ตอนที่แล้วThree of us 18 : พิรุธ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปThree of us 20 : ไม่ตอบ

Three of us 19 : ล่วงเลย


Three of us

ตอนที่ 19

ล่วงเลย

ทริปภูเก็ตจบลงไป ทุกคนในทริปได้เรื่องราวความทรงจำที่แตกต่างกัน...

เต๋ นที และวอนได้เรียนรู้ซึ่งกันและกันมากขึ้น เรียนรู้ที่จะเห็นอีกมุมในชีวิตของแต่ละคน

กอล์ฟ เฟย โต๋ โดยเฉพาะบิ๊กได้มิตรภาพใหม่ๆได้ความสุขสนุกสนาน บางคนได้บทเรียนจากความรัก บางคนได้เห็นพี่ชายสองคนในมุมที่ไม่เคยคิดว่าจะได้เห็นเมื่อมารักกับเพื่อนตัวเอง บางคนได้เห็นเพื่อนสนิทได้ลงรอยกับการมีใครสักคนที่ดีคอยดูแล

ส่วนนรสิงห์นั้นเขาก็ได้ทำความรู้จักกับน้องชายในวัยที่โตขึ้นมาอีกหน่อย ได้รู้ว่าเจ้าเด็กแสบของเขานั้นแสบไม่น้อยลง แต่แสบแบบที่มีคนที่รักและเอ็นดูมันมากมายแทน แม้บางทีอาจจะ มากไปหน่อย จนแอบผิดสังเกตแต่ก็ไม่ไปคอยจับผิดน้องหรอก เพียงแต่จะดูอยู่ห่างๆเท่านั้น...

"นอ" เสียงทุ้มเรียกจากด้านหลัง เป็นเสียงของเพื่อนที่ทำงานของเขาที่จบมหาลัยมาด้วยกันจนยังมีความสัมพันธ์อันดีด้วยกันในวัยที่เริ่มใช้ชีวิต

"กูชื่อนะ ช่วยเรียกกูว่า นะ สักทีเถอะ" นรสิงห์บ่นไม่จริงจัง

"ก็มึงชื่อนรสิงห์ มันจะเป็น นะ ได้ไง กูว่าผิดมาตั้งแต่พ่อแม่มึงตั้งอะ" เพื่อนหนุ่มคนสนิทบอกอย่างอารมณ์ดี

"เออเอาที่มึงสบายใจอะ"

"ว่าแต่ไปทริปใต้มาเป็นไงวะ?" สองคนถามไปก็พากันเดินไปหาอะไรในครัวห้องพักพนักงานกินกัน งานของพวกเขานั้นจะว่ายุ่งก็ยุ่ง จะว่ามีวันสบายมันก็มีเช่นกัน เหมือนตอนนี้ที่เป็นเวลาพักยาว...

"...สนุกดิ ดูจากรูปก็น่าจะรู้มั้งว่าสุดเหวี่ยง กะว่าจะชิลๆที่ไหนได้กิจกรรมหนักจนแทบไม่อยากกลับมาทำงาน..." นรสิงห์บ่นทุบไหล่ดังปักๆ

"เออเห็นแล้วแหละ เสียดายถ้ารู้ก่อนกูจะได้ไปด้วย" เพื่อนชายบอกก่อนจะพากันนั่งลงบนโซฟา

"เออวอนมันตัดสินใจปุปปัปก็ไปเลย ไปกับเพื่อนมันทั้งนั้นอะ" นะบอกเล่าด้วยน้ำเสียงเย็นๆตามสไตล์

"พูดถึงวอนน้องมึงอะกูไม่เจอนานแล้วนะ มันเป็นไงบ้าง?" คำถามทำเอานรสิงห์หรี่ตามองด้วยเพราะเพื่อนไม่ค่อยจะถามอย่างนี้บ่อยนักหรอก

"ก็ดี มึงถามทำไม?"

"มองอะไรงั้นวะ กูถามเฉยๆ เห็นกูเป็นพวกหื่นไล่ตามอะไรกับเขาไปทั่วไม่เว้นน้องเพื่อนรึไง?"

"ใครจะไปรู้ ช่วงนี้มันยิ่งดูเนื้อหอมอยู่ด้วย" คนเป็นพี่ชายเล่าด้วยนึกไปถึงควาทสดใสบางอย่างของน้อง และนึกถึงเรื่องบิ๊กไปจนถึงเรื่องที่น้องไม่บอกว่าคบใคร

"นั่นแหละตรงประเด็นกูเลย คือ..."

"คืออะไร? มึงมีอะไรพูดมาเลย กูไม่ชอบลุ้น" นะมองท่าทีของเพื่อนด้วยความระทึก

"น้องมึงเป็นอะไรกับเจ้าของ etc วะ?" คำถามที่โพล่งออกมาคาดหวังรีปอคให้นรสิงห์ดูแปลกใจ แต่เปล่าเลย...

"โถ่เรื่องแค่นี้ ทำท่าอย่างกะเจอน้องกูไปปีนเสาไฟฟ้าเมายาบ้า" นะส่ายหัว

"หมายความว่าไง น้องมึงเป็นอะไรกับเขา"

"ก็ไม่ไง มันเป็นเพื่อนกับโต๋น้องชายเขา ก็เลยสนิทกันไปด้วย" เขาตอบตามความจริงทุกอย่างทว่าหน้าเพื่อนยังไม่หายฉงน

"สนิทกันนานยังวะ?"

"ก็ไม่ถึงเดือนล่ะมั้ง กูก็ไม่แน่ใจ"

"เหรอวะ เออ แต่มันก็..."

"มึงทำไมเนี่ย มึงไปเจออะไรมา ทำกูว้าวุ่นแล้วเนี่ย แล้วทำไมจู่ๆสงสัย บอกกูมา" พี่ชายเร่งเร้า ด้วยเพราะคำถามที่ส่งมาเรื่องน้องชายนั้นมันช่างเร้าอารมณ์อยากรู้

"เออๆ ก็กูเห็นน้องมึงกับเขานั่งตักกัน แล้วก็จูงกันเข้าไปในโซนแดง คือโทษว่ะไอ้นอ ดูยังไงก็ไม่ใช่พี่ชายเพื่อน มันแบบ....เออ เอาเป็นว่ามึงกับกูสนิทกันมานานยังไม่ได้ขั้นนั้น" เพื่อนเขาตอบด้วยภาพที่ไปพบมา

เขาเป็นลูกค้าของตึกนี้ตั้งแต่วันแรก ไปบ่อยเสียยิ่งกว่าทำงาน เข้าฟิตเนส ออกยิมเสร็จก็มาร้านเหล้าต่ออยู่บ่อยครั้ง ชอบบรรยากาศด้านในของมันแม้จะไม่ต้องดื่ม

จนวันก่อนเห็นน้องชายเพื่อนที่พบหน้ากันบ่อยสมัยเรียนมหาลัยจนสนิทอยู่ช่วงหนึ่ง ด้วยความที่วอนเป็นเด็กกวนๆหน่อยๆและเวลาเจอมักได้นั่งคุยในหัวข้ออะไรเหมือนๆกัน เห็นหน้าน้องครั้งแรกก็จำได้เลยแม้ไม่พบนานแล้วแต่ก็ต้องแปลกใจยิ่งกว่าเมื่อท่าทีของวอนกับเจ้าของตึกที่ใครต่างพากันชี้ในความเพียบพร้อมสมบูรณ์นั้นดูสนิทสนมกันอย่างมาก มากจนทำให้สงสัย ที่สำคัญคือ...สนิทกันมากกับทั้ง 2 คน!!

โทษใครไม่ได้นอกจากความอยากรู้ของตัวเอง และบังเอิญได้มีโอกาสเข้าไปพร้อมกับเพื่อนที่มีเมมเบอร์ในโซนแดงที่เต็มไปด้วยการพนันระดับคาสิโนหรู เลยได้เห็นมากกว่าคนอื่นอยู่หน่อยๆกับคนที่พากันเข้าไปในที่ดูลับตาของตึกที่ต้องสแกนบัตรเข้าไป...

"เอาจริงๆกูก็แหม่งๆอยู่แต่คิดว่าคงไม่ใช่ เขาไม่น่าจะมาอะไรกับวอนมันหรอก....มั้ง" คนเป็นพี่เองก็ไม่แน่ใจเพราะก็รู้สึกได้ถึงความสนิทสนมกันมากกว่าที่ควรจะเป็นแค่พี่ชายเพื่อนเป็น... เขากับเฟยรู้จักมาตั้งแต่น้องมันยังมัธยมยังไม่สนิทกันขนาดนั้นเลย แต่คิดว่าเพราะความทะเล้นของน้องชายตัวเองเลยสนิทกับใครเขาง่าย

"เออๆ มันก็เรื่องของมันอะแหละ กูก็แค่มาถาม..." เพื่อนเขาตอบกลับก่อนจะลุกออกไป ทิ้งให้นรสิงห์เฝ้าคิดกับตัวเองเพลินๆ

เขาคงต้องจับตาดูบ้างแล้ว...

....วรภพและเพื่อนๆที่จะมีสอบ final ในวันพรุ่งนี้ตอนนี้เลยกำลังก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสืออยู่บนพื้นที่ปูด้วยผ้ามันและมีขนมมากมาย เนื่องจากพวกเขาเถลไถลใช้ชีวิตมาหลายวันทั้งที่ควรจะเป็นช่วงหยุดเพื่อทบทวนบทเรียน เลยนัดรวมตัวกันมาติว...

สถานที่อ่านตอนนี้ก็เป็นสถานที่ๆไม่คุ้นชินเสียเลย มันคือบ้านของโต๋... แม้จะสนิทกันแค่ไหนแต่ก็เพราะได้ไปเที่ยวไปปาร์ตี้ด้วยกัน และแม้แม่จะเป็นเพื่อนกันแต่ก็ไม่ได้ก้าวล่วงมาในชีวิตมันขนาดนี้...

คนเลือกมันก็จะเป็นใครไม่ได้นอกจาก...

"คนดี~ อ่านเสร็จรึยัง ทำไมเครียดกันขนาดนี้" เสียงทุ้มของเต๋ที่เดินมาพร้อมถ้วยมูสลี่ดังขึ้นเป็นรอบที่สิบของวันทำเอาทุกคนที่นั่งรวมกันอยู่กรอกตาแทบจะกลับไปด้านหลัง โดยเฉพาะคนเป็นน้องชาย

"เฮียยยย กูถามจิ๊งงงงง เฮียจะมาวอแวอะไรมันนัก รำค๊าญ!!" โต๋บอกพร้อมขยี้หัวจนฟูฟ่อง

"มึงยุ่งอะไรไอ้โต๋ เฮียจะเอามูสลี่โยเกิร์ตมาให้เมียกิน..." เต๋บอกก่อนจะยื่นมันให้วอนดู

"ไม่เอาอะเต๋ วอนไม่หิว...กินเลยๆ" วอนบอกก่อนจะหันไปถามข้อที่ค้างคากับเพื่อน

"...คนดีไม่สนใจเต๋เลยอะ เต๋อุตส่าห์หยุดงานมาอยู่บ้านกับคนดีเลยนะ" เสียงเง้างอดทำเอาโต๋ทำหน้ารำคาญขั้นสุดแล้วทิ้งตัวลงนอนลงไป พร้อมเอาหนังสือปิดหน้าประชดชีวิต..

"กอล์ฟ เฟย กูขอโทษนะที่พี่กูเขาไม่ค่อยเต็มอะ" สิ้นคำพูดของน้องชายและการขำของทุกคนเต๋ก็จับหนังสือใกล้ตัวทุบไปที่น้องแรงๆทีนึง

"โอ๊ยเฮียยย มาก่อกวนเกาะแกะแล้วยังใช้ความรุนแรงอีก" โต๋บ่นโอดโอย

"อ้าวอะไรกัน เต๋...เรานี่ก็นะ อู้งานแล้วยังมากวนน้องมันอ่านหนังสืออีกเนี่ย" มารดาของนทีเดินเข้ามาในสวนพร้อมกับเอ็ดหลานชาย

"โถ่ป้าครับ ก็เต๋เหงานี่ มาอยู่กับน้องๆแล้วรู้สึกเป็นเด็กอีกครั้ง" คำกล่าวอ้างพร้อมกับกอดที่ขาของป้าทำเอาอรณิชย์ยกยิ้ม

"พอเลยๆเรา เด็กๆพักกันก่อนไหมลูก ป้ากับแม่บ้านเตรียมกับข้าวไว้แล้ว ไปกินกันก่อนนะ กำลังร้อนเลย" เธอบอกด้วยรอยยิ้มใจดี

....บ้านหลังนี้ค่อนข้างใหญ่ ไม่ใช่เพราะสร้างไว้โอ้อวดฐานะ แต่เพราะครอบครัวขนาดใหญ่อาศัยอยู่ร่วมกัน 2 ครอบครัว แม้ตอนหลังจะมีเรื่องเงินทองที่ยกระดับฐานะขึ้นมา แต่ก็ไม่เปลี่ยนแปลงความเป็น 'บ้าน' ของที่นี่ไปเลย มันเป็นบ้านที่มีชีวิตไม่ใช่บ้านที่เป็นแค่บ้านหลังใหญ่ทั่วไป...

"โอ้โห อาหารน่าทานมากเลยครับคุณป้า ขอบคุณมากๆเลยนะครับ" กอล์ฟเอ่ยชมเมื่อเห็นสำรับมากมายวางเรียงกัน

"ทานเลยลูก วอนกินเยอะๆนะเรา เฟยด้วย พูดไม่ทันเขาเลย..." เธอเอ่ยชมเด็กๆทุกคน อรณิชย์ไม่ค่อยพบเพื่อนของลูกหลานมากนัก ยังแปลกใจเลยว่าโต๋พาเพื่อนมาติวที่บ้าน นั่นหมายถึงว่าเพื่อนกลุ่มนี้ต้องสนิทและไว้ใจมาก

"....ใช่ไหมป้าอ้อ เนี่ยข้าวไม่ค่อยกินหรอก กินแต่อะไรไม่รู้" เต๋บอกแล้วทำหน้าดุมาทางวอน

"แล้วเราไปรู้อะไรน้องมันล่ะ เอ้อ! วอนไม่ต้องไปสนใจนะ... แล้วอยากกินอะไรเพิ่มก็บอกนะ เดี๋ยวณีย์เขาจะหาว่าดูแลลูกเขาไม่ดี" อ้อบอกด้วยรอยยิ้มเดินไปลูบหัววอนไม่หยุด

"....ดีสิป้าอ้อ จะดูแลไม่ดีได้ไง นี่เต๋เสนอให้โต๋มันมาติวที่นี่เองนะ กลัวว่านัดกันไปที่ไหนไม่รู้ไกลหูไกลตา เด็กๆมันไว้ใจไม่ค่อยได้..." คำพูดของเต๋ทำเอาวอนลอบเหยียบเท้าใต้โต๊ะ และส่งสายตาว่า 'เยอะไปแล้ว' ให้

"น้อยๆหน่อยเราน่ะ แล้วนี่ดูท่าสนิทกันมากเลยนะ..." คำถามนั้นทำเอาทั้งโต๊ะสำลักโดยพร้อมเพรียงกัน แม่บ้านถึงกับหันมองหาน้ำบนโต๊ะให้ กลัวว่าเธอผสมอะไรลงไปผิดให้ระคายเคืองคอทุกคน...

"ก็ตั้งแต่วันเปิดตึกก็สนิทมากเลยครับ สนิ๊ททสนิททท" เต๋บอกยักคิ้วหลิ่วตากับวอนที่ตอนนี้หูแดง มือสั่นใจสั่นไปหมด

"พอดีว่าไปเที่ยวที่ผับด้วยกันน่ะครับ พี่เขาเลยช่วยดูแล..." คำสุภาพของวอนเอ่ยออกมา คราวนี้เพื่อนอีกสามคนลอบหัวเราะกันที่เห็นวรภพไปไม่เป็น

"...เหรอจ้ะ ดีแล้วล่ะดูแลกันไว้...แล้วเรื่องฝึกงานก็ด้วย เดี๋ยวให้พี่เขาเป็นธุระให้หมดทั้งสามคนนี่เลยนะจ้ะ มีก็แต่โต๋มันนี่แหละที่ต้องไปหาบริษัทอื่นฝึก..." เธอบอกมองไปยังหลานคนเล็กสุดที่นั่งยิ้มแปล้

....แม้ครอบครัวจะมีบริษัทมากมายแต่เธอก็จะไม่ใช้ช่องโหว่ความเป็นเครือญาติให้หลานฝึกงานกับบริษัทพี่น้องกันให้เป็นขี้ปากใครเด็ดขาด อีกอย่างเธอไม่ชอบสิ่งที่มาโดยมิชอบ ออกจะติดหัวโบราณอยู่หน่อยๆด้วยในบางเรื่อง

"ไม่ต้องห่วงเลยป้าอ้อ ทั้งเฮียเต๋เฮียนัทเนี่ย ช่วยเต็มที่เลยล่ะ" คำพูดธรรมดาจากโต๋นั้นคงจะไม่มีอะไร ถ้าไม่พ่วงมาด้วยสีหน้ากวนๆส่งมาแซ็วเพื่อนที่มือไม้วางไม่ถูกและเฮียที่ก็ไม่สนโลกอะไรอยู่แล้วยกยิ้มชื่นชมมาให้...

...ระหว่างที่ทานกันไป อ้อที่ก็อยากจะรู้เรื่องราวของเด็กที่นั่งชวนคุยละลายพฤติกรรม พยายามปรับตัวกับเจนใหม่ก็นั่งร่วมวงกับเขาด้วย ทุกคนคุยกับผู้ใหญ่ได้อย่างราบรื่นจนกระทั่งมีเสียงทักทายของอีกคนเข้ามา

"กินอะไรกันอยู่ กลิ่นหอมฟุ้งไปหมดเลย..." นทีที่ถอดสูทตัวนอกพาดแขนไว้เดินเข้ามาด้วยมาดเข้ม

"...ตายแล้ว วันนี้แม่บ้านไหว้พระขอพรว่าอะไรกันทำไมลูกชายแม่กลับบ้านได้ ....ตายๆ เต๋ก็มานัทก็มา โอ๊ย..." เธอบอกด้วยท่าทางเกินจริงก่อนจะลุกขึ้นกอดและหอมแก้มนที

....จะไม่ให้ตื่นเต้นได้อย่างไรเพราะสองคนนี้นั้นกลับบ้านแทบจะนับครั้งได้ ลูกหลานบ้านนี้เอาแต่ขลุกกันอยู่ที่คอนโด แน่นอนคำทักนั้นทำเอาวอนลอบกลืนน้ำลายเพราะต้นเหตุก็อาจจะมีเขาอยู่ในนั้นด้วย...

"แม่เกินไปแล้วน่า อายน้องๆเขา..." นทีบอกก่อนจะนั่งลงร่วมโต๊ะ เขามองวอนด้วยสายตาที่ทุกคนรู้กันดีว่ามีคใามหมายแฝงอะไรอยู่ในนั้น...

"บ้านนี้มันคลั่งรักกันทั้งบ้านเลยว่ะ" เฟยบ่นงึมงำ

"ไม่ใช่กูแล้วหนึ่ง" โต๋เอ่ยท้วงเพราะเขาก็คนบ้านนี้แต่ไม่ได้อาการหนักอย่างพี่ชายทั้งสอง

"มึงโดนเขี่ยออกจากกองมรดกแล้วล่ะ" กอล์ฟแซ็วก่อนจะหัวเราะกันคิกคักให้วอนมองคาดโทษเพราะนั่งไกลกว่าคนอื่นทำให้ไม่ได้ยินบทสนทนา...รู้แต่ว่านินทาเขาแน่ๆ

"งั้นคืนนี้นอนที่นี่นะลูก พรุ่งนี้ก็จะได้อยู่คุยเรื่องเจ้แต้วกันไปเลย พี่เขาจะแต่งงานแล้วนะ เขาอยากได้ความเห็นจากน้องชายของเขาทั้งคู่ด้วย" เธอบอกด้วยความสดใสสมวัย อรณิชย์ดูเป็นผู้ใหญ่ที่ใจดี...

"แต่งคนแรกซะงั้น ป่านนี้คนอยู่เมืองนอกร้องไห้แล้วมั้งป้าอ้อ..." โต๋แซวไปถึงพี่ชายคนโตอย่างอนุภัทร ที่เป็นคนโตสุดแต่กลับไม่มีวี่แววของการมีครอบครัว...

"แต้วเขาบอกรายนั้นคนแรกเลย เห็นว่าโดนถามใหญ่เลยว่าแน่ใจใช่หรือเปล่า ดีแล้วล่ะ...พี่น้องกันจะรักจะชอบใครก็ช่วยๆกันดู ไม่รู้เมื่อไหร่ลูกชายสองคนของแม่จะมีมาแนะนำกันบ้าง..." เธอบอกพลางแตะไปที่ไหล่นทีอย่างหยอกเย้า

"มีดูๆกันอยู่น่ะแม่ แต่เขายังไม่พร้อมมาหาหรอกนะ..." คำตอบของนทีทำเอาบนโต๊ะลุ้นกันเป็นแถบ โดยเฉพาะวรภพที่ทำเป็นตั้งท่ากินพยายามไม่เงยหน้ามองเพื่อนแม่เลย ไม่สิ...เขายังไม่กล้ามองเต๋และนทีอีกด้วย

"...แม่พอจะรู้มาบ้างแล้วล่ะ น้าณีย์แม่ของวอนเขาโทรมาเล่าให้ฟัง เอาไว้พร้อมเมื่อไหร่ มั่นใจเมื่อไหร่ค่อยพามาแนะนำก็ได้ เต๋ด้วยนะ..." เธอยกยิ้มให้ทั้งลูกและอีกคนที่ก็รักเหมือนลูก

"วอนล่ะจ้ะ?"

"แค็กๆๆ ขอโทษครับ คุณป้าถามว่าอะไรนะครับ..." วอนที่ตั้งใจฟังเมื่อได้ยินถามถึงชื่อตัวเองต่อมาจากประโยคเหล่านั้นก็สำลักทันที

"อะไรกันเราตกใจขนาดนั้นเชียว ป้าจะถามว่าเป็นไงบ้าง การเรียน ความรัก ดูแล้วคงจะมีคนมาชอบเยอะล่ะสิท่า..." เธอบอกยกยิ้มหวานให้

"ก็มีบ้างครับ" วอนตอบกว้างๆ

"...มีในนี้หรือเปล่า เห็นเราสนิทกับทุกคนเลย อ้าว ดูทำหน้าเข้า ป้าล้อเล่นน่ะลูก...โลกมันก็เปิดกว้างแล้วล่ะนะ ป้าก็ต้องเปิดใจ..." เธอแซ็ววอนเพราะมองเด็กๆทุกคนออก ก่อนจะบอกด้วยเสียงนุ่มและรอยยิ้มจนทุกคนสบายใจ

"ถ้ามีในนี้ป้าอ้อจะว่าอะไรไหม โต๋สนใจวอนอยู่นะครับ ไม่รู้แม่จะโอเคหรือเปล่า" โต๋คว้าคอเพื่อนมากอดและมิวายพูดเอี่ยวไปถึงคนเป็นแม่ที่ไม่ได้อยู่ตรงนี้

"อย่าเยอะ" เต๋เอ็ดน้องที่จะใกล้ชิดเมียเขาเกินไปแล้ว

"เพื่อนกินข้าวอยู่" นทีช่วยด้วยอีกคนจนกอล์ฟและเฟยสะกิดกันใต้โต๊ะแอบลอบยิ้มที่พี่ๆหวงเพื่อนเขากันไม่เกรงใจแม่

"ให้พี่เขาจัดการแล้วกัน แล้วเดี๋ยวไปอ่านหนังสือกันต่ออยากได้อะไรไม่ต้องเกรงใจเลยนะทุกคน ....ป้าขอตัวก่อน นัทตามแม่มาหน่อยนะ" เธอบอกลาทุกคนแล้วเดินหายออกไป

"พร้อมเปิดตัวเมื่อไหร่บอกนะ" นทีแซ็วข้างหูวอนก่อนจะเดินตามแม่ไป ทิ้งไว้ให้คนฟังนั่งหน้าดำหน้าแดง ...เขาแทบไม่ได้กลับบ้านมารดาคงมีเรื่องมากมายอยากคุยด้วย ไว้เสร็จแล้วค่อยตามมาวอแวน้องต่อ

"ไว้อ่านเสร็จเราไปกินข้าวกันนะ" เต๋บอกวอนเข้าอีกคนก่อนจะยีหัวน้องแล้วลุกเดินออกไปอีกทาง

"เป็นกรรมของพี่เขาแหละเนอะ โดนผีบังตา" คำของเฟยทำเอากอล์ฟหลุดขำพรืด

"กูว่าโดนทำของใส่" โต๋บอกเข้าอีกคน

"ควรจะเลิกแรดได้แล้วแหละเนอะ" กอล์ฟเสริมเข้าอีกคน ส่วนวอนทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้สร้างความหมั่นไส้จนทุกคนรุมแกล้งเข้าไปกอดรัดผลักกันไปมาจนส่งเสียงหัวเราะกันดังไปทั่วบ้าน

...ช่วงเวลาของการสอบผ่านไปด้วยดี สถานีต่อไปของวรภพคือการไปฝึกงาน โดยบริษัทที่เขาเลือกคือบริษัทของ แต้ว พี่สาวคนโตของเต๋ และโต๋ เหตุเพราะไม่อยากจะทำงานกับนทีและเต๋ด้วยปัญหาความสนิทสนมที่อาจจะทำให้มองว่าเป็นการใช้เส้นสาย

ลำพังแค่การเลือกบริษัทพี่สาวเพื่อนก็ใช้สายใยคำว่า 'คอนเนคชั่น' เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว บริษัทของเต๋และนทีเลยกลายเป็นกอล์ฟและเฟยที่กระจายไปแทน ขอบอกว่าแม้จะเป็นพี่สาวเพื่อนแต่บริษัทก็คัดคนและขอเอกสารเช็คทุกอย่างจนวอนแทบกระอักเลือด

ความกดดันของวอนคือทั้งสามพี่น้องมีรายชื่อเป็นบริษัทฝึกงานที่อยู่ในลิสต์ของอาจารย์ที่โหดเอาการและไม่ค่อยรับเด็กจากมหาลัยเขาบ่อยนัก และยิ่งนิสัยของพี่สาวที่โต๋มักจะเล่าถึงความเฮี้ยบ หรือนทีก็ยังเล่ากับเขาเลยว่าการเข้าไปพูดคุยเรื่องงานแต่งที่เตรียมการล่วงหน้าเกินครึ่งปี เธอเป๊ะยิ่งกว่าทำวิทยานิพนธ์ด้วยการลิสต์ทุกอย่างเป็นปึกๆแม้แต่เต๋ก็ไมเกรนขึ้นจากการช่วยเธอดูความเรียบร้อย

"ทำไมช่วงนี้ดูเครียดจัง คนดีของเต๋คิ้วผูกเป็นโบว์ทุกวันเลยเนี่ย" เต๋ทักในตอนที่เขามารับน้องจากมหาลัยเรื่องการมาทำเอกสารกับอาจารย์ที่ปรึกษา

"ตอนแรกก็ว่าจะมีแก๊ปว่างๆให้ได้ใช้ชีวิต ใครจะคิดว่าเวลาจะเดินเร็วขนาดนี้ล่ะ..." วอนตอบคนที่ยื่นมือมาเล่นมือกับของเขา ตอนขับรถก็ยังต้องสัมผัสกันตลอดเวลา ใครๆเขาถึงได้บอกว่าเต๋และนัทเป็นเอามาก...

...มันเป็นอย่างนี้มาเสมอแม้เวลาจะล่วงเลยไปสักพักหนึ่งแล้ว ไม่อยากจะเชื่อเหมือนกันว่ามีกันสามคนมันจะไปกันรอด อาจจะจืดชืดไปบ้างเพราะงานที่หนักของนทีและเต๋ และวอนที่ยุ่งกับการเข้าสู่ ปี 4 แต่โดยรวมก็ถือว่าการที่เรามีก้นสามคนนั้นยังผลัดกันมีเวลาเล็กๆน้อยๆให้กันบ้าง

ถ้ามีแค่สองคนอาจจะไม่รอดจนถึงตอนนี้ก็ได้ เพราะมีกันอย่างนี้เราไม่เบื่อกันและหาเรื่องกันทำให้ความสัมพันธ์มีสีสันไม่ขาด วรภพคุ้นชินกับการใช้ชีวิตอย่างนี้ไปแล้ว...

"...ไม่ต้องเห็นต้องเครียดเลยนี่ ถ้าเจ้แต้วเขาไม่ให้ผ่านก็มาฝึกกับเต๋ จะเซ็นอนุมัติให้เลย มีข้อแลกเปลี่ยนไม่กี่ข้อเท่านั้นแหละ..." คนขับพูดก่อนจะจับมือน้องวางลงไปที่หน้าขาตัวเองใกล้กับจุดสำคัญ

"เต๋! ก็รู้อยู่ว่าไม่ชอบให้พูดงี้!" วอนบ่นก่อนจะดึงมือกลับมากอดอก

"....คนดี เต๋แค่ล้อเล่นเองนะ เราทำไมหมู่นี้ขี้หงุดหงิดจัง" เต๋ถามกลับแล้วลอบมองหน้าคนที่เบาะข้าง

...วอนไม่ชอบให้คนพี่พูดเรื่องทำนองว่าการเอาตัวเข้าแลกเพื่อให้ได้มาซึ่งอะไรสักอย่าง และเพราะอยากหยอกล้อทำให้คนพูดไม่ทันได้ฉุกคิดก่อน

...วรภพไม่ได้ตอบกลับอะไรไป เขานั่งเงียบมองออกไปนอกหน้าต่าง คิดเรื่องชีวิตตัวเองในตอนนี้ตลอดทางแทน...

01.11.2020

ตอนที่แล้วThree of us 18 : พิรุธ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปThree of us 20 : ไม่ตอบ
แบ่งปัน
สวัสดีค่า สำหรับใครที่เข้ามาอ่านงานเรา ไม่ต้องคอมเม้นท์เราก็ได้ เข้ามาติดตามกันก็ชื่นใจแล้ว จะพยายามอัพเดทผลงานเรื่อยๆเลยนะ ติชมอยากให้เปลี่ยนแปลงตรงไหนบอกได้เลยพร้อมพัฒนาแก้ไขให้ทุกคน เราตั้งใจเปลี่ยนนามปากกาใหม่เป็น ศศิศิลป์ ศศิ ที่แปลว่าดวงจันทร์ และศิลป์ ที่หมายถึงศิลปะ เพราะส่วนตัวเราชอบคิดเรื่องที่จะแต่งในตอนกลางคืน เกือบทุกเรื่องจะเขียนจบในเวลาที่ฟ้ามืดแล้ว ศิลปะทางภาษาของเรามักจะทำงานในตอนกลางคืนว่างั้นก็ได้ ยังไงฝากติดตามกันด้วยนะ ศศิศิลป์
0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด