ตอนที่แล้วบทที่ 11: ตราประทับคู่! จารึกมังกรและขุมทรัพย์แห่งบึง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 13:พี่สาวราชินีผู้แสนเย็นชา

บทที่ 12: แนวโน้มในอาณาจักรมาร


บทที่ 12: แนวโน้มในอาณาจักรมาร

แรดสามเขาทุกตัวเดินไปอย่างช้าๆ เฉินรุยและอาเธน่าต่างก็รู้สึกกังวล แต่ก็ไม่มีใครพูด บรรยากาศช่างแปลกๆซะจริง

“อาเธน่า” คำถามของเฉินรุยได้ทำลายบรรยากาศที่น่าอึดอัดใจนี้ไป “ข้าเป็นมนุษย์ ข้าแทบไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับอาณาจักรมาร แล้วด้วยความที่ข้าเป็นสมาชิกของเมืองพระจันทร์ดับแล้ว ตอนนี้ข้าก็อยากรู้เกี่ยวกับอาณาจักรนางฟ้าตกสวรรค์ เจ้าพอบอกข้าได้ไหม?”

คำขอนั้นเป็นเรื่องธรรมดามาก ดังนั้นอาเธน่าจึงเริ่มอธิบายโดยไม่คิดอะไร

อาณาจักรมารเดิมมี 7 ราชวงศ์ หลังจากการต่อสู้และรบมานับไม่ถ้วน มีเพียง 3 ราชวงศ์เท่านั้นที่เหลืออยู่ มีราชวงศ์ของลูซิเฟอร์ที่ปกครองเหนืออาณาจักรนางฟ้าตกสวรรค์ ราชวงศ์แมมมอนผู้ปกครองอาณาจักรกระหายเลือด และราชวงศ์แอสโมเดอุส ซึ่งปกครองอาณาจักรเงามืดมิด อาณาจักรทั้งสามในอาณาจักรมารมีจุดแข็งและจุดอ่อนของตนเอง พวกเขาล้วนแล้วแต่มีประวัติศาสตร์นานนับปี

อาคมของโลกมนุษย์และอาณาจักรปีศาจจะอ่อนแอลงทุกๆห้าร้อยปี ซึ่งมันเป็นจุดเริ่มต้นของสงครามระหว่างสองโลก อาณาจักรนางฟ้าตกสวรรค์ พระอาทิตย์เที่ยงคืน ลูซิเฟอร์ นั้นแข็งแกร่งที่สุดในอาณาจักรมาร แล้วเขายังได้รับความเคารพจากทุกฝ่ายด้วย เขาทำหน้าที่เป็นผู้บัญชาการกองกำลังพันธมิตรระหว่างสงครามกับมนุษย์ เมื่อประมาณ 300 ปีก่อน เขาฆ่ามนุษย์ที่แข็งแกร่งที่สุด 3 คนด้วยตัวเอง ครั้งหนึ่ง เขาเคยทำให้กองทัพปีศาจมองเห็นความหวังที่จะกลับคืนสู่ผืนโลกอันสดใส อย่างไรก็ตามลอร์ดพระอาทิตย์เที่ยงคืนก็ได้ถูกแทงและฆ่าตาย โดยชายผู้แข็งแกร่งลึกลับ เป็นผลให้กองทัพไร้ซึ่งผู้นำ กองทัพอสูรได้พ่ายแพ้ในที่สุดและถูกบังคับให้ต้องล่าถอยไปยังอาณาจักรมาร

หลังจากการตายของลอร์ดพระอาทิตย์เที่ยงคืน มกุฎราชกุมารกริมม์ ลูซิเฟอร์ ยังเด็กเกินไปที่จะทำหน้าที่ปกครองเมือง ศัตรูจากต่างรอบนอกทั้งสองอย่าง อาณาจักรกระหายเลือดและอาณาจักรเงามืดมิดก็ต่างใช้โอกาสนี้ให้เป็นประโยชน์ อาณาจักรนางฟ้าตกสวรรค์จึงต้องประสบปัญหาทั้งภายในและภายนอก ..

ในขณะนั้นเอง น้องชายของพระอาทิตย์เที่ยงคืนและลุงของกริมม์ เจ้าชายออบซิเดียนก็ได้เป็นคนที่ก้าวออกมาและเข้ายึดกิจการของเมืองเป็นการชั่วคราว เขาถูกเรียกว่า อุปราช แม้ว่าความแข็งแกร่งและอำนาจทางทหารของเจ้าชายออบซิเดียนนั้นจะน้อยกว่าลอร์ดพระอาทิตย์เที่ยงคืน แต่ด้านการเมืองเรียกได้ว่ายอดเยี่ยม ด้วยเหตุผลที่พี่ชายของเขาได้เสียสละเพื่อเหล่ามารและศักดิ์ศรีที่เหลืออยู่ของลอร์ดพระอาทิตย์เที่ยงคืนในอาณาจักรมาร เขาจึงได้ลงนามในข้อตกลงไม่รุกรานกับอาณาจักรกระหายเลือดและอาณาจักรเงามืดมิด

อย่างไรก็ตาม หลังจากเจ้าชายออบซิเดียนได้แก้ไขวิกฤติภายนอกเสร็จ เขาก็ไม่ได้คืนอำนาจให้กับหลานชายอย่างกริมม์ เขากลับผูกขาดอำนาจและกำจัดพวกที่ไม่เห็นด้วย ซึ่งแสดงถึงวัตถุประสงค์ของเขาในการที่จะนั่งลงบนบังลังค์ อย่างไรก็ตาม เจ้าชายออบซิเดียนไม่ได้รับการอนุมัติให้ใช้สิ่งประดิษฐ์ของตระกูลลูซิเฟอร์ 'ดาบแห่งนางฟ้าตกสวรรค์' ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยศักดิ์ศรีอันแสนสูงส่งของลอร์ดพระอาทิตย์เที่ยงคืนในกองทัพ จึงมีนายพล 2 ใน 3 คนที่คอยสนับสนุนเจ้าชายกริมม์ ดังนั้นแล้ว เจ้าชายออบซิเดียนจึงได้ดำรงตำแหน่งอุปราชต่อไป แต่เขาก็ได้ยึด "ดาบแห่งนางฟ้าตกสวรรค์" ของหลานชายและแยกเขาออกไปจากดินแดนพระจันทร์ดับอันเงียบสงบพร้อมส่งผู้คนไปเฝ้าดูและคอยควบคุม

ดินแดนพระจันทร์ดับอันเงียบสงบนั้นอันตราย มันไม่ได้มีทรัพยากรมากนัก นอกจากนี้แล้ว ยังมีขโมยอาละวาดอีก และพอรวมกับสัตว์ประหลาดมากมายแล้ว ทำให้ดินแดนแถบนี้ไม่สามารถพัฒนาได้เลย เขารู้สึกหดหู่และเสียชีวิตลงไปด้วยความทุกข์ เหลือเพียงลูกสาวสองคนของเขา ราชินีแห่งราชวงศ์ เชียและราชินีน้อยอลิซ

ตั้งแต่เด็ก เชียได้ถูกปลูกฝังโดยกริมม์ด้วยความคิดในการทวงบัลลังก์และส่งผลให้เกิดการพัฒนาการ จนบุคลิกภาพของนางช่างแสนเยือกเย็นและดูเข้มแข็ง นางทั้งสงบและมุ่งมั่น ไม่เหมือนกับพ่อของนางที่แสนจะค่อนข้างอ่อนแอ ซึ่งคนที่นางยกย่องชื่นชมก็คงมีแต่ปู่ของนาง เจ้าพระอาทิตย์เที่ยงคืน นางเข้ายึดครองเมืองพระจันทร์ดับเมื่ออายุ 16 ปีและสร้างบารมีขึ้นมาทันทีด้วยวิธีการต่างๆ จากนั้นนางก็ได้ปกครองเมืองพระจันทร์ดับโดยสมบูรณ์

ถึงแม้นางจะมีความสามารถและความทะเยอทะยานที่แสนน่าประทับใจ แต่เชียก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ในดินแดนแถบพระจันทร์ดับอันเงียบสงบแถวนี้ได้ หลังจากการตายของกริมม์ นายพลของจักรวรรดิอีกคนก็ได้หันไปเข้าฝ่ายเจ้าชายออบซิเดียน กองกำลังทหารเดียวที่เหลือให้การสนับสนุนพระจันทร์ดับคือนายพลจอร์จ เวลส์ พ่อของอาเธน่า

ในตอนนี้ นายพลจอร์จดูแลป้อมปราการพ่อมดที่ชายแดนทางเหนือกับจักรวรรดิกระหายเลือด เมื่อสามปีก่อน อาเธน่าได้มาที่เมืองพระจันทร์ดับภายใต้คำสั่งของพ่อนาง เพื่อแสดงให้คนอื่นเห็นว่านายพลจอร์จยังคงสนับสนุนสายเลือดของราชวงศ์ที่แท้จริงอยู่

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เจ้าชายออบซิเดียนไม่หยุดที่จะศึกษา“ดาบแห่งนางฟ้าตกสวรรค์” ซึ่งเป็นของเชีย เมื่อเขาสามารถไขความลึกลับของสิ่งประดิษฐ์และได้รับการยอมรับจากสิ่งประดิษฐ์ เขาก็จะได้รับการพิสูจน์ว่าเป็นจักรพรรดิที่แท้จริง แม้แต่ฝ่ายค้านที่นำโดยนายพลจอร์จก็คงจะได้แต่ยอมรับด้วยความภักดีเท่านั้น

“มันไม่ง่ายเลยสำหรับเจ้าหญิงเชีย นางได้แต่พยายามปกครองเมืองพระจันทร์ดับด้วยตัวลำพัง” อาเธน่าพูดออกมาด้วยอารมณ์ที่ลึกซึ้ง “ท่านราชินีนั้นเป็นคนเข้มงวดมาก แล้วเพราะนางต้องรับแรงกดดันอันมหาศาล อารมณ์ของนางจึงเย็นชา แม้แต่อลิซก็ยังกลัวนาง ถึงกระนั้นก็ตาม จากที่ฟังมาจากอลิซ นางนั้นใจดีมากตอนยังเยาว์วัย…”

เฉินรุยรู้เพียงว่า สถานการณ์ในเมืองพระจันทร์ดับนั้นไม่เอื้ออำนวยเอาเสียเลย ทันใดนั้น เขาก็จำได้ว่า ถ้าอุปราชออบซิเดียนได้ทำวิจัยของเขา“ดาบแห่งนางฟ้าตกสวรรค์” และเริ่มสงครามกับพระจันทร์ดับ ก็คงจะไม่มีใครสามารถรับประกันความปลอดภัยของมังกรพิษได้ ถ้าหากคนปกป้องหายไป ปรมาจารย์ปากลีโรก็น่าจะเป็นรางวัลสำหรับพวกนักล่ามังกร จากนั้นเฉิรุยก็จะตายเช่นกัน ดูเหมือนว่า เขาจะต้องช่วยมังกรพิษทำลาย <ล็อคแห่งแสงและความมืด> จากนั้นค่อยหาที่ปลอดภัยสำหรับการปักหลัก ในตอนนี้ ความสามารถของระบบสุดยอดยังไม่ชัดเจน ดังนั้นเขาจึงได้แต่เลือกที่จะเสียสละความบริสุทธิ์ของเขา เพื่อแลกกับความแข็งแกร่งของอาเธน่า

เฉินรุยวางแผนและได้พูดขึ้นมา:“ครั้งหนึ่งข้าเคยได้ยินท่านอาจารย์อัลดาซกล่าวว่า ราชวงศ์มีพรสวรรค์ทางสายเลือด เจ้ารู้หรือเปล่าว่าพรสวรรค์ของราชวงศ์ลูซิเฟอร์คืออะไร?”

อาเธน่าได้ตอบในทันทีว่า“ ครั้งหนึ่ง ข้าเคยได้ยินจากพ่อของข้าว่า ยิ่งระดับการปลุกสายเลือดพระราชวงศ์มากขึ้นเท่าไหร่ พรสวรรค์ที่ทรงพลังที่พวกเขาได้รับก็จะมากขึ้นเท่านั่น พรสวรรค์ที่ทรงพลังที่สุดของตระกูลลูซิเฟอร์คือ <หัวใจแห่งแสงและความมืดมิด> ซึ่งสามารถกลืนกินพลังทั้งหมดได้ แม้แต่พลังแห่งแสงสว่างของมนุษย์ก็ไม่มีข้อยกเว้น นอกจากนี้ยังมี <เปลวเพลิงดำ> และ <ปีกศักดิ์สิทธิ์> ย้อนกลับไปในอดีต ลอร์ดพระอาทิตย์เที่ยงคืนได้พึ่งพาพลังทั้งสามนี้ เพื่อทำให้อาณาจักรนี้กลายเป็นอาณาจักรที่แข็งแกร่งที่สุด แม้แต่มารที่ทรงพลังที่สุดในทุกวันนี้ในอาณาจักรอสูรอย่าง ไรเซ็นแห่งอาณาจักรกระหายเลือดอันแสนเกรียงไกรยังได้แต่ยอมแพ้

เมื่ออาเธน่าได้พูดคุยเกี่ยวกับเรื่องลอร์ดพระอาทิตย์เที่ยงคืน ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความเคารพ เฉินรุยคิดในใจของเขาว่า เด็กผู้หญิงคนนี้คงจะเป็นพวกชอบความรุนแรง หากเขาทำสิ่งที่ปากลีโรพูดกับอาเธน่าจริงๆ บางทีเขาอาจจะไม่ชอบนางเลยด้วยซ้ำ จากนั้นเขาก็ได้พูดขึั้นมาอย่างสงบว่า“แล้วยังมีพรสวรรค์อย่างอื่นแบบ… <อ่านจิตใจ>ไหม?”

“<อ่านจิตใจ>?” อาเธน่าส่ายหัวอย่างมั่นคงโดยไม่ลังเล“เป็นไปไม่ได้หรอก ตระกูลลูซิเฟอร์มีพรสวรรค์ทางสายเลือดเพียงสามอย่างเท่านั้นที่ทุกคนรู้จักกันทั่วในอาณาจักรมาร”

ในที่สุดเฉินรุยก็เข้าใจว่า <การอ่านใจ> ที่อลิซบอกเป็นแค่การทำให้เขาตกใจ

เขาคิดเกี่ยวกับมันและตัดสินใจที่จะไม่เปิดเผยเรื่องนี้กับอลิซ ไม่เช่นนั้น โลลิตัวน้อยคนนี้อาจจะมีแผนร้ายอื่นๆอีก ซึ่งการที่มันเป็นอย่างนี้ก็ดีอยู่แล้ว

“อาเธน่า คำถามของข้าอาจจะละเมิดข้อห้ามของราชวงศ์ ได้โปรดเก็บเป็นความลับด้วย อย่าไปบอกเจ้าหญิงน้อยล่ะ”

"ไม่มีปัญหา! ข้าจะไม่บอก!” หลังจากอาเธน่าคุยกับเฉินรุยซักพักหนึ่ง ความกังวลในใจของนางก็ถูกปลดปล่อยออกมามากมาย เมื่อนางพูดเช่นนั้น นางก็ตบหน้าอกอย่างเป็นประจำ ทันใดนั้นหน้าอกของนางก็สั่นไหวจนเกือบทำให้ดวงตาของเฉินรุยขยับไปมาตาม

ทั้งสองคุยกันต่อไป เฉินรุยได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์มากมายจากอาเธน่า อำนาจการจัดอันดับของมารตามลำดับคือ: มารระดับต่ำ มารระดับกลาง มารระดับสูง ราชามาร ราชามารผู้ยิ่งใหญ่ จักรพรรดิมาร เจ้าเหนือหัวมาร มารระดับสูงสุด

แต่ละระดับนั้นเทียบเท่ากับการแบ่งอันดับ ไม่เพียงแต่จะเรื่องของพลัง แต่ยังเป็นยศอันดับด้วย ตัวอย่างเช่น มารระดับกลางที่เผชิญหน้ากับมารระดับสูงแทบจะไม่สามารถทัดเทียมกันได้เลยสักนิด

แม้ว่าจะไม่มีการจัดการพวกระดับแตกต่างกัน แต่ก็ยังมีความแตกต่างด้านพลังกำลังอยู่ ตัวอย่างเช่น มารระดับสูงที่มีประสบการณ์มากซึ่งมาถึงจุดสูงสุด สามารถเอาชนะมารระดับสูง 10 ตนที่เพิ่งขึ้นอันดับมาได้

มารระดับสูงที่สุด นั้นเป็นตำแหน่งที่สูงที่สุดในตำนาน ข่าวลือบอกว่า พลังของมันสามารถกลายเป็นเทพเจ้าที่ยอดเยี่ยมได้ แต่ไม่มีใครเคยได้ยินเรื่องของมารที่มีพลังขั้นนั้นได้เลย เมื่อสามร้อยปีก่อน ลอร์ดพระอาทิตย์เที่ยงคืนนั้นมีพรสวรรค์อย่างมาก เขาฝึกฝนไปจนถึงจุดสูงสุดของเจ้าเหนือหัวมาร เขาอยู่ห่างเพียงไม่กี่ก้าวจากมาระดับสูงที่สุด แต่น่าเสียดายที่เขาเสียชีวิตในช่วงสงครามกับมนุษยชาติ

ในวันนั้นเอง ไรเซ็นผู้ยิ่งใหญ่แห่งอาณาจักรกระหายเลือดและแคทเธอรีนแห่งอาณาจักรเงามมืดมิดผู้ยิ่งใหญ่ ทั้งคู่เป็นมารระดับเจ้าเหนือหัวมาร ซึ่งทั้งมีประสบการณ์และมีลูกน้องที่แข็งแกร่งจำนวนมาก แต่พวกเขาก็ไม่สามารถเทียบเคียงกับลอร์ดพระอาทิตย์เที่ยงคืนได้เลย สำหรับเจ้าชายออบซิเดียนที่แข็งแกร่งที่สุดของจักรวรรดินางฟ้าตกสวรรค์เองก็อยู่ที่จุดสูงสุดของเจ้าเหนือหัวมาร แต่ความแข็งแกร่งของเขาก็ด้อยกว่าเล็กน้อย บางที เขาอาจจะผูกขาดกับอีกสองอาณาจักร หลังจากได้รับความแข็งแกร่งจากสิ่งประดิษฐ์ "ดาบแห่งนางฟ้าตกสวรรค์"

อาเธน่าเป็นสมาชิกของตระกูลปีศาจที่ยิ่งใหญ่หรือที่รู้จักกันในชื่อมัจจุราชผู้แสนน่ากลัว มัจจุราชอันน่าหวาดกลัวนั้นเป็นนักรบที่ทรงพลังตั้งแต่แรกเกิด เก่งในการใช้อาวุธทุกชนิด ซึ่งไม่จำกัดแค่เคียวที่เป็นสัญลักษณ์หลักเท่านั้น อาเธน่านั้นเชี่ยวชาญในด้านดาบ นางอายุเพียง 19 ปีเท่านั้น แต่นางอยู่ในจุดสูงสุดของมารระดับกลาง อีกเพียงนิดเดียวนางก็จะกลายเป็นมารระดับสูง สำหรับมารแล้ว นางก็ถือว่าเป็นอัจฉริยะที่น่าประทับใจเลยทีเดียว

ไม่ใช่ว่ามารทุกคนจะสามารถฝึกฝนเส้นทางของพวกเขาไปยังจุดสูงสุดได้ ตัวอย่างเช่น ขีดจำกัดสูงสุดของมัจจุราชคือ มารระดับสูงและอิมป์ก็จะอยู่แค่ระดับต่ำตลอดไป ยกเว้นว่าจะมีการกลายพันธุ์ที่หาได้ยาก

การแสดงvvd,ของเฉินรุยต่อหน้ามังกรพิษทำให้อาเธน่าต้องมองเขาใหม่ การคุยกับเขาดูลื่นไหลมาก นางรู้สึกว่า ถึงแม้มนุษย์คนนี้จะไม่แข็งแกร่ง แต่ความกล้าหาญและสติปัญญาของเขาก็ควรค่าแก่การเคารพ ซึ่งเขาไม่ใช่คนประเภทที่นางเกลียดเลยสักนิด

“อาเธน่า…” เสียงที่ขี้เกียจของอลิซขัดจังหวะการสนทนาระหว่างสองคนนี้

“อลิซ” อาเธน่าพยุงอลิซขึ้นด้วยความประหลาดใจ“นางตื่นแล้ว!”

“พวกเราอยู่ที่ไหนกัน” อลิซถูดวงตาที่แสนพร่ามัวของนาง“ปิกนิกยังไม่จบเลยนี้”

"มันจบแล้ว เจ้าและเคียได้หลับไปตอนที่ฟังเรื่องราว ข้าพาเจ้าทั้งคู่มาที่แรดสามเขาเอง เรากำลังมุ่งหน้ากลับไปยังเมืองพระจันทร์ดับ”

อลิซพยายามนึกถึงเรื่องราวพวกนั้นและนางก็ตระหนักว่ามันเป็นเรื่องจริง นางยืดอกขึ้นและบอกกับเฉินรุยว่า“เรื่องราวของเจ้าดีมาก ในฐานะเจ้าหญิงแล้ว ข้าขอสั่งให้เจ้าเล่ามันให้ข้าฟังทุกวัน นอกจากนี้ เรื่องบาร์บีคิว ...”

เฉินรุยทำเป็นว่านึกเรื่องราวอะไรไม่ออกอีก แค่สโนว์ไวท์ก็น่าสงสารมากพอแล้ว ได้โปรดอย่าไปทรมานตัวละครอื่นอีกเลยเถอะ

อาเธน่าจึงได้ตอบกลับไปว่า:“อลิซ เรื่องราวพวกนั้นไม่เห็นน่าสนใจเลย มาให้เฉินรุยทำปริศนาแท่งไม้อีกอันเถอะ”

“อาเธน่า เจ้าเรียกเขาว่า 'เฉินรุย'เหรอ? ไม่ใช่ว่าเจ้ามักจะเรียกเขาว่า 'มนุษย์' เสมองั้นหรือ?” อลิซแสดงความสงสัยของนางออกมา “แล้วข้าจำได้ว่าเจ้าชอบฟังเรื่องราวพวกนี้ด้วยนี้ ทั้งเรื่องราวของ” สโนว์ไวท์“ที่เล่าเจ้าเองก็ยังรู้สึกสนุกเลย แล้วทำไมเจ้าถึง……”

โลลิน้อยกำลังตรวจสอบเฉินรุยและอาเธน่าด้วยสายตาพักหนึ่ง จากนั้นตาก็นางก็หยีลง" ต้องมีบางอย่าง ต้องมีบางอย่าง!”

ความรู้สึกของอลิซบอกว่าจะต้องเป็นตัวเฉินรุยที่อยู่ข้างๆที่ทำอะไรสักอย่างแน่ อาเธน่าเองก็ได้แต่รู้สึกผิดกับอะไรบางอย่างอยู่ โลลิน้อยจึงได้ถามขึ้นมาอีกครั้ง“อาเธน่า ดาบของเจ้าอยู่ที่ไหนกัน?”

อาเธน่าแสดงใบหน้าที่น่าสงสารและก้มศีรษะของนางลง“ตอนนั้นข้าพบว่ามีไวเวินร์บินอยู่เหนือหัว ข้าจึงรู้สึกตกใจมาก ทำให้ดาบร่วงลงไปที่ทะเลสาบสีฟ้า ซึ่งมันไม่มีประโยชน์เลยที่จะเอามันกลับมา”

ถึงแม้ว่าอาเธน่าจะไม่พูดความจริง แต่เรื่องที่ดาบได้หายไปแล้วไม่มีใช่เรื่องโกหก อลิซรู้ว่านางมีทักษะในการขว้างดาบยักษ์ ดังนั้นนางจึงไม่สงสัยเลย จากนั้นดวงตาสองข้างที่ชัดเจนของนางได้แปรเปลี่ยนไปหาเฉินรุย“ข้าจำไม่ได้ว่าข้าหลับไปอย่างไร ข้าถูกวางยาพิษสินะ?”

เหงื่อยของเฉินรุยก็ได้ไหลออกมาเรื่อยๆ เขาหยิบขวดน้ำของเขาขึ้นมา เพื่อปกปิดความตึงเครียดในใจของเขา ถ้าหากมันไม่ใช่พิษของมังกร ในตอนแรกเขาก็สงสัยแล้วว่านางแกล้งเขา ดูเหมือนว่าทักษะการคิดวิเคราะห์ของโลลิน้อยคนนี้จะน่ากลัวมากเลยทีเดียว

ทันใดนั้น อลิซก็เปล่งเสียงของนางแล้วพูดขึ้นมาว่า“เฉินรุย! มันคงเป็นสิ่งที่เจ้าปรารถนาสินะ วางยาพิษใส่สาวงามเพื่อที่จะทำเรื่องไม่ดี ในท้ายที่สุด มันก็ได้ถูกล่วงรู้โดยอาเธน่า แต่เจ้าได้ใช้ชื่อเสียงของราชวงศ์ลูซิเฟอร์เป็นภัยคุกคามจนบังคับให้อาเธน่ารักษาความลับและแม้กระทั่งยอมจำนนต่อการล่วงละเมิดของเจ้าใช่ไหม?”

“อึก!” เฉินรุยไม่สามารถกลืนน้ำได้ทันเวลาและเกือบจะพ่นมันออกมาจากจมูก ดูเหมือนว่าการคิดของนางจะผิด! แม้ว่าความสามารถในการให้เหตุผลของโลลิตัวน้อยคนนี้จะไม่น่ากลัว แต่มันก็น่าตกใจอย่างไม่น่าเชื่อ!

อาเธน่าเองก็ตกตะลึงกับจินตนาการอันแสนบ้าบอของอลิซ กระนั้นนางก็ชินกับมันแล้ว จริงๆแล้วนางกลับรู้สึกสงบมากกว่า ในที่สุดเฉินรุยก็หยุดไอ ในขณะที่เขากำลังจะพูด เขาก็เห็นสีหน้าเศร้าของอลิซ นางแตะที่ท้องของนางแล้วพูดขึ้นมาว่า“โอ้พระเจ้า นี้ข้าจะตั้งท้องลูกของมนุษย์ด้วยไหม?”

เฉินรุยไม่มีเวลาที่จะวิพากษ์วิจารณ์ทักษะการแสดงอันแสนผิวเผินของอลิซ แต่เขาก็ต้องประหลาดใจอย่างมากจนอยากจะอาเจียนและอ้วกออกมาเป็นเลือด

อาเธน่าเองก็ได้นำเคียที่ยังไม่ตื่นไปยังแรดสามเขาอีกตัว ซึ่งนางก็แสร้งทำเป็นว่าไม่ได้ยินสิ่งที่คุยกัน

อลิซยังพูดอีกว่า“เมื่อเด็กโตขึ้นและถามว่าใครเป็นพ่อ ข้าจะตอบอย่างไรดี?”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด