ตอนที่แล้วThree of us 09 : ห้าว
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปThree of us 11 : อ้อน

Three of us 10 : ความเงียบ


Three of us

ตอนที่ 10

ความเงียบ

ถามว่าจะมีใครตัวชาและไปต่อไม่ถูกกว่านี้ก็อาจจะเป็นมนุษย์ที่โดนแช่ช่องฟรีซทั้งเป็น เพราะเก่งมาจากไหนก็ตามแต่มาโดนเค้นแบบนี้ก็ไปไม่เป็น

แล้วดูหน้าตาดุๆของเต๋ที่มองมาสิ

"ถามว่าไปทำอะไรมา เงียบทำไมวอน!" เต๋ว่าเสียงกร้าว

"แล้วจะขึ้นเสียงทำไม!" วอนตอกกลับ

"วอน! เจ็บตัวมาขนาดนี้จะไม่ให้ห่วงได้ไง ดูหน้าตัวเองซิปากเยินขนาดนี้!" เต๋ว่าจับคางน้องหันไปมา

"โอ้ยเบาๆเต๋! เจ็บ!" วอนพยายามผลักมือเต๋ออกแต่คนพี่ก็ยังคงจับคางเขาเชยไว้แน่น แล้วลูบแก้มเบาๆไม่ให้โดนแผล

"เจ็บแล้วทำไมตอนทำไมไม่คิด ไปโดนอะไรมาไหนพูดดิ!" เต๋ว่า ใบหน้าของคนขับตอนนี้วอนกลับมองว่ามันดูขึงขังน่ากลัวกว่าตอนไปนัวกับไอ้ดอสซะอีก

"ต่อยกับนักบาสมหาลัยมา ก็มันห้าวอะ!" วอนว่าอ้างไปถึงคนที่เขาเพิ่งแลกหมัดด้วยมา คนอะไรพูดจาไม่ให้เกียรติแฟนตัวเอง แล้วยังทำท่าทางเอาเรื่อง ไม่ฟังเหตุผล

เอ๊ะ...

มันไม่เข้าตัวใช่ไหมวะ..

"ใครกันแน่ห้าว นี่ก็ไม่เบาหรอกมั้ง แล้วดูดิ๊แม่ง เต๋นี่ไม่เคยอยากจะให้วอนเป็นรอยเลยนะ"

อยากจะ แหม ไปให้ถึงดาวอังคาร

ได้กันทีใต้ร่มผ้านี่ทิ้งไว้กี่รอย ให้พูดใหม่!

แต่ก็บ่นแค่ในใจ

"เลิกบ่นได้แล้ว ไม่ได้ตั้งใจจะไปนัวกับมันสักหน่อย วัยรุ่นก็เงี้ยเลือดมันร้อน ธรรมดา" วอนบอกพยายามที่จะติดขำให้อีกคนหลุดจากอารมณ์สงสัยและไม่พอใจ แต่เปล่าเลย...

"แล้วมีเรื่องอะไรกันต้องได้เลือดมาแบบนี้ ขอฟังเหตุผลที่เข้าท่าหน่อยนะ" เต๋ถามหน้านิ่งหลังจากผลักออกจากเช็คแผลและใบหน้าวอนหมดแล้ว

เขาเองก็ไม่ใช่จะไม่เคยมีเรื่องแบบนี้ แม้จะผ่านการเป็นนักเรียนมานานแล้วก็ยังจำได้ดี

ยิ่งนทีน่ะตัวดีเรื่องใช้อารมณ์

เป็นผลให้เขาที่เรียนด้วยกันชั้นเดียวกันมาตลอดนั้นร่วมวงไปด้วยเสมอ แต่ส่วนมากจะคอยห้ามคอยกันมัน

"เรื่องไร้สาระ" วอนว่ามองไปทางอื่น

"รู้ตัวไหมว่าโกหกไม่เนียน มีอะไรพูดตรงๆ อย่าให้ต้องไปตามไปหาจนรู้เอง" เต๋ขู่ทันที

คงเพราะนิสัยพูดตรงๆ และชอบทีเล่นทีจริงแบบไปตรงไปตรงมา ทำให้เวลาโกหกนั้นวอนไม่เคยจะทำมันอย่างไหลลื่นเลยจนสามารถจับได้ง่ายๆ

"แฟนเหม มันหึงที่ไปคุยกับแฟนมัน" พอได้คำตอบอย่างนั้นทำเอาเต๋หลับตาถอนหายใจก่อนจะหันไปเข้าเกียร์แล้วออกรถ

วอนใจกระตุกวูบ

เพราะเต๋ไม่ได้โมโหอย่างที่เขาคาดไว้ แต่กลับนิ่ง ขับรถไปเงียบๆแทน

"ไม่ได้มีอะไรนะ ก็มันพูดจาไม่เข้าหูอะ...ไม่ให้เกียรติแฟนตัวเองมีที่ไหน แถมยังไม่ฟังเหตุผลด้วยว่าคนเขาแค่ทักทายกัน" วอนนั่งมองเสี้ยวหน้าของเต๋ที่นิ่งเรียบไม่พูดอะไร มันยิ่งทำให้วิญญาณนักอธิบายเข้าสิง

ฟากของเต๋นั้นยิ่งฟังยิ่งหงุดหงิดที่วอนนอกจากจะไปพูดคุยทักทายกับเด็กคนนั้นที่มีประวัติกับวอนมาตลอดตั้งแต่เขาพบวันแรก แถมฟังดูแล้วท่าทางคงต้องสนิทสนมจนทำให้แฟนอีกฝ่ายหึงได้ แล้วยังจะปกป้องเขาถามหาเกียรติให้เขาจนแตกเลือดมาเนี่ยนะ

"เหอะ"

"เต๋ ก็ถามหาความจริงก็นี่ไงเล่าแล้ว เงียบทำไม?" วอนถามคนที่ไม่พูดไม่จา

"อือ" เต๋ตอบแค่นั้นทำเอาวรภพหงุดหงิดขึ้นมาบ้าง นั่งกอดอกเงียบตลอดทางจนมาถึงห้าง เขาสวมแมสเพื่อปกปิดแผลทันทีเมื่อรู้ว่าต้องไปเดินที่มีผู้คนมากมาย

"แล้วนี่มาทำอะไรอะ ไม่พูดสักคำ" วอนเหน็บคนที่ตั้งแต่ลงจากรถมาก็ยังไม่พูดอะไรจนเขาแทบจะระเบิดอารมณ์

"สนใจความรู้สึกกันด้วยรึไง?" เต๋ถามกลับ ทำเอาคนโดนถามอึ้ง

"ถ้าไม่สนใจจะทนกับความเงียบแบบนี้ตลอดทางเหรอ แล้วถามก็ตอบหมดแล้วอะ ไม่พอใจอะไรก็พูดดิ" วอนพูดเสียงเบา เพราะไม่อยากให้ใครที่เดินผ่านกันไปมาได้ยินว่าพวกเขาทะเลาะกัน

"ชอบมากดิเหมนั่นอะ แคร์เขามาจนต้องเจ็บตัวเลยมั้ง ไม่ต้องสนใจคนที่เขาเป็นห่วงเลยมั้ง รักตัวบ้างไหม? สนคนอื่นบ้างไหม หรือสนแค่ชื่อเหม?" เต๋บอกทำเอาวอนนิ่งไป สองคนยังเดินเคียงกันไปช้าๆในห้าง พูดแบบไม่มองหน้ากันทำให้ไม่ได้มีท่าทีทะเลาะเบาะแว้งเมื่อคนอื่นมองมา

สำหรับคนทั้งคู่แบบนี้มันเจ็บและจุกในใจเบาๆเสียยิ่งกว่าการตะโกนใส่กันเสียอีก

"เฮ้ยแล้วจะให้ทำไง จะต่างอะไรกับมันอะถ้าไม่ฟังเหตุผลเลย เป็นรุ่นพี่รุ่นน้องก็แค่ทักทายกันไหม! แล้วไอ้ดอสนั่นมันกร่าง มันหาว่าจะไปเล่นชู้กับแฟนมันอะพูดต่อหน้าคนเยอะแยะมีที่ไหน ที่มีอยู่ก็มากเกินพอแล้วจะเอาเหมมาทำไมอีกวะ!" วอนพูดยืดยาวก่อนจะสาวเท้าเร็วๆเดินหนี เขาแทบลืมไปเลยว่าปากเจ็บอยู่

ไม่รู้หรอกว่าตัวเองกำลังจะหนีไปไหน แม่งไม่อยากจะคุยด้วยเลยถ้าจะเงียบใส่กันแบบนี้ แล้วที่พูดออกมานั่นทำเหมือนว่าเขารักเหมมากมั้ง มันแค่การปกป้องน้องมันจากคำพูดของไอ้ดอสแล้วก็ปกป้องตัวเองจากคำเหล่านั้นไหมวะ

แม้จะยอมรับว่าใช้อารมณ์กับปัญหาไปหน่อย แต่มันก็เกิดขึ้นไปแล้วแก้ไม่ได้แล้ว...

ไม่ทันจะเดินไปไหนไกล คนที่ได้ยินคนน้องบอกว่า ที่มีอยู่ก็มากเกินพอแล้ว แอบดีใจขึ้นมาน้อยๆที่น้องมันพูดแบบนั้น เดินมาคว้าข้อมือวอนเดินไปทางร้านที่เขาตั้งใจจะมาวันนี้

"ปลอยเลยเต๋ ลากทำไม..." วอนพยายามดึงมือออก

"มาเร็ว ไปดูนาฬิกากัน..."

"ไม่เงียบแล้วรึไง แล้วนี่ลากมาขนาดนี้เพื่อมาดูนาฬิกาเนี่ยนะ.." วอนชักจะไม่เข้าใจอีกคนเข้าเรื่อยๆ

"ก็แค่อยากใช้เวลาด้วยกันอะ ทำงานตลอดเลย...ทำไมเวลาของเต๋ต้องมีเรื่องของคนอื่นเข้ามาตลอดโดยเฉพาะเด็กคนนั้น" เต๋ตัดพ้อ สองคนยืนมองหน้ากันอยู่หน้าร้านแบรนด์ดัง

"อย่างอแงตอนนี้ได้ปะ ขอโทษที่ทำให้ห่วง แต่ไม่เสียใจที่ทำไปนะบอกก่อนเพราะร่างกายต้องการปะทะจริงๆตอนนั้น ไม่ได้เสียดาย" วอนยังคงยืนกรานว่าดอสนั้นสมควรโดน ก่อนที่จะเป็นฝ่ายลากเต๋เข้าร้านแบรนด์เนมที่ยืนอยู่ด้านหน้าสักทีแทนที่จะเถียงกัน

"ลองเป็นไอ้นัทที่มาอยู่ตรงนี้สิ วอนไม่ได้ยืนเถียงเต๋ตรงนี้แน่" เต๋ว่าพร้อมกับยังเดินดูตู้โชว์นาฬิกา คนพี่ก็ส่งสัญญาณให้พนักงานอย่างสุภาพว่ายังไม่ต้องแนะนำเขา เต๋อยากจะเดินคุยกับวอนเรื่อยๆก่อน...

"ใช่เหรอ พี่นัทไม่เห็นเป็นงั้นเลย"

"น้อยไปสิ มันจะได้ลากวอนไปชี้ไอ้คนทำแล้วได้ผลัดกันอีกสักหมัด" วอนยังไม่รู้จักนทีมากพอ ไม่สิ... นัทและเขาเองระหว่างวอนนั้นยังไม่รู้จักกันมากพอ เต๋เองก็ยังไม่รู้เลยว่าวอนจะเปรี้ยวได้ขนาดนี้

"แล้วนี่มาดูอะไรอะ เวลาว่างที่อยากทำคือมาเดินใช้เงินเล่นๆเหรอ?" วอนถามมองหน้าคนที่ลอบมองเขามาตลอด

"ไม่ได้ใช้เงินเล่นๆ นาฬิกาดีๆมีไว้ก็ไม่เสียหายอะไร...บางเรือนมีไว้เพิ่มมูลค่าด้วยไง มาดูตรงนี้สิ..." เต๋ดันหลังน้องเบาๆให้เดินมาที่ตู้หนึ่ง มันใกล้ชิดจนวอนไม่ได้ทันรู้สึกด้วยซ้ำ

"วอนว่าเรือนไหนสวย เลือกให้เต๋หน่อย"

"หืม...อ่าา" วอนหันมองก่อนจะจับคางพิจารณาการแต่งกายของเต๋วันนี้ซึ่งเป็นแบบประจำคือเชิ้ตแขนสั้นคอจีบกับกางเกงสบายๆ ต่างกับนทีที่จะชอบแต่งทางการและเนี้ยบกว่า

"ไม่ดิ ดูแค่ที่ชอบอะ...ลองเลือกมาหน่อย" เต๋ว่าเมื่อเห็นสายตาคนน้อง วอนหรี่ตามองแต่ก็ไม่พูดอะไร ก้มมองไปในตู้กระจก

"อันนี้สวย ลายไม่เกลื่อนตลาดใส่ได้ทุกโอกาสดีอะ" เขาเลือกในแบบสไตล์ของตัวเอง

"ขอดูตัวนั้นหน่อยได้ไหมครับ จริงๆอยากจะดูระหว่างเส้นนั้นกับเส้นบนอีกอัน" เต๋ชี้ไปยังเรือนที่คล้ายกัน

"นี่เลยครับ ปกติแล้วมีแบบในใจไหมครับ เพราะว่าโอกาสในการใช้มันค่อนข้างจะมีความต่างอยู่" พนักงานที่สวมถุงมือขาวเพื่อป้องกันสินค้าถาม

"สารภาพเลยครับว่าไม่ได้ใช้แบรนด์นี้ แต่พอดีจะเลือกให้คนนี้...เป็นแบบใส่ได้ทุกโอกาส ไม่ดูเว่อร์ไปสำหรับวัยนักศึกษา" เต๋ตอบ ก่อนที่ทั้งวอนและพนักงานจะมองไปที่ข้อมืออีกคนพร้อมกัน

พนักงานถึงกับยิ้มแห้ง เพราะที่ข้อมือเต๋มีอยู่แล้วนั้นราคามันเหยียบล้าน...

"...ว่าแล้วไง สรุปคือจะพามาซื้อให้ใคร" วอนบอกอย่างรู้ทัน ลากมาด้วยอย่างนี้ไม่มีหรอกจะมาซื้อให้ตัวเอง นี่ก็ทำตัวเป็นป๋าเข้าอีกคน...

"...ให้คนนี้ไง เต๋เห็นวอนลงรูปใส่นาฬิกาตลอดเลยอยากซื้อให้บ้าง อยากสำคัญอะ" เต๋ว่าทำเอาวอนหน้าขึ้นสี แต่ที่หนักกว่านั้นน่าจะเป็นพนักงาน ถึงแม้จะพูดไม่ดังมากก็ทำเอาพวกเขาได้ยินแล้วลอบอมยิ้ม

"เต๋!" วอนกดเสียงเรียกแต่เต๋กลับยกยิ้ม

"เร็วสิเขารอนะนั่น เลือกสิ...ให้เป็นของขวัญเนื่องในโอกาสอยากจะให้" คนพี่ว่า พนักงานได้แต่ยิ้มแหยๆราวกับจะบอกว่าไม่รบกวนเวลาเขาหรอกจีบกันตามสบาย

....ยืนเลือกกันอยู่ครู่หนึ่ง วรภพนั้นพิถีพิถันมาก เพราะราคาแต่ละเรือนสำหรับเขามันถือว่าแพงอยู่โขแม้สำหรับเต๋มันจะดูซื้อขายง่ายดายเหมือนซื้อชานมสักแก้ว

"เอาบัตรมาสิ บัตรที่นัทให้ไว้เมื่อเช้า.." ถึงคราวจ่ายเงินเต๋ก็กลับบอกวอนให้หยิบบัตรขึ้นมา

วอนล้วงมันออกมาจากกระเป๋าสะพายสีดำทรงสวยขึ้นมา เขาก็ว่าตัวเองมีรสนิยมและการแต่งตัวดีพอควรมันก็ยังต่างกับเต๋ที่ดูดีแบบสบายๆและรู้ได้ว่าทั้งตัวแพงทุกชิ้น...

...เอางี้เขามันรสนิยมดีแบบคนทั่วไปเอื้อมถึง แต่รสนิยมดีของเต๋คือเหมือนตู้เงินเคลื่อนที่ ปล้นรองเท้าไปสักข้างก็อยู่สบายทั้งเดือนแล้ว

"อ่ะ.." วอนยื่นมันให้เต๋ เขาเลือกใบที่มันมีชื่อของเต๋อยู่ ทั้งสองใบมีบอกตัวย่อชัดเจนว่าใครคือเจ้าของบัตร เต๋ส่งมันให้กับพนักงานทันที...

"รู้หรอกว่าให้ไว้ก็ไม่เอาไปใช้อะไร นี่ไง...เอามาซื้อของซะเลย แล้วเดี๋ยวไปเดินดูอันอื่นกัน ใช้ของไอ้นัทรูดให้มันหมดตัวเลย" เต๋บอกขำขัน

ทั้งคู่เดินถือถุงเข้าออกหลายร้าน แต่วรภพก็ไม่ยอมซื้ออะไรเพิ่มนอกจากนาฬิกาจากร้านแรกและกระเป๋าจากร้านที่ 2 ที่ใช้บัตรนทีรูดไป

"จะให้ซื้ออะไรนักหนาอะเต๋ จริงๆไม่ได้จำเป็นทั้งสองอย่างเลย เปลือง!" วอนบ่น

"ก็อยากให้ใช้ของดีๆ แต่งตัวหล่อๆไง แล้วไม่เปลืองสักหน่อยเต๋กับนัทดูแลหมด"

"จะบอกว่าปัจจุบันแต่งตัวไม่ดีเหรอ?" วอนรีบดูสาระร่างตัวเอง เขาว่าเขาแต่งตัวจัดว่าดีมากแล้วเพราะแม่ชอบจับแต่งตัวดีๆตั้งแต่เด็ก ทั้งเขาและนรสิงห์ไม่เคยพลาดเรื่องรสนิยม

"...ไม่ใช่งั้น แต่ก็อยากให้มีของที่มีมูลค่าติดตัวไว้ใส่ไปงานหรือไปไหนได้ไง เผื่อว่าจะพาไปไหนด้วยกันออกงานงี้ไปดินเนอร์งี้.." เต๋ว่ายกยิ้ม

เต๋ว่ามันเป็นเรื่องปกติมากสำหรับเขา ในการที่จะต้องมีมันเพื่อเข้าสังคม สำหรับน้องมันอาจจะใหม่แต่เขาอยากให้น้องมีมันเก็บไว้ เป็นประโยชน์กับตัววอนเอง...ไม่ว่าในอนาคตจะเป็นยังไงแต่ตอนนี้เขายินดีจะให้ก็เลยให้...

...ตอนนี้วอนเป็นของเขา น้องควรต้องมีมันไว้บ้าง ในเมื่อกี่คนที่ผ่านเข้ามาแม้จะคบกันจริงจังหรือไม่ต่างก็พากันรับสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องปกติ แต่คนข้างหน้าเขาตอนนี้กลับดูไม่ได้สุขกับสิ่งของมากมายและไม่ได้ดูอยากกอบโกยเลย

"เราทำได้เหรอ เราสามคน...กินข้าวที่ ETC มันก็ไม่แปลกนะ แต่...ออกงาน? มัน..." วรภพรู้สึกคิดภาพไม่ออก

เขาจะไปไหนกันสามคนอย่างนี้มันไม่ดูประหลาดหรือ แล้วจะแนะนำตัวว่ายังไง... มันอาจจะไม่แปลกที่นทีหรือเต๋จะไปบอกใครว่าดูใจกับเขาอยู่ เขาไม่ได้ดูถูกตัวเองขนาดที่ว่าจะรู้สึกเทียบเคียงไม่ได้เลยอย่างนั้น

แต่การที่จะไปบอกใครๆว่าเป็นแฟนของสองคนนี้พร้อมกัน อยู่กันสามคนผัวเมียเนี่ย...

"คิดแค่ตอนนี้ก่อน แค่อยากซื้อให้เนี่ยรับไว้ได้ไหม คนอยากให้น้อยใจนะ..." เต๋ว่าทำหน้าเศร้าลง

"อย่าแอคติ้ง! ไปสิ...ไปดูรองเท้าต่อแล้วพอแล้วนะ ทำอย่างกะจะไม่ได้เจอกันแล้ว ค่อยซื้ออีกก็ได้ไหม..." เต๋ทำอย่างกับพรุ่งนี้โลกจะแตกแล้วต้องซื้อทั้งหมดภายในวันเดียวยังไงอย่างนั้น

"อย่าพูดแบบนั้น ยังต้องอยู่ด้วยกันไปอีกนาน นานเท่าที่เราจะอยากอยู่ด้วยกันเลย" เต๋ว่ายกยิ้มอีก

ยิ้มเก่ง!

กูก็ใจสั่นเก่งเนี่ย หลงไปหมดแล้ว!

วรภพยอมรับเลยว่าเขาชอบความเป็นคนแบบนี้ของเต๋ที่สุด ดูขี้อ้อน ดูอบอุ่น ทว่าก็ไม่ได้น่าเบื่อ ถ้านทีคือความร้อนแรงผสมนิ่งเงียบไปบ้าง เต๋ก็คงเป็นความอบอุ่น ขี้เล่น

Rrrrrrrrrrrr

"ฮัลโหล" วอนกดรับสายในขณะที่เต๋กำลังจ่ายเงินซื้อรองเท้าคู่ใหม่ให้เขา

("เสร็จกันรึยัง นี่จะไปแอบใช้เวลาด้วยกันนานไปไหม")

"ก็ไม่ได้แอบซะหน่อยเนี่ย พี่นัทก็รู้อยู่แล้ว" วอนกวนกลับ

("วอน พี่หิวแล้ว...บอกเต๋ว่าอย่าเถลไถล") วอนรีบมองหน้าเต๋ทันที เขาจับปากตัวเองที่มีแผลเบาๆ นี่ทางนี้เพิ่งเคลียร์เย็นนี้ต้องไปหานทีอีกเหรอ...

("เงียบทำไมเนี่ย เต๋ไม่ได้บอกหรอว่าเดี๋ยวต้องมากินข้าวเย็นด้วยกันอะ")

เต๋ที่เห็นน้องเงียบไปนั้นก็ยื่นมือมาข้างหน้าเพื่อจะขอเอาโทรศัพท์มาคุยเอง

"อะไรนัท?"

("มึงจะมาพูดสายทำไมเนี่ย กูจะคุยกับวอน")

"น้องมันซื้อของอยู่ โวยวายอะไรนัก" เต๋กรอกตาไปมา

("มึงใช้เวลากับน้องนานไปแล้วนะ พาน้องมาหากูเร็ว กูหิวข้าวแล้ว") เต๋ยกนาฬิกาขึ้นมาดูทันที ก็พบว่ามันเริ่มเย็นเข้าทุกทีจริงๆด้วย

"เออๆ วางก่อน เดี๋ยวพาไป" เต๋รับปากแล้ววางสายแล้วส่งมันคืนให้เจ้าของ

"เต๋... พี่นัทจะว่าไหม?" วอนถามจับแขนคนพี่เขย่าไปมาเล็กน้อย

"ไหนบอกว่าไม่เสียใจที่ทำไปไง ก็ไปง้อมันหน่อยแล้วกัน" เต๋ยกยิ้มขำที่มีคนกำลังกลัวความผิด

"งั้นไม่ไปหาพี่นัทได้ไหมอะ รอแผลหายก่อน" วรภพต่อรอง

"ไม่ได้วอน แบบนั้นมันฆ่าเต๋พอดี"

"แต่เต๋สัญญากับนะไว้ด้วย ว่าจะไปกินข้าวด้วยกันทุกเย็นอะ"

"แล้วเต๋ล่ะ?"

"เต๋~"

วอนเรียกเสียงเล็กเสียงน้อยขึ้นมา

"ไม่รู้แหล่ะ ยังไงวันนี้ไปกินข้าวด้วยกันก่อน" เต๋นิ่งลงไป ถึงโหมดจริงจังแล้ววอนก็ไม่อยากจะต่อรองขึ้นมาเลย ปกติเขาไม่กลัวใครเลยแต่กับสองคนนี้แล้วบางทีก็ยอมลงให้

มาถึงคอนโดของนที ทั้งคู่ขึ้นมาที่ชั้นเดิมที่วอนเคยมีประสบการณ์อันเลือนลางกับมัน คืนที่รู้ตัวตอนเช้าก็แทบจะเป็นอัมพาตครึ่งตัว

ลองใช้คีย์การ์ดครั้งแรกเพราะเต๋บอกให้ลองมันดู ก่อนจะเข้าไปในห้องที่มีกลิ่นอาหารอบอวล เหมือนว่านทีจะทำมื้อเย็นรอไว้แล้ว

"กว่าจะมา ไปซื้อกันถึงไหน?" เสียงทุ้มของคนที่วางจานอาหารลงบนโต๊ะ เหมือนว่าจะมีทั้งที่สั่งมาและที่นทีทำเอง วอนตาโตทันทีไม่ใช่เพราะอาหารน่ากิน แต่นทีเนี่ยนะทำเอง...

"เรื่องนั้นไว้ก่อน เอาเรื่องนี้ดีกว่า.." เต๋ว่าส่งสายตาไปหาคนน้องที่นั่งลงเงียบๆ

"อะไรวอน เมื่อเช้าพูดอะไรไว้ยังไม่เคลียร์เลยนะ กวนจริงๆ" นทีว่าถึงคำที่อีกคนหยอกเอินเขาไว้ตอนไปส่งที่มหาลัย

วรภพค่อยๆดึงแมสออกจากหน้าแล้วเงยมองคนที่ถามเขา นทีมองสำรวจด้วยใบหน้าที่เดาไม่ออก

"เมียมึงเป็นไงนัท ตัวจี๊ดไหม? นี่ตอนกูไปรับยังดูช้ำบวมกว่านี้อีกนะ" เต๋ว่าในตอนที่เดินหยิบน้ำมาวางให้ครบทุกคน

นทียังคงไม่พูดอะไร เขาก้าวเท้าเดินมาหาวอนก่อนจะเชยหน้าขึ้นมาดูใกล้ๆแล้วมองตาเหมือนรอให้น้องอธิบายเอง

"จะเล่าเองหรือจะให้เต๋เล่าล่ะ?" อีกคนนั่งถามข้ามมาจากมุมโต๊ะ วอนยังคงเงียบเขาสบดวงตาสีดำขลับของนทีไม่ไปไหน

"...."

"จำคนที่ทำกูหัวร้อนได้ไหมนัท ที่เคยเรียกชื่อตอนเอากับมึงและกูในห้องนี้แหละ ไม่รู้ไปคุยกับเขาอีท่าไหนให้ผัวเขาหึง ฃแล้วซัดกันสภาพอย่างที่เห็น" เต๋พูดทั้งหมดด้วยอารมณ์ พอนึกถึงขึ้นมาแล้วมันก็อยากจะจับตีให้ก้นลาย

นทียังคงนิ่งอยู่ก่อนจะไปนั่งลงที่เก้าอี้ข้างกัน

"กินข้าวได้แล้ว หิว" เสียงทุ้มบอกแค่นั้นก่อนจะหยิบช้อนส้อมพร้อมลงมือทาน วอนงงขึ้นมาเมื่อต้องพบกับความเงียบที่แผ่ขึ้นมาอีกครั้ง แต่คงไม่ใช่แค่เขา...แม้แต่เต๋ก็ยังเลิกคิ้วสังเกตอาการนทีไปด้วย

"กินสิ อุตส่าห์ทำรอตั้งนาน" นทียังคงว่าแล้วเงยมองหน้าทั้งสองคนสลับกัน

....วรภพยังไม่อยากจะเซ้าซี้อะไรมาก เขาลงมือทานมันเงียบๆ ก่อนที่สองพี่น้องข้างๆจะพูดคุยกันเรื่องงานและบริษัทที่เขาฟังไม่ค่อยจะรู้เรื่องเท่าไหร่...

น้อยใจขึ้นมาเฉยเลยว่ะ

ไม่ชอบการโดนเมินเลย...

จนแม้แต่ตอนกินเสร็จแล้ว นทีก็ยังคงไม่ถามหรือสั่งสอนเขาเหมือนตอนที่เต๋ทำ วอนช่วยล้างจานเสร็จก็ไปทิ้งตัวลงที่โซฟาก่อนหยิบมือถือกดหานรสิงห์เพราะเห็นว่าเย็นมากแล้ว

"นะ ถึงบ้านหรือยัง?"

("โทษทีนะวอน วันนี้นะไม่ได้กลับ อาจจะไม่ได้กลับสัก2-3วันเลย งานกระทันหันต้องค้างที่บริษัทนี่แหละ") เสียงตอกกลับจากพี่ชายทำเอาเขาเม้มปากแน่น ไม่สนว่ามันจะเจ็บแค่ไหนจากแผล แค่รู้สึกแย่และน้อยใจ...

"อือ กินข้าวเย็นด้วยนะ"

("โกรธหรือเปล่าวอน งานด่วนจริงๆไว้เดี๋ยวเสร็จจากนี้แล้วเราไปหาแม่กันไหม?") นรสิงห์ถามเอาใจน้องชาย

"ค่อยพูดเถอะ ตั้งใจทำงานด้วย จะวางแล้ว"

("ปิดบ้านดีๆ อนุญาตให้ไปเที่ยวได้แต่ดูแลตัวเองด้วย นะไปทำงานต่อแล้ว") นรสิงห์พูดอีก 2-3 คำก่อนวางสายไป ทำเอาวรภพหงอยกว่าเดิม แทนที่กลับจากที่นี่ไปเขาจะได้ไปใช้เวลากับพี่ชายก็กลับมาโดนเทอย่างนี้

"เขาว่าไง ตามกลับบ้านแล้วเหรอ?" เต๋ที่นั่งอยู่บนโซฟาด้วยกันถามวอนพร้อมกับจับมือน้องไปเล่น

"นะติดงานอยู่อะ" วอนบอกตอบก่อนจะหันไปมองนทีที่ยังยุ่งอยู่กับการเก็บครัว

"อย่าไปสนใจมันเลย วอนไม่เสียใจกับสิ่งที่ทำไปนี่...ก็ไม่ต้องไปรู้สึกผิดกับมันหรอก"

วรภพสะอึก เขาจับทางไม่ได้เลยเต๋พูดมันแบบธรรมดาแต่ถ้อยคำที่ส่งมามันคือการเหน็บแนมชัดๆ

....ยิ่งฟังยิ่งรู้สึกผิดขึ้นมาเฉยเลยที่เลือกใช้ความรุนแรงแก้ปัญหา แล้วความน้อยใจก็ตีตื้นขึ้นมา...อยากร้องไห้เฉยเลย

"เป็นอะไรวอน" เต๋ถามมองน้องที่นิ่งไป

"อยากกลับบ้าน" วรภพบอกไม่สบตา

"รีบกลับทำไม พี่ชายติดงานอยู่ไม่ใช่เหรอ?"

"ไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว" คำพูดของวรภพนั้นคนที่อยู่ในครัวเดินกลับมาที่โซฟาได้ยินมันเข้าพอดี

"...ตามใจเขาสิเต๋ เขาไม่อยากอยู่จะห้ามทำไม" นทีว่าทำเอาวอนหันหน้ากลับไปมอง

"เฮ้อ ไป...งั้นเต๋ไปส่ง" เต๋รู้ทันทีว่านทีนั้นเมื่อได้โกรธแล้วมีไม่กี่อย่าง เพียงแค่ครั้งนี้แปลกไปที่นิ่งแล้วเลือกทำแบบนี้

...ตลอดทางวอนไม่พูดอะไรออกมาสักคำ จนรถมาจอดหน้าบ้านที่ปิดไฟเงียบ

"วอน นัทมันโกรธอยู่... มันคงไม่อยากพูดให้ทะเลาะกัน เจ็บตัวมาขนาดนี้เนี่ยดูสิ..." เต๋ว่าพลางลูบไปเบาๆบนแก้มน้อง

"อือ ขอบคุณนะที่พาไปซื้อของวันนี้อะ"

"เต๋ก็ยังโกรธเลยที่วอนเลือกทำเพื่อคนอื่นจนเจ็บตัว แต่ทำไปแล้วนี่นะ...แล้วเต๋ก็พูดไปเยอะแล้วด้วย" เขารู้ว่าวอนต้องรู้สึกอะไรบ้างกับเหตุการณ์ครั้งนี้ อย่างน้อยก็รู้สึกผิดและจะไม่ทำอีก...

"เขาเลือกจะใช้การเงียบแล้วก็เมินเนี่ยนะ ไม่ชอบเลย..." วอนบอกคนขับด้วยแววตาสั่นไหว

"เดี๋ยวช่วยคุยให้..."

"บางทีเรื่องของเราอาจจะเร็วไปก็ได้ เราอยู่ด้วยกันแบบนี้ก็อาจจะเหนื่อยไปสำหรับทุกคน" วอนโพล่งสิ่งที่อยู่ในใจออกมา

"วอน.."

"มันเร็วไปมาก มันตั้งตัวไม่ทัน... ความรู้สึกข้างในมันตีกันไปหมดเลย บางทีมันอาจจะแค่รู้สึกดีกับเซ็กส์อะ"

"วอน!" เต๋เริ่มจะหงุดหงิด

"มันอาจจะมีใครที่ทั้งพี่นัทและเต๋ถูกใจกว่านี้..."

เต๋จ้องหน้าคนน้องนิ่ง ก่อนจะเอี้ยวตัวไปหยิบถุงมากมายมายื่นส่งให้

"วันนี้กลับไปคิดก่อนนะว่าทำอะไรลงไปแล้วเมื่อกี้พูดอะไรออกมา ที่ทำทั้งหมดนี่คิดว่าทำไปเพื่อไปอะไรวอน...นี่ทั้งเต๋ทั้งนัทอยากดูแลอยากอยู่ด้วยกันกับวอนนะ..."

วอนมองถุงที่คนพี่ยื่นให้นิ่งๆ ....นี่ก็อีกอย่าง เขาได้รับมันมากไปจนตั้งรับไม่ทัน ทั้งคนทั้งสองคน สิ่งของ ความสบาย และหลายๆอย่าง

"ถ้าไม่รับอีกเต๋จะปาทิ้งตรงนี้แหละ" คนที่รู้ทันเอ่ยออกมา วรภพไม่เอ่ยอะไรหยิบถุงขึ้นมาใส่ในมือ ก่อนจะเอื้อมตัวไปหาเต๋แล้วกดจูบลงเบาๆที่ปาก

"ขับรถกลับดีๆนะ" วอนว่าก่อนจะเปิดประตูลงจากรถไป

ทันทีที่เข้ามาในบ้านและเปิดไฟ เสียงบดล้อของรถเต๋ก็ขับออกไป วอนเองก็เดินเข้าในห้อง วางถุงกระดาษลงบนโต๊ะแล้วนั่งมองมันอยู่นาน ก่อนที่จะลุกไปดูกระจก มองแผลของตัวเองแล้วจับมันเบาๆ

"กูเป็นอะไรวะ แล้วกูทำอะไรอยู่.." วอนเอ่ยแล้วร้องไห้ออกมาดื้อๆ น้ำตาหยดน้อยๆไหลริน เขาทิ้งตัวลงไปบนเตียงก่อนจะปิดหน้าตัวเองไว้แน่น

26.10.2020

ตอนที่แล้วThree of us 09 : ห้าว
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปThree of us 11 : อ้อน
แบ่งปัน
สวัสดีค่า สำหรับใครที่เข้ามาอ่านงานเรา ไม่ต้องคอมเม้นท์เราก็ได้ เข้ามาติดตามกันก็ชื่นใจแล้ว จะพยายามอัพเดทผลงานเรื่อยๆเลยนะ ติชมอยากให้เปลี่ยนแปลงตรงไหนบอกได้เลยพร้อมพัฒนาแก้ไขให้ทุกคน เราตั้งใจเปลี่ยนนามปากกาใหม่เป็น ศศิศิลป์ ศศิ ที่แปลว่าดวงจันทร์ และศิลป์ ที่หมายถึงศิลปะ เพราะส่วนตัวเราชอบคิดเรื่องที่จะแต่งในตอนกลางคืน เกือบทุกเรื่องจะเขียนจบในเวลาที่ฟ้ามืดแล้ว ศิลปะทางภาษาของเรามักจะทำงานในตอนกลางคืนว่างั้นก็ได้ ยังไงฝากติดตามกันด้วยนะ ศศิศิลป์
0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด