ตอนที่แล้วบทที่ 29 ขาดกำลังคน(อ่านฟรี17-12-2020)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 31 ผู้โฆษณา(อ่านฟรี23-12-2020)

บทที่ 30 ผู้จัดการโรงงานและผู้ช่วยผู้จัดการโรงงาน(อ่านฟรี20-12-2020)


ไฮนซ์มองไปยังกลุ่มคนคล้ายขอทานที่ด้านหลังซูยี่ ซึ่งกำลังเดินตรงมาในโรงงานด้วยความหวาดกลัว

คงไม่ใช่ว่าซูยี่ถูกกลุ่มขอทานในเมืองบันต้าจับตัวไว้หรอกนะ?

แต่เมื่อกลุ่มคนกลุ่มนั้นเข้ามาไกล้ไฮนซ์ก็สังเกตว่าสิ่งที่เขาคิดนั้้นไม่ถูกต้อง เพราะที่ด้านหน้าของกลุ่มคนที่สวมเสื้อผ้าราวกับผ้าขี้ริ้วนั้นมีชายชราที่แต่งตัวภูมิฐานและมีออร่าสูงส่งเดินคู่มากับซูยี่

“พ่อบ้านบรูไน? ท่านมาทำอะไรที่นี่กัน?” ไฮนซ์ถามด้วยเสียงที่ตกตะลึง

พ่อบ้านบรูไนพยักหน้าให้กับไฮนซ์และไม่ตอบคำถามของเขา เขาหันไปหาซูยีก่อนจะพูดว่า“ประธานซู ข้าส่งคนมาแล้ว จากนี้ไปทาสนับร้อยเหล่านี้จะเป็นของท่านท่านจะทำอะไรกับพวกเขาก็ได้ แต่ท่านวิสเคานท์บอกว่าทาสร้อยคนเหล่านี้แค่ให้ยืมเท่านั้นพวกเขายังไม่ถูกขายให้กับท่าน เขาหวังว่าท่านจะทำตามสัญญาที่ท่านทำไว้กับเขาและถ้าไม่เขาจะเอาทาสทั้งร้อยกลับคืนทันที”

ซูยี่กล่าวด้วยรอยยิ้ม“เอาล่ะขอบคุณมากที่พ่อบ้านบรูไนส่งพวกเขามาด้วยตัวเอง”

พ่อบ้านบรูไนหันไปสั่งชายและหญิงสองสามคนก่อนที่คนเหล่านั้นจะเดินตามหลังซูยี่เผยให้เห็นถึงการเชื่อฟัง

“เอาล่ะงานของข้าเสร็จแล้ว”พ่อบ้านบรูไนพยักหน้าให้ไฮนซ์อีกครั้งก่อนที่จะพูดกับซูยี่อย่างจริงจังว่า“ ซูยี่แม้ว่าท่านวิสเคานท์จะไม่ได้บอกข้าว่าทำไมเขาถึงมอบทาสร้อยคนนี้ให้ท่าน แต่ในฐานะพ่อบ้านของลอร์ดวิสเคานต์ข้าต้องเตือนท่านว่าทาสร้อยคนเหล่านี้มีความสำคัญมากต่อท่านวิสเคานท์ ตอนนี้ท่านวิสเคานท์ได้มอบพวกเขาให้กับท่านนั่นแสดงถึงความไว้วางใจของท่านวิสเคานท์ที่มีต่อท่าน ข้าหวังว่าท่านจะไม่ทำให้ท่านลอร์ดวิสเคานท์ผิดหวัง”

ซูยี่เผยรอยยิ้มจาง ๆ “มั่นใจได้ถ้าท่านวิสเคานท์ไม่ไว้ใจข้าเขาจะยอมรับคำขอของข้าได้อย่างไร”

พ่อบ้านบรูไนพยักหน้าเล็กน้อยก่อนที่จะไม่พูดอะไรอีกแล้วหันตัวจากไป

หลังจากพ่์บ้านบรูไนเข้าไปในรถม้าและจากไปไฮนซ์ไม่สามารถเก็บความอยากรู้อยากเห็นไว้ในใจได้อีกต่อไป เขาถามออกไปทันที“เฮ้ซูยี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน? คนทั้งหมดนี้ล้วนเป็นทาส? และพวกเขาทั้งหมดยังเป็นทาสของวิสเคานท์เลสลี่? ทำ้มเขาถึงมอบทาสพวกนี่ให้เรา? เจ้ามีข้อตกลงอะไนกับเขากัน”

ซูยี่ยกมือขึ้นเพื่อตัดบทคำถามของไฮนซ์

“ข้าจะพูดถึงเรื่องนี้ทีหลัง ก่อนอื่นแล้วบ้านที่ข้าให้เจ้าสร้างล่ะ? หลังจากที่จัดการกับทาสพวกนี้แล้วจะได้ให้พวกเขาไปพัก”

ไฮนซ์มองไปที่ ซูยี่อย่างสงสัย ก่อนที่จะหันไปตะโกนทางห้องประชุม หลังจากนั้นไม่นานอเล็กหลานชายของไฮนซ์ก็วิ่งออกมา

หลังจากฟังคำพูดจากไฮนซ์ไม่กี่คำอเล็กซ์ก็โบกมือเพื่อพาพวกทาสไปที่กระท่อมไม้ขนาดใหญ่ที่อยู่ห่างออกไปใกล้กับแม่น้ำ

“เจ้าเรียกอเล็กซ์มาช่วยเหรอ” ซูยี่มองไปที่อเล็กซ์ที่กำลังนำทาสไปและถาม้ด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย

“ อืม...ช่วงนี้ข้ายุ่งมากเลยไปเรียกเขาให้มาช่วย” ไฮนซ์พูดอย่างเชื่องช้าว่า“แม้ว่าเด็กคนนี้จะไม่ฉลาดเท่าไหร่นัก แต่อย่างน้อยเขาก็จริงจังเมื่อเขาทำงานข้าให้เขาช่วยจัดการหลาย ๆ อย่างและมันช่วยให้ข้าประหยัดเวลาได้ไม่น้อยเลย”

ซูยี่เผยรอยยิ้มจาง ๆ และตบไหล่ของไฮนซ์จากนั้นก็กล่าว่า“นี่เป็นความผิดของข้าเอง ข้ายัดงานทั้งหมดไปให้เจ้าคนเดียว ที่จริงตอนนี้มีหลายอย่างมากขึ้นเรื่อย ๆ ข้าควรจะบอกให้เจ้าหาผู้ช่วยมาช่วยงานเจ้านานแล้ว แต่ตอนนี้มีอเล็กซ์ช่วยก็ดีเหมือนกัน อย่างน้อยเขาก็เป็นหนึ่งในพวกเราเ้็นคนที่ไว้ใจได้คนหนึ่ง”

“ อืมข้าก็คิดเหมือนกัน แน่นอนว่าถ้าประธานมีคนที่เหมาะกับเรื่องนี้มากกว่านี้ข้าจะส่งเด็กคนนี้กลับไปจัดการที่ร้านทันที”

“เรื่องนั้นไม่จำเป็นหรอก ในเมื่อเขามาทำงานที่นี่แล้วก็ให้เขาทำต่อไปเถอะ เราจะใช้โอกาศนี้แบ่งงานไปเลยไฮฯซ์ตอนนี้เจ้าจะเป็นผู้รับผิดชอบในการจัดการสายการผลิตและเรื่องใหญ่และเล็กทั้งหมดที่นี่ เจ้าจะเป็นผู้จัดการโรงงาน สำหรับเงินเดือน… ... ตอนนี้ขอตั้งไว้ที่สามสิบเหรียญทองต่อเดือนก่อน”

"หา? จะทำแบบนั้นได้ยังไง?“ ไฮนซ์ตะลึงก่อนจะโบกมืออย่างรวดเร็ว” ข้าก็ได้รับเงินอยู่แล้ว การจัดการสิ่งต่างๆที่นี่ก็คือสิ่งที่ข้าควรทำ ข้าจะรับเงินเดือนเพิ่มได้ยังไง”

“เงินที่ได้จากหุ้นกับเงินเดือนคือสิ่งที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ทำงานก็ต้องได้รับเงินเดือน เจ้าใช้เวลาและความพยายามอย่างมากในการจัดการสิ่งต่างๆที่นี่ดังนั้นจริงๆแล้วสามสิบเหรียญทองนั้นยังน้อยเกินไป แต่เราเพิ่งเริ่มต้นและสามารถจ่ายได้ไม่มากในตอนนี้ เมื่อเราพัฒนาต่อไปเงินเดือนของเจ้าก็จะมากขึ้นอย่างแน่นอน” โดยไม่รอให้ไฮนซ์แย้งเรื่องนี้ซูยี่ก็ตบไหล่ของเขาอย่างแรง“เราจะดำเนินการตามนี้!”

“นี่… .. นั่น… ... นั่นมันไม่ดี… ..” ไฮนซ์ลูบมือของเขาและดูลำบากใจ แต่สุดท้ายเขาก็ไม่ปฏิเสธสิ่งนี้

ซูยี่ยิ้มก่อนจะพูดต่อ“สำหรับอเล็กซ์เขาจะเป็นผู้ช่วยผู้จัดการโรงงาน เงินเดือนของเขาจะเป็น .. , ....”

"ไม่ไม่ไม่ไม่ไม่! เป็นโชคดีของเขาที่เด็กคนนั้นช่วยได้เขาจะกล้ารับเงินเดือนได้อย่างไร เจ้าไม่จำเป็นต้องพิจารณาเขาเลยจริงๆ!” ไฮนซ์กล่าวอย่างรวดเร็ว

ซูยี่หัวเราะขณะที่เขามองไปที่ไฮนซ์“เจ้ายังได้เงินเดือนสามสิบเหรียญทองเลย ถ้าเขาไม่ได้เงินเดือนเลยแล้วเขาจะมีความสุขได้ยังไง? เอาล่ะข้าจะจัดการเรื่องนี้เอง ตอนนี้ก็ให้เงินเดือนสิบเหรียญทองไปก่อน ถ้าเขาทำได้ดีก็สามารถเพิ่มได้ทุกเมื่อ เจ้าคิดอย่างไร?”

ไฮนซ์หัวเราะเสียงแห้งและไม่ขัดเขาอีกต่อไป

เมื่อเห็นความตื่นเต้นที่ไม่สามารถซ่อนอยู่บนใบหน้าของเขาซูยี่พบว่ามันตลกเล็กน้อย

ไฮนซ์แสวงหาผลประโยชน์ให้หลานชายนี่อาจถือเป็นเรื่องปกติของคนทั่วไปซูยี่ไม่ได้มีอะไรกับเรื่องนี้

เหมือนกับที่เขาพูดอเล็กซ์ถือเป็นหนึ่งในคนของเขาดังนั้นเขาจึงมั่นใจได้ว่าจะใช้เขา

ยิ่งไปกว่านั้นมันจะทำให้ไฮนซ์ทุ่มเทมากขึ้นและใส่ใจมากขึ้นเกี่ยวกับโรงงานซึ่งเป็นสิ่งที่ดี

สำหรับเงินเดือนของเขาและอเล็กซ์มันไม่ได้มากมายอะไรเลย

“ใช่แล้ว ซูยี่เจ้ายังไม่ได้บอกข้าเลยว่าทาสพวกนี้มีไว้เพื่ออะไร” หลังจากความตื่นเต้นเล็กน้อยไฮนซ์ก็ไม่ลืมที่จะถามเรื่องนี้กับเขา

“โอ้นั่นเป็นกำลังคนที่ข้ายืมมาจากวิสเคานท์เลสลี่ชั่วคราว โรงงานของเราจะลงทุนเพื่อขยายกำลังการผลิตและเราต้องการคนงานจำนวนมาก ทาสเหล่านี้เชื่อฟังและใช้งานง่ายดังนั้นแน่นอนว่าพวกเขาเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมมาก ใช่แล้วต้องจ้างคนงานก่อสร้างอีกสองสามคนจากเมืองบันต้า และให้พวกเขาสร้างที่พักเพิ่มโดยเร็วที่สุด ช่างฝีมือคนแคระที่ข้าคัดเลือกมาจะมาที่นี่ในอีกไม่กี่วันดังนั้นเราจำเป็นต้องมีที่ให้พวกเขาอยู่เมื่อพวกเขามาถึง”

“เอาล่ะข้าจะจัดการให้ มีอะไรอีกไหม”

“ไม่มีอะไรแล้ว……”ซูยี่มองไปที่ไฮนซ์ก่อนจะส่ายหัว“ตอนนี้ยังไม่มีอะไร สิ่งสำคัญคือการดูแลปัญหาว่าทาสและคนแคระจะอยู่ที่ไหน ไฮนซ์เจ้าต้องไม่ละเลยพวกเขาเพราะตัวตนของพวกเขาในฐานะทาสและคนแคระพวกเขาจะกลายเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาบริษัทของเรา”

“ไม่ต้องห่วง ข้าจะจัดการทุกอย่างให้ดีที่สุด” ไฮนซ์พยักหน้าอย่างจริงจัง

ซูยี่ถอนหายใจขณะที่เขาคิดว่าเขาขาดกำลังคนจริงๆ

ไฮนซ์เป็นผู้จัดการโรงงาน แต่เขาก็เป็นฝ่ายบุคคลและเป็นผู้จัดการด้านโลจิสติกส์ด้วย ทั่งเรื่องเล็กและเรื่องใหญ่เกือบทั้งหมดของโรงงานเขาเป็นคนดูแล

ตอนนี้โรงงานยังมีขนาดเล็กและขนาดการผลิตก็ไม่ใหญ่นัก แต่เขาก็ต้องขอความช่วยเหลือจากอเล็กแล้ว เมื่อพวกเขาพัฒนาไปในอนาคตเขาไม่สามารถพึ่งพาคนเพียงคนเดียวเพื่อทำทุกอย่างไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น

แต่ความสามารถในการบริหารแบบนี้หายากกว่าพรสวรรค์ด้านการวิจัยในบางครั้ง ตอนนี้เขาไม่มีทางออกสำหรับปัญหานี้

หลังจากที่เขาพูดคุยกับไฮนว์เสร็จแล้วซูยี่ก็เดินเข้าไปในห้องทำงาน

เนื่องจากมีเรียนในตอนเช้านักเรียนทั้งสามสิบคนที่เขาคัดเลือกมาตอนนี้จึงยังอยู่ที่โรงเรียนทำให้ห้องทำงานเงียบเหงาเล็กน้อย

ซูยี่มองเข้าไปในห้องทำงานที่ว่างเปล่าและอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจอย่างมีอารมณ์เมื่อเขาขาดกำลังคน

สุดท้ายแล้วสำหรับนักเรียนเหล่านั้นการเรียนที่สถาบันเวทมนตร์บารอนริกโต้มีความสำคัญมากกว่า แม้ว่าพวกเขาจะเซ็นสัญญา แต่ก็ไม่ได้มุ่งเน้นไปที่การทำงานที่นี่ แต่จะสร้างสมดุลระหว่างการทำงานและการเรียน

อย่างไรก็ตามสำหรับโรงงานสายการผลิตที่มั่นคงและต่อเนื่องมีความสำคัญมาก

แม้ว่าซูยี่จะคัดเลือกนักเรียนจำนวนมากเพื่อทำงานนี้ แต่จิตใจของนักเรียนก็ยังคงได้รับผลกระทบจากค่านิยมของทวีปไซน์ พวกเขาจะรู้สึกว่าการเป็นนักเวทย์ที่แข็งแกร่งนั้นสำคัญกว่าการทำงานที่นี่ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากสำหรับพวกเขาที่จะอยู่ที่นี่เป็นเวลานานอย่างที่ซูยี่ต้องการ

“มีสองวิธีในการแก้ปัญหานี้วิธีหนึ่งคือการกระจายข่าว เวทมนตร์มีความเจริญรุ่งเรืองอย่างมากในทวีปไซน์และมีนักเวทย์มากมายดังนั้นจะต้องมีนักเวทย์ที่ไม่ประสบความสำเร็จมากมาแน่นอน เพื่อที่จะมีชีวิตอยู่คนเหล่านั้นยังคงต้องทำงาน งานนี้ถือเป็นงานที่เกี่ยวกับพวกเขา ยังไงคนพวกนั้นก็ต้องมา อีกวิธีหนึ่ง……” ซูยี่ครุ่นคิดอย่างลึกซึ้งและพิจารณาเรื่องนี้

อีกวิธีหนึ่งคือการลดความซับซ้อนของรูปแบบเวทมนตร์

แม้ว่ารูปแบบเวทย์ลมหมุนในพัดลมเวทมตร์จะเป็นเพียงรูปแบบเวทมนตร์ระดับต่ำที่แม้แต่นักเรียนในโรงเรียนเวทมนตร์ก็สามารถจารึกได้ แต่ในอนาคตซูยี่จะต้องคิดค้นสิ่งใหม่ๆมากขึ้น รูปแบบเวทมยต์ภายในนั้นจะไม่จำกัดเฉพาะรูปแบบระดับต่ำอีกต่อไป

ในการจารึกรูปแบบเวทมนตร์ระดับสูงต้องมีนักเวทย์ที่มีความแข็งแกร่งเท่ากัน

เมื่อเขามาถึงขั้นตอนนั้นมันเป็นเรื่องยากมากที่จะสรรหานักเวทย์มาทำงานนี้ให้สำเร็จ

สิ่งที่ซูยี่ต้องทำการคือลดความซับซ้อนและระดับของรูปแบบเวทมนตร์ให้ได้มากที่สุดรวมถึงความสามารถของนักเวทย์ที่ต้องใช้ในการจารึกมัน

แต่นี่เป็นโปรเจ็กต์ที่ใหญ่มากต้องใช้เวลาและความพยายามอย่างมากในการทำให้สำเร็จ

ดูจากรูปแบบเวทย์ลมหมุนเป็นตัวอย่างก็ได้ว่ากว่าที่ซูยี่จะปรับแต่งมันได้เขาต้องใช้ความพยายามขนาดใหน หากเขาต้องการที่จะผลิตสินค้าใหม่ๆในอนาคต เขาก็จะต้องพบกับปัญหาเดียวกัน

หากอาศัยเพียงแค่ซูยี่เพียงคนเดียวก็ไม่สามารถทำได้อย่างแน่นอน

ซูยี่ขมวดคิ้วของเขาและเดินผ่านห้องทำงานอย่างไร้จุดหมายขณะที่พิจารณาวิธีแก้ปัญหานี้

เขามาถึงโต๊ะที่นักเรียนใช้จารึกรูปแบบเวทมนตร์ และทันใดนั้นก็รู้สึกถึงลมหนาวทำให้เขาประหลาดใจ

มองขึ้นไปก็พบว่าแอร์เวทมนตร์บนผนังยังเปิดอยู่

“ไม่มีคนอยู่แล้วทำไมมันยังเปิดอยู่ล่ะ มันไม่สิ้นเปลืองหรือ”ซูยี่พึมพำ แต่แล้วเขาก็จำได้ว่าเขาเป็นคนที่บอกให้พวกเขาทำเช่นนี้ เขาต้องการให้พวกเขาใช้แอร์เวทมนตร์ให้มากที่สุดเพื่อทดสอบประสิทธิภาพของมัน

“ข้าไม่รู้ว่ามันมีปัญหาอะไรมั้ย หลังจากรวบรวมข้อมูลแล้วข้าควรจะไปปรึกษาเรื่องนี้กับคามิลล่า....” เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ซูยี่ก็หรี่ตาและพูดกับตัวเองด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล “ดูเหมือนว่าข้าต้องคุยกับจอมเวทย์อย่างคามิลล่า”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด