ตอนที่แล้วตอนที่ 146 สัญญาสองเรา
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 148 หัวหน้าครอบครัว

ตอนที่ 147 ถ้าไร้ใจ ก็ไปซะ


พราวจันทร์เดินตรงเข้าไปหาสตรีที่เธอเรียกว่าแม่ใหญ่ ทว่าเหนือภพไม่ยินยอม เขาตวัดดาบแส้ไปทางพราวจันทร์แล้วกระชากดึงตัวเธอกลับมา ก่อนจะโอบกอดร่างนุ่มนิ่มไว้อย่างหวงแหน

“นางเป็นของข้า ใครจะเอานางไปไม่ได้”

คำพูดของเหนือภพเต็มไปด้วยความยึดมั่นถือมั่น เขาโอบกอดพราวจันทร์ไว้จนแน่น ราวกับว่าหากปล่อยให้เธอจากไปในครั้งนี้ เขาอาจจะไม่ได้พบเจอเธออีกเลย

ร่างแน่งน้อยอ่อนระทวยลงทันที ในตอนนี้เธอรู้สึกสับสนและยากจะเลือกว่าเธอจะทำอย่างไรดี แม้บนบ่าของเธอจะมีหน้าที่ที่ต้องแบกภาระรับผิดชอบอยู่มากมาย แต่เมื่อเธอได้อยู่ท่ามกลางอ้อมกอดของเหนือภพ  เธอก็ไม่อาจทำใจกล้าพูดปฏิเสธออกมาได้ เธอไม่อาจหักหาญน้ำใจที่เหนือภพมีให้เธอ และเธอก็รู้สึกโหยหาความรักจากเขามานานแสนนานเต็มที

พราวจันทร์ก้มหน้าลงอย่างตัดใจ เธอไม่แม้แต่จะเงยหน้ามองแม่ใหญ่ที่ยืนจ้องเขม็งมาจากฝั่งตรงข้าม

“เป็นเจ้าเองสินะ”

เมื่อแม่ใหญ่สังเกตท่าทางและสายตาที่เหนือภพและพราวจันทร์มีให้กัน เธอก็เข้าใจในทันที คนที่ทำให้สินค้าอันดับหนึ่งของเธอต้องแปดเปื้อนมลทินนั้น ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นเจ้าเด็กหนุ่มคนนี้

“ฆ่ามันให้ข้า”

สิ้นคำพูดแม่ใหญ่ เหล่าองครักษ์เงาก็เคลื่อนไหวตัว พุ่งเข้าใส่เหนือภพด้วยความเร็ว ทว่าเหล่าองครักษ์กับถูกสายฟ้าของผู้คุมกฎซ้ายเจาะทะลุร่างกาย แม้จะไม่ถึงกับวอดวาย แต่คนเหล่านั้นก็บาดเจ็บสาหัสกันไปตาม ๆ กัน

“คนของข้า เจ้ากล้าแตะงั้นเหรอ”

ประโยคคำพูดสั้น ๆ แต่เต็มไปด้วยอำนาจของผู้คุมกฎซ้ายนั้นไม่อาจทำให้แม่ใหญ่หวาดกลัว โดยเฉพาะองครักษ์คู่กายทั้งสองของเธอ พวกเขามีท่าทีให้ความสนใจ ราวกับเริ่มนึกสนุกเมื่อเจอผู้มีฝีมือทัดเทียม

แม่ใหญ่มองสบตาผู้คุมกฎซ้าย ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงหารืออย่างเป็นมิตร

“ลัทธิดับสุริยันกับสมาคมพ่อค้าต่างเป็นมิตรที่ดีต่อกัน เหตุใดท่านจึงทำเช่นนี้”

“ข้าไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไร” ผู้คุมกฎซ้ายพูดจบก็หันหลัง แล้วก้าวเดินเข้าหาเหนือภพ

“พานางออกไปก่อน”

เหนือภพที่แบกพราวจันทร์ไว้บนหลังพยักหน้ารับ ก่อนจะเคลื่อนที่จากไปด้วยความเร็ว แม่ใหญ่หรี่ตาลงอย่างดุดันในทันที

“ชีวิตนางเป็นของข้า ถ้าข้าไม่อนุญาต แม้เป็นวิญญาณก็ไปไม่ได้”

สิ้นคำพูดของนายหญิงใหญ่แห่งหอหมื่นบุปผา หนึ่งในองครักษ์คู่กายของเธอก็เคลื่อนไหว สองมือโผล่พ้นจากชายเสื้อคลุมออกมา เรืองแสงสีทองจ้า จากนั้นก็พุ่งเข้าโจมตีเหนือภพ แต่ผู้คุมกฎซ้ายใช้อาคมย่นระยะทางมากั้นขวาง ผู้คุมกฎซ้ายยื่นมือขวาที่ห่อหุ้มด้วยกระแสไฟฟ้าออกมาต้านรับ แรงปะทะของพลังงานแข็งกร้าวสองกลุ่มก่อเกิดเสียงดังปัง คลื่นกระแทกซัดโหมทั่วบริเวณราวกับระเบิดที่มองไม่เห็น ทำให้ทั้งองครักษ์และผู้คุมกฎซ้ายต่างผงะถอยหลังกลับไปคนละก้าว

องครักษ์ของนายหญิงใหญ่เก็บซ่อนมือที่สั่นเครือไว้ในชายเสื้อ โดยพยายามแสดงสีหน้าปกติเพื่อหลบซ่อนความด้อยกว่าของตน ต่างจากผู้คุมกฎซ้ายอย่างสิ้นเชิง มือกลโลหะของเขาชำรุดเล็กน้อย เกิดกระแสไฟฟ้าลัดวงจรแล่นเปรี๊ยะ ๆ ต่อเนื่อง แต่นั่นก็ไม่ได้สร้างปัญหาใดใดให้แก่ผู้คุมกฎซ้าย

ผู้คุมกฎซ้ายถอดมือกลโลหะออก ก่อนจะทำการเปลี่ยนอันใหม่แทนที่ พลางเอื้อนเอ่ยออกมาว่า

“ต้องการอะไรก็ว่ามา อย่าทำให้ข้าต้องเสียเวลามากไปกว่านี้” นายหญิงใหญ่ไม่ต้องใช้เวลาคิดนาน เธอคลายคิ้วที่ขมวดมุ่น แล้วค่อย ๆ เผยรอยยิ้มร้ายกาจออกมา

“คุยกันง่าย ๆ อย่างนี้ตั้งแต่แรกก็จบแล้ว หึหึ”

เหนือภพแบกพราวจันทร์กระโดดไปมาตามหลังคา ก่อนจะมาหยุดยืนบนหลังคาของอาคารสูงแห่งหนึ่ง  เมื่อเห็นว่าไม่มีใครตามมา พวกเขาน่าจะปลอดภัยแล้ว เขาจึงค่อย ๆ ปล่อยพราวจันทร์ลงจากหลัง พลิกร่างเธอมาจับไหล่เล็ก ๆ ของเธอไว้มั่น หวังจะมองใบหน้าของเธอให้ชัด ๆ

“เจ้าเป็นอะไรไหม”

เหนือภพเอ่ยถาม ขณะกวาดตามองทั่วเรือนร่างของเธอ พราวจันทร์รู้เขินอายอย่างบอกไม่ถูกเมื่อถูกเหนือภพจับจ้องทุกสัดส่วนของเธอเช่นนั้น ทว่าเหนือภพในตอนนี้มีแต่ความเป็นห่วงอย่างท่วมท้น เขาไม่มีเวลามาใส่ใจสัดส่วนอันโค้งเว้าของเธอ

เมื่อเหนือภพเห็นว่าเธอไม่ได้บาดเจ็บอะไรมากมายเขาก็วางใจ เขารีบถอดเสื้อผ้าคลุมตัวนอกของตัวเองแล้วคลุมให้พราวจันทร์ ราวกับว่าเธอคือสิ่งของมีค่าของเขา

“ใส่ซะ อากาศเย็นแบบนี้เจ้าจะไม่สบาย”

“ท่านโกรธข้าหรือไม่ ที่ปิดบังท่าน”

แม้ว่าในใจเธอมีเรื่องมากมายที่อยากจะพูดกับเหนือภพ แต่เมื่อได้มายืนต่อหน้าเขาจริง ๆ เธอกลับไม่รู้ว่าจะพูดอะไร

เหนือภพหันหลังให้เธอทันที เขาถอนหายใจหนึ่งที แล้วก็พูดด้วยเสียงราบเรียบแบบฉบับคุณชายชั้นสูง ที่มีความไว้ตัวและความหยิ่งทระนง

“ทำไมหรือ จากไปหลายปีไม่ส่งข่าวคราว ข้าอยู่ตรงหน้าเจ้าแท้ ๆ แต่เจ้าก็ยังใจร้าย แล้วตอนนี้ล่ะ ไม่เรียกข้าว่าพี่ภพแล้วหรอ สงสัยว่าข้าคงจะไม่มีค่าอะไรสำหรับเจ้าอีกแล้วสินะ”

“โธ่ พี่ภพ”

พราวจันทร์โผเข้าไปเกาะกอดแผ่นหลังของเหนือภพด้วยน้ำตาแห่งความรู้สึกผิด เธอไม่อยากให้เหนือภพเข้าใจเธอผิดแบบนั้นเลย ทำไมกันท่าทีของเหนือภพถึงเปลี่ยนแปลงไปกะทันหันแบบนี้

“พี่ภพ ไม่ใช่แบบนั้นนะ ข้าจำเป็นต้องทำ”

“อืม ข้าเข้าใจ ข้าแกล้งแสดงออกชัดเจนว่าเจ้าคือคนของข้า จากนี้ไปจะไม่มีใครมายุ่งกับเจ้าอีกแล้ว ถ้าเจ้าไม่ต้องการ ปล่อยข้าเถอะ ตอนนี้เจ้าเป็นอิสระแล้ว”

เหนือภพพูดด้วยน้ำเสียงไม่แยแสพลางค่อย ๆ แกะมือน้อย ๆ ของเธอออก แต่พราวจันทร์กลับยิ่งกอดเขาแน่นกว่าเดิม

“อย่า.. ความอิสระไม่มีความหมายสำหรับข้าถ้าไม่ได้อยู่กับพี่”

พราวจันทร์พูดไปพลางร้องไห้สะอึกสะอื้นไปด้วย ในตอนนี้เธอไม่สนใจรักษาภาพลักษณ์สตรีแสนงามอะไรอีกแล้ว ยิ่งเหนือภพแสดงท่าทีเย็นชามากเท่าไหร่ เธอก็รู้ว่าเขาต้องเจ็บปวดใจมากเท่านั้น และเธอก็เกลียดตัวเองที่ทำให้เหนือภพต้องเจ็บปวดใจ

“เจ้าอยากอยู่กับข้าหรอ” เหนือภพหันมามองเธอเล็กน้อย แต่ท่าทีของเขาก็ยังคงไม่หวั่นไหวไปกับน้ำตาของเธอ

“ใช่ ข้าขอแค่ได้อยู่ข้างกายพี่ ไม่ว่าจะอยู่ในฐานะอะไรก็ตาม ข้าผิดไปแล้ว”

“ฐานะอะไรก็ได้งั้นหรือ”

“ใช่ ข้ารับใช้ก็ได้ ข้าจะไม่รับเงินค่าจ้างเลย ได้โปรด”

เหนือภพหันหน้ากลับไปโดยไม่พูดอะไร หลายอึดใจต่อมาร่างกายของเหนือภพก็สั่นสะท้าน แม้จะเล็กน้อยมาก แต่พราวจันทร์ก็สัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลง

“พี่...”

“ยอดเยี่ยมไปเล้ยยย !”

เหนือภพผละจากเธอ แล้วหันกลับมามองพราวจันทร์ด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ จากนั้นเขาก็พูดต่อความอารมณ์ที่เปี่ยมล้นไปด้วยความสุขที่ได้แกล้งเธอ

“เจ้าพูดเองนะ ต่อจากนี้ไปเจ้าเป็นเมียข้า ต้องอยู่ข้างกายข้าตลอดไป”

“พี่ พี่ไม่ได้โกรธข้าแล้วหรอ”

เหนือภพส่ายหน้าเบา ๆ

“แค่เจ้ามีชีวิตอยู่ก็ดีมากแล้ว”

เหนือภพโผเข้าสวมกอดพราวจันทร์ด้วยความคิดถึง ในที่สุดความทุกข์ทรมานในใจหลายปีมานี้ ก็ถูกปลดเปลื้องออกมา แถมเธอยังเป็นพราวจันทร์ที่ชิงพรหมจรรย์ของเขาไปและทำให้ใจของเขาหวั่นไหว เป็นคนคนเดียวกับกลิ่นจันทน์คนที่เขารัก จากนี้ไปเขาก็จะสามารถรักเธอได้อย่างไม่ตะขิดตะขวงใจอีกแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่สนใจว่าวันนี้เกิดเรื่องอะไรกับเธอ เสียจะตัวหรือไม่มันไม่สำคัญเลย ขอแค่เธอยังปลอดภัย มีชีวิตรอด และได้กลับมาอยู่ข้างกายเขา เขาก็พอใจแล้ว

“กลับบ้านเรากันเถอะ”

เหนือภพพูดจบก็อุ้มพราวจันทร์ด้วยท่าทางแบบเจ้าชายอุ้มเจ้าหญิง ขณะที่พราวจันทร์ตกใจเมื่อนึกขึ้นได้ว่ายังเหลือชายอีกคนที่คอยรับมือพวกแม่ใหญ่อยู่

“อ๊ะ ! เดี๋ยวสิ แล้วเขาคนนั้นล่ะ”

“เขาเก่งแบบนั้น เอาตัวรอดได้แน่ ไปเถอะ”

เหนือภพพาพราวจันทร์กลับไปด้วยรอยยิ้ม ขณะที่อีกด้านหนึ่งของเมือง บนหลังคาของอาคารสูงอีกฝั่ง ผู้คุมกฎซ้ายปลดหน้ากากออก เผยให้เห็นรอยยิ้มมีความสุข เขารู้สึกอิ่มเอมใจราวกับพ่อที่ได้เห็นลูกของตัวเองออกเรือนเป็นฝั่งเป็นฝาเสียที

ณ ร้านขายน้ำผึ้งของพี่พล

“พี่พลดูนี่ รู้มั๊ยข้าพาใครมา”

เหนือภพกล่าวทักทาย เมื่อเห็นพี่พลกำลังจัดเตรียมสินค้ายังไม่หลับนอน พลที่กำลังย้ายน้ำผึ้งล็อตใหม่ก็หันมองพราวจันทร์ เขาก็นิ่งไปครู่หนึ่ง

“กลิ่นจันทน์หรอ ?”

“ห่ะ” เหนือภพนิ่งไปครู่หนึ่ง

“พี่จำได้ยังไง” เหนือภพอ้าปากค้างด้วยความตกใจ ส่วนพราวจันทร์ส่ายหน้าเบา ๆ แล้วก็เดินเข้าไปทักทายพล

“สวัสดีค่ะพี่พล ให้หนูช่วยไหม”

“ไม่ได้เจอกันนาน สวยขึ้นเป็นกองเลยนะ เจ้าภพพาเจ้าไปซ่อนไว้ที่ไหนล่ะ พอข้าถามถึงก็ไม่เคยบอกเลย”

“ก็แถวนี้แหละค่ะ” พราวจันทร์เดินตรงไปหาพี่พล ทิ้งให้เหนือภพเกาหัวแกร๊ก ๆ ขณะพึมพำกับตัวเองว่า

‘นางไม่ใช่เด็กผู้หญิงขี้แยคนเดิมสักหน่อย พี่พลจำได้ยังไงหว่า’

“นี่ ! บอกข้าก่อนสิ ว่าจำได้ยังไง” เหนือภพตะโกนถามอย่างไม่ปล่อยวาง ส่วนพลก็ตะโกนกลับมาอย่างอ่อนใจ

“ก็เจ้ามันโง่”

กว่าเหนือภพกับพราวจันทร์จะช่วยพี่พลจัดเตรียมน้ำผึ้งสำหรับขายวันพรุ่งนี้เสร็จ เวลาก็ผ่านล่วงเลยไปจนเกือบเช้าแล้ว อีกไม่กี่ชั่วโมงตะวันก็จะเริ่มส่องแสงอีกครั้ง

“นี่ห้องพี่หรอ”

พราวจันทร์ถามด้วยท่าทางสนใจ ขณะเดินแทรกตัวเหนือภพเข้าไปในห้องเล็ก ๆ ที่อยู่บนชั้นสองของร้าน มันดูเล็กอย่างมากถ้าเทียบกับห้องที่เธอเคยอยู่ แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร ขอแค่มีเหนือภพเธอก็พอใจแล้ว

เหนือภพเห็นภาพพราวจันทร์ในห้องนอนเล็กแคบนั้น เขาก็เกิดความรู้สึกสะท้อนใจขึ้นเป็นครั้งแรก หญิงสาวที่ดูสูงค่าอย่างเธอ ต้องมาอยู่ในสถานที่แบบนี้ ช่างไม่เหมาะสมยิ่งนัก เหนือภพรู้สึกราวกับว่าเธอเป็นเจ้าหญิงที่หนีตามหนุ่มคนเลี้ยงม้ามา นี่เขากำลังจะพาเธอมาลำบากรึเปล่านะ

“คืนนี้ทนอยู่ห้องข้าไปก่อนนะ ยังไงพรุ่งนี้ข้าจะหาที่อยู่ดี ๆ ให้เจ้าใหม่ เจ้าไม่ต้องกังวล”

เหนือภพพูดโดยไม่ได้ก้าวเข้าไปในห้อง ก่อนจะปิดท้ายด้วยคำว่า “ฝันดีนะ” แล้วเขาก็เดินจากไป ตัวเขาเองไปนอนในห้องเก็บของก็ได้

“เดี๋ยวสิพี่ พี่จะไปไหน”  พราวจันทร์รู้สึกตกใจมาก อยู่ ๆ เหนือภพก็เดินจากไป

“ข้าจะไปนอนห้องอื่น เจ้าไม่ต้องกังวล ข้าอยากให้เจ้านอนสบาย ๆ ไม่ต้องเบียดกับข้า และที่สำคัญข้าจะไม่เอาเปรียบเจ้า ในตอนนี้อ่ะนะ”

เหนือภพยิ้ม แม้ในใจเขาอยากจะเอาเปรียบเธอใจจะขาด

“มีอะไรก็เรียกข้าได้ตลอดเวลา ข้าจะปกป้องเจ้าเอง”

เหนือภพยิ้มขณะที่เขาหันหลังให้ ทว่าพราวจันทร์กับโผเข้ากอดเหนือภพเข้าจากด้านหลัง โอบรัดเอวของเหนือภพเอาไว้แน่น เพราะกลัวเหนือภพยังคงโกรธเธอ กลัวว่าเหนือภพจะไม่สนใจเธออีก

“พี่อยู่กับข้าได้ไหม”

พราวจันทร์กอดเหนือภพแน่น เธอซุกหน้าเข้ากับแผ่นหลังเหนือภพอีกครั้ง เหนือภพสัมผัสได้ถึงน้ำเปียกชื้น แม้เหนือภพจะไม่ได้ยินเสียงสะอึกสะอื้น แต่เหนือภพก็รู้ว่าเธอร้องไห้อีกแล้ว เขาพลิกตัวกลับมาปาดน้ำตาให้นาง อย่างอ่อนโยน

“เจ้านี่นะ โตจนป่านนี้แล้วยังขี้แยเป็นเด็ก ๆ ไปได้ อ่ะได้ ๆ ข้าอยู่ ข้าจะอยู่กับเจ้าตลอด ข้าสัญญา”

“ท่านสัญญาแล้วนะ”

พราวจันทร์ทำแก้มป่องเล็ก ๆ ขณะเช็ดน้ำตาของตัวเอง เธอโอบกอดเอวเหนือภพไว้จนแน่นแม้ขณะพากันเธอเดินเข้าห้องไป เธอช่วยเหนือภพถอดชุดเกราะและปลดอาวุธออกมา นั่นทำให้เธอเห็นว่าเหนือภพยังคงพกข้าวของและอาวุธมากมายอย่างเคย

“คนเราต้องรู้จักเตรียมพร้อม” เหนือภพพูดแล้วก็มองเธอยิ้ม ๆ

จากนั้นพราวจันทร์ก็ปลดเสื้อคลุมตัวนอกออก เผยให้เห็นเสื้อและกระโปรงซับในสีขาวบาง ตามปกติจะมีสาวใช้นำชุดนอนมาให้เธอผลัดเปลี่ยน แต่ตอนนี้เธอไม่มีชุดนอน ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญ นี่คือห้องนอนส่วนตัวที่มีเพียงเธอและสามีของเธอเท่านั้น

‘สามี..’

พราวจันทร์คิดมาถึงตรงนี้ พวงแก้มของเธอก็แดงระเรื่อขึ้นมาทันที เธอจึงรีบซุกตัวเข้าไปอยู่ใต้ผ้าห่มกับเหนือภพ แล้วก็ดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมหน้าตัวเอง

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด