ตอนที่แล้วบทที่ 23 พันธมิตร(อ่านฟรี 29-11-2020)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 25 เครื่องทดลอง(อ่านฟรี05-12-2020)

บทที่ 24 ผู้ชายก็ขี้หึงได้เช่นกัน(อ่าฟรี 02/12/2020)


ในเวลาเทียงวันซูยี่ออกจากคฤหาสน์ของวิสเคานท์เลสลี่ เมื่อมองไปบนท้องฟ้าที่สาดแสงแผดเผาเขาก็ตัดสินใจที่จะไม่ไปอบอ้าวที่โรงงาน เขาให้พ่อบ้านบรูไนไปส่งเขาในเมืองบันต้าด้วยรถม้าแทน

ด้วยสภาพอากาศที่ร้อนจัดนี้เมืองบันตาจึงตกอยู่ในความเงียบงันเหมือนเช่นเคยซูยี่มองไปรอบ ๆ จากภายในรถม้าและพบว่าบ้านและร้านค้าหลายแห่งมีพัดลมเวทมนตร์กำลังถูกเปิดอยู่ เขาอดไม่ได้ที่จะเผยรอยยิ้ม

เพียงแค่เดือนเดียว แต่พัดลมเวทมนตร์ได้กระจายไปทั่วทั้งในและนอกเมืองบันตา นอกเหนือจากคนรวยที่สามารถติดตั้งรูปแบบเวทย์น้ำแข็งขนาดใหญ่ไว้ในบ้านได้แล้ว ทุกครัวเรือนต่างก็มีพัดลมเวทมนตร์หนึ่งหรือสองตัว เป็นไปไม่ได้เลยที่จะเงยหน้าขึ้นและมองไม่เห็นคนในละแวกนั้น

จากข้อมูลที่ได้มาจากไฮนซ์จนถึงตอนนี้หอการค้าเฟรสเทคได้ขายพัดลมเวทมนตร์แบรนด์เฟรสเทคได้ถึงสองพันสามร้อยเจ็ดสิบตัว

เมื่อรวมต้นทุนต่างๆทั้งหมดแล้วพวกเขาสามารถทำกำไรได้มากกว่าสองพันสองร้อยเหรียญทอง

เมื่อแบ่งค่าคอมมิชชั่นให้กับไฮนซ์และส่วนแบ่ง 10% ของวิสเคานท์เลสลี่ ซูยี่ก็ยังคงเหลือเงินกว่าหนึ่งพันห้าร้อยเหรียญทอง

และนี่เป็นเพียงรายได้ของเขาเพียงเดือนเดียว

เป็นที่ทราบกันดีว่ารายได้เฉลี่ยต่อเดือนของผู้คนในเมืองบันตาคือสิบเหรียญทองและรายได้ต่อปีของพวกเขาอยู่ที่ประมาณสองร้อยเหรียญทอง

ด้วยรายได้สามสิบเหรียญทองของเรมที่หอคอยเวทย์มนตร์คามิลล่าเขาอาจถือได้ว่าเป็นคนที่มีรายได้สูงในเมืองบันตา

แต่เมื่อเทียบกับซูยี่ในปัจจุบันไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาเหนือกว่าหลายเท่า

ไม่น่าแปลกใจที่ไฮนซ์มักจะพยายามโน้มน้าวให้ซูยี่เลิกทำงานที่หอคอยเวทมนตร์และมุ่งเน้นไปที่ บริษัท

สาเหตุหลักๆที่ไม่สามารถเพิ่มการผลิตของพัดลมเวทมนตร์ได้ปัจจัยที่มีผลคือพลังงานที่มีจำกัดของซูยี่

แม้ว่าภาระงานของเขาที่หอคอยเวทมนตร์จะไม่ถือว่าหนัก แต่เขาก็ใช้พลังงานส่วนใหญ่ไปกับมัน

จากมุมมองของไฮนซ์นี่ถือเป็นภาระที่ไม่จำเป็น

แต่ทุกครั้งที่ไฮนซ์หยิบเรื่องนี้มาพูด ซูยี่ก็ยังคงปฏิเสธอย่างหนักแน่น

ไฮนซ์ไม่ได้มองการณ์ไกล แต่ซูยี่ไม่ได้เป็นแบบนั้น

หลังจากลงจากรถม้าแล้วซูยี่ก็มอบเหรียญทองให้คนขับและถือกระเป๋าใบใหญ่และใบเล็กเข้าไปในหอคอยเวทมนตร์

เขาเจอเพื่อนร่วมงานไม่กี่คนในหอคอยเวทมนตร์ซึ่งทุกคนมองเขาด้วยรอยยิ้มเมื่อเห็นเขา

ในช่วงเวลานี้ซูยี่ได้ขายพัดลมเวทมนตร์ที่เขาคิดค้นในเมืองบันต้าเป็นจำนวนมากดังนั้นแม้ว่านักเวทย์ของหอคอยเวทมนตร์จะสนใจเรื่องปกติเพียงเล็กน้อย แต่พวกเขาก็ยังคงได้ยินเรื่องนี้ทั้งหมด ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงเริ่มรู้จักเด็กผมดำคนนี้ที่พวกเขาไม่เคยสังเกตุเห็นมาก่อน

แต่ในสายตาของนักเวทย์แห่งหอคอยเวทมนตร์ซูยี่นั้นไม่สนใจอาชีพหลักของเขา

ในฐานะนักเวทย์เขาไม่ได้ทำการวิจัยเกี่ยวกับเวทย์มนตร์อย่างถูกต้องและพยายามที่จะสร้างพัดลมเวทมนตร์ที่ไร้สาระนี่ เขาถือเป็นความอับอายของนักเวทย์!

ซูยี่เมินสายตาแปลก ๆ ที่ผสมกับรอยยิ้มเหล่านี้และรักษารอยยิ้มของตัวเองขณะที่เขามุ่งหน้าเข้าไปในห้องทดลอง

เมื่อเห็นซูยี่เข้ามาเพื่อนร่วมงานรุ่นเยาว์ในห้องทดลองต่างก็ตะโกนเสียงดัง พวกเขาขโมยกระเป๋าจากมือของซูยี่โดยไม่มีความสุภาพใด ๆ และรีบเปิดมัน

“อะไรเนี่ย ถัวเขียวอีกแล้วเหรอ ซูยี่ เจ้าไม่มีอะไรใหม่ๆเลยเหรอ?” เพื่อนร่วมงานอดไม่ได้ที่จะบ่นออกมา

ซูยี่หัวเราะ“อะไรกัน? เจ้าเบื่อมันแล้วหรือ? ได้เลยคราวหน้าข้าจะเอาอะไรใหม่ ๆ มาให้”

“อย่าไปฟังคำพูดไร้สาระพวกนั้นเลย มีให้กินก็ดีอยู่แล้ว” เพือนร่วมงานหญิงคนหนึ่งดันเพื่อนร่วมงานที่บ่นออกไป “ซูยี่เจ้าเอาของกินติดมือมาให้พวกเราตลอดเลย พวกเราเกรงใจจริงๆ”

“มันก็แค่ของถูกๆเอง ข้ามักจะไม่ค่อยได้เข้ามาที่นี่และทิ้งงานในห้องแล็บให้กับพวกเจ้า ดังนั้นนี่จึงถ์อเป็นของแทนคำขอโทษเล็กๆน้อยๆจากข้า”

“เจ้าสุภาพเกินไปแล้ว.....”

“หึ!” จู่ๆเสียงที่เย็นชาก็ดังทำลายบรรยากาศที่กลมกลืนนี้ลง “ซูยี่ อย่าคิดว่าแค่มีเงินเล็กน้อยที่ได้จากการขายพัดลมเวทมนตร์แล้วจะมาอวดดีที่นี่ได้ อย่าลืนมาสุดท้ายแล้วเจ้าก็เป็นนักเวทย์ นักเวทย์อย่างพวกเราต้องมีความแข็งแกร่งทางเวทมนตร์และสอบเพื่อรับใบรับรองจากสมาคมนักเวทในเดือนหน้า ข้าได้ยินมาว่าเจ้ายังไม่สามารถผ่านการทดสอบระดับต่ำสุดใช่มั้ย หากในเดือนหน้าเจ้ายังไม่ผ่านอีกนั่นจะเป็นเรื่องที่น่าขำที่สุด!”

ซูยี่มองตรงไปทางเสียงนั้นก็พบว่าคนที่พูดคือคนที่เป็นรองในเรื่องของพลังเวทย์ในห้องทดลอง ซิมิโรต์

ตั้งแต่ซูยี่เข้ามาที่ห้องทดลองนี้ซฺมิโรต์คนนี้ก็วิพากษ์วิจารณ์เขามาโดยตลอดและดูถูกเขาในหลาย ๆ ครั้ง

ตอนแรกซูยี่ไม่เข้าใจว่าเพราะอะไร แต่หลังจากสอบถามกับเพื่อนร่วมงานของเขาเขาพบว่าซิมิโรต์นั้นชอบสเตลล่า  หลังจากที่รู้ว่าซูยี่ถูกรับเข้ามาโดยสเตลล่า เขาก็คิดว่า ซูยี่และสเตลล่ามีความสัมพันธ์พิเศษบางอย่างต่อกันดังนั้นจึงเป็นเรื่องปกติที่เขาจะไม่ชอบซูยี่

สำหรับคนประเภทนี้ซูยี่รู้ว่าพวกเขาจะรูสึกดีเมื่อคุณให้ความสนใจกับพวกเขา เพราะอย่างนั้นเขาจึงเพิกเฉยมาโดยตลอดไม่ตอบรับอะไร

หลังจากนั้นไม่นานซฺมิโรต์ก็ตระหนักว่าที่เขาบ่นมานั้นไม่ได้มีความหมายใด ๆ บวกกับความจริงที่ว่าซูยี่ไม่ได้มีความสัมพันธ์พิเศษใด ๆ กับสเตลล่าเขาก็ค่อยๆหยุดลง

ซูยี่ไม่คิดว่าจู่ๆเขาจะกลับมาทำแบบนี้อีกครั้ง

“เฮ้ซฺมิโรต์คำพูดของเจ้าไม่แรงไปหน่อยเหรอ?” เพื่อนร่วมงานหญิงที่เคยพูดแทนซูยี่ก่อนหน้านี้กล่าวด้วยน้ำเสียงไม่พอใจว่า“แม้ว่าซูยี่จะยังไม่ผ่านการทดสอบการรับรอง แต่ทุกคนก็ทำงานร่วมกันมานานขนาดนี้เจ้ายังไม่รู้ว่าซูยี่มีพลังแบบไหนอีกเหรอ? ถ้าเป็นข้าข้ามั่นใจว่าเขาจะผ่านการทดสอบการรับรองในเดือนหน้า!”

"ึหึ! ลอตเต้ซูยี่ซื้อของเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้เจ้าก็สามารถซื้อเจ้าไปได้แล้ว? เจ้าบอกว่าเขาจะผ่านการทดสอบอย่างแน่นอนอย่านั้นเหรอ? ข้าเห็นว่าความแข็งแกร่งของเขาอย่างมากก็อย่ที่อยู่ที่ระดับนักเวทย์ขั้นต้น เจ้าคิดว่านักเวทย์ระดับนั้นแข็งแกร่ง่ั้นเหรอ”

"เจ้า….."

ซูยี่ยื่นมือออกไปเพื่อหยุดลอตเต้ ที่กำลังจะโต้เถียงกลับไป เขามองไปที่ซิมิโรต์และพูดด้วยรอยยิ้มจาง ๆ ว่า“รุ่นพี่วิมิโรต์พลังเวทของข้าเทียบกับของท่านไม่ได้ข้าคิดว่าเราไม่จำเป็นต้องคุยเรื่องนี้อีกแล้ว”

ซฺมิโรต์ไม่คิดว่าซูยี่จะยอมรับว่าตัวเองไม่สามารถเทียบกับเขาต่อหน้าคนทั้งหมดได้และเขาก็ตกตะลึง เขาอายเกินกว่าจะเดินต่อไปดังนั้นเขาจึงฮึดฮัดและนั่งลง ไม่ทราบว่าเขาตั้งใจทำงานอย่างสุดใจหรือไม่

“เขาเป็นคนแบบไหนกัน!” ลอตเต้มองไปที่ซิมิโรต์อย่างดูถูกเหยียดหยามก่อนจะหัวเราะเบา ๆ จากนั้นเธอก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยขณะที่เธอพูดกับซูยี่ด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล“ ซูยี่ทำไมเจ้าถึงพูดว่าเจ้าเทียบกับเขาไม่ได้? นี่เป็นการกระตุ้นให้เขาหยิ่งผยองมากขึ้นไม่ใช่หรือ?”

“ปัญหาคือข้าด้อยกว่าเขาจริงๆ” ซูยี่เผยรอยยิ้มโดยไม่ได้ดูโกรธเพราะเรื่องนี้เลย“ลอตเต้ข้าเป็นวิศวกร ความต้องการขั้นพื้นฐานที่สุดสำหรับข้าคือความซื่อสัตย์ข้าไม่สามารถที่จะพูดโกหกได้”

ล็อตเต้จ้องมองซูยี่“เจ้าเป็นคนดีจริงๆ”

ซูยี่เผยรอยยิ้มจาง ๆ มองไปรอบ ๆ ก็ไม่เห็นเรมและเวลล่า

“วันนี้ทั้งสองไปเที่ยวด้วยกันข้าคิดว่าพวกเขาน่าจะไปเดทกันนะ” ลอตเต้หัวเราะคิกคักขณะที่เธอพูด“เมื่อพูดถึงเรื่องนี้เรมเพื่อนคนนี้ก็ยังรู้วิธีที่จะชวนเวลล่าออกเดท”

“เป็นแบบนี้เหรอ… ... มันน่าเสียดายจริงๆข้ามีเรื่องบางอย่างอยากจะพูดกับเวลล่า” ซูยี่กล่าวอย่างช่วยไม่ได้

“เจ้าอยากจะพบกับเวลล่าอีกแล้วเหรอ” ลอตเต้มองไปที่ซูยี่อย่างสงสัย จู่ๆเธอก็ทำตัวลึกลับและพูดด้วยเสียงแผ่วเบาว่า“เฮ้ซูยี่อย่าโทษข้าว่าไม่เตือนเจ้า จะดีที่สุดถ้าเจ้าไม่อยู่กับเวลล่าตามลำพัง แม้ว่าเรมจะไม่ได้พูดอะไร แต่ข้าก็บอกได้ว่าเขาไม่มีความสุขมากกุบเรื่องนี้”

ซูยี่ตกตะลึง“ที่ข้าอยากพบกับเวลล่ามันก็แค่เรื่องธุรกิจเท่านั้น”

“นั่นก็ไม่ได้” ล็อตเต้กล่าวอย่างแน่วแน่ว่า“ผู้ชายก็ขี้หึงได้เช่นกันเจ้าควรระวังไว้”

ซูยี่ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี หลังจากคิดเรื่องนี้เขาก็ได้แต่ส่ายหัวด้วยรอยยิ้มขมขื่น“เอาล่ะข้าจะระวังให้มากขึ้นในอนาคต”

เนื่องจากเวลล่าไม่ได้อยู่ที่นี่ซูยี่จึงเสียเป้าหมายในการมาที่ห้องทดลองในวันนี้ หลังจากที่เขากลับไปที่สถานีเพื่อทำงานที่กองไว้ให้เสร็จก็ใกล้จะเลิกงานแล้ว

ซูยี่ลังเลเล็กน้อยก่อนที่จะออกจากห้องทดลองก้าวไปยังบันไดวิเศษ

ชั้นบนสุดของหอคอยเวทมนตร์เย็นสนิทซูยี่รายงานชื่อของเขาและประตูห้องทดลองของจอมเวทย์คามิลล่าก็เปิดขึ้นโดยอัตโนมัติเผยให้เห็นพื้นที่ด้านใน

“ ซูยี่วันนี้เจ้าไม่ได้หยุดงานเหรอ?” จอมเวทย์คามิลล่าเพิ่งเสร็จสิ้นการทดลองเวทมนตร์และกำลังหยุดพักช่วงสั้น ๆ เมื่อเห็นซูยี่เข้ามาเขาก็เผยรอยยิ้มที่สนใจเล็กน้อย

ซูยี่ยิ้มอย่างเชื่องช้า เขารู้ว่าเขาไม่ได้มาทำงานในไม่กี่วันมานี้แม้แต่จอมเวทย์คามิลล่าก็รู้เรื่องนี้

“ว่ามาสิ เจ่ามาพบกับข้ามีเรื่องอะไร” จอมเวทย์คามิลล่าถาม

“ข้ามีสองเรื่อง เรื่องแรกคือการแสดงความขอบคุณต่อท่าน”

“ขอบคุณสำหรับอะไร” จอมเวทย์คามิลล่าเลิกคิ้วถามขึ้น

“ขอบคุณสำหรับใบแนะนำที่ท่านมอบให้ข้าเพื่อการสอบรับรองสมาคมนักเวทย์”

"ให้เจ้า?" ร่องรอยของความสับสนปรากฏขึ้นบนใบหน้าของจอมเวทย์คามิลล่า ก่อนที่เขาจะจำอะไรบางอย่างได้ในทันใดและพยักหน้า“มันไม่มีอะไรความสามารถของเจ้าค่อนข้างดีดังนั้นจึงเหมาะมากที่จะแนะนำเจ้า อย่างไรก็ตามใบแนะนำนี้จะไม่มีบทบาทมากนัก มันแค่จะทำให้เรื่องมันง่านขึ้นเล็กน้อนเท่านั้นเพราะอย่างนั้นไม่ต้องขอบคุณหรอก เจ้าบอกว่ามีอีกเรื่องหนิ”

“ไม่ว่ายังไงข้าก็ยังต้องขอบคุณ” ซูยี่โค้งคำนับอย่างสุภาพเพื่อแสดงความขอบคุณต่อจอมเวทย์คามมิลล่าก่อนที่จะหยิบพิมพ์เขียวออกมา“อีกเรื่องคือข้าจะปรึกษากับท่านเกี่ยวกับเรื่องนี้”

“มันเป็นรูปแบบเวทมนตร์อีกแบบใช้มั้ย” จอมเวทย์คามิลล่าหยิบพิมพ์เขียวขึ้นมาและมองมันก่อนจะส่งเสียงเบา ๆ “นี่… .. ดูเหมือนว่าจะเป็นรูปแบบเวทย์น้ำแข็ง?”

“ท่านคือจอมเวทยอย่างแท้จริงแค่มองดูก็รู้ได้แล้ว”ซูยี่ยกย่องเขาทันที“ถูกต้องนี่คือ รูปแบบเวทย์น้ำแข็ง หรือพูดให้ถูกต้องก็คือณูปแบบเวทย์น้ำแข็งที่ปรับแต่งแล้ว”

“ข้าก็เห็นสิ่งนั้น แต่เจ้าได้ทำการเปลี่ยนแปลงอะไรกับรูปแบบเวทย์น้ำแข็งบ้าง” จอมเวทย์คามิลล่าชี้ไปที่พิมพ์เขียว“ทำไมข้าถึงสังเกตว่าการเปลี่ยนแปลงที่เจ้าทำกับรูปแบบเวทย์น้ำแข็ง  นั้นคล้ายกับการปรับแต่งที่เจ้าทำกับรูปแบบเวทย์ลมหมุน”

ซูยี่รู้สึกประทับใจในทันทีขณะที่เขาพูดอย่างมีความสุขว่า“ท่านจอมเวทย์ท่านช่างทรงพลังมากจริงๆท่านสามารถมองเห็นแกนกลางของรูปแบบนี้ได้ในพริบตา ถูกต้องเป้าหมายของการปรับแต่งรูปแบบเวทย์น้ำแข็งนี้เหมือนกับการปรับแต่งรูปแบบเวทย์ลมหมุนนั่นคือเพื่อให้รูปแบบเวทมนตร์มีการทำงานที่เสถียร ท่านเห็นไหมว่ารูปแบบนี้มีผลอย่างไร”

“ อืม… ... การดัดแปลงนี้ดีมาก แต่มีปัญหาเล็กน้อยในหลาย ๆ ที่… ..” จอมเวทย์คามมิลล่าเงยหน้าขึ้นมาทันใด“ ซูยี่เจ้าคงไม่ได้วางแผนที่จะใช้รูปแบบเวทย์น้ำแข็งนี้เพื่อทำอะไรบางอย่างที่คล้ายๆกับพัดลมเวทมนตร์หรอกใช้มั้ย”

ซูยี่พยักหน้าด้วยรอยยิ้มจาง ๆ “ถูกต้อง ข้าต้องการสร้างแอร์เวทมนตร์”

.

.

.

.

ต้องขอโทษด้วยครับที่หายไปนาน พอดีมีอะไรหลายๆอย่างทำให้ไม่มีเวลาได้แปลเลยต้องขอโทษจริงๆครับ

แปลมาตั้งนานพึ่งรู้ว่าเรมเป็นผู้ชายนึกว่าเป็นผู้หญิงซะอีก 55555

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด