ตอนที่แล้ว45.เฟรนซ์ฟราย (ฉาฉู่เถียว)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป47.แม่เฒ่าหนานมาพบ

46.ขึ้นเขา


มีเงินไม่มากพอให้ใช้สอยตามใจชอบ ก็ต้องคอยดิ้นรนหามา  หากไม่ใช้เงินลงทุน ก็ต้องใช้แรงกายเป็นทุน

“ข้าจะขึ้นเขากับเจ้า” กู้หรูเฟิงเอ่ย

หลิ่วเจินจ้องหน้ากู้หรูเฟิงเขม็ง พลางวางตะเกียบลง “ท่านยังต้องพักอยู่ที่บ้านให้มาก ๆ  อย่าทำให้ข้าวุ่นวายเป็นดี  และก็ห้ามตามข้าไปด้วย ขาท่านยังไม่หายดีเลย หากยังตามขึ้นเขา คงไม่แคล้วรนหาที่ตาย”

นี่แสดงว่านางต้องการหลบเลี่ยงเขา เห็นเขาเป็นตัวถ่วงรึ?

ทว่าเขาไม่ได้ตั้งใจ ก็แค่อยากอุทิศกำลังกายอันพอจะมีอยู่บ้าง คอยช่วยเหลืออะไรเล็ก ๆน้อยๆ ไม่อยากให้นางต้องมาตรากตรำทำงานหนักแบบนี้ตามลำพัง ไม่เพียงเท่านั้น ชีวิตเขาพึ่งพาหลิ่วเจินทุกอย่าง อย่างไรเสียก็ควรตอบแทนกลับคืนบ้าง

ชั่วเวลาไม่นานมานี้ หลิ่วเจินปฏิบัติต่อเขาเป็นอย่างดี เขาคอยรำลึกอยู่ในใจเสมอ

“ทว่าเจ้าเดินขึ้นเขาไปเองคนเดียว มันอันตรายมากนะ มีคนไปเพิ่ม ก็ยิ่ง....

กู้หรูเฟิงยังพูดไม่ทันจบ หลิ่วเจินก็ส่งสัญญาณห้าม  “หากท่านไป ข้าก็ต้องมาคอยดูแลท่าน คราวก่อน ท่านก็พูดแบบนี้ แล้วเป็นไงเจออุบัติเหตุเกือบไม่ได้ออกมา คราวนี้ไม่ได้ผลหรอก พูดไปก็ฟังไม่ขึ้น หากเกิดอะไรผิดพลาดขึ้นจริง ๆ จะกลายเป็นว่าข้าจงใจฆาตกรรมสามี  และคงจะล้างมนทินไม่ได้ต่อให้พยายามแค่ไหนก็ตาม  และอย่างน้อยก็มีเด็กสาวตัวน้อยคนหนึ่งที่อยากสังหารข้าจริง ๆแน่”

เด็กสาวตัวน้อยที่หลิ่วเจินหมายถึงก็คือเซียงเช่า หากกู้หรูเฟิงเกิดเป็นอะไรขึ้นมาจริง ๆ เซียงเช่าคงอยากปลิดชีพนางเป็นแน่ แล้วยิ่งตอนนี้พวกเขาทั้งสองคนอยู่ท่ามกลางคมเขี้ยวของพายุข่าวลือต่าง ๆนา ๆ แล้วแต่จะเสกสรรปั้นแต่งตามใจชอบ ซึ่งสามารถกลบทั้งสองคนจนมิดได้

ดีที่สุดคืออย่าไปสร้างปัญหาเพิ่มอีกในอนาคตอันใกล้นี้

“เจ้าต้องไปเองด้วยรึ?” กู้หรูเฟิงตระหนักแล้วว่า หลิ่วเจินคงไม่ปล่อยให้เขาไปด้วยแน่ แต่เขาก็ยังหวังว่าหลิ่วเจินจะคล้อยตาม ต่อให้รออีกฝ่ายอยู่ที่ตีนเขา เขาก็เอา

หลิ่วเจินพยักหน้าโดยไม่ลังเล ทำให้ความหวังสุดท้ายของกู้หรูเฟิงพังครืน

“เช่นนั้น เจ้าจะให้ข้าอยู่ที่บ้านรอเจ้ากลับมาหรือ?” กู้หรูเฟิงถาม

“ย่อมเป็นเช่นนั้น อีกอย่าง อยู่บ้านท่านก็ปัดกวาดเช็ดถูบ้านให้สะอาด และก็กวาดหิมะข้างนอกด้วย” หลิ่วเจินกล่าวคำพูดนี้ออกมาอย่างไม่เกรงใจกันเลย นางมีหน้าที่ทำงานนอกบ้าน ส่วนเขามีหน้าที่ทำงานในบ้าน

ก็ไม่เห็นจะมีอะไรผิดปกตินี่  ปกติตำแหน่งงานในบริษัท มันก็โยกย้ายสับเปลี่ยนกันได้อยู่แล้ว

“เจ้าคนเดียว จะกลับมาพร้อมข้าวของมากมายบนหลังได้อย่างไร?” หากเจ้าแบกไม่ไหว ไม่เช่นนั้นก็ให้ข้าช่วยดีหรือไม่? กู้หรูเฟิงถาม

หลิ่วเจินไม่อยากสนใจกู้หรูเฟิงที่คอยเซ้าซี้อีกแล้ว “ข้าไม่อยากตอบคำถามท่านแล้ว ท่านกำลังกังขาในความสามารถของข้าละสินะ”

แล้วจะทำไม? เลิกดูถูกผู้หญิงเสียทีได้ไหม?

ทว่าเมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ก็พบว่าความสามารถของตนเองมีจำกัด กลับมาแต่ละที ก็ขนวัตถุดิบมาได้ทีละนิดเช่นนี้ หากเกิดต้องการผลิตปริมาณมาก ๆขึ้นมา ย่อมทำไม่ได้  ในเมื่อเป็นแบบนี้ การใช้กลยุทธ์การตลาดแบบกระตุ้นความอยากของลูกค้า[1] นับเป็นวิธีที่ไม่เลวเลย

พอหลิ่วเจินขบคิดถึงตรงนี้ ก็เริ่มคิดว่าทำอย่างไรจะให้ผลิตภัณฑ์นี้เป็นที่รู้จักของผู้คน? เหนืออื่นใด ในยุคสมัยใหม่ มีการทดลองใช้กลยุทธ์การตลาดแบบกระตุ้นความอยากของลูกค้า ซึ่งวิธีแบบนี้มักทำให้รายได้เพิ่มเป็นสองเท่า

แม้จะกล่าวได้ว่าการขายของให้ชาวบ้านโดยใช้วิธีนี้นับว่าไม่ดีนัก แต่ตราบใดที่ราคาตั้งไม่เหวี่ยงจากราคาปกตินัก ก็ไม่น่ามีปัญหาแต่อย่างใด

ภายหลังกู้หรูเฟิงพูดมาอีกคำหนึ่ง หลิ่วเจินก็ไม่ฟังอีก หญิงสาวยังคงตั้งหน้าตั้งตากินอาหารต่อไป

ตกบ่ายหลิ่วเจินทำการเตรียมข้าวของที่ต้องใช้สำหรับการขึ้นเขาในวันพรุ่งนี้ ขณะที่กู้หรูเฟิงเองก็คอยเพียรจับตามองอีกฝ่าย ด้วยอยากเข้าไปช่วยเหลือ แม้นกายเขาจะอ่อนแอ แต่ใจนั้นเต็มร้อยนะ

ในครั้งแรกหญิงสาวขนของกลับมาหนึ่งตระกร้า ครั้งนี้นางอยากลองเอาไปเพิ่มอีกหนึ่งตระกร้า ส่วนหนึ่งเก็บไว้กินเอง ส่วนหนึ่งเอาไปขาย ภายในหัวหลิ่วเจินดีดลูกคิดรางแก้ว คำนวณแผนการทุกรูปแบบ

“อาเจิน?” กู้หรูเฟิงเห็นหลิ่วเจินจมอยู่ในภวังค์คิด จึงร้องเรียก

หลิ่วเจินจึงหลุดจากภวังค์ แล้วมองกู้หรูเฟิงด้วยสายตาว่างเปล่า “มีอันใดรึ?”

**

[1] Hunger Marketing  กลยุทธ์กระตุ้นความอยากให้ลูกค้า เป็นวิธีสร้างความเร้าใจให้ผู้บริโภคเกิดความต้องการสิ่งนั้นอย่างที่สุดจนถึงขั้นแย่งกันซื้อสินค้าหรือบริการ และบ่อยครั้งที่วิธีการนี้จะกระตุ้นผู้บริโภคให้ซื้อด้วย “อารมณ์” ไม่ใช่ “เหตุผล” กลยุทธ์นี้จึงมักถูกนำมาใช้เพื่อสร้างความฮือฮาเวลาเปิดตัวสินค้าใหม่ โดยเฉพาะสินค้าที่ผลิตออกมาในปริมาณจำกัด ทำให้ผู้บริโภคเกิดความรู้สึกว่าสินค้านั้นเป็นของหายาก

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด