สามคน คาดว่าคงมีระดับสีดำขั้นกลางทั้งหมด”

“เช่นนั้นข้าควรแจ้งศิษย์พี่จงเหรินป้าหรือไม่”

“ไม่ต้องเจ้าแค่ทิ้งข้อความเอาไว้ก็พอ”

“แล้วเจ้าจะออกเดินทางยามใด”

“ยามโฉ่ว”

หลังจากนั้นทั้งสองก็นั่งโคจรลมปราณเพื่อรอเวลา ทางด้านจงเหรินป้าก็เริ่มมีเรื่องปวดหัวเข้ามาเพิ่มหลังจากที่ได้อ่านจดหมายจากเจิงอันไป๋ เพราะตนต้องคอยอารักขาคุณชายทั้งสองอยู่ที่นี่จนกว่ากองกำลังหลักจากฟางจวินซีและแม่ทัพใหญ่บิดาของหยวนปิง ในใจคิดหวาดหวั่นให้กองกำลังหลักติดตามมาช้าที่สุดจนกว่าบาดแผลของหยวนปิงจะหาย แน่นอนว่าจงเหรินป้าส่งคนไปตามเนี่ยฟงและหยางเวยสำหรับแจ้งข่าวเพียงแต่ว่ายังหาตัวทั้งสองไม่พบ แสงไฟจากตะเกียงสว่างไสวทั่วบริเวณที่กองกำลังทหารเข้าพัก ความเงียบเข้าปกคลุมทั้งหมดได้ยินเพียงเสียงลมหายใจและเสียงฝีเท้าของเจิงอันไป๋ที่เดินวนไปมา ไม่นานเพราะความเหนื่อยล้าจากการเดินทางทั้งหมดก็แยกย้ายกันนอนมีเพียงคนของจงเหรินป้าเท่านั้นที่ยังคงเดินตรวจตราอยู่ตลอดเวลา

ไม่นานก็ถึงเวลาที่ชายหนุ่มทั้งสองนัดหมาย ม่านพลังปราณสลายทั้งสองก็พุ่งทะยานลงกำแพงมุ่งหน้าไปยังเมืองที่เป็นเป้าหมายต่อไป เนี่ยฟงหาได้เรียกใช้กิเลนอัสนีเพราะหวังล่อยอดฝีมือทั้งสามติดตาม และก็เป็นไปตามแผนการที่วางไว้ ทั้งสองพุ่งทะยานออกไปเกือบชั่วยาม เนี่ยฟงก็แสยะยิ้มเพราะทางด้านหน้าเป็นพื้นที่โล่งกว้างพื้นดินเป็นหินขนาดใหญ่และดินผสมปนเปกัน เสียงสะบัดมือดังแว่ว แผ่นหินถูกซัดออกมานับสิบแผ่นไปทั่วบริเวณ วงอักขระศักดิ์สิทธิ์สีฟ้าปรากฏออกมาที่พื้นไม่นานก็กลายเป็นม่านพลังบดบังทั้งสองเอาไว้ มีดคู่ใจถูกเรียกใช้กำชับในมือแน่น ไม่ถึงหนึ่งเค่อเงาดำสามเงาก็พุ่งเข้ามาในบริเวณ ปราณมีดสีม่วงพุ่งออกมาจากด้านหน้าเข้าปะทะเงาหนึ่งอย่างถนัดถนี่ เปรี้ยง ร่างกายถูกแยกเป็นสองท่อนเลือดสีแดงสดพุ่งกระฉูดพร้อมกับเสียงร้องโหยหวน ไม่ถึงสองลมหายใจชายหนุ่มสองคนก็ปรากฏตัวออกมาอยู่ด้านหน้า

เปรี้ยง เสียงซัดฝ่ามือลงพื้น โดมสีฟ้าขนาดใหญ่ปรากฏ หยางเวยแสยะยิ้มถีบเท้าเข้าหาเงาดำทั้งสองที่ตอนนี้มองเห็นเป็นชายฉกรรจ์สองคนที่ยืนตื่นตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว คมมีดวาดผ่านลำคอของชายผู้หนึ่งอย่างรวดเร็ว ศีรษะกระเด็นร่วงลงพื้นไม่แม้แต่จะรับรู้ว่าตนตกตายลงอย่างไร ส่วนชายฉกรรจ์อีกผู้หนึ่งต้องตื่นตกใจอีกครั้งที่คิดรวบรวมลมปราณหมายระเบิดพลังแต่ก็ไม่สามารถทำได้ ค่อยๆก้าวเท้าถอยไปด้านหลัง แต่ทว่าก็รับรู้ได้ว่ามีบางอย่างสกัดกั้นที่ด้านหลังของตน ไม่ถึงสองลมหายใจก็เจ็บปวดไปทั่วร่างเหมือนมีบางอย่างเข้ารัดตัว เมื่อก้มลงไปมองพบเห็นเป็นเถาวัลย์สีฟ้าพร้อมกับมีประกายสายฟ้าพุ่งออกมาเผาไหม้เสื้อผ้าสวมใส่

“เนี่ยฟงเจ้าจะสอบปากคำมันผู้นี้หรือไม่”

“อย่าเลยเสียดายเม็ดยา เจ้ารีบสังหารเถอะเราต้องยึดเมืองอีกหลายเมือง”

ไร้ซึ่งเสียงตอบรับทันทีที่ได้ยินเสียงบางอย่างร่วงลงพื้นโดมสีฟ้าก็สลายหายไป เนี่ยฟงสะบัดมือเก็บแผ่นหินส่วนหยางเวยเดินไปปลดแหวนในมือของซากศพทั้งสาม ไม่นานทั้งสองก็ออกเดินทางอีกครั้งทิ้งซากศพและกองเลือดสีแดงเอาไว้ด้านหลัง กิเลนอัสนีร้องคำรามบินขึ้นท้องฟ้า

จงเหรินป้าถูกเรียกแต่เช้าเพื่อมาดูข้อความที่หยางเวยทิ้งไว้ถึงกับยืนนิ่งครุ่นคิดอยู่นาน หลังจากนั้นก็สั่งกองกำลังของตนแยกย้ายกันตรวจตราเช่นเดิม

“ศิษย์พี่ เราไม่ตามพวกนั้นไปรึขอรับ”

“ไม่ต้อง พวกนั้นที่ออกเดินทางก่อนเพราะคิดสังหารคนของเจ้าสำนักอยู่แล้ว ถึงเราไล่ตามไปก็พบเห็นเพียงแค่กองซากศพเท่านั้น อยู่ที่นี่รอกำลังเสริมก่อนเถอะ”

“ขอรับ”

เสียงลมดังหวีดหวิวรอบกายเนี่ยฟงนั่งอ่านข้อความในจดหมายที่หยางเวยตรวจพบในแหวนวงหนึ่งที่ยึดมา

“เจ้าจะทำอย่างไรต่อเจ้าหนู”

“เห็นทีข้าคงต้องรีบยึดเมืองในเขตไฟให้เร็วที่สุดแล้วกลับไปจัดการที่เมืองหลวง”

ในระหว่างนั้นกิเลนอัสนีก็โยกตัวหลบหลีกบางอย่าง ฟิ้ว ท่อนไม้ขนาดใหญ่ปลิวว่อนไปมาจากด้านล่าง เมื่อก้มมองลงไปพบเห็นเป็นสัตว์อสูรสองตัวกำลังเข้าปะทะกัน เนี่ยฟงจึงให้กิเลนอัสนีอ้อมไปอีกทาง หลังจากนั้นไม่นานทั้งสองก็เริ่มเห็นกำแพงเมืองด้านหน้า กิเลนอัสนีพาทั้งสองบินวนเหนือเมืองถึงกับขมวดคิ้ว เพราะสภาพเมืองด้านล่างยังคงความสมบูรณ์หาได้มีความเสียหาย ประดุจคนในเมืองละทิ้งเมืองหลบหนี แต่ทว่าไม่ถึงสิบลมหายใจทั้งสองก็พบเห็นบางอย่าง เห็นมนุษย์หลายคนเดินไปมาในเมืองสร้างความแปลกประหลาดใจไม่น้อย กิเลนอัสนีพาทั้งสองบินอ้อมลงด้านหน้าของเมืองเพื่อเดินเท้าเข้าไป

ทั้งสองเปลี่ยนเสื้อผ้าสวมใส่เป็นชุดสีเทา สวมหมวกฟางสาน ก้าวเท้าเดินเข้ามาด้านหน้าของเมืองที่ประตูใหญ่ยังคงเปิดอย่างปกติ เมื่อเข้ามาด้านในรับรู้ได้เลยว่ามีสายตาหลายคู่จับจ้องอยู่ เนี่ยฟงเอ่ยวาจาเสียงดังลั่นออกมา

“ข้ามีนามว่าเนี่ยฟง ได้รับคำสั่งจากท่านถันลู่จวิ้นเจ้าสำนักคชสารธรณีให้มาทำการบุกยึดเมืองจากปีศาจร้าย ไม่ทราบว่าที่นี่คงมีมนุษย์อยู่อีกหรือไม่”

สิ้นเสียงกล่าวของเนี่ยฟง เริ่มมีผู้คนก้าวเดินออกมากลางถนนอย่างช้าๆ แต่ละคนจ้องมองชายหนุ่มทั้งสองอย่างไม่วางตา แน่นอนว่าทั้งสองรับรู้ถึงสายตาที่ไม่เป็นมิตรเท่าไรของผู้คนที่นี่ ไม่นานผู้คนจำนวนมากก็ยืนล้อมชายหนุ่มทั้งสองเอาไว้ ทางเดินถูกแหวกเป็นช่องมองเห็นชายชราผู้หนึ่งสวมชุดสีเขียวผมสีดอกเลาถือไม้เท้าเดินนำหน้าชายหนุ่มสองคนที่สวมชุดสีเขียวเช่นเดียวกัน ชายชราจ้องมองเนี่ยฟงและหยางเวยอยู่นานในที่สุดก็เอ่ยวาจาออกมา

“พวกเจ้าเข้ามาที่เมืองนี้เพราะเหตุใด”

“ตามที่ข้าได้แจ้งไปก่อนหน้าขอรับ พวกข้าได้รับคำสั่งมาเพื่อบุกยึดเมืองคืนจากปีศาจร้าย เพื่อขยายอาณาเขตเพิ่ม อีกทั้งยังคงสำรวจว่ายังมีผู้เหลือรอดอยู่อีกหรือไม่ ข้าทั้งสองเป็นฝ่ายบุกทะลวง อีกไม่นานจะมีกำลังคนจากเมืองหลวงเขตแห่งดินมาที่นี่ขอรับ”

“เหอะ เป็นระยะเวลานานนับหลายเดือน ที่พวกเจ้าพากันหลบหนีไปที่เมืองใหญ่ ปล่อยทิ้งให้ประชาชนตกตายเพราะปีศาจสังหาร ผู้คนที่อยู่ที่นี่ส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่หนีตายมาทั้งสิ้น พวกข้าทั้งหมดพร้อมใจกันเข้าต่อสู้กับปีศาจและอสูรร้าย จนสามารถป้องกันที่นี่เอาไว้ได้ พวกข้าส่งคนหลายสิบคนเข้าไปขอความช่วยเหลือจากพวกเจ้าแต่สิ่งที่ได้รับคือการขับไล่เช่นปีศาจร้าย พอมาวันหนึ่งคนพวกนั้นก็คิดส่งคนมาสำรวจเพื่อช่วยเหลือ ช่างน่าขันนักพวกเจ้าทั้งสองว่าหรือไม่”

“ต้องขออภัยที่เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับพวกท่าน ข้ายังคงยืนยันคำเดิมว่าข้ามาช่วยเหลือ แต่หากพวกท่านไม่ต้องการข้าทั้งสองยินดีกลับออกมาจากเมืองขอรับ”

“เหอะ พวกเจ้าคิดจะมาก็มา คิดจะไปก็ไปเช่นนั้นรึ”

หยางเวยได้ยินเช่นนั้นถึงกับขมวดคิ้ว

“พวกท่านจะเอาอย่างไรแน่ พวกข้าทั้งสองแจ้งให้ทราบแล้วว่าเหตุใดพวกข้าถึงมาที่นี่ ส่วนความแค้นของพวกท่านข้าทั้งสองหาได้รับรู้เพราะข้าทั้งสองเองก็หาใช่คนที่นี่ หากไม่เป็นเพราะคำสั่งคิดหรือว่าข้าจะมายังที่แห่งนี้ หากพวกท่านไม่ต้อนรับพวกข้าเองก็จะออกไปจากเมืองนี้เช่นกัน”

“หากพวกเจ้าจะออกไปก็ทิ้งแหวนในมือพวกเจ้าไว้ที่นี่”

หยางเวยขมวดคิ้วทั้งสองขึ้นจ้องมองชายชราด้านหน้า

“หากพวกท่านคิดแย่งชิงแหวนในมือข้า หากมีฝีมือก็เข้ามา”

สิ้นเสียงกล่าวหยางเวยก็สะบัดมือขวาถือมีดอันแปลกประหลาดในมือแน่น

“สังหารพวกมันทั้งสองซะ”

ยามโฉ่ว เวลาตีหนึ่งถึงตีสองห้าสิบเก้า

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด