ตอนที่แล้วตอนที่ 1: ซุปเห็ดหม้อดิน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 3: ซาลาเปา (ส่วนที่ 1)

ตอนที่ 2: ซุปก้างปลาผักป่า


*ก่อนจะอ่านนิยาย โปรดตรวจสอบว่าท่านได้อยู่ในสถานที่ที่มีแสงเพียงพอ หรือถ้าท่านอ่านในความมืดก็อย่าลืมเปิด Night Mode หรือจอส้ม เพื่อป้องกันการปวดหัวและสายตาสั้นด้วยนะครับ*

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ประมาณชั่วโมงให้หลัง, พวกเด็กๆก็กลับขึ้นมาถึงศาล.

 

ชิยูก็ได้พบกับคุณตาที่รับเลี้ยงเด็กๆไว้ซักที. คุณตาคนนี้ดูชรามาก. เนื่องจากเขาไม่ได้กินอิ่มท้องมาหลายปี เขาเลยดูผอมแห้งเหมือนกิ่งไม้มากๆ. หนวดเครารุงรัง, เสื้อผ้าขาดวิ่น, ดวงตาที่ดูพร่ามัว, มือที่เปื้อนและเล็บดำๆ. เขาดูเหมือนขอทานชราทั่วไปจริงๆ.

 

“คุณพี่สาว รู้สึกดีขึ้นแล้วหรอ?” คุณตารีบเข้ามาเช็คแผลที่หัวของเธอทันที.

 

คุณพี่สาว…

 

ปากของชิยูกระตุกเล็กน้อย. ช่างมันเหอะ, เธอไม่สนใจหรอกว่าคุณตาจะเชื่อเรื่องของเธอหรือเปล่า. เธอทำดวงตาใสซื่อแล้วโกหกไปว่า “คุณตาคะ, ตอนที่คุณตาไม่อยู่ ท่านเทพได้มาเยือนศาลแห่งนี้. ท่านบอกให้หนูตื่น. มันประหลาดมาก. อ้อแล้วก็ ท่านเทพให้ชื่อหนูมาด้วยค่ะ. หนูชื่อว่าชิยู”

 

จากนี้ไป, ถ้าเกิดอะไรประหลาดๆขึ้นกับเธออีก เธอก็จะโบ้ยไปให้เทพมโนของเธอแทน.

 

“เทพงั้นรึ?” ชายชราตกใจมาก, แต่มันก็ไม่ถึงกับเป็นไปไม่ได้หรอกนะ แต่เรื่องที่เด็กหัวหมุนคนนี้ไปเตะตาเทพเจ้าเข้ามันน่าตกใจจริงๆ. แต่ว่าด้วยท่าทีมั่นอกมั่นใจ ชายชราก็บอกได้ว่านางไม่ใช่คนบ้าเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว.

 

ถึงเขาจะสงสัยเรื่องที่เธอเล่า, แต่เขาก็เชื่ออยู่ดี “นั่นสินะ, ท่านเทพเจ้าที่คอยปกปักรักษาคงจะมีพลังที่พาคนกลับมาจากความตายได้แหละ” เขามองมาที่ชิยูให้ชัดๆแล้วพูดว่า “งั้นตอนนี้หัวหนูก็โล่งแล้วสินะ? ไม่ปวดหัวใช่มั้ย?”

 

ชิยูพยักหน้า “หนูสบายดีแล้วค่ะ. นี่ ดูสิคะ ก่อนที่ท่านเทพจะจากไป ท่านก็ให้ความสามารถหนูมาด้วย. ตอนนี้หนูสามารถหาวัตดุถิบในภูเขาแล้วเปลี่ยนมันเป็นอาหารที่อร่อยๆได้ค่ะ”

 

ชายชรามองไปทางหม้อดินที่ชิยูชี้ไป. น้ำในหม้อกำลังเดือดได้ที่. มีกลิ่นหอมลอยออกมาจากหม้อนั้น. ราวกับว่ามันจะอยากจะลอยเข้าจมูกพวกเขาแล้วกระตุ้นความอยากอาหารเลย.

 

“หนูทำเหรอ?” ชายชราแทบไม่อยากจะเชื่อเลย.

 

“จะใครอีกล่ะคะ?” ชิยูดึงเขามาที่หม้อดินแล้วตักซุปเห็ดให้เข้า 1ถ้วย. จากนั้นเธอก็เรียกพวกหัวไชเท้าตัวน้อย(เด็กๆน่ะครับ55+) แล้วเริ่มตักซุปเห็ดให้ทีละคน. เมื่อทุกคนได้ครบแล้ว เธอก็ใส่น้ำเพิ่มลงในหม้อแล้วโรยเกลือไปอีกเล็กน้อย.

 

ด้วยจำนวนคนที่มากขนาดนี้ ซุปมันคงไม่พออิ่มเท่าไหร่.

 

เมื่อเห็ดหมดแล้ว, ทุกๆคนก็นั่งลงแล้วลูบท้องด้วยความสำราญ.

 

นานมาแล้วนะที่พวกเด็กๆจะได้กินมากขนาดนี้.

 

หลังจากทานเสร็จ ชิยูสังเกตุเห็นว่าด้านนอกยังสว่างอยู่. เธอทนกลิ่นเหม็นๆของพวกหัวไชเท้าตัวน้อยไม่ไหวเลยไล่ให้ไปอาบน้ำที่ลำธาร.

 

“ถ้าพวกเธอไม่ล้างตัวเองล่ะก็ คืนนี้พี่จะไม่ทำอาหารให้กินนะ” ชิยูมองพวกเขาอย่างดุขณะที่เด็กๆถอดชุดออก. ขณะที่เด็กๆเล่นน้ำอยู่ เธอก็ซักชุดให้และเอามันผึ่งไว้ที่หินร้อนๆ.

 

เด็กพวกนี้ยังเด็กมากๆ, ถ้าพวกเขาป่วยล่ะก็ พวกเขาก็มีโอกาสตายเหมือนสุนัขข้างถนนเพราะวิทยาการแพทย์ที่ล้าหลังในยุคนี้แน่ๆ.

 

แต่ทว่า ความสนใจของพวกไชเท้าตัวน้อยนั้นคนละเรื่องเลย. ตาใสๆของพวกเค้ามองมาหาชิยูแล้วถาม “พี่สาวๆ พวกเราจะได้กินข้าวใช่ไหมคืนนี้?”

 

“แน่นอน! ถ้ามีพี่อยู่ พวกเธอไม่อดตายแน่!”

 

แล้วคืนนั้น อาหารเย็นก็คือซุปเห็ด.

 

ไม่มีอะไรเพิ่มเลย, ถ้าไม่มีเงิน พวกเขาก็จะไม่ได้กินวัตถุดิบอื่นเลย. แต่ถึงอย่างงั้นก็ยังมีพวกพืชผักในป่าอยู่, พวกนั้นจะต้องเอาไปทำอาหารด้วยน้ำมันไม่ก็ใส่กับโปรตีนอย่างอื่นถึงจะอร่อย. ตอนนี้ ไม่มีหนทางหาเงิน ทุกๆคนก็คงต้องกินซุปเห็ดไปก่อน.

 

ถึงอย่างงั้น ชายชราและหัวไชเท้าน้อยก็ไม่ติดใจอะไรเลย. ในฐานะขอทานแล้ว, พวกเขาอุ่นใจที่มีอาหารอุ่นๆไว้ในท้อง.

 

เวลากลางดึกของคืนเป็นเวลาที่ดีที่สุดที่จะคิดถึงเรื่องชีวิต.

 

ชิยูรู้ว่าตัวเธอตายเพราะอุบัติเหตุทางถนน, นั่นหมายความว่าไม่มีทางไหนเลยที่เธอจะได้กลับไปโลกปัจจุบัน. แต่ทว่า ถ้าเธอจะอยู่ในโลกนี้ต่อล่ะก็….อืมม, มันก็มีไอเท็มโกงๆที่ไอ้เพื่อนนักเขียนติ๊งต๊องให้เธอไว้อยู่. ประเด็นคือเธอไม่รู้ว่ามันอยู่ที่ไหน. ยุ่งยากจริงจริ๊ง. เห้อออ…

 

และด้วยเหตุนี้ คืนแรกของเธอก็ได้ผ่านไปด้วยความคลุมเครือ. วันต่อมาชิยูตื่นแต่เช้า ด้วยความสงสัยว่าเธอเข้ามาอยู่ในโลกแบบไหนกันแน่. เหตุนี้ ด้วยกองหนุนจากหัวไชเท้าตัวน้อย เธอจึงออกไปสำรวจเมืองชิงฉานที่อยู่ตรงตีนภูเขา.

 

ขณะที่อยู่ตรงหน้าประตูเมืองและมองไปทางประตูบานใหญ่นั้น, ชิยูตื่นเต้นมากๆ. เมืองนี้คือเมืองแห่งการอัพเลเวลคล้ายๆในโลกแฟนตาซีจริงๆ, ดูหินก้อนโตนั่นสิ. คนปกติคงเคลื่อนมันไม่ไหวหรอก, อาา. พวกเขาน่าจะใช้เวทย์มนต์ไม่ก็สกิล ตอนที่สร้างกำแพงหนาๆแบบนี้แน่.

 

พอผ่านประตูเมืองเข้าไป, พวกเขาก็พบกับถนนที่กว้างมากขนาดว่าม้า8ตัวเดินสวนกันได้เลยมั้ง. ร้านน้ำชากับร้านอาหารเต็มอยู่ข้างทางไปสุดลูกหูลูกตาเลย.

 

ถึงแม้ว่ามันจะยังเช้าอยู่, แต่ก็มีคนเดินตลาดอยู่มากมาย. ส่วนใหญ่แล้วเป็นพวกชาวบ้านที่อาศัยอยู่แถวชานเมือง.

 

ชิยูเดินตามทางลงไป, เธอมีความรู้สึกว่านี่ไม่ใช่เมืองที่เคยเดิน. เธอไม่ได้อยู่ในโลกปัจจุบันอีกต่อไปแล้วจริงๆ. ขณะที่เธอเดินลงถนนไป สายลมอ่อนๆก็พัดกลิ่นดอกไม้ขึ้นมา. ความสงสัยในใจของเธอก็ค่อยๆสงบลงอย่างช้าๆ.

 

ขณะที่เธอสำรวจถนนอยู่นั้น เวลาก็ได้ผ่านไป จนเกือบจะถึงเวลาอาหารเที่ยงแล้ว.

 

ชิยูกำลังคิดอยู่ว่าเธอจะทำอะไรเป็นอาหารเที่ยงดี ตอนที่เธอเห็นประตูหลังของร้านอาหารต่างๆเปิดออก. เชฟฝึกหัดก็ก้าวออกมาด้วยตะกร้าก้างปลา. พวกเขาได้เลาะเนื้อออกจากปลาพวกนั้นและกำลังโยนหัวกับก้างทิ้งไป. ชิยูเห็นว่ามีเนื้อติดอยู่ที่ก้างและหัวนิดหน่อย.

 

“ช่วยรอก่อนค่ะ!” ชิยูตะโกน “คุณกำลังจะทิ้งมันไปใช่มั้ย? ให้ชั้นได้รึป่าวคะ?”

 

เชฟฝึกหัดคนนั้นน่าจะอายุประมาณ 12 ไม่ก็ 13 ปี และไม่มีประสบการณ์ชีวิตมากนัก. ขณะเธอขอ เขาพูดว่า “ชั้นต้องเอาตะกร้าไปคืนด้วย, เธอต้องหาอะไรมาใส่เอา”

 

ชิยูตอบตกลงทันที. เนื่องจากไม่มีต้นหรือพุ่มอะไรอยู่รอบๆเลย เธอจึงทำได้แค่เอาชุดตัวเองห่อก้างไว้. เธอพูดด้วยความซาบซึ้ง “ขอบคุณมาก! จะว่าไปแล้ว, ร้านอาหารของนายน่ะมีก้างเหลือแบบนี้ทุกวันมั้ย?”

 

“อื้ม”

 

“เจ๋งเลย. นายช่วยเก็บไว้ให้ชั้นได้มั้ย?” ชิยูมองเขาด้วยสายตาอ้อนวอน. “ชั้นไม่ได้กินอะไรเลยหลายวันแล้ว”

 

เด็กฝึกมองชุดที่ขาดๆของเธอ เลยรู้ว่าเธอเป็นขอทาน แล้วหัวใจเขาก็อ่อนลง “พรุ่งนี้มาเวลานี้ โอเคมั้ย? เดี๋ยวเราจะเก็บไว้ให้เธอแล้วกัน. ว่าแต่ เธอกินพวกนี้ได้จริงๆหรอ?” พวกปลามันไม่มีอะไรพิเศษหรอก, ขนาดลูกค้ายังไม่ค่อยสั่งอาหารจานปลาเลย.

 

“แน่นอนสิ, เดี๋ยวพรุ่งนี้ชั้นจะเอามาแบ่งนายแล้วกัน”

 

เด็กฝึกไม่ได้คาดหวังอะไรมากมาย แต่เขาก็สุภาพพอ เลยเงียบไป.

 

หลังจากแยกกับเด็กฝึกแล้ว ชิยูเห็นเสี่ยวฉีกำลังขอทานอยู่ข้างถนนแล้วบอกให้เธอเรียกเพื่อนๆให้กลับไปที่ศาลซอมซ่อนั่น. ส่วนตัวเธอนั้นก็กอดก้างปลาไว้แล้วรีบวิ่งกลับไปก่อน.

 

ปกติแล้วพวกก้างปลาจะถูกคนอื่นโยนทิ้ง, แต่ทว่า ถ้าคุณรู้ว่าต้องจัดการยังไง คุณก็สามารถทำอะไรอร่อยๆได้จากมัน. หัวปลาและก้างปลาสามารถเอาไปทำน้ำสต๊อกได้ดีและมันจะอร่อยมากถ้าใส่ผักลงไปด้วย. ถ้าทำถูกวิธี คนเราก็อาจจะตบโต๊ะแล้วบอกว่าเป็นอาหารสุดจัดเลยก็ได้มั้ง.

ก่อนอื่นต้องล้างก้างก่อน. จากนั้นเธอก็ต้มน้ำในหม้อดิน. เธอขุดเจอขิงอยู่ที่ข้างๆศาลแล้วหั่นมันเป็นชิ้นๆก่อนจะใส่ลงไปในหม้อ. ขิงจะช่วยทำให้ดับกลิ่นคาวของปลาและทำให้ท้องอุ่นได้. เมื่อน้ำเดือดแล้ว เธอจึงใส่ก้างบางส่วนลงไป, ที่เหลือก็เก็บไว้ในน้ำเย็นเพื่อป้องกันไม่ให้มันเสีย.

 

จุดประสงค์ที่ใส่ก้างก็เพื่อทำน้ำซุปให้อร่อย. แต่ทว่า แค่น้ำซุปอย่างเดียวก็ทำให้อิ่มท้องไม่ได้หรอก. ไปหาเก็บผักป่ามาใส่ในซุปดีกว่า. โชคดีที่ไชเท้าตัวน้อยบางคนกลับมาถึงศาลแล้ว เลยให้พวกเค้าไปช่วยเก็บผักป่าที่หลังศาล.

 

ไม่นานนัก พวกเขาก็เก็บมาได้เกือบกองหนึ่ง. นอกจากกระเป๋าเด็กเลี้ยงแกะกับเฟิร์นป่าแล้ว พวกเขาก็เจอเห็ดฟางด้วย.

 

ล้างวัตถุดิบทั้งหมดแล้วเอามากลับมาที่ศาล. ตอนนี้ทุกๆคนก็กลับมาหมดแล้วและกำลังนั่งล้อมฮอทพอทอยู่.

 

“โอ้ว วันนี้ไม่ใช่เห็ดล่ะ! กลิ่นหอมจัง!”  เสี่ยวฉีเลียปาก.

 

“เสี่ยวฉี, จมูกของหนูเยี่ยมจริงๆเลยนะ! วันนี้เราทำซุปก้างปลากับผักป่าล่ะ” ชิยูยิ้มพร้อมๆกับเปิดฝาหม้อออก. ซุปใสๆได้เปลี่ยนเป็นสีขาวแล้วและกลิ่นหอมรุนแรงของปลาก็โชยออกมา.

 

มันใกล้จะได้ที่แล้ว. ชิยูเลยเอาก้างออกมาแล้วใส่ผักลงไปในหม้อ.

 

ไม่กี่นาทีต่อมา, ซุปก้างปลาและผักป่าก็พร้อมกินแล้ว.

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด