ตอนที่แล้วตอนที่ 6 การจากลา
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 8-1 ตบปากนาง!

ตอนที่ 7 ขันทีผู้ภักดี


ตอนที่ 7 ขันทีผู้ภักดี

ชางอู๋ซินก้าวเดินออกมาจากถ้ำอย่างมิได้รีบร้อนเเต่อย่างใด นางเดินผ่านป่าบนภูเขาอย่างช้า ๆ

แต่ทันใดนั้น ได้เหลือบไปเห็นเงาของผู้คนจำนวนมากวิ่งตามมาด้วยฝีเท้าที่แผ่วเบา

แต่สัมผัสได้ว่า ผู้คนเหล่านี้มิได้มีเจตนาร้าย ชางอู๋ซินทราบได้ในทันทีว่า พวกเขามิใช่ศัตรู

หลังจากที่พวกเขาเห็นชาง อู๋ซิน เงาเหล่านั้นก็ถอยกลับไปอย่างรวดเร็ว เหลือเพียงมิกี่คนที่คอยติดตามเฝ้าดูนางอยู่

ห่าง ๆ

ริมฝีปากของชางอู๋ซินเกิดรอยยิ้มปรากฎขึ้นเล็กน้อย

ดูเหมือนว่าตัวตนของรัชทายาทผู้นี้ช่างน่าสนใจกว่าที่คิดเอาไว้มาก ผู้ใดกันที่เต็มใจจะปกป้องผู้ที่ไร้ความสามารถเช่นนี้?

ชางอู๋ซินมิได้แสดงปฏิกิริยาที่มีพิรุธแต่อย่างใด ราวกับว่ามิรู้ถึงการปรากฏตัวของเงาที่ติดตามนางอยู่

ชางอู๋ซินยังคงเดินต่อไปด้วยท่าทีผ่อนคลาย และมุ่งหน้าไปยังตำหนักของรัชทายาทผู้นี้

เงาที่ติดตามชางอู๋ซินผงะเมื่อมองไปยังรัชทายาท และนึกถึงคำกล่าวของผู้คน ที่มักกล่าวถึงความไร้ความสามารถและความขี้ขลาดของเขา

แต่บัดนี้ถึงแม้ว่ารัชทายาทจะเดินไปบริเวณโดยรอบป่าทึบ

แต่ก็ยังสามารถสัมผัสได้ถึงประกายของความสง่างามที่อยู่โอบล้อมรอบเรือนร่างของเขาเอาไว้

แม้จะเห็นได้ชัดว่า รูปร่างของเขาช่างผอมบาง แต่ก็ให้ความรู้สึกได้ว่ากำลังมองบุคคลผู้สูงส่งอยู่ เขาผู้นี้ไร้ความสามารถจริงหรือ?

เมื่อชางอู๋ซินเดินพ้นจากชายป่า จึงรีบผละออกจากเงาที่ตามหลังนางมาในทันที

เงาเหล่านั้นต่างตกตะลึงเมื่อพบว่าองค์รัชทายาทหายเข้าไปกลีบเมฆ โดยมิมีผู้ใดสังเกตทัน

พวกเขาคลาดสายตาจากรัชทายาทไปได้อย่างไร?

พวกเขาแต่ละคนมีความเชี่ยวชาญในวิชาตัวเบา แต่รัชทายาทกลับสามารถหลบหนีไปได้อย่างไร้ร่องรอย

ภายใต้สายตาของพวกเขา เหงื่อเย็นเปียกชุ่มไปแผ่นหลัง เห็นได้ชัดว่า รัชทายาทรู้ตัวว่าโดนสะกดรอยตามแล้ว

เมื่อมองไปยังเงาที่กระจัดกระจายเหล่านั้น ชางอู๋ซินจึงหัวเราะเยาะอยู่ภายในใจ

แม้ว่าผู้คนเหล่านี้จะมิได้มุ่งร้าย แต่นางก็ยังคงมีความวิตกกังวลอยู่ดี

นอกจากนี้ชางอู๋ซินมิต้องการกลับไปยังตำหนักของรัชทายาท โดยให้ผู้อื่นพบเห็นในสภาพเช่นนี้

ดังนั้นนางจึงใช้ทางเข้าลับเพื่อแอบเข้าไปยังห้องนอนของรัชทายาทโดยมิให้ผู้ใดล่วงรู้

เนื่องจากรัชทายาทเป็นหญิงที่ปลอมตัวเป็นชาย จึงมิมีผู้ใดได้รับอนุญาตให้เข้าไปในห้องนอนของนาง

แม้แต่การทำความสะอาดห้อง รัชทายาทก็ต้องทำเอง นั่นเป็นเหตุผลที่มิมีผู้ใดอยู่บริเวณโดยรอบเมื่อชางอู๋ซินแอบเข้าไปด้านใน

ห้องนอนของรัชทายาทมีภาพวาดของดอกไม้ซึ่งมีผึ้งและผีเสื้อกำลังบินวนเวียนเพื่อหาน้ำหวาน

ผ้าม่านทำจากผ้าไหมชั้นดีสีม่วงสดใสปิดบังเตียงขนาดใหญ่นั้นเอาไว้

โต๊ะทำงานที่สิ่งของถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย พรมสีแดงปักลายดอกไม้ที่หรูหราบนพื้น และมีจี้ที่รัชทายาทเป็นผู้ประดิษฐ์เองแขวนอยู่ข้างหน้าต่าง

แม้ว่ารัชทายาทจะปลอมตัวเป็นชาย แต่ก็เห็นได้ชัดว่า จิตใจของนางเป็นเด็กสาว

ในสายตาของอู๋ซินแล้ว ห้องนี้ช่างเป็นห้องที่ไร้สาระสิ้นดี ชางอู๋ซิน มิค่อยชอบใจในความอ่อนหวานเช่นนี้เท่าใดนัก

จึงทำเพียงแค่เหลือบมองพร้อมกับแแสยะยิ้มออกมาเล็กน้อย

จากนั้นจึงเดินไปยังตู้เสื้อผ้าและเปิดมันออกดู

ตู้ใบนี้เต็มไปด้วยเสื้อคลุม ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นสีเหลือง และยังมีสีม่วง สีน้ำเงิน และอีกหลากหลายสี

ชางอู๋ซินหยิบเสื้อคลุมสีดำออกมาหนึ่งตัว และเดินไปยังห้องน้ำด้านในเพื่อชำระล้างร่างกายให้สะอาด

มีเสื้อคลุมเพียงมิกี่ตัวเท่านั้นที่คล้ายกับเสื้อคลุมสีดำตัวนี้ในตู้เสื้อผ้าของนาง

ชางอู๋ซินถอดเสื้อคลุมสีเหลืองที่ขาดรุ่งริ่ง และอยู่ในสภาพยับเยินที่สุดตัวนั้นออก และเริ่มทำการสำรวจร่างกายของตนเองทันที

ปกติชางอู๋ซินเป็นผู้ที่มิแยแสกับสิ่งใด แต่เมื่อนางได้เห็นร่างกายนี้

ถึงกับต้องจ้องมองด้วยความชื่นชม ผิวกายนี้ช่างเนียนนุ่ม และขาวผุดผ่อง ราวกับมิเคยโดนแสงแดดต้องผิวกายมาก่อนเลยในชีวิต

ก่อนหน้านี้ชางอู๋ซินเคยเห็นความงามมากมาย แต่เมื่อเทียบกับผิวพรรณและร่างกายอันงดงามนี้แล้ว

ก็พบว่า มิมีเรือนร่างของผู้ใดจะสามารถเทียบได้ ร่างกายนี้มิมีแม้แต่รูขุมขน!

หากในอดีตชางอู๋ซินใช้ชีวิตแบบผู้หญิงธรรมดาทั่วไป ที่ให้ความสำคัญกับเรื่องผิวพรรณ และความงดงาม

บางทีนางอาจจะนำพาตระกูลชางไปสู่ความหายนะก็เป็นได้

และช่างน่าเสียดายที่ความงดงามของคนผู้นี้ มิเคยทำให้ตัวของเขามีความสุขเลย

หลังจากอาบน้ำชำระสิ่งสกปรกเรียบร้อยแล้ว ชางอู๋ซินจึงเดินไปยังกระจกในห้องอาบน้ำ

เพื่อที่จะดูรูปลักษณ์ของตนเอง นางตกใจจนกล่าวอันใดมิออก

ใบหน้าของรัชทายาทช่างงดงามเหลือเกิน ถูกต้อง! ใบหน้าเช่นนี้เท่านั้นจึงจะเหมาะสมกับผิวกายที่ไร้ที่ติเช่นนี้ ช่างจับคู่กันได้อย่างลงตัวที่สุด

แม้ว่าชางอู๋ซินจะมิสนใจเรื่องรูปลักษณ์มากนัก แต่สามารถกล่าวได้เลยว่า เรือนร่างนี้สมบูรณ์แบบมาก ช่างน่าทึ่งเหลือเกิน!

สิ่งที่ชางอู๋ซินมิทราบคือนอกจากรัชทายาทผู้นี้จะมีความงดงามเช่นนี้แล้ว นางยังมีความโชคร้ายที่ขี้ขลาดและอ่อนโยนมากจนเกินไป

ผู้คนจึงมิให้ความสำคัญกับนาง แต่บัดนี้จิตวิญญาณที่มาพำนักอยู่ได้เปลี่ยนไปแล้ว

และในตอนนี้จิตวิญญาณและร่างกายสามารถเข้ากันได้ดีและนั่นทำให้นางเปล่งประกายเจิดจ้า จนยากที่จะถูกมองข้าม

ชางอู๋ซินมองหน้าอกที่ค่อนข้างแบน อาจเป็นเพราะรัชทายาทพันหน้าอกของนางด้วยผ้าสีขาวมาตั้งแต่เล็กก็เป็นได้

เด็กสาวที่มีอายุสิบห้าปีที่น่าจะมีทรวดทรงที่ดีมากกว่านี้

หน้าอกของนางเป็นแค่เพียงไม้กระดานที่ราบเรียบ ชาง อู๋ซินตัดสินใจอย่างแน่วแน่ที่จะให้ความสำคัญกับร่างกายของนาง

เมื่อประตูห้องนอนเปิดออกจากด้านในเหล่าสาวใช้และเด็กรับใช้ที่ยืนอยู่บริเวณหน้าห้องนั้น ต่างก็จ้องมองนางด้วยความหวาดกลัว

เมื่อพวกเขาก็เห็นองค์รัชทายาทในชุดเสื้อคลุมสีดำซึ่งมีลักษณะเหมือนสัตว์ที่มีความดุร้าย

พวกเขามิเคยทราบมาก่อนเลยว่า องค์รัชทายาทสามารถเปล่งประกายที่น่าเกรงขามได้ถึงเพียงนี้

“องค์รัชทายาท!”

เหล่าคนรับใช้ย่อตัว และคุกเข่าลงกับพื้นในทันที หลายคนอยู่ในอาการตื่นตระหนกจนหน้าซีดเผือด

องค์รัชทายาทหายตัวไปหลังจากที่เข้าไปยังป่าด้านหลังสุสานจักรพรรดิ

แม้แต่ฝ่าบาทก็ทรงทราบเรื่องนี้ แต่พระองค์มิได้แสดงท่าทีสนใจแต่อย่างใด

แต่ตอนนี้องค์รัชทายาทได้ปรากฏตัวจากในห้องนอนของเขาได้อย่างไร?

เหล่าสาวใช้ต่างก็เชื่อว่ารัชทายาทเสียชีวิตไปแล้ว คนรับใช้หลายคนจึงพยายามเปลี่ยนไปรับใช้องค์ชายท่านอื่น

ชางอู๋ซินยืนอยู่ที่ด้านบนของบันได และจ้องมองไปยังสาวใช้และเด็กรับใช้ที่คุกเข่าอยู่บนพื้น รัชทายาทมีสาวใช้เพียงแค่นี้เองหรือ?

“โอ...องค์รัชทายาท!”

ทันใดนั้นขันทีในวัยกลางคนก็รีบวิ่งเข้ามา และร้องคร่ำครวญด้วยน้ำเสียงที่โหยหวนเมื่อเขาเห็นร่างขององค์รัชทายาท

แม้น้ำเสียงที่แหลมคมจนเสียดหูจะมิถูกใจชางอู๋ซินนัก

แต่นางสามารถรับรู้ได้ถึงความห่วงใยอันแท้จริงของขันทีผู้นี้

เขาผู้นี้ดูแลองค์รัชทายาทตั้งแต่เด็ก และเป็นเพียงผู้เดียวในตำหนักที่รู้ว่ารัชทายาทเป็นผู้หญิง

ขันทีในวังถูกเรียกว่า 'กงกง'

และห้วงของความทรงจำ เขาเคยเป็นหัวหน้าขันทีผู้นี้รับใช้มารดาผู้ให้กำเนิดขององค์รัชทายาท

เนื่องจากความจงรักภักดีและความทุ่มเทของชายผู้นี้ เขาจึงได้รับความโปรดปรานจากจักรพรรดินี

และหลังจากการตายของนาง จึงได้มอบหมายให้ขันทีผู้นี้ดูแลองค์รัชทายาท

ดังนั้นขันทีจึงดูแลรัชทายาทเหมือนบุตรของตนเอง นับตั้งแต่นั้นมา

หลังจากที่ตำหนักของรัชทายาทสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว กงกงจึงติดตามเข้ามารับใช้ในตำหนัก

ทุกคนเรียกเขาว่า 'กงกงไห่ชิง'

“องค์รัชทายาท!”

ขันทีไห่ชิงรีบเดินเข้ามายังด้านข้างของชางอู๋ซินโดยตั้งใจจะตรวจดูอาการบาดเจ็บ

แต่ชางอู๋ซินได้ห้ามเขาเอาไว้ นางมิชอบให้ผู้อื่นแตะต้องตัวแม้ว่าขันทีผู้นี้จะมิมีเจตนาชั่วร้ายก็ตาม

เมื่อขันทีไห่ชิงเห็นว่าองค์รัชทายาทปลอดภัยดี เขาจึงรู้สึกโล่งใจเป็นอย่างมาก

“องค์รัชทายาท ต่อไปนี้ท่านอย่าได้เอาแต่ใจมากนัก  หากมีเหตุอันใดเกิดขึ้นกับท่าน  ข้าน้อยคงจะต้องมีอันเป็นไป

เมื่อเป็นเช่นนั้น ข้าจะไปบอกกล่าวกับองค์จักรพรรดินีในปรโลกว่าอย่างไร?!”

“บัดนี้ข้าสบายดี เจ้ามิจำเป็นต้องตาย”

ชางอู๋ซินกล่าวกับขันทีไห่ชิง

แม้ว่ากงกงผู้นี้จะดูสติมิค่อยเต็มเต็งไปบ้าง แต่ก็น่าจะเป็นเพราะการปกป้องของเขา ที่ทำให้องค์รัชทายาทสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้เป็นเวลาหลายปี

ชางอู๋ซินชื่นชมผู้ที่ซื่อสัตย์และมีความสามารถเช่นนี้อย่างแท้จริง

ขันทีไห่ชิงสำลักคำกล่าวของตนเองทันที

เหตุใดองค์รัชทายาทจึงทำตัวแตกต่างจากเดิมมากนัก?

ทั้งท่าทางที่ดูสง่างาม หรือแม้กระทั่งรูปลักษณ์ของเขาก็ดูน่าเกรงขามมากขึ้น

กงกงทราบมาเสมอว่ารัชทายาทผู้นี้มีความงดงามมาก แต่การเปลี่ยนแปลงนี้ เกือบจะเหมือนการเกิดใหม่ซึ่งน่าตกใจเป็นอย่างมาก

แต่มิว่าองค์รัชทายาทจะเป็นเช่นไร ก็เป็นเจ้านายของขันทีผู้นี้  และเขาสาบานว่า จะจงรักภักดีต่อองค์รัชทายาทผู้นี้ตลอดไป

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด