ตอนที่แล้วตอนที่ 150 มาเป็นสักขีพยานร่วมกัน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 152 พูดอีกทีสิ ใครเร็วที่สุด

ตอนที่ 151 ตั๋วเรียนฟรี


“ข้อ 4. พิษที่เกิดจากสัตว์อสูรและพิษที่เกิดจากพืชแตกต่างกันอย่างไร และมีวิธีรักษาแตกต่างกันอย่างไร

ตอบ  ไม่แตกต่าง ได้รับพิษมากก็ตาย ได้รับน้อยก็ไม่ตาย ส่วนวิธีรักษานั้นไม่มีวิธีการเฉพาะ ส่วนข้าก็กรีดแผลขับเลือดเสีย แล้วนอนหลับพักผ่อน”

“คำตอบว่า ไม่แตกต่าง นั้นถูกต้อง แต่ยังอธิบายคลุมเครือและไม่ถูกต้อง พิษจากพืชมักจะสลับซับซ้อนและก่อให้เกิดความเสียหายในหลาย ๆ ระบบของร่างกายจนเกิดภาวะแทรกซ้อน พิษจากพืชจะมีผลต่อระบบทางเดินอาหาร หัวใจและหลอดเลือด ระบบประสาท ไตและระบบปัสสาวะ ระบบโลหิตหรือแม้แต่ผิวหนัง วิธีการรักษาก็ขึ้นอยู่กับอาการ ส่วนพิษที่เกิดจากสัตว์อสูรนั้นจะส่งผลกระทบต่อร่างกายคล้ายพิษจากพืช แต่ขึ้นอยู่กับประเภทสัตว์อสูรชนิดนั้น ๆ วิธีการรักษาขึ้นอยู่กับอาการเช่นเดียวกับพิษเกิดจากพืช ถ้าจะให้จำแนกมีเป็นร้อยพันวิธี สรุปว่าข้อนี้เหนือภพได้คะแนนเพียง 50 คะแนน”

องค์หญิงบุษย์น้ำเพชรและเจ้าหน้าที่สำนักงานฮันเตอร์ครุ่นคิดตาม แล้วก็พยักหน้าช้า ๆ อย่างเห็นด้วยกับการให้คะแนนของแผนกวิชาการ เหนือภพมีสีหน้าไม่พอใจเล็กน้อย แต่เขาก็ยอมรับได้ อย่างน้อยเขาก็ยังได้คะแนนบ้าง

“ข้อ 5. จงบอกชื่อพืชสมุนไพรที่หาได้ง่าย สามารถเรียกใช้ได้ในยามฉุกเฉิน กรณีมีบาดแผลไฟไหม้ ถูกสัตว์อสูรกัดฉีกเนื้อ ถูกพิษจากสัตว์เลื้อยคลาน และแผลถูกฟันจนเลือดไหลไม่หยุด

ตอบ ว่านสาบเสือใช้กับบาดแผลฉีกขาดหรือแผลถูกฟันเพื่อห้ามเลือด ว่านหางจระเข้ทองใช้รักษาแผลไฟไหม้ ส่วนเรื่องถูกพิษจากสัตว์เลื้อยคลานต้องดูว่าได้รับจากสัตว์อสูรประเภทไหน  ข้อนี้ตอบได้ถูกต้อง”

ไผ่ดำรู้สึกตรวจทานดูอีกรอบด้วยความรู้สึกเหนือความคาดหมาย เหนือภพยิ้มกว้างอีกครั้ง ขณะที่องค์หญิงบุษย์น้ำเพชรมีสีหน้าดีขึ้น เธอยกชาขึ้นจิบเพื่อแก้กระหาย และปิดบังความตื่นเต้น

“ข้อ 6. จงอธิบายขั้นตอนการทำระเบิดอาคมขั้น 3 จากแร่ 108 ชนิด และอธิบายขั้นตอนการป้องกันตัวกรณีถูกเล่นงานด้วยระเบิดอาคม

ตอบ ไม่มีคำตอบ อย่ามาหลอกข้า ข้าไม่ได้โง่”

พรวด !  บุษย์น้ำเพชรถึงกับสำลัก ขณะที่ไผ่ดำมีอาการเลิ่กลั่ก เขาแทบอยากจะตะโกนออกไปทันทีว่า ‘แกมันไอ้โง่ !!’ แต่ในฐานะเจ้าหน้าที่ของแผนกวิชาการ นอกจากคำตอบที่ถูกต้องแล้วไม่ควรพูดอะไรออกมาให้ขายหน้า ดังนั้นไผ่ดำจึงพูดต่อไปอย่างสะใจอยู่ลึกๆ

“ข้อนี้ตอบผิด แต่ข้าจะไม่ขอเฉลยในที่นี้ เพราะเกรงว่าจะเสียเวลามากเกินไป หากมีใครต้องการดูเฉลยก็สามารถไปเปิดดูตำราวิทยาการอาคมขั้นสูง ข้าคิดว่าการตรวจข้อนี้คงไม่มีใครคัดค้าน เพราะฮันเตอร์ที่ดีและใส่ใจในหน้าที่ทุกคนคงจะเคยอ่านผ่านตามาบ้างแล้ว ใช่มั๊ยครับ”

ฮันเตอร์ส่วนมากที่อยู่รอบ ๆ อัฒจันทร์พยักหน้าหงึกหงักอย่างเห็นด้วย ทว่าเหนือภพกลับมีท่าทางตรงกันข้าม ยิ่งนานไปความมั่นใจของเขาก็ยิ่งสั่นคลอน

“ข้อที่ 96. จงอธิบายความแตกต่างของหญ้าฟื้นชีวิตและยาคืนวิญญาณ

ตอบ คิดจะลองภูมิข้าหรอ ดูถูกสติปัญญากันเกินไปแล้วนะ ขึ้นชื่อว่าหญ้ามันก็ต้องมีใบ มีราก แต่ถ้าขึ้นชื่อว่ายามันก็ต้องเป็นเม็ดกลม ๆ นี่แหละความแตกต่าง”

เมื่อมาถึงข้อนี้ ผู้เข้าชมส่วนใหญ่เงียบกริบทันที พวกเขาเองก็อยากรู้คำตอบเหมือนกัน เพราะไม่มีตำราใดที่ระบุเอาไว้อย่างชัดเจน ในตำราโบราณมักจะใช้คำว่าหญ้าฟื้นชีวิต ส่วนตำราในปัจจุบันก็มักจะใช้ทั้งสองคำอย่างผสมปนเป ดังนั้นผู้ที่จะเป็นฮันเตอร์แรงค์ D ได้จะต้องมีคุณสมบัติในการคิดวิเคราะห์และแยกแยะความต่าง

ไผ่ดำหายใจเข้าลึก ก่อนจะประกาศให้ทุกคนได้ทราบโดยทั่วกัน

“คำตอบของข้อนี้ถูกต้อง”

ผู้ที่เคยเข้าสอบภาคทฤษฎีทั้งหมดถึงกับอึ้ง เพราะพวกเขาหลายคนตกม้าตายก็เพราะข้อสอบข้อนี้  เรียกได้ว่าร้อยทั้งร้อยล้วนงัดเอาความรู้ทั้งชีวิตของตัวเองมาเขียนไล่เรียงอธิบายอย่างมีหลักการ แต่เหนือภพกลับตอบถูกด้วยแนวคิดที่แสนธรรมดาซะอย่างนั้น

“ข้อที่ 97. เมื่อนำผงแร่สองสีที่มีความบริสุทธิ์ 50 % ผสมกับผงแร่เงินที่มีความบริสุทธิ์ 100 % แล้วหยดด้วยน้ำกรดจากงูพิษสายรุ้งจำนวน 7 หยดจะก่อให้เกิดปฏิกิริยาอะไร จงอธิบาย

ตอบ ไม่มีคำตอบ หยุดลวงข้าสักที ไม่มีใครบ้าเอาแร่สองสีมาละลายพิษงูเล่นหรอก”

“ฮ่า ๆ”

คนทั้งลานประลองพากันหัวเราะก๊ากออกมาโดยไม่ได้นัดหมาย ส่วนไผ่ดำนั้นยังคงรักษามาดเจ้าหน้าที่เอาไว้ได้อย่างดี เขายิ้มกริ่มก่อนจะพูดอย่างติดตลกว่า

“สงสัยว่าในแผ่นดินเราคงมีคนบ้ามากมายกระมัง นี่เป็นหลักการเล่นแร่แปรธาตุขั้นต้นที่ทุกคนสามารถไปค้นหาคำตอบได้ในตำราเล่นแร่แปรธาตุขั้นต้น ฉบับปรับปรุงใหม่ ดังนั้นข้อนี้ตอบผิด”

เหนือภพได้แต่ยิ้มแห้ง ๆ เสียความมั่นใจ แต่ลึก ๆ ในใจก็ยังมีความเชื่อว่า สงครามยังไม่จบอย่าเพิ่งนับศพทหาร

“ข้อที่ 98 . จงอธิบายสาเหตุแห่งความขัดแย้งระหว่างแคว้นสุบรรณกับแคว้นนาคา

ตอบ  ไม่มีเหตุผล แค่พวกเขาเหม็นขี้หน้ากันเท่านั้น”

“คำตอบข้อนี้ถูกต้อง แต่ก็เพียงครึ่งเดียวเท่านั้น เป็นความจริงว่าแคว้นสุบรรณกับแคว้นนาคามีความขัดแย้งกันมาตั้งแต่โบราณกาล สาเหตุของความขัดแย้งนั้นไม่มีใครรู้ ไม่ได้มีเหตุอะไรมารองรับ พวกเราจึงได้แต่คาดเดากันว่าพวกเขาไม่ชอบกันและกัน ทว่าการที่พวกเราไม่รู้สาเหตุ ไม่ได้แปลว่ามันไม่มีสาเหตุ หากจะตอบให้ถูกต้องจริง ๆ ต้องตอบว่าไม่ทราบสาเหตุ ข้อนี้เหนือภพได้ 50 คะแนน”

“ข้อที่ 99. หากต้องการตามล่าสัตว์อสูรงูหางกระดิ่งที่ฝังตัวอยู่ใต้ผืนทราย ท่ามกลางทะเลทรายกว้างใหญ่ จงอธิบายวิธีการค้นหาและวิธีการล่าอย่างถูกต้อง

ตอบ ระเบิดมันทั้งทะเลทราย ถ้ามันยังมุดหัวอยู่ไม่ออกมาก็ให้รู้ไป   ข้อนี้เจ้าถูกครึ่งหนึ่ง”

ไผ่ดำบอกคะแนนก่อนจะอธิบายเกี่ยวกับการล่างูหางกระดิ่งและเฉลยวิธีการสังเกต และวิธีค้นหาโดยการใช้ระเบิดอาคม สัตว์อสูรงูหางกระดิ่งจะมีปฏิกิริยาตอบสนองต่อเสียงได้ไวมาก ดังนั้นหากใช้ระเบิดที่มีเสียงดัง ก็จะทำให้งูหางกระดิ่งปรากฏตัวได้

ยังเหลือข้อสอบอีกหนึ่งข้อที่ต้องตรวจ แต่ในตอนนี้ทุกคนในสถานที่แห่งนี้ต่างรับรู้ได้แล้วว่าเหนือภพมีคะแนนไม่ผ่านเกณฑ์ หลายคนส่ายหน้าอย่างหมั่นไส้ในความโอหังของเหนือภพ บางคนส่งเสียงให้กำลังใจ หลายคนที่สนิทกับเหนือภพต่างก็มองเหนือภพนิ่งด้วยความรู้สึกเห็นใจ ทว่ามีคนอีกเป็นจำนวนมากที่มองเหนือภพกับองค์หญิงด้วยความรู้สึกรังเกียจ รังเกียจที่พวกอภิสิทธิ์ชนได้รับโอกาสแก้ตัวมากมายเพียงนี้ ในขณะที่ฮันเตอร์ชาวเมืองธรรมดาทั่วไปไม่มีสิทธิ์เรียกร้องอะไรเช่นนี้

“ข้อที่ 100. จงเขียนชื่อสัตว์อสูรที่สามารถนำมาใช้งานเป็นพาหนะ แล้วเคลื่อนที่ได้เร็วที่สุด โดยจำแนกประเภทสัตว์อสูรให้เหมาะกับการเคลื่อนที่ในสถานที่ต่อไปนี้ บนผิวน้ำ บนฟ้า บนผืนดิน ใต้ดิน ทะเลทราย แหล่งโคลนดูด แม่น้ำไหลเชี่ยว และป่ารกชัฏ

ตอบ  พญานาค  ข้อนี้ตอบผิด คำตอบคือปักษาวายุ และลำดับรองลงมาอีกหลายรายการ ทุกท่านสามารถไปค้นหาคำตอบได้ในตำรารวบรวมสัตว์อสูรเก้าแคว้น”

“ฮ่า ๆ”

เวนไตยที่แฝงตัวอยู่ในเงาใกล้ตัวองค์หญิงบุษย์น้ำเพชรมาตลอด ไม่อาจกลั้นขำได้ เขาจึงไม่ปิดบังตัวตนอีก และค่อย ๆ เดินเข้าไปหาองค์หญิงบุษย์น้ำเพชรด้วยใบหน้ากระหยิ่มยิ้มย่อง

“ไปเถอะครับคุณหนู ท่านเสียหน้าเพราะมันมากพอแล้ว มันทำให้ท่านต้องตกอยู่ในสภาพนี้”

บุษย์น้ำเพชรพยักหน้าน้อย ๆ สายตาของเธอแสดงออกชัดว่าผิดหวัง เธอรู้มาตั้งแต่แรกแล้วว่าเหนือภพสอบไม่ผ่าน และการที่เธอยื่นคำร้องให้มีการตรวจข้อสอบซ้ำอีกครั้งก็เพื่อต้องหารเล่นแง่ แค่เพียงเหนือภพไม่ยอมรับว่ากระดาษคำตอบแผ่นนั้นเป็นของเขา เรื่องมันก็จะจบอย่างสวยงามกว่านี้ แต่ตอนนี้ทุกอย่างผิดแผนไปหมด เธอจึงใช้แผนคำถามพิเศษ 9 ข้อเป็นความหวังสุดท้าย แต่เธอไม่คิดว่าเหนือภพจะได้คะแนนไม่ถึงเกณฑ์ที่จะได้เลื่อนขั้นด้วยซ้ำ ในตอนนี้ทุกคนต่างรับรู้โดยทั่วกันว่าเหนือภพมีองค์ความรู้ต่ำต้อยแค่ไหน จากนี้ไปเธอก็ไม่รู้จะช่วยเหนือภพได้อย่างไร

บุษย์น้ำเพชรเดินออกจากลานประลองไปด้วยความรู้สึกอัปยศ ขณะที่เหนือภพรู้สึกอายและสูญสิ้นความมั่นใจ ก่อนที่เวนไตยจะจากไป เขาหันกลับมาพูดกับเหนือภพด้วยน้ำเสียงเห็นใจ

“ข้ามีตั๋วเรียนฟรีอยู่ใบหนึ่ง ข้ายกมันให้เจ้าก็ได้นะ เผื่อว่ามันจะยกระดับความฉลาดของเจ้าได้บ้าง แต่ถ้าเจ้าคิดว่ามันช่วยไม่ได้อีกละก็ เจ้าจะเอามันไปขายก็ได้”

เมื่อเวนไตยพูดจบ ป้ายสีเงินขนาดครึ่งฝ่ามือก็ถูกเขวี้ยงมาทางเหนือภพ เหนือภพรับมันไว้ทันท่วงทีเพื่อไม่ให้ป้ายกระแทกโดนหน้า ขณะที่พญานาคที่ไม่รู้ว่าไปกินอะไรมา พุ่งพรวดออกจากร่างเหนือภพในทันที

“เจ้าหาว่าข้าโง่งั้นเหรอ !!”

เหนือภพสะดุ้งตกใจไปพร้อมกับคนอื่น ๆ มีเพียงเขาคนเดียวเท่านั้นที่เข้าใจว่าพญานาคพูดว่าอะไร ส่วนคนอื่น ๆ กลับตะลึงค้างด้วยความไม่เข้าใจ

พญานาคที่ขยายร่างกลางอากาศพุ่งเข้าโจมตีเวนไตยด้วยความเร็วดุจสายฟ้าฟาด  หากเป็นคนอื่นคงสิ้นชีวิตไปในเวลาไม่เกินครึ่งอึดใจ ทว่าเวนไตยนั้นแตกต่างจากลูกหลานตระกูลครุฑคนอื่น ๆ เพียงแค่เขาขยับตัวเล็กน้อย ครุฑอาคมตัวหนึ่งก็พุ่งพรวดออกมาจากร่างกายของเวนไตย มันพุ่งเข้าโจมตีพญานาคด้วยความเร็วไม่ยิ่งหย่อนกัน

ครุฑสีแดงเพลิงของเวนไตยเรียกเสียงฮือฮาได้มากทีเดียว ไม่เคยมีใครได้เห็นครุฑของเขามาก่อน อาจเป็นเพราะไม่เคยมีศัตรูคนใดทำให้เขาถึงกับต้องเรียกครุฑออกมาต้านรับมาก่อน ในครั้งนี้จึงนับเป็นบุญตาของทุกคนที่ได้เห็นครุฑของเขา

“โอ้ ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว”

สมุทรมองประเมินครุฑของเวนไตยอย่างละเอียด เพราะรูปลักษณ์ของครุฑสามารถบ่งบอกถึงระดับปราณอาคม และระดับความเก่งกาจของเจ้าของได้ แล้วครุฑสีแดงเพลิงของเวนไตยก็มีความยาวปีกแต่ละข้างมากกว่าสิบเมตรเลยทีเดียว

“ใช่สิครับ เขาเป็นองครักษ์พิทักษ์องค์หญิงเชียวนะ” ทิวจ้องมองครุฑอย่างเคลิบเคลิ้ม แต่สมุทรก็ไม่ใส่ใจ ทิวมักจะหลงใหลชื่นชมคนเก่งอย่างนี้จนเป็นปกติ

“แต่จะว่าไป ครุฑของเขาตัวใหญ่กว่า แถมยังดูน่ากลัวมากกว่าครุฑขององค์รัชทายาทเสียอีก”

ทิวรำพึงรำพันพลางย้อนคิดถึงครุฑขององค์รัชทายาทที่เขาเคยเห็นในงานประมูลที่ผ่านมา สมุทรไม่ได้เห็นภาพครุฑขององค์รัชทายาทในวันเปิดงาน เขาจึงไม่เชื่อทิวเต็มร้อย

“คงเพราะองค์รัชทายาทชัยวิชิตอ่อนแอมาก ไม่ว่ายังไงครุฑของพวกราชวงศ์น่ะแข็งแกร่งที่สุด ไม่แน่ว่าครุฑขององค์ชายรองชัยธวัชจะมีขนาดใหญ่โตกว่านี้”

สมุทรพูดช้า ๆ ขณะคิดคำนวณความเป็นไปได้ หากครุฑของราชวงศ์ตัวใหญ่กว่านี้ ก็ยากที่ใครจะต่อกรได้

“แน่นอนสิครับ ไม่งั้นราชวงศ์นี้จะปกครองแคว้นมาได้ตั้งนานหรอ”

ทิวพูดพลางลุกขึ้นยืนอย่างตื่นเต้น เขาตื่นเต้นมากจนไม่รู้จะร้องตะโกนให้กำลังใจฝ่ายไหนดี ส่วนสมุทรนั้นได้แต่นั่งพยักหน้าอย่างเงียบงัน

ความจริงแล้วสมุทรไม่ได้เห็นด้วยกับทิวทั้งหมด เพราะเขารู้มาว่าปรานอาคมดั้งเดิมของราชวงศ์นี้คือปรานอาคมราชาและราชินีวิหคเสียงสวรรค์ โชคดีที่องค์จ้าวแคว้นองค์ปัจจุบันได้อภิเษกสมรสกับสตรีชั้นสูงจากตระกูลสุบรรณที่มีปราณประจำตระกูลเป็นปราณครุฑ องค์ชายทั้งสองจึงสามารถบ่มเพาะอาคมจนสามารถเรียกครุฑได้ การแต่งงานกับตระกูลครุฑนี้สืบต่อกันมาหลายต่อหลายรุ่นแล้ว แต่ทายาทของราชวงศ์ก็ยังไม่อาจให้กำเนิดทายาทที่มีสายเลือดครุฑแท้ ดังนั้นพวกเขาจึงต้องหาวิธีเชื่อมสัมพันธ์กับตระกูลสุบรรณอยู่ทุกรุ่น

ในขณะเดียวกันทางราชวงศ์ก็ต้องการเกี่ยวดองกับตระกูลนาคราชเพื่อคานอำนาจไม่ให้ตระกูลสุบรรณครอบงำราชวงศ์อมตะจนหมดสิ้น นี่จึงเป็นเหตุผลที่องค์จ้าวแคว้นมีพระมเหสีเอกเป็นคนตระกูลสุบรรณ และองค์อนุชามีชายาเอกเป็นคนจากตระกูลนาคราช

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด