ตอนที่แล้วตอนที่ 48 วิกฤติ เรือเหาะอับปาง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 50 ดาบตัดวิญญาณ

ตอนที่ 49 เจ็ดแท่นบูชา 


ตอนที่ 49 เจ็ดแท่นบูชา

เมฆที่ปกคุมท้องฟ้าจนไร้แสงอาทิตย์ พื้นดินสีขาว หิมะที่ตกลงอย่างหนักดั่งพายุ สายลมที่หนาวเย็นพัดผ่านพุ่มไม้ ทันนั้นพุ่มไม้ก็สั่นไหว หิมะบนใบไม้หล่นลงมา

ดอนค่อย ๆ ปืนขึ้นมาจากหลุม ตัวเขาหนาวสั่นเพราะความหนาว

“หนาวมาก...” เขารีบเอาเสื้อฮู้ดขึ้นมาปิดที่ศีรษะและมองไปรอบ ๆ ทุก ๆ ที่มันเต็มไปด้วยหิมะ

หลบอยู่ในหลุมแค่ 3 วันเท่านั้นแต่ที่นี่กลับกลายเป็นดินแดนความหนาวเย็นไปแล้ว

“ตอนนี้ดูเหมือนจะเป็นเวลากลางวันถ้าข้าจำไม่ผิดแต่มันมืดมาก”

เขาเดินไปทิศทางที่ไปสูยอดเขาโบเมาท์

หลังจากเดินมาสักพักก็มาถึงบริเวณตืนเขา แต่ก็ต้องรีบหลบ เพราะด้านหน้าทางขึ้นไปสู่วิหารมีเกสเพนสท์จำนวนมากกำลังฉีกศพมนุษย์กินอย่างเมามัน ด้วยความป่าเถื่อนราวกับปีศาจร้าย

แขนขาเลือดเนื้อกระจัดกระจายไปทั่ว ทันใดนั้นก็มีชายหนุ่มคนหนึ่งเดินนำกลุ่มนักโทษลงมาจากยอดเขา

“โยนพวกมันให้เกสเพนสท์กิน!” เอลกล่าวออกมาและมองดูกลุ่มนักโทษที่ถูกลุมฆ่าและกินอย่างเย็นชา

นักโทษทุกคนเป็นคนธรรมดาเท่านั้น

ดอนมองดูอยู่ไกล ๆ เขารู้สึกคุ้นหน้าของเอลเป็นอย่างมากว่าเคยเห็นจากไหน แต่ทันใดนั้นเขาก็สังเกตเห็นหญิงสาวที่ยืนอยู่ด้านข้าง “นั้นมันเชร่า เธอไม่อยู่กับพวกลัทธิบูชาปีศาจได้อย่างไร?”

เขารู้สึกสงสัยเป็นอย่างมากแต่เมื่อมองดูดี ๆ ก็เห็นว่าดวงตาของเธอสูญเสียความมีชีวิตชีวาไป ราวกับว่าบางส่วนของเธอได้ตายลงไป

“เกิดอะไรขึ้นกับเธอกัน?”

เขามองดูคนธรรมดาที่ร้องขอชีวิต จากเสียงที่ไกล ๆ ก็พอจะจับใจความได้ ดูเหมือนว่ามีคนหนีไป พวกมันจึงใช้วิธีเชือดไก่ใช้ลิงดูโดยการฆ่าคน 100 คนต่อ 1 คนที่หนีไป ทำให้คนอื่น ๆ เป็นหูเป็นตาให้กับพวกมัน

ไม่มีใครอยากให้ตัวเองตายเพราะมีคนอื่นหนีไปหรอก

แต่ไม่ว่าพวกเขาจะขอร้องขนาดไหนก็ไม่ได้ผล อย่างไรก็ต้องตายอยู่ดี ดังนั้นจึงมีหลายคนที่ลุกขึ้นสู้พยายามลากเกสเพนสท์ให้ตายไปด้วยพร้อมกัน แต่มันก็มีแต่จะตายเร็วขึ้นเท่านั้น

เขามองไปที่วิญญาณของคนที่ตายลง ลอยออกมาจากล่างและสลายไปอย่างรวดเร็ว

วิญญาณของคนธรรมดานั้นอ่อนแอเป็นอย่างมาก

การฆ่ายังไม่จบเอลก็รู้สึกเบื่อเขาจึงเดินกลับขึ้นเขาไปพร้อมกลับเชร่าที่ตอนนี้ดูไร้ชีวิตเป็นอย่างมาก

ทันใดนั้นกลุ่มคนธรรมดาที่พยายามสู้อยู่ก็อาศัยจังหวะพยายามวิ่งหนีเกสเพรสท์ด้วยจำนวนคนธรรมดาที่มาก จึงมีหลายคนที่วิ่งหนีออกมาได้

แต่ก็ไม่ไกลพวกเขาวิ่งมาทางที่เขาหลบอยู่ แต่ก็ถูกเกสเพนสท์ลุมฆ่ายตายอย่างโหดร้าย

ศพของคน 10 กว่าคนซึ่งในสิบคนดูจะเป็นคนในครอบครัวเดี่ยวกัน ร่างของพวกเขาถูกลากกลับไป แต่ดอนไม่ได้สนใจร่างแต่เป็นวิญญาณที่ตอนนี้กำลังจะสลายไปทั้งสิบนั้น

ที่เขาสามารถเห็นวิญญาณของสิ่งที่ตายน่าจะมาจากระบบลูกบาศก์วิญญาณที่เป็นตัวเชื่อมเขา

[ตรวจพบวิญญาณที่สามารถแย่งชิงได้ ดำเนินการหรือไม่ ใช้พลังงาน 1000 หน่วย]

[ใช่/ไม่]

หลังจากที่เกสเพนสท์พากลับไปกันที่บันไดทางขึ้นวิหาร เขาก็รีบออกมาจากที่ซอนและยืนมือไปสัมผัสที่วิญญาณพวกนั้นทันที

ดอนรับตอบตกลงทันที “ใช่”

[ดำเนินการเสร็จสิ้น มนุษย์+1]

[ดำเนินการเสร็จสิ้น มนุษย์+1]

[ดำเนินการเสร็จสิ้น มนุษย์+1]

[ดำเนินการเสร็จสิ้น.....................

ถึงแบบนั้นเขาก็ช่วยได้แค่ 8 คนเท่านั้น วิญญาณอีก 2 คนได้สลายหายไปแล้ว

“หวังว่าพลังงานทั้งหมดที่ใช้ไปจะคุ้มค่า” ดอนมองพลังงาน 8000 หน่วยที่เสียไปอย่างเสียดาย

หลังจากนั้นเขาก็รีบออกไปทันที แต่ทันใดนั้นก็มีเกสเเพนสท์ที่ไม่รู้มากจากไหนวิ่งตามเขามาดูเหมือนมันจะเป็นตัวที่หลงฝูงออกมา

“อ้าาาา!!!” มันร้องคำรามออกมาเพื่อเรียกพวกของมัน

“บ้าเอ้ย!” มันเป็นแค่เกสเพนสท์ตาขาวเท่านั้น แต่พวกมันดูจะเเข็งแรงขึ้นมากเพราะอากาศที่หนาวเย็น

“ฟอนดาซิลูอา เมซิรอส(เปลี่ยนผืนดินเป็นหอก เพื่อสังหารศัตรู)”

ตูม

ดอนรีบใช้คาถาหอกดินยิงไปที่มัน หอกทะลุร่างของมันตายทันที แต่เสียงที่ดังของหอกดินและเสียงร้องของเกสเพนสท์ก่อนหน้าก็เป็นเหมือนนกลับสัญญาณเรียกพวกมันมา

ดอนรีบวิ่งหนีออกไปทันที

หลังจากวิ่งมาสักระยะก็สลัดพวกมันหลุดแต่เขาก็รู้สึกเหนื่อย ด้วยพลังกายแค่ 11 หน่วย และสภาพอากาศที่หนาวเย็น ทำให้ดูเหนื่อยกว่าปกติมากนัก

เขาพยายามปรับลมหายใจ

“ข้าต้องกลับไปที่เมืองอัสซาเมีย ก่อนที่กองกำลังทั้งหมดจะถอนตัวกลับไปที่หอคอยเอราธาเมีย”

“แต่ก่อนหน้านั้นข้าต้องมีอาหารและเสื้อผ้าที่หน้ากว่านี้ก่อน” ตอนนี้เขารู้สึกหนาวมาก ถึงแม้จะมีความอึดถึง 14 หน่วยแต่เสื้อผ้าที่เขาใส่อยู่นี้มันเป็นเสื้อหนังมันไม่เพียงพอ

ดอนหยิบเสื้อคุมของผู้ใชพลังฝึกหัดสีเทาออกมาใส่อีกชั้น และมุ่งหน้ากลับไปที่ห้องใต้ดินของเขา ที่นั้นมีอาหารและของเก็บไว้อยู่บางส่วน

ห้องใต้ดินของเขาอยู่ที่ด้านหลังวิหารมันน่าจะไม่มีใครหาเจอ และพวกเกสเพนสท์และคนของลัทธิบูชาปีศาจก็ไม่น่าจะหาเจอ

เขาเดินอ้อมไปขึ้นที่ด้านหลังของยอดเขา ด้วยความกว้างของยอดเขาโบเมาท์นั้นกว้างมาก มันจึงใช้เวลาไปทั้งช่วงบ่าย ทางที่ขึ้นไปนั้นก็เป็นผาและทางชันพอสมควร

เขาปีนขึ้นไปด้วยความยากลำบากพอสมควร

“แฮก ๆ” ดอนทิ้งตัวลงนอนทันที ๆ ขึ้นมาถึงและแหงนหน้ามองท้องฟ้ามันมีแต่พายุหิมะที่ตกลงอย่างต่อเนื่อง ความมืดเริ่มปกคุมเรื่อย ๆ

อากาศเริ่มหนาวลงไปอีก มันน่าจะถึง - 1 องศาเลยที่เดี่ยว

เขาพลิกตัวยืนขึ้นและตบหน้าตัวเอง “จะมานอนที่นี่ไม่ได้”

แต่เมื่อมองลงไปจากยอดเขาก็ต้องตกใจเพราะมีพวกเกสเพนสท์กำลังสร้างแท่นบูชาขนาดใหญ่ห่างออกไป 100 กิโลเมตรรอบ ๆ ยอดเขาโบเมาท์

แท่นบูชาทั้ง 7 กำลังถูกสร้างขึ้นจากหินดินทราย มันยังเป็นแค่ฐานเท่านั้นมันมีขนาดที่ใหญ่มาก แค่เขามองดูก็รู้ว่าคงจะใช้เวลาหลายปีในการสร้างพวกมันจนเสร็จ

ตอนนี้เขารู้แล้วว่าทำไมถึงมีเกสเพนสท์อยู่ที่วิหารเก่าน้อยนัก

ดอนเดินไปที่ห้องใต้ดิน ด้วยความกังวลถึงสิ่งที่พวกลัทธิบูชาปีศาจกำลังทำอยู่ มันต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่นอนเพราะพวกมันถึงขนาดแบ่งทัพบุกมาทางภูมิภาคใต้

ตอนนี้ดอนยังไม่รู้ว่าดินแดนทางเหนือถูกยึดไปแล้วไม่อย่างนั้นเขาจะต้องกังวลมากกว่านี้แน่

เดินหลบพวกเกสเพนสท์สองสามตัวที่อยู่ในป่าด้านหลังสุสาน จนมาถึงห้องใต้ดินด้านหน้ายังมีเต็นท์ที่พักที่เขาตั้งไว้หรอก ๆ ขาดกระจุยกระจายอยู่

“ดูเหมือนว่าพวกมันจะค้นหาที่นี่แล้ว” เขาเปิดประตูต้นแล้วก็โล่งใจ

“ดูเหมือนว่าพวกมันยังไม่เจอที่นี่” แต่แล้วเขาก็ต้องรู้สึกแปลกใจเพราะภายในมันกลับยังอุ่นสบายอยู่ราวกลับมีใครก่อกองไฟ

เมื่อเข้ามาในโถงหลักก็เจอกลับซิเรียที่กำลังนอนกอดผ้าอยู่บนโซฟา

ด้านหน้ามีกองไฟที่กองไว้กำลังจะมอดดับลงแต่มันก็ยังคงพอให้ความอบอุ่นอยู่

ดอนไม่คิดว่าเธอจะยังติดอยู่ที่นี่อีก เขารีบเดินเขาไปดูซิเรียทันที “ซิเรีย...ซิเรีย”

เธอตกใจตื่นขึ้นมาเมื่อมีคนมาสัมผัสตัวเพราะคิดว่าเป็นพวกเกสเพนสท์ แต่แล้วเมื่อเห็นดอนที่ตอนนี้ยืนอยู่ น้ำตาเธอก็ไหลออกมาทันที

“ท่านดอน...” ซิเรียคิดว่าดอนได้กลับมาช่วยเธอ เธอรีบลุกขึ้นมากอดดอนทันทีราวกลับกลัวว่านี่จะเป็นแค่ความฝัน

ใจของเธอพังทลายไปเมื่อ 3 วันที่แล้วขณะหนีการไล่ล่าของเกสเพนสท์และมาหลบที่นี่

เธอได้แต่ผวาอยู่ตลอดเวลาเพราะเสียงของพวกมันที่ลื้อทำลายเต็นท์อยู่ด้านบน

บางครั้งก็เสียงคำรามของพวกมันที่ดังมาทางช่องระบายอากาศ เธอกลัว ไม่หลับไม่นอนจนอ่อนเพลียและหลับไป

“เจ้ามาอยู่นี่ได้ไง?” เขาถามออกไปและมองดูสภาพที่อ่อนแอของเธอ

ซิเรียเล่าให้ฟัง ถึงตอนที่ถอนกำลังกลับขึ้นมาบนยอดเขาและพวกอัศวินชั้นสูงที่สั่งให้ทุกคนช่วยกันสู้

แต่พวกนั้นกลับหายไปพอเห็นอีกทีก็เรือเหาะที่ออกบินขึ้นสู้ท้องฟ้า พวกเขาได้แต่มองดูพวกนั้นหนีไปและถูกทิ้งใต้สู้ตายกับเกสเพนสท์

เมื่อฟังแล้วก็พอจะเข้าใจการตัดสินใจของผู้นำกองกำลังได้อยู่บ้าง

“ตอนนี้พวกเราต้องหาทางหนีออกไปจากที่นี่ก่อน”

ดอนกำลังคิดอยู่นั้นเคนก็พูดกลับเขาผ่านลูกบาศก์วิญญาณ “นายท่านจำที่ข้าเคยบอกได้ไหมว่ามีวิญญาณจำนวนมากถูกขังอยู่ใต้วิหารแต่ข้าไม่สามารถเข้าไปได้ ถ้าไปที่นั่นมันอาจจะมีทางออกอื่นก็ได้”

เมื่อเขาคิดถึงสิ่งที่เคนเคยบอกตอนที่สร้างที่สร้างห้องใต้ดินนี้ครั้งแรก บ้างที่มันอาจจะมีทางออกอื่นอีกก็ได้

สักพักดอนก็ตัดสินใจ เพราะเขาไม่มีทางเลือกมากนัก “เราจะไปที่นั้นกัน”

ซิเรียที่มองดอน ที่อยู่ ๆ ก็พูดออกมาแบบสงสัย “เราจะไปที่ไหนหรือคะ”

“เราจะออกไปจากที่นี่ แต่…!” ดอนมองไปที่ซิเรียและถามออกมาอย่างจริงจัง “เจ้าต้องตอบตำถามข้าก่อน!”

“ท่านดอนถามมาเถอะคะ” ซิเรียกล่าว

“เจ้าจะมาเป็นข้ารับใช้ของข้าหรือไม่?” ดอนถามออกมาขณะมองไปที่ซิเรีย

“คะ ชีวิตของข้าถือว่ายกให้ท่าน” ซิเรียพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเล็กน้อย ตอนนี้เธอไม่มีที่พึ่งอีกแล้วนอกจากดอน อีกอย่างเธอก็เคยตัดสินใจไปนานแล้วว่าจะติดตามอยู่ข้างกายดอน ถึงแม้ว่าจะเป็นแค่ข้ารับใช้ ไม่ใช่ในฐานะที่เธอหวังไว้ก็ตาม

“ดี งั้นเจ้าสองคนก็ทำความรู้จักกันไว้”

ทันใดนั้นซิเรียก็เห็นวิญญาณลอยออกมาจาก กล่องที่อยู่ข้างเอวของดอน

“สวัสดี ข้าคือ ข้ารับใช้ของนายท่านดอน หนึ่งในเจตจำนงทั้งเจ็ด เจตจำนงแห่งความโกรธ เคน”

“ผี” ซิเรียถอนหลังหนีด้วยความกลัว

อยู่ ๆ ก็มีวิญญาณออกมาจากกล่องที่อยู่ข้างเอวของดอน

“เขาคือวิญญาณรับใช้ของข้า เจ้าไม่ต้องกลัว”

ซิเรียพยายามทำใจไม่ให้กลัวจากนั้นก็กล่าวทักทายเคนแบบกล้า ๆ กลัว ๆ “สวัส...ดี”

ซิเรียคิดถึงข่าวลือบางอย่างที่เกิดขึ้นในช่วงนี้นั้นก็คือ หนึ่งคนหนึ่งวิญญาณ ฉายา ‘คนเก็บศพ’ ไม่ใช่ว่านายท่านดอนของเธอเป็นคนเก็บศพใช่ไหม?

เคนพยักหน้าตอบด้วยความสุภาพ จากนั้นก็หันไปหาดอน “นายท่านจะไปเลยหรือไม่?”

“ยังก่อน ข้าต้องเตรียมตัวเราจะเริ่มในอีก 1 ชั่วโมง”

“ขอรับ” เคนลอยเข้าไปในลูกบาศก์วิญญาณ

เขามองไปที่ซิเรียที่ตอนนี้กำลังงกลับการหายตัวไปมาของเคน ดอนสั่งเธอให้ไปเก็บของ

เขาเอาผ้าที่นอนและทุกอย่างใส่ในกระเป๋าอาคม แต่มันก็ยังใส่ได้จำกัดอยู่ดีเนื่องจากในกระเป๋าเขาเต็มไปด้วยเหรียญทองและกองวัตถุดิบ

จากนั้นดอนก็ใส่เกาะอ่อน มีชื่อว่า “เกาะด้วงเหล็ก”ที่ได้มาจากห้องทดลองเก่าพร้อมกับมีดสั้นเงาจันทร์ที่เหน็บไว้ข้างเอว

จากนั้นเขาก็ใส่เสื้ออีกสองตัว ตามด้วยเสื้อหนัง และเสื้อฮู้ด

จากนั้นก็ใช้ลูกบาศก์วิญญาณในการขุดหลุม ซิเรียที่เห็นกล่องใบนั้นมีบางอย่างลอยออกมาและทำการขุดหลุม

เธอก็คิดว่ากล่องใบนั้นจะต้องเป็นอาวุญอาคมที่เธอพวกจอมอาคมใช้กันแน่นอน

เธอหาได้สนใจลูกบาศก์วิญญาณเลยไม่

หลังจากรอประมาณ 20 นาที ลูกบาศก์วิญญาณก็ขุดหลุมลึกถึง 60 เมตร จนไปเจอทางใต้ดินที่เคนเคยบอก เขาโยนคบไฟลงไปเพื่อเป็นแสงนำทางดานล่าง

เมื่อมองดูว่าไม่มีอันตรายอะไรเขาก็เอาเชือกไปผูกกับโซฟา

“ไปกันเถอะ!”

เคยลอยนำลงไปก่อนทันที ดอนค่อยไต่เชือกลงไปในหลุมและตามหลังมาด้วยซิเรีย

……………………………………………..

witterry : ลงนิยายทุกวัน เสาร์ อาทิตย์ จันทร์ อังคาร พุธ เวลา 18.00 น. วันละ 1 ตอน (ถ้าแต่งไปไกลจากที่ลงแล้วจะลงแถมให้) ขอบคุณที่เข้ามาติดตามอ่านนะครับ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด