ตอนที่แล้วบทที่ 71 อสูรกายโลหิต
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 73 สงครามที่เริ่มขึ้น!

บทที่ 72 หม่าเหยาเฉิน


บทที่ 72 หม่าเหยาเฉิน

ในที่สุดกุนหยูก็ได้มาถึงส่วนสำคัญของจักรวรรดิเหิง ชายหนุ่มมุ่งหน้าไปหาผู้ปกครองจักรวรรดิโดยการแสดงตัวตนว่าเป็นบุตรของกุนจวิน

“คาราวะนายน้อยกุน เป็นเกียรติที่ได้พบท่าน”

ชายชราที่มีรูปร่างกำยำโค้งคำนับพร้อมกับกล่าวทักทายขึ้น มันเป็นผู้ปกครองจักรวรรดิเหิงมีนามว่า ‘หม่าเหยาเฉิน’

“ไม่ต้องมากพิธี ข้ามาช่วยเหลือพวกเจ้า ตอนนี้สถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง?”

กุนหยูตอบกลับไปขณะนั่งลงในตำแหน่งของผู้ปกครอง ชายหนุ่มแสดงออกถึงความน่าเกรงขามออกมา ใครก็ตามที่ต้องเผชิญหน้ากับกุนหยูจะต้องรู้สึกกดดันอย่างบอกไม่ถูก

หม่าเหยาเฉินรู้สึกหนักอึ้งซึ่งเกิดจากแรงกดดันของชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า ทว่ามันกลับมิใช่แรงกดดันจากระดับการบ่มเพาะ แต่เป็นแรงกดดันธรรมชาติจากกริยาท่าทางที่แสดงออกของอีกฝ่าย!

ตัวมันนั้นเป็นถึงผู้ปกครองจักรวรรดิที่ยิ่งใหญ่เกรียงไกร มีผู้คนจำนวนมากให้ความเคารพและเกรงกลัว แถมยังเป็นถึงผู้มีระดับบ่มเพาะถึงขอบเขตยอดฝีมือขั้นสูงสุด แต่กลับต้องมารู้สึกหวั่นเกรงต่อเพียงลักษณะท่าทางของชายหนุ่มผู้หนึ่ง

มันไม่ใช่ในเรื่องแค่ความรู้สึกเพียงอย่างเดียวเท่านั้นแต่ยังรวมถึงสัญชาตญาณอีกด้วย สิ่งที่ตนตรวจพบได้นั้นคือกลิ่นคาวเลือดที่รุนแรงและความโหดเหี้ยมจากน้ำเสียง ที่สำคัญกลิ่นอายที่อีกฝ่ายปลดปล่อยออกมามันช่างแปลกพิสดารซึ่งทำให้เลือดในร่างสูบฉีดอย่างน่ากลัวจนแทบจะระเบิดออก

หม่าเหยาเฉินไม่อยากอยู่ใกล้ชายหนุ่มผู้นี้เอาเสียเลย มันให้ความรู้สึกหวาดระแวงไม่ปลอดภัยตลอดเวลา

“ตอนนี้สถานการณ์ยังคงลองเชิงกันอยู่ จึงยังไม่ได้มีการปะทะกันที่รุนแรง แต่เมื่อไม่กี่วันก่อน มีรุ่นเยาว์ผู้หนึ่งของทวีปทรายทมิฬปรากฏตัวขึ้น การต่อสู้กลายเป็นทวีความรุนแรงมากกว่าเดิมส่งผลให้การสู้รบเริ่มไม่สู้ดีนัก แต่ก็ไม่ได้ถึงขั้นต้องทุ่มสุดพลังเนื่องจากยอดฝีมือทางฝั่งนั้นยังไม่ได้ออกมาสักคน

“เช่นนั้นข้าจะยังไม่ลงมือ จะรอดูสถานการณ์ไปเสียก่อน แต่ข้าต้องขอกำลังพลจากเจ้าสักห้าร้อยคน” กุนหยูถามขึ้นด้วยรอยยิ้มที่ชวนขนหัวลุก

หม่าเหยาเฉินสะดุ้งเฮือก! ยิ่งอยู่กับชายหนุ่มผู้นี้ยิ่งรู้สึกเหมือนอยู่ในนรก เขาตอบตกลงทันทีโดยไม่ต้องคิดอะไรทั้งนั้น เพราะกำลังพลแค่เพียงห้าร้อยคนไม่ได้มีอะไรมากมายนัก

“ตกลง! แต่ท่านต้องการระดับใดบ้าง!”

“ข้าต้องการแค่ระดับผู้เชี่ยวชาญ ขอบเขตผู้เยี่ยมยุทธ์ ขั้นสูงสุดเท่านั้น!”

“ข้าจะจัดการให้ท่าน! หากต้องการสิ่งใดโปรดบอกข้าน้อยได้เลย ส่วนห้องพักข้าน้อยได้ให้คนไปจัดเตรียมไว้ให้ท่านเรียบร้อยแล้ว ถ้ามีความต้องการพิเศษอันใดโปรดแจ้งให้ข้าทราบ!”

กุนหยูพยักหน้าพร้อมกับเดินจากไปโดยไม่สนใจอีกต่อไป หม่าเหยาเฉินถอนหายใจอย่างโล่งอกก่อนจะไปจัดการตามหน้าที่ของตนทันที

กุนไท่ได้กลับมาคืนสู่ร่างแทนกุนหยูเพื่อทำการบ่มเพาะพลังภายในห้อง ต้นอ่อนภายในแหล่งกำเนิดพลังมีถึงสองใบแล้ว! อีกไม่นานก็จะสามารถทะลวงไปยังขั้นกลางได้ หากต้องการทะลวงผ่านจำต้องทำให้ต้นอ่อนมีถึงสี่ใบ แบ่งออกเป็นส่วนลำต้นสองและยอดต้นอ่อนอีกสองใบก็จะครบสี่ใบพอดิบพอดีจึงจะสามารถมาถึงขั้นกลางได้

เมื่อถึงตอนนั้นความแข็งแกร่งของกุนไท่มากพอที่จะเอาชนะผู้เยี่ยมยุทธ์ขั้นสูงสุด และเมื่อเป็นกุนหยูจะสามารถต่อกรได้กับระดับผู้เชี่ยวชาญขอบเขตปรมาจารย์ยุทธ์ขั้นต่ำได้เลยทีเดียว พลังบ่มเพาะเป็นเพียงตัวเพิ่มระดับและพลังต่อสู้เท่านั้น แต่ประสบการณ์ในการต่อสู้จะเป็นตัวกำหนดผลแพ้ชนะ

ณ สำนักลิขิตสวรรค์

กุนจวินนั่งอยู่ในห้องคนเดียวอย่างเงียบเชียบ ใบหน้าแสดงออกถึงความสุขที่มิอาจพรรณนาได้ กุนจวินได้อ่านรายงานมากมายที่ถูกส่งเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย มันเป็นถ้อยคำขอบคุณรวมถึงชื่นชมในตัวของบุตรชายของตนไม่ว่าจะเป็นกุนไท่หรือกุนหยูก็ตาม ทั้งสองต่างทำผลงานออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม

โดยเฉพาะกุนหยูชายหนุ่มได้สร้างชื่อเสียงและตำนานในสงครามไปแล้ว เนื่องจากความโหดเหี้ยมอัมหิตที่สังหารทุกคนที่พบเห็นโดยที่ไม่เคยมีใครรอดชีวิตไปได้เลยสักคนเดียว

เขาคิดเอาไว้แล้วว่าหลังจากจบสงครามครั้งนี้ ตนจะเผยว่ากุนหยูนั้นเป็นบุตรชายของตนเองเช่นเดียวกับกุนไท่ เพื่อที่จะได้ให้กุนหยูมีตัวตนในสายตาผู้อื่นมากขึ้น การได้เห็นบุตรชายของตนได้รับการยอมรับนั้นถือเป็นเรื่องที่ดี

กุนไท่เองก็ยอดเยี่ยมไม่แพ้กัน เขาสามารถช่วยเหลือได้อย่างมากมาย รวมถึงการประกาศตนว่าเป็นบุตรชายของกุนจวิน ทำให้พวกเขาต่างเคารพและสรรเสริญในตัวของจ้าวสำนักกุนจวินที่มีบุตรชายที่ยอดเยี่ยมถึงเพียงนี้อีกด้วย สามารถแก้ไขสถานการณ์ที่อับจนหนทางได้โดยการใช้สติปัญญาที่ลึกล้ำ วางแผนการรบโดยใช้กองกำลังเพียงห้าร้อยคนเอาชนะกองกำลังที่มีถึงพัน!

ยิ่งกุนจวินอ่านมากเท่าไหร่ก็ยิ่งมีความสุขมากเท่านั้น เสียงหัวเราะของชายวัยกลางคนดังขึ้นอย่างบ้าคลั่ง ขณะที่เขากำลังจมอยู่กับความสุขอยู่นั้นเองพลันมีเสียงเคาะประตูดังขึ้น

ปึงๆ!

“เข้ามา!” กุนจวินเอ่ยอย่างเฉยชา

ชายชราสองคนเดินเข้ามาในห้อง ทั้งสองเป็นผู้อาวุโสระดับสูงของสำนักลิขิตสวรรค์ พวกเขายกมือคาราวะพร้อมกับกล่าวขึ้นด้วยความเคารพว่า

“ท่านจ้าวสำนักตอนนี้ทวีปทรายทมิฬได้ส่งรุ่นเยาว์ของพวกมันมาหาประสบการณ์แล้ว เราจะใช้โอกาสนี้กำจัดเลยหรือไม่?”

“ไม่ต้อง! ตอนนี้บุตรชายของข้าก็อยู่ในพื้นที่เดียวกับมัน ข้าเชื่อมั่นว่าบุตรชายของข้าสามารถจัดการมันได้!” กุนจวินตอบกลับไปด้วยท่าทีสบายอารมณ์

“แม้ว่าอีกฝ่ายจะอยู่ขอบเขตผู้เยี่ยมยุทธ์ขั้นสูงสุดก็จริง แต่ว่าพวกมันมีความสามารถมากพอที่จะสังหารขอบเขตปรมาจารย์ยุทธ์ขั้นต่ำได้! ข้าน้อยเกรงว่านายน้อยอาจจะไม่ไหว!” ผู้อาวุโสอีกคนกล่าวตอบ

กุนจวินขมวดคิ้วอย่างเคร่งเครียด ตนไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะมีความแข็งแกร่งของปรมาจารย์ยุทธ์แล้ว การที่สามารถต่อสู้ข้ามขอบเขตใหญ่ได้มันบ่งบอกได้ว่าอีกฝ่ายนั้นมีพรสวรรค์ที่ไม่ต่ำกว่าหนิงหลงเลยแม้แต่น้อย!

“ส่งเสี่ยวหลงไปช่วยไท่เอ่อร์ซะ!” กุนจวินคิดทบทวนก่อนคราหนึ่ง และเอ่ยตอบกลับไป

ยามนี้หนิงหลงอยู่ในขอบเขตผู้เยี่ยมยุทธ์ขั้นสูงสุดแล้วแถมยังมีความแข็งแกร่งมากพอที่สามารถเอาชนะปรมาจารย์ยุทธ์มาแล้ว!

“รับทราบ!”

ผู้อาวุโสทั้งสองตอบรับคำเห็นด้วยทันทีเพราะพวกเขาเองก็เชื่อมั่นว่าหนิงหลงสามารถเอาชนะได้อย่างแน่นอน พรสวรรค์ของชายหนุ่มผู้นี้ไม่ใช่เรื่องสิ่งที่จะประเมินได้ อีกฝ่ายเป็นถึงศิษย์ของท่านจ้าวสำนักโดยตรงเชียว!

ภายในตำหนักแห่งหนึ่ง ห้องโล่งกว้างเต็มไปด้วยเทียนเล่มใหญ่อยู่ถึงร้อยเล่ม แต่ละเล่มมีเปลวไฟส่องสว่างไสวขับไล่ความมืดในห้องจนหมดไป

ชายหนุ่มรูปงามใบหน้าหล่อเหลาคมคายชวนต้องมนต์สะกด สวมใส่เสื้อสีฟ้าคลุมด้วยเสื้อคลุมสีขาวสง่า ส่งผลให้ดูสง่างามน่าลุ่มหลงยิ่ง เย้ยบุรุษเพศทั่วหล้าให้เจ็บแค้นกับใบหน้าของตนเอง

พลังปราณที่แพร่กระจายออกมาแข็งแกร่งอย่างน่าตะลึงลาน เมื่อชาหยนุ่มลืมตาขึ้นอย่างฉับพลันเผยให้เห็นนัยน์ตาสีแดงที่สะท้อนให้เห็นแสงเปลวเทียนภายในดวงตาคู่นั้นมันช่างน่าหลงไหล พลันทำให้คลื่นพลังปราณรอบตัวพวยพุ่งขึ้นก่อนจะก่อตัวเป็นมังกรขาวที่ดูราวกับมีชีวิตอย่างแท้จริง แต่มันกลับเงียบสงบแตกต่างต่างจากมังกรตัวอื่นโดยสิ้นเชิง

ปรากฏการณ์ตอนถือกำเนิดขึ้นของหนิงหลงนั้นคือระฆังสีทองบนฟากฟ้า แต่ก้อนเมฆที่อยู่โดยรอบต่างก่อตัวเป็นมังกรขนาดใหญ่ที่มีให้ความรู้สึกสงบปลอดภัยปราศจากความดุร้ายของมังกรออกมา นี่คือที่มาที่ไปของนามของชายหนุ่มผู้ หนิงหลง!

(宁龙 หนิงหลง แปลว่า มังกรแห่งความสงบเสงี่ยม)

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด