ตอนที่แล้วตอนที่ 137 อาจารย์ !!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 139 ค่าชดเชยแสนแพง

ตอนที่ 138 ในที่สุดเราก็พบกัน


ผู้คุมกฎขวายืนประจันหน้ากับพระอาจารย์สิริจันโท โดยมีลูกศิษย์สาวของเขายืนอยู่เบื้องหลัง ในตอนนี้บุคคลผู้มีฝีมือระดับเหนือจินตนาการของเหนือภพ ต่างยืนมองหน้ากันนิ่ง ฝ่ายหนึ่งมีลูกศิษย์ที่มีสภาพพร้อมสู้บ้างไม่พร้อมสู้บ้างอยู่สามคน ส่วนอีกฝ่ายมีลูกศิษย์สาวหน้าตาถมึงทึงพร้อมสู้รบอยู่เพียงคนเดียว

พระอาจารย์สิริจันโทและผู้คุมกฎขวาจ้องมองลึกเข้าไปในดวงตาของกันและกัน สองอึดใจต่อมาผู้คุมกฎขวาก็ทรุดเข่าลงบนพื้น ท่ามกลางสายตาตกตะลึงของลูกศิษย์ทั้งสองฝ่าย

“ศิษย์พี่ ในที่สุดท่านก็มาพบข้า”

ที่แท้พวกเขาก็ไม่ได้ต่อสู้กันทางจิต แต่ผู้คุมกฎขวากำลังทำความเคารพศิษย์พี่ ผู้ที่เขาให้ความสำคัญอย่างสูงสุดต่างหาก

“ห่ะ !!”

ทั้งทานธรรม วัฏจักร และเหนือภพถึงกับอุทานออกมาอย่างตกใจ เมื่อเรื่องราวกลับตาลปัตรไปเสียอย่านั้น

ด้วยความรู้สึกอัดอั้นในอก ทำให้เหนือภพพูดโพล่งออกไปอย่างไม่เข้าใจ

“นี่ตาแก่ ถ้าเจ้าอยากเจออาจารย์ข้า แล้วทำไมไม่พูดกันดี ๆ ห่ะ”

“เหนือภพ”

พระอาจารย์เรียกชื่อเหนือภพเบา ๆ ทำให้เหนือภพเงียบเสียงลง แต่เหนือภพก็เงียบได้เพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้น เพราะความในใจของเขามีมากเกินจะหยุดได้

“นี่อาจารย์อา ถ้าท่านแค่อยากเจออาจารย์ของข้า ก็บอกพวกข้าดี ๆ สิ ข้าจะพาไปหาอาจารย์ก็ได้ ไม่เห็นตั้งทำกับพวกเราแบบนี้เลย ใช่ไหมศิษย์พี่”

ทานธรรมและวัฏจักรต่างพยักหน้าเห็นด้วยโดยไม่เปล่งเสียง ต่อให้ชายตรงหน้าเป็นอาจารย์อาของพวกเขาจริง ๆ แต่ความสัมพันธ์มันก็ไม่อาจแน่นแฟ้นได้อีกแล้ว

ผู้คุมกฎขวายังคงนิ่งเฉย เขาไม่อยากเสียเวลาอธิบายให้พวกลูกศิษย์ฟัง พวกเด็กรุ่นใหม่ที่ไม่รู้จักเรื่องราวลึกซึ้งย่อมไม่รู้ว่าวิธีการเรียบง่ายแบบนั้นไม่อาจทำให้ศิษย์พี่ยอมพบเขาได้ คนอย่างศิษย์พี่ที่ตัดสินใจจะหลบหน้า และซ่อนตัวจากลัทธิมาตลอดหลายสิบปี คงยากที่ใครจะพาเขาให้ไปเจอศิษย์พี่ได้ ดังนั้นเขาจึงมีเพียงแต่ต้องทรมานพวกลูกศิษย์ให้เจียนตาย ศิษย์พี่จึงจะยอมออกมาจากที่ซ่อน

ผู้คุมกฎลุกขึ้นยืน แล้วพูดในสิ่งที่เขาอยากพูดมานาน

“ศิษย์พี่ข้าขอคุยกับท่านเป็นการส่วนตัวได้หรือไม่”

พระอาจารย์สิริจันโทไม่ตอบอะไร เขาเพียงเดินแยกตัวออกไปข้างหลังไกล เป็นสัญญาณให้ผู้คุมกฎขวาเดินตามไป ส่วนเหนือภพและศิษย์คนอื่น ๆ ได้แต่มองตามไปด้วยความรู้สึกหลากหลายในใจ

เหนือภพรีบสื่อสารกับพญานาคในจิตทันที

‘นี่เจ้างูพิษ ครั้งนี้เจ้าต้องช่วยข้า ของกินก็กินไปแล้วนะ’

‘อืม’ พญานาคตัดสินใจตอบตกลงเพื่อตัดรำคาญ

‘ดี’ เหนือภพมีความหวังขึ้นมา และเพื่อจะทำแผนให้สำเร็จ เหนือภพจึงตัดสินใจวิ่งเข้าไปหาพระอาจารย์ของเขา

“อาจารย์เดี๋ยวก่อน ข้าขอพูดกับท่านนิดนึง”

“ว่ามา เจ้าตัวแสบ”

เหนือภพขยับตัวเข้าไปใกล้พระอาจารย์ พลางกระซิบกระซาบใส่หูของท่าน

“พวกเขาเอาอาวุธข้าไป อาจารย์ต้องให้พวกเขาคืนข้านะ ไม่งั้นข้าไม่ยอมจริง ๆ ด้วย”

ในระหว่างที่เหนือภพกำลังกระซิบอยู่นี้ เขาก็ปล่อยให้พญานาคที่ย่อขนาดตัวเข้าไปแอบซ่อนในจีวรของพระอาจารย์เรียบร้อยแล้ว

พระอาจารย์สิริจันโทพ่นลมหายใจอย่างคนปลงตก ขณะเหลือบมองจีวรของตัวเองพร้อมรอยยิ้ม

“เอาเถอะข้าจะจัดการให้”

แม้เหนือภพกับพระอาจารย์จะพูดคุยด้วยเสียงแผ่วเบาเพียงใด แต่ผู้คุมกฎขวาก็ได้ยินทั้งหมด เข้าจึงหันไปมองลูกศิษย์สาวของตนเองแล้วพยักหน้าให้เธออย่างรู้กัน

จันทราพยักหน้ารับทราบ แล้วก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ขณะคืนอาวุธทั้งหลายที่ยึดมาจากทานธรรม วัฏจักรและเหนือภพ ให้กลับคืนเจ้าของเดิม

จันทราคืนของไปแบบไม่เต็มใจนัก เธอเองก็ตกใจเหมือนกัน ด้วยไม่คิดว่าคนที่นางอยากจะเชือดทิ้งหลายครั้งอย่างเหนือภพ จะกลายเป็นศิษย์ร่วมสำนักเดียวกันเสียอย่างนั้น แถมอาจารย์ของพวกเขายังเป็นศิษย์พี่ของอาจารย์เธอ ถ้านับตามความอาวุโสแล้ว นั่นคืออาจารย์ลุง แล้วพวกผู้ชายทั้งสามคนนั้นก็จะกลายเป็นศิษย์พี่ของเธอ แค่คิดถึงตรงนี้เธอก็เริ่มปวดขมับขึ้นมาแล้ว

ณ มุมหนึ่งที่อยู่ไกลออกไปจากบรรดาศิษย์

“ศิษย์พี่ ท่านกลับลัทธิเถอะ กลับไปเป็นจ้าวลัทธิของพวกเรา มันเป็นตำแหน่งที่ท่านควรจะรับมัน”

“แต่ข้าทำภารกิจไม่สำเร็จ และก็ไม่ทางทำมันสำเร็จด้วย ข้าไม่อาจกลับไปที่นั่นได้อีกแล้ว และไม่อาจรับสิ่งที่ท่านอาจารย์มอบให้”

“ศิษย์พี่ข้ารู้หมดแล้ว ถึงพี่จะทำไม่สำเร็จ แล้วยังไง แต่พวกคนทรยศพวกนั้นก็ไม่เหลือแล้ว ต่อให้ยังเหลืออยู่ แล้วยังไง พวกมันก็แค่แมลงไร้พิษสงจะทำอะไรพวกเราได้ ท่านก็รู้ดีว่าอาจารย์ต้องการให้ท่านเป็นผู้สืบทอด มีแต่ท่านเพียงคนเดียวที่คู่ควร”

“ตอนนี้ข้าเป็นบรรพชิตแล้ว ไม่อาจยุ่งเกี่ยวโลกภายนอกได้อีก เจ้าตัดใจเสียเถอะ คนที่คู่ควรไม่ได้มีแค่ข้า เจ้าคงลืมนับตัวเจ้าเองด้วย”

“ศิษย์พี่ข้าขอยืนยันคำเดิม ได้โปรดกลับมารับตำแหน่งจ้าวลัทธิเถอะ ท่านรู้ไหมว่าตั้งแต่ท่านจากลัทธิมา นางมารนั่นมันช่างกำเริบเสิบสานใหญ่ รังแกพี่น้องลัทธิของเราจนตอนนี้พวกเราแทบไม่เหลือที่ยืนแล้ว ได้โปรดเถอะศิษย์พี่ กลับมาเป็นพี่ใหญ่ของเรา มาเป็นจ้าวลัทธิอย่างที่อาจารย์ต้องการ”

พระอาจารย์สิริจันโทเหม่อมองไปเส้นขอบฟ้า ก่อนจะถอนหายใจออกมา พลางเรียกชื่อศิษย์น้องที่เขาไม่ได้เจอมานานแสนนาน

“วรรณะ”

“ครับศิษย์พี่”

“ข้าทำไม่ได้อีกแล้ว ข้าไม่ใช่ศิษย์พี่ที่เก่งกาจของเจ้าอีกแล้ว”

พระอาจารย์สิริจันโทพูดจบก็ค่อย ๆ ปลดจีวรท่อนบนออก เผยให้เห็นรอยแผลคล้ายกับแผลเป็นจากไฟคลอกตรงบริเวณท้องน้อย

“นี่มัน... หรือว่าภารกิจสุดท้ายของท่าน...”

พระอาจารย์สิริจันโทค่อย ๆ สวมใส่จีวรท่อนบนกลับดังเดิม ก่อนจะอธิบายให้ศิษย์น้องฟัง

“เจ้าเข้าใจหรือยังวรรณะ ชีวิตของข้าอยู่ท่ามกลางไฟสงคราม ต่อสู้ฆ่าฟันมาทั้งชีวิต สุดท้ายข้าเองก็หนีไม่พ้นเคราะห์กรรมที่ข้าเคยกระทำมา เจ้ากลับไปเถอะ ข้ารู้ว่าสิ่งที่เจ้าใฝ่ฝันมาตลอดคือการเป็นจ้าวลัทธิ ข้าอยากให้เจ้าทำตามใจตัวเอง ไม่จำเป็นต้องห่วงกังวลว่าใครจะคิดอะไร ตำแหน่งจ้าวลัทธิข้าขอยกให้เจ้า”

พระอาจารย์สิริจันโทพูดจบก็แตะบ่าศิษย์น้องด้วยความเข้าใจ ก่อนจะหันหลังเดินจากไปเยี่ยงผู้ที่สละสิ้นแล้วซึ่งเงินทอง ลาภยศ สรรเสริญและอำนาจ เขาผ่านมาทุกรูปแบบแล้ว และสุดท้ายก็พบว่าสิ่งเหล่านั้นเทียบไม่ได้เลยกับความสงบกาย สงบใจที่เขาเป็นอยู่ในปัจจุบัน

เมื่อได้ยินเช่นนั้นผู้คุมกฎขวาก็ไม่อาจกลั้นหยาดน้ำตาเอาไว้ได้ เขาไม่รู้ว่าศิษย์พี่ของเขาเผชิญเรื่องราวเลวร้ายแบบไหนมาในภารกิจล่าสุดนี้ และมันยิ่งตอกย้ำความรู้สึกผิดในใจเขา ที่จริงแล้วภารกิจที่อาจารย์สั่งครั้งนั้นสมควรตกมาในมือเขาเป็นภารกิจที่เขาต้องไปจัดการ แต่ตอนนั้นเขาเพิ่งแต่งงานกับผู้หญิงที่เหมาะสม ดังนั้นเพื่อให้เขาได้มีเวลาอยู่กับครอบครัว ศิษย์พี่จึงอาสาไปทำภารกิจแทนเขา ทว่าหลังจากนั้นศิษย์พี่ก็ไม่กลับมาอีกเลย

ศิษย์พี่ส่งจดหมายรายงานความคืบหน้าของภารกิจมาเป็นฉบับสุดท้าย จากนั้นก็ไม่มีใครติดต่อศิษย์พี่ได้อีก ไม่ว่าอาจารย์จะส่งคนออกตามหามากมายเพียงใด ศิษย์พี่ก็ไม่ยอมปรากฏตัว แต่พวกเขาก็มั่นใจว่าศิษย์พี่ยังมีชีวิตอยู่แน่นอน ไม่มีใครสังหารศิษย์พี่ได้ง่ายเพียงนั้นหรอก แม้ในวันที่อาจารย์จะละสังขารจากโลกนี้ไป อาจารย์ก็ยังสั่งเสียว่าให้ตามหาศิษย์พี่ให้เจอ

จนกระทั่งเวลาล่วงเลยผ่านมาหลายสิบปี พวกเขาได้ข่าวจากทูตของศาสนจักรดับตะวันที่ท่องเที่ยวไปที่งานเทศกาลประมูล ณ หมู่บ้านลมหวน เขาพูดถึงกระบวนท่ามวยพหุยุทธ์ที่เป็นศาสตร์ลับเฉพาะของศิษย์พี่ และบุคคลที่ใช้ศาสตร์นั้นก็มีที่มาจากแคว้นอมตะ หลังจากนั้นผู้คุมกฎขวาและท่านทูตซ้ายจึงพากันออกมาตามหา ทว่าศิษย์พี่ของเขาเป็นคนที่ดื้อรั้นมาก หากศิษย์พี่ต้องการหนีก็ยากที่ใครจะตามหาเจอ

พอเขาสืบรู้ว่าศิษย์พี่มีศิษย์อยู่สามคน เขาก็เริ่มสร้างแผนการเพื่อเรียกศิษย์พี่ออกมาจากที่ซ่อน ด้วยการสร้างสถานการณ์ลอบฆ่าศิษย์ทั้งสามด้วยสารพัด บีบบังคับ และกดดัน ทำให้ศิษย์เหล่านั้นพบกับอันตรายอย่างถึงที่สุด ด้วยนิสัยรักพวกพ้องของศิษย์พี่ย่อมไม่นิ่งดูดายแน่ แต่แผนช่วงแรกก็ไม่สวยหรูแบบที่เขาคิด เพราะบรรดาศิษย์ของศิษย์พี่ ที่แม้จะเรียนรู้วิชาจากศิษย์พี่มาได้ไม่ถึงครึ่ง แต่พวกเขาล้วนแข็งแกร่ง กว่าจะจับตัวได้ก็ต้องใช้ศิษย์เอกทั้งสามคนของเขาช่วยกันล้อมจับทีละคน สุดท้ายก็เสียเวลาไปนานหลายเดือน

เขาไม่คิดว่าแผนการทุกอย่างที่เขาทำมา กลับกลายเป็นความว่างเปล่า ศิษย์พี่ผู้เป็นอดีตปรมาจารย์แห่งลัทธิดับสุริยัน ผู้แข็งแกร่งที่สุดกลับไม่ใช่คนเดิมอีกแล้ว ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว และนั่นมันก็เป็นความผิดของเขา

“อาจารย์ ท่านกลับมาแล้ว”

เหนือภพยิ้มหน้าบาน เมื่อเห็นพระอาจารย์ที่สั่งสอนตัวเองมาตั้งแต่วัยรุ่น เดินย้อนกลับมาก่อนเพียงคนเดียว

“เจ้านี่มัน เมื่อไหร่จะรู้จักโตเป็นผู้ใหญ่เสียที”

พระอาจารย์สิริจันโทพ่นลมหายใจออกมาอย่างเอือมระอา เมื่อเหนือภพโผเข้ากอดอย่างแนบแน่น โดยไม่คิดเลยว่าอาจจะทำให้จีวรของพระอาจารย์หลุดออกมาได้

“เอาล่ะ ๆ ปล่อยข้าได้แล้ว เจ้าอยากได้อะไรก็ว่ามา”

“ก็.. ศิษย์ของอาจารย์อาน่ะสิ รังแกข้า ดูสิดาบข้าหายไปตั้งเล่มหนึ่ง”

เหนือภพได้ทีก็ฟ้องพระอาจารย์อย่างหน้าไม่อาย พร้อมชูอาวุธของตัวเอง ดาบคู่ของเขามีเล่มหนึ่งหายไป

จันทรามองตาโต ถ้าเธอจำไม่ผิด ดาบอีกเล่มน่าจะถูกศิษย์พี่นักกระบี่ของเธอเอาไป

“นี่เจ้า มันไม่ได้อยู่ที่ข้า คงอยู่ที่ศิษย์พี่รอง เจ้ารอหน่อยไม่ได้หรือไง”

“เจ้าโกหกแน่ ๆ เป็นแผนของเจ้าใช่ไหม”

“นี่เจ้า”

จันทรากัดฟันกรอด เธอง้างสายธนูขึ้นเล็งเหนือภพทันที ทว่าเธอถูกขัดขวางไว้

“จันทรา อย่าเสียมารยาทต่ออาจารย์ลุงของเจ้า”

เมื่อผู้คุมกฎขวาเดินย้อนกลับมาเห็นศิษย์ตัวเองกำลังเสียมารยาทก็รีบเข้ามาตำหนิ

“ขอโทษศิษย์ของอาจารย์ลุงของเจ้าซะ”

“ทำไมข้าต้องขอโทษล่ะคะ”

จันทรารู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย แต่เพราะเธอรักและเคารพอาจารย์ดุจพ่อแม่ แม้จะไม่เต็มใจ แต่สุดท้ายเธอก็ไม่ขัดขืน ในขณะที่เธอกำลังจะอ้าปากพูดนั้น

“ไม่ต้องหรอกวรรณะ ให้แล้วกันไปเถอะ”

พระอาจารย์สิริจันโทกล่าวห้าม เมื่อเหลือบเห็นศิษย์ตัวเองกำลังทำท่าทางลิงหลอกเจ้าใส่จันทรา ก่อนจะพ่นลมหายใจออกมา บางทีตัวท่านเองก็รู้สึกจนปัญญาที่จะจัดการเหนือภพเหมือนกัน

“ภพ เจ้าเป็นผู้ชาย เจ้าควรจะขอโทษนาง”

“ข้าเนี่ยนะ”

เหนือภพกะพริบตาปริบ ๆ เชิงขอร้องศิษย์พี่ทั้งสองช่วย วัฏจักรกับทานธรรมก็ทำท่าเหมือนจะช่วยพูด  แต่พระอาจารย์แทรกขึ้นมาก่อนว่า

“พวกเจ้าสองคนก็เหมือนกัน ก่อเรื่องมากมายแล้วยังไม่สำนึก เรื่องนี้ข้ายังพอทน แต่พวกเจ้าไม่ตักเตือนศิษย์น้องให้ดี เดี๋ยวพวกเจ้าต้องตามข้ากลับวัด”

“ครับอาจารย์”

วัฏจักรกับทานธรรมจำใจรับคำแต่โดยดี เมื่อเหนือภพเห็นแบบนี้แล้วก็รู้ว่าเขาอับจนหนทางแล้ว เขาจึงแปรเปลี่ยนสีหน้าราวกับพลิกฝ่ามือ

“ข้าขอโทษ ศิษย์น้อง”

เหนือภพพูดดี ๆ แต่ก็ยังไม่วายยักคิ้วหลิ่วตาให้จันทราอย่างล้อเลียน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด