50.ประดิษฐ์ของใช้
ทว่ามองดูให้ดีสิ! ด้วยสภาพแวดล้อมเช่นนี้ การพัฒนาเศรษฐกิจแบบนี้ และยุคสมัยแบบนี้ พอนึกถึงของใช้ในยุคสมัยใหม่ขึ้นมาแล้ว....
หลิ่วเจินเกาหูเกาแก้มโดยไม่พูดอันใด มองกองข้าวของบนพื้นแล้วก็เริ่มเข้าใจ หญิงสาวให้คะแนนทุก ๆความคิดที่ผุดขึ้นมา เพราะไม่เช่นนั้นก็คงไม่อาจบรรลุผลสำเร็จได้ ไม่เช่นนั้นก็คงไม่เหมาะสมพอ ไม่คลอบคลุมพอ
สุดท้ายกู้หรูเฟิงกลับเป็นคนเริ่มลงมือก่อน
“ท่านกำลังทำอะไรน่ะ?” หลิ่วเจินจ้องเขม็งที่มือกู้หรูเฟิง นางวิตกหน่อย ๆ กลัวว่ากู้หรูเฟิงจะมาทำให้ยุ่งกว่าเดิม
“หากเจ้าเชื่อมอันนี้กับอันนี้เข้าด้วยกัน แล้ววางอันเล็กนี่ไว้บนนี้ แล้วค่อยพันด้วยเชือก จะไม่ดีกว่ารึ?” กู้หรูเฟิงจัดวางภาชนะในรูปแบบตามที่อธิบายให้หลิ่วเจินฟังโดยคร่าว ๆ
หลิ่วเจินเอียงคอมองกู้หรูเฟิงจัดวางรูปแบบตามต้องการ ต่อมาก็ให้เขาอธิบายประกอบ ขณะที่ตนเองจินตนาการโครงร่างคร่าว ๆในใจ
“ดูเหมือนว่าจะใช้ได้นะ ทว่าตรงนี้มันดูเทอะทะไปหน่อย และอันนี้มันยังไม่แข็งแรงพอเลย” หลิ่วเจินชี้ตรงจุดนั้น จุดนี้และตั้งคำถามกับข้อบกพร่อง
กู้หรูเฟิงหยิบเชือกปอมาวางข้างตัว “เจ้านี่แข็งแรงพอแน่นอน ทว่ามันอาจหยาบไปสักนิดและบาดมือเจ้าได้ง่าย ทว่ามันไม่มีอะไรที่เหมาะสมมากกว่านี้แล้ว หากเราไม่ใช้ผ้า แต่เราไม่มีเศษผ้าเหลือมากพออยู่ดี”
“หยาบก็ได้ไม่เป็นไร ถึงอย่างไรก็แค่ระยะทางสั้น ๆ อีกอย่าง หากแย่นัก ข้าจะหยุดพักสักครู่ แล้วค่อยไปต่อ” หลิ่วเจินสามารถประหยัดได้ด้วย ไม่ต้องใช้วัสดุราคาแพงมาสร้างของใช้เป็นดีที่สุด ไม่จำเป็นเลยต่อให้บอกว่าใช้เศษผ้าอาจดีกว่า ทว่ามันอาจไม่แข็งแรงพอ และหากเกิดขาดระหว่างทางขึ้นมา จะสร้างปัญหาตามมาอีกมากโข
กู้หรูเฟิงเห็นหลิ่วเจินเห็นด้วยกับความคิดนี้ ดังนั้นเขาจึงเริ่มลงมือประกอบของกับหลิ่วเจิน
หลิ่วเจินสังกตุเห็นว่ากู้หรูเฟิงดูคล้ายจะเก่งและฉลาดกว่านางมากในเรื่องพวกนี้ กระทั่งระหว่างศึกปาลูกบอลหิมะ ขณะที่แนวป้องกันของนางแตกพังทะลาย แต่ของเขายังคงแข็งแกร่งปานหินผา
หากคนผู้นี้ไปอยู่ในยุคสมัยใหม่ เชื่อได้เลยว่าเขาต้องได้เป็นวิศกรโยธาแน่ หลิ่วเจินคิดเช่นนี้
“วันพรุ่งนี้ข้าเดินเท้าขึ้นเขาไปช่วยเจ้าขนของกลับมาบางส่วนได้หรือไม่?” กู้หรูเฟิงถาม อันที่จริง เขาอยากพานางกลับบ้านแต่เนิ่น ๆ เพื่อเขาจะได้ไม่ต้องรอคอยนางกลับอยู่ที่บ้านคนเดียว บ้านที่ไม่มีคน มันช่างโดดเดี่ยวเดียวดายนัก...
หลิ่วเจินเงยหน้ามองกู้หรูเฟิง แล้วเม้มริมฝีปากแน่น “ท่าน...หากท่านอยากไป ก็ไปได้นะ....” หญิงสาวยังคงลังเลตอนที่พูดถ้อยคำนี้ แต่ก็ไม่ได้บังคับเขาให้อยู่ที่บ้าน แค่ออกไป แล้วอย่าบาดเจ็บมาก็พอ
“จริง ๆรึ?” กู้หรูเฟิงแทบไม่อยากจะเชื่อที่หลิ่วเจินกล่าว ตัวเขาเองยังคิดว่านางจะปฏิเสธเขาตรง ๆอย่างเมื่อสองสามครั้งก่อนหน้าเสียอีก
หลิ่วเจินพยักหน้า
กู้หรูเฟิงยกยิ้มมุมปาก แล้วลงมือช่วยหลิ่วเจินต่อไป
ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด หากแผลเป็นบนใบหน้าของบุรุษผู้นี้หายไป เขาต้องเป็นชายที่หล่อเหลาจนทำให้หญิงสาวนับพันคลั่งไคล้เป็นแน่ แล้วเมื่อครู่ที่ยิ้มแบบนั้น นี่ยังไม่หล่ออีกรึ? หลิ่วเจินที่หัวใจเต้นช้า ๆเป็นจังหวะ ในทีสุดก็กลับมาเต้นกระหน่ำทันใด
“แต่...” หลิ่วเจินรู้สึกว่ายังอยากขอร้องชายหนุ่มเพิ่มอีกนิด เขาเป็นคนไข้คนหนึ่ง จึงไม่สมควรเดินเพ่นพ่านไปทั่วเป็นที่สุด
ได้ยินหลิ่วเจินเอ่ยคล้ายจะแย้ง กู้หรูเฟิงพลันเงยหน้ามองนางอย่างกังวล คิดว่าเรื่องที่หลิ่วเจินรับปากเมื่อครู่ นางอาจเปลี่ยนใจ
“แต่อะไร?” กู้หรูเฟิงถามกลับทันที
“แต่ห้ามท่านเดินเพ่นพ่านไปทั่ว ท่านขึ้นเขาได้หลังมื้อเที่ยง ห้ามเดินผ่านไปตรงบริเวณที่มีหลุมเมื่อคราวที่แล้วด้วย แล้วไปรอข้าอยู่ที่นั่น” หลิ่วเจินเอ่ยขึ้น