ตอนที่แล้วคอนที่ 13 รายงานตัว (Report for Duty)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 15 ลึกลงไปในพงไพร (Deep in the jungle) (1)

ตอนที่ 14 การตระเตรียม (La préparation)


การตระเตรียม

 (La préparation)

… 2 เดือน ในป้อมคอร์ด

ดูเหมือนว่าการกล่าววาจาอันเล็กน้อยของลาสนั้นจะไม่ทำให้ลาสผิดหวังเลยแม้แต่น้อย ด้วยสีหน้าแลละการพูดคุยของผู้ใต้บังคับบัญชาที่ค่อยๆเริ่มที่จะยอมรับ แม้ว่าบางส่วนจะยังคงดื้อด้านไม่เปิดใจ ซึ่งมันก็ควรจะเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว แต่อย่างน้อยตัวเขาก็ไม่ได้เป็นคนเจ้าระเบียบที่สักแต่จะด่าผู้ใต้บัญคับชาอย่างเดี่ยว เห็นอะไรขัดก็จะทำโทษอย่างเดี่ยว ตัวเขาเองก็ยอมรับและให้ความเคารพสิทธิพื้นฐานอันพึงมีของมนุษย์อย่างมาก แต่อย่างไรก็ตามลาสมิได้เป็น ทหาร หรือ นักศึกษาวิชาทหาร ตัวเขาไม่ได้มีมีความรู้ หรือ ประสบการ์ณทางทหารเลยแม้แต่นิด อย่าหาว่าถึงความรุนแรงเลย เขาไม่เคยใช้ปืนที่ฝึกมา สังหารคนจริง ๆ เลยด้วยซ้ำ

2 เดือนที่โหดร้าย ไม่มีแม้กระทั้งการได้อาบนํ้าดีๆอย่างที่บ้านใหญ่ในบอสตัน การชำระล้างร่างกายที่ลำบากอย่างมาก ต้องมาทนฝึกร่างกายและจิตใจ แม้ว่าการฝึกในแบบโบราณจะไม่เหมือนการฝึกทหารของปัจจุบัน แต่มันก็ยังคงเป็นการฝึกของพวกนักรบอยู่ดี การฝึกพื้นฐานภายใน 10 สัปดาห์ นั้น รวมไปถึงยุทธวิธีกลยุทธ์ทางทหารพื้นฐาน ของเหล่าผู้บัญชาการอันพึงมี รวมไปถึงการรับคำและการออกคำสั่ง ถ้าจะให้ลาสพูดแล้วละก็ เขาอยากจะกลับไปนั่งอยู่บนโต๊ะนั่งถกเถียงโต้แย้งปัญหายังจะดีกว่ามา นั่งหอบอยู่บนพื้นดินเสียจะดีกว่า

2 เดือนที่ผ่านมาในป้อมคอร์ดนั้น ตัวลาสได้รับรู้เรื่องสนามรบของพวกเขา จากการประชุมของเหล่าผู้กองทั้งลาย และเตรียมรับคำสั่งที่ทอดลงมาจากเบื้องบนอีกที่ หากหน่วยสอดแนมที่รุดหน้าสังเกตการณ์พร้อมผู้เบิกทางในพื้นที่เฝ้าระวัง หากพวกเขากลับมาจากการสอดแนมเมื่อใด อาจจะเป็นช่วงเวลาที่สมควรเตรียมออกเดินทัพภายในเร็วๆวัน

แต่ความน่าเศร้า ไม่ใช่เรื่องการศึกในวันข้างหน้า แต่หากเป็นการฝึกของเหล่ากองทหารอาสา เนื่องจากกองทหารอาสาไม่ค่อยจะลงรอยกับกองทหารสหจักรวรรดิลีโอเนีย เมื่อเจอหน้ากันเมื่อใดต้องทะเลาะกันเมื่อนั้น ทำปัญหาในลาสพอสมควร เพราะครูฝึกที่ควรจะมาสอนพื้นฐาน ดันเป็นจักรวรรดิที่ชอบดูถูกชาวอาณานิคม จะไม่แปลกใจเลย หากการฝึกไม่คืบหน้า สุดท้ายลาสกับผู้หมวดทั้งสี่ก็ต้องมาเป็นครูฝึกแทน แถมเวลาก็เหลือน้อยเต็มที การฝึกจึงไม่ค้อยได้ผลมากนั้นซึ่งการฝึกพื้นฐานนั้นก็ไปได้แค่ไม่กี่สัปดาห์ก่อนสัปดาห์ที่ต้องเดินทัพ ให้ตายสิมันช่างคลับคล้ายคลับคลากับทหารชาวบ้านในยุคกลางเสียจริง

ขณะที่ลาสอยู่ในป้อมคอร์ด ก็ได้เจอกับพวก กองกิสตาดอร์ และ เหล่านักสำรวจโลกใหม่ จากกิลด์นักผจญภัย พวกเขาไม่ขึ้นตรงต่ออาณาจักรหรือจักรวรรดิใดๆ แต่ก็ได้รับความไว้วางใจจากเหล่าผู้นำอย่างยิ่ง เนื่องจากประสบการณ์ ความรู้ ความสามารถ ในการออกสำรวจเดินเรือและการต่อสู้ พวกนักผจญภัยเหล่านี้นั้นแสวงหาสิ่งที่แปลกใหม่หรือประสบการณ์ใหม่ๆที่แตกต่าง หรือไม่มีใครเคยได้พบเห็น หลงใหลในการแสวงหาสิ่งที่ไม่ยังถูกค้นพบ ความมั่งคั่งร่ำรวย หรือแม้แต้ชื่อเสียง พวกเขาคือกลุ่มคนที่สำรวจ โดส สเลเลน จนเกือบทั้งทวีป รวมไปถึง โบราณสถานสำคัญใน โดสสเลน และ อัลชลาฟไวส์ จึงไม่แปลกหากพวกเขาจะถูกเชิดชูเกียรติในฐานะผู้กล้า

แต่ที่หน้าแปลกซึ่งตัวของลาสเองได้สงสัย ก็คือเรื่องของผู้ที่มาพร้อมกับกองกิสตาลอร์และเหล่านักสำรวจนั้นมีเผ่าพันธุ์ที่ไม่ได้มีแค่มนุษย์หรือครึ่งมนุษย์ เช่น เอลฟ์ คนแคระ ในนิยายหรือนิทานแฟนตาซี แต่ยังมีจำพวกที่มีลักษณะฮิวมานอยด์(มนุษย์) แต่มีเขา ปีก หางหรือผิวหนังที่ดูจะไม่เหมือนสัตว์ ถ้าจะพูดให้เห็นภาพก็คงเป็นปีศาจไม่ก็อสุรกายละมั้ง อย่างน้อยพวกเขาก็ไม่ถูกเหยียดในคณะสำรวจ แถมดูเหมือนว่าทุกคนในกองกิสตาดอร์จะเป็นมิตรและนับถือพวกเขาอย่างมาก ปกติถ้าเป็นพวกที่ลาสเคยเจอก็มองด้วยความกลัว ไม่ก็เหยียดพวกที่มีหน้าตาแปลกประลาดละมั้ง แต่ถ้าจะพูดเรื่องทำไมถึงอยู่รวมกันกับผู้คนที่หน้าตาหน้ากลัวพวกนี้ได้ยังไงกัน? ต่อหน้าพวกเขาเหล่านั้น

ก็คงไม่พ้นดาบยาวในมือหรือไม่ก็ปืนคาบศิลาของคณะสำรวจเป็นแน่แท้  

… เวลากลางวัน ป้อมคอร์ด กระโจมกองบัญชาการ

ทุกในกระโจมแห่งนี้ล้วนเป็นทหารยศสูง ซึ่งรวมไปถึงพันโทแดเนียล ที่นั่งอยู่ข้างใน เมื่อไม่นานมานี้ หน่วยสำรวจได้กลับมาพร้อมกับที่อยู่ของเผ่าซูกับกลุ่มกองกำลังชนพื้นเมือง ซึ่งคาดการณ์ไว้ว่าพวกเขาจะเริ่มบุกรุกรอบๆพรมแดนรัฐเบอร์เกนใหม่ แถบหมู่บ้านยูทิกา การจัดการประชุมเร่งด่วนจึงจำเป็นต้องเกิดขึ้น ทุกในกระโจมรวมยื่นอยู่ใจกลาง มีโต๊ะยาว 3 เมตร และกว้างพอที่วางแผนที่ใหญ่ซึ่งเป็นแผนที่เขตถิ่นฐานหมู่บ้านรวมไปภูมิประเทศที่ต้องจะเจอ มันไม่ค่อยจะละเอียดมากนัก หรือ เป็นเพราะลาสไม่เคยใช้แผนที่แบบนี้กันแน่นะ

“เนื่องจากข่าวสารข้อมูลที่มีอยู่ตอนนี้ พวกสามารถยกกำลังไปกวาดล้างกองกำลังชนพื้นเมืองได้ แต่เพื่อความแน่ใจ ผมจะยังไม่สั่งการให้เดินทัพในตอนนี้ หรือก็คือ” แดเนียลชะงักเล็กน้อย “เพื่อไม่ประมาทหรือดูดูหมิ่นข้าศึก เราจำเป็นต้องวางแผนการรบ ณ ตอนนี้” แดเนียลกวาดสายตาไปทั่วกระโจม

“เฮ่อ ชนพื้นเมืองมีเพียง ลูกธนู รึ จะสู้ปืน ข้าว่าตั้งแถวแล้วบีบให้มันอยู่ในวงแคบ จากนั้นใช้กองทหารม้าบุกข้างแนวหลังแล้วขยี้ทิ้งจะดีกว่า”  ชายชาวเลโอได้กล่าวขึ้น

“ไม่ได้ ถึงพวกเขาจะยังไม่พัฒนาแต่ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะฆ่าเราไม่ได้ หากพวกเขามีปืนเฉกเช่นเรากันล่ะ ไม่แน่พวกเขา อาจจะดักยิงบนเนินเขาจนเราสูญเสียกำลังโดยใชเปล่า” ร้อยเอกที่มีบาดแผลบนใบหน้าผู้เป็นครูฝึกให้ลาสได้กล่าวเถียงซึ่งทุกคนก็ล้วนเห็นด้วย มันเป็นเรื่องจริงก็พวกเขาไม่ควรที่จะประมาทศัตรู และลาสก็อดไม่ได้ที่จะชื่นชมความคิดของอาจารย์ของตน ผู้มีนามว่า จอห์น โอลิเวอร์ ในระหว่างเดือนแห่งการฝึกลาสได้ทำความรู้จักซึ่งก็ได้เห็นด้านที่ดีและด้านที่น่ากลัว แค่คิดก็เริ่มหน้าซีดกลัวคนตรงหน้าแล้ว ร้อยเอก จอห์น โอลิเวอร์ ลูกครึ่งอาริกาเซีย-อาฟโรร่าเหนือ มารดาเป็นชาว อาฟโรร่าเหนือ ซึ่งอยู่ตอนบนของยูตร้า อาฟโรร่า ซึ่งทั้งทวีปปกครองโดย มหาจักรวรรดิฮันบีเรีย ( Hansberia Dynasty ) อันมีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานเท่ากันกับจักรวรรดิฟินิเธจ

“เจ้ากลัว?” ชายชาวเลโอพูดด้วยนํ้าเสียงที่ดูถูก ในขณะที่เริ่มมีการต่อว่ากัน ลาสก็พูดช่วยเสริม ร้อยเอก จอห์น

“หากพวกเขารู้เรื่องของพวกเรา แล้วดักจู่โจม ขณะเดินทางละ แบบนั้นเราจะเสียเปรียบด้านกำลัง และการจัดการตั้งแถวยิง ทั้งในเรื่องการป้องกันเสบียงก็ต้องเสี่ยงไปด้วย นายทหารหลายคนยังไม่เคยเจอการรบท่ามกลางวงล้อมที่มองไม่เห็น แบบนี้พวกเราไม่ใช่แค่สูญเสียอย่างหนัก แต่อาจจะแพ้ไปเลยก็ได้นะครับ ทุกท่านอย่าลืมสิว่า กองทหารม้าไม่สามารถสู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพในเขตป่าทึบนั้นหมายความว่า ทัพม้าจะเป็นอัมพาตทันที” การรบแบบกองโจรในประวัติศาสตร์ของลาสไม่ได้ทำให้ผิดหวังแม้แต่นิด หากพวกเขาตกอยู่ในวงล้อมของชนพื้นเมือง ในขณะที่พวกเขายิงลูกธนูมา เราก็ไม่มีทางมองเห็น ตัวผู้ยิงลูกศรสังหารได้ เพราะมันเป็นพื้นที่ป่าลึกซึ่งเป็นภูมิศาสตร์ที่อันตรายใช่เล่น

เรื่องแบบนี้เกิดได้บ่อยเมื่อต้องเผชิญหน้ากับกองทัพที่แข็งแกร่งกว่าตัวเอง มันมีตัวอย่างให้เห็นมากมายไม่ว่าจะเป็นยุทธการที่รองเซส ที่โรแลนด์ถูกชาวบาสก์ซุ่มโจมตี หรือแม้แต่ สงครามเวียดนาม การรบแบบกองโจรนั้นมีประสิทธิภาพและน่ากลัวอย่างมาก จึงไม่แปลกเลยที่ลาสจำจะต้องเตือนการซุ่มโจมตีของชนพื้นเมืองให้ทุกคนในกระโจมได้ฟัง

“แล้วมันควรจะต้องทำอย่างไร ถึงจะแก้ปัญหาแบบนี้ได้ ร้อยตรี ดักลาส มีอะไรก็จงชี้แจงอธิบายมาให้เร็ว  ” เสียงที่ของผู้ที่ไม่ค่อยชอบหน้าลาส ได้ดังขึ้น จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก

ร้อยเอก แอมโบรส แฮร์ริสัน ผู้เกลียดเหล่าคนที่ไร้ความสามารถ ไม่เหมาะกับหน้าที่การงานของเจ้าตัว เขาเป็นคนที่พูดจิกกัดลาสมากที่สุด หรืออาจจะเป็นเพราะเขาเป็นชาวลีโอเนียที่หยิ่งยโสโอหังไม่กลัวผู้ใดต่อใครตายก็คงต้องตายแบบมีเกียรติ์ ให้คนรุ่นหลังได้ยกย่องและนับถือ ก็เป็นได้ ยังไงก็ตาม คนที่มีลักษณะแบบนี้ล้วนเป็นผู้ที่เหมาะสมสำหรับ การดูแลทหารใหม่ กำจัดคนที่ไร้ความสามารถออกไป ปฏิเสธการยักยอกหรืออุปถัมภ์

เมื่อลาสได้ยินเช่นนั้นจึงได้กวักมือเรียกชายหนุมข้างๆ ซึ่งก็คือบูลล์ที่ได้กลายมาเป็นผู้ช่วยลาส แต่ไม่ใช่ว่าลาสจะใช้อำนาจที่มีหยิบยื่นอวยยศให้หรืออะไรทำนองนั้น แต่หากเป็นเพราะความสามารถในเรื่องการใช้อาวุธปืน ความกระตือรือร้นในการเรียนรู้ เรียกได้ว่าขยันอย่างมาก แน่นอนว่าตัวเขาก็ยินดีไปด้วยเพราะการได้เห็นการเติบโตของผู้ที่เหมือนน้องชายมันก็ดีมิใช่น้อย

บูลล์ยื่นหยิบไม้ชี้กระดานยาวให้ลาส  ซึ่งเขาก็รับมากแต่โดยดี ก่อนจะใช้มันกวาดสิ่งของที่ใช้แทนกองทหาร ซึ่งก็คือ ของเล่นทหารที่ทำงานเหล็กหลอม แบ่งมันออกเป็นสองฝั่ง ก่อนจะเดินไปอีกฝั่งของโต๊ะ แล้วลากอีกลุ่มไปด้านหลังแล้วแบ่งมันออกไปอีก 2 กอง ในไม่นาน ทุกคนในกระโจมก็เข้าใจ

“ฮึม! แบ่งกองกำลัง 3 กอง แล้วให้กองกลางเป็นตัวล่อระหว่างเดินทาง พอถูกซุ่มโจมตีเราก็จะล้อมแล้วจัดการได้อย่างอยู่หมัด ไม่เลว!” ร้อยเอก แอมโบนส กล่าวชมเล็กน้อยแต่ก็พูดดักต่อ “แต่ว่าแล้วถ้าเกิดกองกลางแตกแถวก่อนที่ทั้งสองกองจะมาช่วยล้อมล่ะ หรือไม่อีกกองกำลังที่แบ่งออกไปไม่ได้สัญญาณรับรู้ว่าถูกซุ่มจู่โจม และก็  ”

ร้อยเอก แอมโบนส หยิบ ทหารของฝั่งตรงข้ามมาวางไว้ตรงหน้า 2 กองที่แบ่งแยกออกไป ซึ่งลาสก็ไม่ได้คิดเรื่องแบบนี้มาก่อน เลยแสดงอาการตกใจเล็กน้อย แต่อาการไม่ค่อยออกทางสีหน้าเสียเท่าไร แต่หากเป็นมือที่ถูกยกขึ้นมาปิดปากแทน ในเวลานี้ตัวลาสรู้อยู่แล้วว่าเขายังไม่มีประสบการณ์ในการรบ เรื่องบ้างเรื่องเขาก็ไม่สามารถที่จะคิดได้ ถือว่า เหล่านายทาหรของลีโอเนีย ไม่ได้หยิ่งเพราะมีดี แต่เป็นเพราะประสบการณ์ และ ความสามารถอยู่แล้วมัน อดไม่ได้ที่จะทำให้ลาสประทับใจไม่น้อย

แน่นอนว่าโอกาสที่กองกำลังที่แบ่งออกไปจะต้องเจอกับกองกำลังซุ่มโจมตีก็มีอยู่บ้าง แต่ด้วยความที่ว่านอกจากถนนหินที่ลากยาวแล้ว ภูมิประเทศรอบๆข้างก็เป็นป่าถึบการจะเคลื่อนที่ไปช่วยแต่ละฝั่ง คงจะเป็นไปได้ยาก กองกำลังขนส่งก็ใช่ว่าจะปกป้องได้ง่างเหมือนหญ้าปากคอกซะที่ไหนกัน

“ยังไงก็ทำตามร้อยโทไม่ได้มันเสี่ยงเกินไป พวกเราจะไม่แยกกำลังออกจากกัน” พันโท แดเนียล กล่าว เขาชะงั้น “ในทางกลับกันเราจะอาจจะเจอ หรือ ไม่เจอ”

พันโท แดเนียล หันหน้าไปจ้องมองลาส ก่อนจะขอไม้ชี้ ซึ่งลาสก็ยกให้ตามคำสั่งทางสายตา แล้วดึงเอาตัวแทนกองกำลังทั้งหมดมาจัดเป็นแถวขบวน ก่อนจะย้ายพวกมันไปฝั่งเส้นสีอ่อนยาวซึ่งมีอีกเส้นทาง แต่เป็นถนนดินที่ไม่ค่อยใหญ่มากนัก นั้นก็คือเส้นทางแม่นํ้าที่ลากยาวไปถึงพื้นที่สนามรบข้างๆ เมืองยูทิกา

“เราจะเดินทัพผ่านแม่นํ้าฮอว์กที่ลากยาวผ่านยูทิกา ไม่ใช่แค่จะเพิ่มความสามารถในป้องกันขบวนเสบียงยุทธปัจจัยและยุทโธปกร แต่นั้นหมายถึงการป้องกันโดยที่ไม่ถูกล้อม” แดเนียลชี้ไม้ไปที่สุดทางของแม่นํ้าฮอว์กที่แตกฉานไปเป็นแม่นํ้าน้อยใหญ่ ก่อนจะหันไปสั่งทุกคนอย่างหนักแน่น

“คำสั่งเรียกรวมรวบกำลังไพร่พลและเสบียงปัจจัยให้พร้อมทันการ เราจะเดินศึกเมื่อพระอาทิตย์ขึ้นก่อนฟ้าสางทันที นี้คือศึกศึกใหญ่และศึกแรกเริ่มระหว่างผู้อาศัยเก่า จงจดจําไว้ว่าประวัติศาสตร์จะบันทึกศึกในคราวนี้ จงอย่าทำให้เสียเกียรติ  และนำชัยกลับมาให้มาตุภูมิ ขอให้พระเจ้าคุ้มครองโชคในคราวนี้” เขายื่นเหยียดตรงทําความเคารพ

“ ต่อให้ต้องตายทั้งกองพันก็จะไม่ยอมพ่ายแพ้ต่อผู้ใด

แด่องค์พระจักรพรรดิ สหจักรวรรดิแห่งนี้จักคงอยู่ยิ่งยืนนานสืบต่อไป

..

.

   เฮอ  เสียงที่เปล่งออกมาจากปากเล็กๆ ของชายหนุ่มหน้าสาว แสดงให้เห็นถึงความโล่งใจและปลอดโปร่งเหมือนได้ยกภูเขาออกจากอก ลาสค่อยๆเดินผ่านเต็นท์และกระโจมมากมายด้วยตัวคนเดียว ซึ่งบูลล์ที่ควรจะเดินด้วยดันต้องไปช่วยผู้หมวดฝั่งทหารอาสา เพราะคำสั่งระดมพลและเตรียมความพร้อมเดินทัพ

ลาสเดินไปที่พักของตน โดยสีหน้าที่เหนื่อยล้าอย่างเห็นได้ชัด ไม่รู้ว่าเป็นการใช้ความคิดหรือคำพูดเป็นการใช้พลังงานมากเกินไปกันแน่ แต่ที่แน่ๆเขาเสสียพลังไปกลับการยกเอกสารไปมาระหว่างฝั่งทหารอาสาและลีโอเนียอย่างมาก เขาชอบความเป็นมืออาชีพทหารจักรวรรดิ แต่ก็เกลียดที่ดูถูกชาวชาวอาณานิคม อย่างไรก็ตามมันก็ไม่ใช่หลักที่ต้องมาสนใจอะไรมากนัก

เมื่อเดินเข้ามาในที่พักของตน ลาสก็ได้เอาหน้าจุ่มหมอนเสียงดัง ปุ แม้จะคิดว่าการได้พักอยู่นิ่งๆในเต็นท์อาจจะทำให้หายเหนื่อยแต่ด้วยเหงื่อที่ไหลออกมานั้นสร้างความงุดงิดให้ร่างบางอย่างมาก

“ให้ตายสิ ใช้งานไม่สนใจสิทธิมนุษยชนเลย หรือมันเป็นเรื่องปกติในกองทัพกันนะ?” ลาสประคับประคองยันตัวเองขึ้นมา ก่อนจะบ่นนเล็กน้อย “อย่างน้อยก็ขอให้ปัญหากับชนพื้นเมืองมันหมดๆไปสักที หรือไม่ก็ขอให้มันเพลาๆลงมาบ้างหน่อยเถอะ”

ลาสที่นั่งอยู่บนเตียงไม้ ค่อยๆนำมือทั้งสองข้างมากุมขมับทั้งสองข้างและไล่ลงมาปิดบังสายตาของตน เขาเหนื่อยมามากแล้วสำหรับวันนี้ แต่อย่างอีกมานานเขขาอาจจะได้หลุดออกจากนรกแบบนี้เสียที่ เขาไม่ได้อยากเป็นทหารอยู่แล้ว จะพูดที่รอบยังไงเขาก็ไม้ชอบทหารเหมือนเดิม ต่อให้ใครก็ไม่รู้นำปืนมาปืนจ่อขมับ เขาก็จะพูดคำเดิมไม่เปลี่ยน ลาสได้คิดและสงสัยในของเขาเอง ทำไมถึงได้คิดเรื่องพรรค์นี้กัน หรือว่าเขาแค่อยากจะระบายอารมณ์กันแน่ อย่างไรก็ตามมันก็ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องมาสนใจ ณ ตอนนี้ สิ่งสำคัญไม่ใช่เรื่องเวลาในภายหน้า แต่หากเป็นการเอาตัวรอดในศึกข้างหน้าต่างหาก

‘ หวังว่าจะไม่โดนลูกธนูเสียบหัวเข่าก่อนที่จะได้เรื่มทำเป้าหมายก่อนนะ ’

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด