ตอนที่แล้วตอนที่ 8 ชั้น 4
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 10 วิญญาณอาฆาต

ตอนที่ 9 ราวกับถ้ำลับสวนสวรรค์


ตอนที่ 9 ราวกับถ้ำลับสวนสวรรค์

ดอนมองดูรอบข้าง ที่นี่น่าจะเป็นหนึ่งในโพรงถ้ำชั้น 4 ขนาดใหญ่ ดอนพยายามเดินหาทางที่เขาเข้ามาอยู่หลายชั่วโมง แต่ตอนที่เขาวิ่งหนีแมลงพวกนั้น ด้วยความตกใจ เขาเลยวิ่งแบบไม่คิดชีวิต จนจำไม่ได้ว่าวิ่งมาทางไหน

เขานั่งลงที่ก้อนหินใหญ่นั่งทำใจสักพัก บริเวณนี้ไม่ชื้นมันอุ่นเล็กน้อย การหลงในถ้ำพวกนี้นั้นน่ากลัวแต่ที่น่ากลัวกว่าคือ ดันไม่มีใครรู้ว่าเจ้าหลงอยู่ที่ไหน

ในถ้ำมันมืดมาก เขาคิดว่าตอนนี้ข้างนอกน่าจะมืดแล้ว เขาได้แต่เดา

ตอนนี้ดอนเหนื่อยมาก เขาค่อย ๆ เอาลูกแสงที่กำลังย่อยสลายผลึกพลังงาน มาวางไว้ใกล้ ดอนรู้สึกว่าการที่มีแสงสว่างใกล้ ๆ มันน่าจะอบอุ่นมากกว่าความมืดที่อยู่รอบข้าง

นี่อาจจะเป็นสัญชาตญาณ ของสิ่งมีชีวิตที่ใช้ชีวิตกลับแสงสว่างมานาน

ลูกบอลแสงดูเหมือนจะใหญ่ขึ้นมาเล็กน้อย และสว่างมากขึ้นตามขนาดของมัน

ดูเหมือนพวกแมลงสาปจะไม่ชอบที่ ๆ มีแสงสว่างมากนัด พวกมันไม่ยอมเข้ามาใกล้เลย ดอนนอนมองลูกแสงที่กำลังขยายใหญ่ขึ้นนั้นและก็หลับ

..........................

ขณะที่ดอนกำลังนอนอยู่นั้นเขาก็ฝันแปลกประหลาด เขาฝันว่าถูกขังไว้ในที่มืด มันเป็นห้อง 4 เหลี่ยมไม่มีหน้าต่างหรือประตูราวกับว่าเขามาอยู่ในกล่องปิดตายสี่เหลี่ยมบางครั้งเขาก็ ได้ยินเสียงของการสั่นสะเทือน เสียงกรีดร้อง ที่ดังเข้ามาเป็นบางครั้ง

ทันใดนั้นผนังรอบข้างก็สันสะเทือนและกำแพงก็พังลง แสงสีแดงฉานส่องเข้ามา ดอนเดินไปที่รอยแตก ขณะที่เขากำลังจะมองออกไป ภาพดับลงหายไป

เขาสะดุ้งตื่น ลุกมานั่งแบบงัวเงีย พร้อมกับเช็ดน้ำลายที่หน้า เขามองไปรอบข้าง มันยังมีแต่หมอกและความมืดแต่มันสว่างมากกว่าปกติ

เขายังคงอยู่ในถ้ำ

“ข้าไม่ได้ฝันไปสินะ ถ้าเป็นแค่ความฝันก็คงจะดี”

ดอนมองดูไปที่ลูกแสง ตอนนี้มันย่อยสลายผลึกเสร็จแล้ว รูปร่างของมันเปลี่ยนจากลูกแสง ไปเป็นลูกบาศก์ขนาดเท่านิ้วโป้งแล้ว มันส่องแสงสีขาวออกมาตลอดเวลา ดอนหยิบมันขึ้นมาดู ทันทีทันใดนั้นก็มีข้อมูลถ่ายทอดส่งผ่านมาให้ดอน

จากข้อมูลที่ไหลผ่านเข้ามา ตัวลูกบาศก์เปรียบเสมือนกับพื้นที่ผืนหนึ่ง ด้านในเป็นพลังงานที่บริสุทธ์และแปลกประหลาดมาก เขาจะปรับเปลี่ยนหรือสร้างสิ่งที่เคยย่อยสลาย ขอแค่มีพลังงานงานมากพอ นั้นคือสิ่งที่ลูกบาศก์ส่งผ่านมาหาเขา

“น่าสนใจดีนี่!” ดอนพลิกมันเล่นอย่างสนใจ “งั้นสร้างผลึกพลังงาน” ทันใดนั้น ภายในลูกบาศก์ก็มีผลึกพลังงานปรากฏขึ้นมา 1 ชิ้น

“ฮ่า ๆ ดีละ แค่เอามันมาย่อยสลายใหม่และสร้างไปเรื่อย ๆ ข้าก็จะมีผลึกพลังงานไม่สิ้นสุด” แต่ความจริงนั้นมักไม่เป็นอย่างที่หวัง

ดอนลองเอามันออกมา ผลึกก็ปรากฏอยู่ข้างหน้าเขา ดอนพยายามจะจับมัน แต่มือของเขากลับทะลุผ่านมันไป ราวกับว่ามันเป็นวิญญาณ เหมือนมันไม่เคยมีอยู่จริง

“บ้าน่าทำไมละ! ข้าจับมันไม่ได้มันก็อยู่ตรงหน้าข้านี่” ดอนพยายามจับอีกมันหลายครั้ง และลองให้ผลึกพลังงานย่อยสลายมันทั้งอย่างนั้นแต่ผลึกไม่ได้ถูกย่อยแค่กลับเข้าไปที่เดิมเท่านั้น

สุดท้ายเขาก็ได้ต้องยอมแพ้

 

“มันเหมือนกับเป็นวิญญาณที่จับต้องไม่ได้” ทันใดนนั้น ตำนานเรื่องผี ๆ พุดขึ้นมาในหัวของดอน ผีก็คือวิญญาณของคนที่ตายและจะอยู่กันคนละมิติกับคนเป็นไม่ยุ่งเกี่ยวกัน ดอนเดาว่ามันคงจะคลาย ๆ กัน แค่เปลี่ยนจากผีเป็นสิ่งของก็เท่านั้น

“จับต้องไม่ได้แล้วจะใช้ประโยชน์อะไรได้”

 “ต่อไปนี้ข้าจะเรียกเจ้าว่า ลูกบาศก์วิญญาณ ส่วนกลุ่มแสงที่ให้กำเนิดเจ้าเส้นใยแสงจนกลายเป็นลูกบาศก์...เออ...เรียกมันว่า..ว่า...แสงแม่กำเนิด... ไม่สิ...เรียกมันว่า...แสงก่อเกิด”

เขาใช้โอกาสนี้ ตั้งชื่อให้มันซะเลย คำว่าลูกบาศก์วิญญาณนั้นก็ดูเท่ห์ดี ส่วนแสงก่อเกิดนั้นออกจะแปลก ๆ แต่ดอนก็ไม่ได้สนใจเพราะเขาพอใจที่จะเรียกมันแบบนั้น

ดอนลองเปลี่ยนผลึกพลังงานที่สร้างให้กลับคืนเป็นพลังงาน ผลึกก็หายไป ดอนไม่รู้ว่าเขาคิดไปเองหรือไม่แต่ดูเหมือนว่ามันจะมีพลังงานบางส่วนที่หายไป “ถ้ามันมีหน้าจอบอกก็ดีนะสิ จะได้รู้ตัวเลขที่แน่นอน”

หลังจากเล่นกับมันสักพักดอนก็ลองเก็บมันเข้าไปในตัว ดอนสัมผัสได้ถึง ลูกบาศก์วิญญาณและแสงก่อเกิด ที่อยู่ในร่างกายเขา ดอนเรียกมันออกมาอีกครั้ง เพราะเขาต้องใช้มันเป็นไฟฉาย

เขารู้สึกหิวจึงเอาเนื้อแห้งที่เก็บไว้ในเสื้อออกมา เขาแบ่งมันออกเป็น 6 ส่วนและกินมันไป 1 ส่วน และเก็บที่เหลือไว้

กินแค่วันละ 2 ครั้งน่าจะพอให้เขามีกินได้ 3 วัน ถ้าเขายังหาทางออกไม่ได้คงได้แต่ต้องกินแมลงสาปเป็นอาหารแล้ว

รอบ ๆ ที่ดอนอยู่ มีโพรงถ้ำที่คนสามารถเข้าไปได้มีอยู่ 9 เส้นทางที่เชื่อมต่อกัน เขาไม่แน่ใจว่าทางไหนที่เป็นทางออก ดอนเลยคิดจะเดินสำรวจดูมันที่ละทางไปเลย

ดอนเลือกเดินทางที่กว้างมากที่สุด ในนี้ชื้นมาก มีตะไคล้น้ำสีม่วงขึ้นเป็นบางจุด ผนังด้านข้างเป็นหินแข็ง

ระหว่างทางเขาหาหินขนาดพอเหมาะมือ ขีดทำเป็นสัญญาลักณ์กันเดินหลงอีกรอบ

แมลงสาปบางตัวเท่าฝ่ามือกินตะไคร้น้ำอยู่ บางทีเมื่อนานมาแล้วมันอาจจะไม่มีตัวเลือกมากนักในเรื่องอาหาร จึงปรับตัวหันมากินตะไคร้น้ำแทน

แต่เขาก็ยังสงสัยในเรื่องหนึ่งนั้นคือ ห่วงโซ่อาหารมักจะมี ผู้ล่าเสมอแต่เขากลับไม่เห็นอะไรล่าแมลงสาปพวกนี้เลย

เขาไม่เจออะไรมากนัก ในแบ่งออกอีกสองเส้นทาง เส้น ในเส้นทางซ้ายนั้นเป็นทางตัน มันมีดินปิดเต็มไปหมด ไม่สามารถไปต่อได้ ดอนเลยเดินย้อนกลับมาและเข้าไปในเส้นทางขวา เดินลึกไปได้สัก 100 เมตร มันเป็นทางตันเหมือนกัน หลังจากนั่งพักสักครู่เข้าก็เดินตาสัญญาลักษณ์ที่ทำไว้ กลับไปทางที่เข้ามา

..............................

สองวันต่อมา

ดอนสำรวจไปได้ สามเส้นทางแล้ว แต่เขายังไม่เจอทางออก ในถ้ำที่สองเป็นทางที่กว้างแต่เดินไปได้ประมาน1 กิโลเมตรมันก็แคบลงอย่างมาก จนดอนไม่สามารถเข้าไปได้

แต่สิ่งที่น่าตกใจคือในถ้ำที่ 3 เขาเจอกับโครงกระดูกคน 3 คนที่ดูเหมือนว่าจะต่อสู้กันจนตาย เพราะแย่งอาหาร ทั้งสามคนน่าจะเป็นนักโทษที่ลงมาในชั้นนี้แล้วหลงทางหรือไม่พวกนี้ก็อาจจะหาทางหนีออกจากคุกเหมืองนรกนี้อยู่

ดอนค้นหาของดูเผื่อจะมีอะไรใช้ได้บ้าง แต่ดูเหมือนว่าจะมีแค่เชือกที่ยังใช้ได้ส่วน ส่วนตะเกียงไฟดูเหมือนแบตจะหมดนานแล้ว ดอนเก็บเสื้อผ้าของทั้งสามคนมาพร้อมกับเชือก

 

เขาเอาเสื้อผ้าทั้งสามคนมาฉีกแล้วต่อเป็นผ้าคุม ดอนไม่ได้กลัวเรื่องเอาของคนตายมาใช้แล้วจะทำให้โชคร้าย เพราะความหนาวภายในถ้ำมันน่ากลัวกว่ามาก

ตอนนี้อาหารหมดแล้ว ดอนไม่ได้ดื่มน้ำมาจะ 3 วันแล้ว เขารู้สึกคอแห้งเป็นอย่างมาก แต่ที่น่าเป็นห่วงมากกว่านั้นคือพิษที่สะสมเข้ามาในร่างกายเขาเรื่อย ๆ ตอนแรกดอนมันใจว่าพิษไม่มีผลต่อเขาแต่ดูเหมือนเขาจะคิดผิดร่างกายของเขาแค่ทนต่อพิษพวกนี้มากกว่าคนอื่น

แต่ตอนนี้มันเหมือนจะถึงขีดจำกัดแล้ว ดอนเริ่มมีอาการเจ็บคอและไอ และมีเส้นสีม่วง ๆ ขึ้นมาตามร่างกายคล้ายกับเส้นเลือดบ้างแล้ว

ดอนเดินเดินลึกไปในโพรงที่สี่ เขาเดินช้าอย่างมาก สภาพเหมือนคนจะเป็นลม เดินสายไปมา เขาต้องให้มือข้างหนึ่งถือลูกบาศก์วิญญาณ ส่วนมืออีกข้างพิงกำแพงขณะเดินไปข้างหน้าอย่างมีความหวัง ถ้ำนี้ดูเหมือนจะยาวมาก ๆ ดอนเดาว่าเขาน่าจะเดินมาได้หลายกิโลแล้ว

หลังเดินมาได้สักพัก พื้นที่รอบข้างก็เปลี่ยนไป หมอกเริ่มจางลง ทางที่ลาดชั้นลงไปเรื่อย ๆ และมีเสียงน้ำไหลตามทาง ดูเหมือนว่าถ้ำแห่งนี้จะเป็นทางออกที่สิ้นสุดสายแร่ผลึกแล้ว

ดอนเดินตามเสียงของน้ำไปเขาหวังว่าจะเจอกับแม่น้ำใต้ดินขนาดใหญ่ ถึงดินแดนแห่งนี้จะเรียกว่าแดนร้างก็ตามแต่เขาก็เชื่อว่ามันก็ต้องมีแหล่งน้ำใต้ดินบ้าง เพราะในเมืองชาลัน ยังใช้น้ำจากใต้ดิน

ดอนเดินตามเสียงน้ำไป ที่นี่ไม่ใหญ่มากนัก มีทางแยกหลายทางที่จะไปบรรจบกัน เมื่อเดินมาจนสุดทางหมอกก็หายไปจนหมด

ได้ยืนนิ่งไปทันที ภาพที่ตรงหน้านั้นชวนตกตะลึงเป็นอย่างมาก มันคือถ้ำน้ำตกขนาดใหญ่เป็นหน้าผาแนวตั้งแบบทรงกระบอกสูง1000 เมตร มีแม่น้ำหลายร้อย ๆ สายออกมาจากด้านข้างมารวมกันอยู่ที่เบื่องล่าง

ด้านบนเพดานมี กลุ่มแสงที่สองแสงที่ทองสว่างออกมาสลับกับสีขาว ราวกับดวงอาทิตย์ ทำให้ละอองน้ำกระทบกับแสงเกิดเป็นสายรุ้งทอดยาวราวกับบันไดสู่สวงสวรรค์ มีต้นไม้ขึ้นตามหน้าผารอบ ๆ ห้อยรากลงมาเพื่อรอรับละอองน้ำ ตัวใบบ้างเป็นสีเขียว บ้างเป็นสีน้ำตาลทองสลับกันไป

มีเถาวัลย์สีน้ำตาลขึ้นอยู่ตามผนัง ที่สวยงามด้านล่างมีทะเลสาบขนาดใหญ่ กว้างกว่า 10 กิโลเมตรรองรับน้ำที่ตกลงมา

ที่ ๆ ดอนอยู่สูงจากพอสมควร ดอนต้องหาทางไปด้านล่าง หาสักพักก็เจอทางแคบ ๆ ที่พอเดินไปได้แบบทุลักทุเลเล็กน้อย เมื่อลงมาห่างจากพื้นแค่ 6 เมตร ทางก็สิ้นสุดลง

ดอนค่อย ๆ ปืนหน้าผาลงมา ระหว่างที่ดอนกำลังเอื้อมมือไปจับที่เถาวัน แต่เขาก็ไปพลาดและจับโดนบางอย่างในพุ่มถาวัลย์เข้า ผิวมันดูลืน ๆ แข็ง ๆ ดอนลองดึงออกมาดูเพราะคิดว่าเป็นงู เอาก็จะมีอะไรกินแล้วเมื่อลงไป

“อาหาร อาหาร” ดอนเลียริมฝีปากแต่สิ่งที่ออกมานั้น กลับทำให้ดอนถึงกับตกใจกลัว

มันคือมือคน

ดอนเห็นแบบนั้นก็ปล่อยมือทันที จังหวะที่ปล่อยมือมันทำให้เถาวัลย์ที่เขาจับอยู่อีกมือรับน้ำหนักไม่ไหว ขาดลงมา เถาวัลย์ไปเกี่ยวกับมือที่เจอ ทำให้ร่างนั้นหล่นลงมาพร้อมกับเขา

เขาตกลงมาที่ขอบของทะเลสาบพอดี แต่ร่างนั้นตกลงในน้ำข้างทะเลสาบ กระเสน้ำที่แรงรั้งร่างนั้นไหลไปทันที ดอนที่มีเถาวัลย์พันติดกับศพพยายามดึงเถาวัลย์ออกอย่างสุดชีวิต แต่ด้วยแรงของน้ำทำให้เถาวัลย์ตึงและมีแรงกระชากอยู่ตลอด

เขาจึงแกะมันไม่ออก

ดอนใช้เท้าสองข้างยันที่ขอบตลิ่งไว้ แล้วออกแรงดึงร่างนั้นจนหน้าเขียว ในที่สุดเขาก็ดึงร่างนั้นขึ้นมาได้ เขาลากมันออกมาห่าง ๆ จากริมตลิ่ง

และทิ้งตัวลงนอนหายใจพะงาบ ๆ ทันทีด้วยความเหนื่อย

ละอองน้ำที่เกาะอยู่บนใบไม้หยดลงใบหน้าของดอน มันเหมือนกับกระแสไฟจากหมดน้ำไหลผ่านไปตามตัวดอน ดอนลุกขึ้นมาทันทีเดินไปที่ ต้นไม้ ที่ใบของมันใหญ่มาก ตรงกลางมีแอ่งขนาดเท่ากำปันมีน้ำที่ใส่ขังอยู่ดอนไม่ได้รีบกินทันที

เขาเรียกลูกบาศก์วิญญาณออกมา จากนั้นให้มันย่อยสลายสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในน้ำทั้งหมด เพราะเขาเคยดูสารคดีในอินเทอร์เน็ต น้ำพวกนี้อาจจะมีพวกปรสิต ปิง หรือพยาธิอาศัยอยู่แล้วดอนก็ไม่ได้เดาผิด เพราะกลุ่มแสงเริ่มย่อยมันทันที

ตอนนี้เมื่อเส้นใยแสงพัฒนามาเป็นลูกบาศก์แล้ว เขาไม่จะเป็นต้องย่อยสลายได้แค่สิ่งที่มีพลังงานหรือสิ่งมีชีวิตอย่างเดี่ยว อันที่เขาสามารถย่อยสลายได้แม้กระทั้งดิน แต่มันไม่คุ้มค่ากับพลังงานที่ได้ ถ้าเทียบดิน 1 กำมือ กับ ผลึก 1 กำมือใช้เวลาเท่ากันเขาขอเลือกย่อยสลายผลึกดีกว่า

กลุ่มแสงย่อยสลายเสร็จดอนก็รีบกล้มกน้ากินอย่างหิวกะหายทันที ดอนทำแบบนี้อีกสองสามต้น

เมื่อดื่มน้ำจนอิ่มแล้วดอนหันกลับไปมองที่ร่างนั้นด้วยความโมโห เขาแตะเข้าไปที่ร่างนั้นอย่างแรงเพื่อระบายความโกรธ

“โอ้ย !” แต่คนที่เจ็บกับเป็นเขาเอง ร่างนั้นแข็งมาก ราวกับใต้ผิวหนังมนุษย์นั้นเป็นเหล็กกล้า ด้วยความเจ็บกับโมโหเขาจึงแตะไปอีกรอบ “โอ้ย”

หลังจากมองซ้ายมองขวาว่ามีคนเห็นไหม ดอนก็ทำเป็นปัดฝุ่นตามเสื้อผ้าที่เปียกแก้เขิน และมองดูร่างนั้นอย่างน่าสนใจ (ใครจะเห็นมัน???)

เขาพลิกร่างที่นอนคว่ำหน้าขึ้นมาดูชัด ๆ ว่าคนที่เกือบทำให้เขาตายเป็นใคร

หน้าที่เหี่ยวย่น รอยแผลเต็มตามตัวสูงเกือบ180เซนต ผอมแห้ง และกลางหน้าอกมีรูขนาดใหญ่ เมื่อเห็นแบบนั้นเขาก็รู้ได้ทันที

“ศพ ศพคนตาย”

ทันใดนั้นดอนรู้สึกเสี่ยวสันหลังทันที เขาเลยหันไปมองดูแล้วก็ต้องตกใจ เพราะข้างหลังของเขามีคนยืนอยู่

ไม่สิ มันลอยอยู่

-------------------------------------------------------------------

จากผู้เขียน : อ่านจบแล้วอย่าลืมคอมเม้นติชมกันนะครับ ขอบคุณสำหรับทุก ๆ วิวที่เข้ามาอ่านนะครับ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด