ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปThree of us 02 : หัวใจเต้นแรง (NC)

Three of us 01 : ลูกชายเพื่อนแม่


Three of us

ตอนที่ 1

ลูกชายเพื่อนแม่

"นี่เร็วๆหน่อยได้ไหมสองคนพี่น้อง งานจะเริ่มแล้วนะ" เสียงของ สุณีย์ มารดาของบุตรชายสองคนกำลังบ่นด่า ในขณะที่เธอสวมรองเท้าคู่สวยและแต่งกายด้วยชุดพิธีการเตรียมออกจากบ้านในช่วงเย็นของวัน

"โอ๊ยแล้วทำไมเจ้ไม่ไปคนเดียวอ่ะ จะบังคับทำไม น่าเบื่อชิบ" วรภพ หรือ วอน ลูกชายคนเล็กตอบกลับด้วยความรำคาญใจ

"ไปแค่ไปส่งเฉยๆนะแม่ นะมีธุระต่อ.." นรสิงห์ บุตรชายคนโตบอกแม่พร้อมทั้งขำที่สองคนเถียงกัน

"เฮ้ยได้ไง ถ้างั้นไม่ไปเหมือนกัน..แม่จะมายกเว้นให้นะคนเดียวได้ไง"

"หยุดเลย แล้วจะไปไหนทำไมถึงไปไม่ได้ ฮะ?" สุณีย์เท้าเอวถามนรสิงห์ทันที

"ก็ผมมีไปกินเลี้ยงของบริษัทอะ นี่เพิ่งรู้เมื่อเที่ยงเองว่าเขานัดวันนี้ เมื่อวานนะออกนอกสถานที่เลยไม่ได้คุยกับใคร.." นรสิงห์บอกด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม วันนี้วันเสาร์เขาหยุดแต่เพราะเมื่อวานดันไม่ได้เข้าบริษัทเลยไม่รู้ว่าวันนี้มีกินเลี้ยงกัน

แต่สำหรับวรภพนั้นดูที่หน้าพี่ชายอย่างไรมันก็ดูเยาะเย้ยแกมสมน้ำหน้าส่งมาให้ชัดๆที่เขาต้องไปกับแม่สองคน

"โกหกเปล่าก็ไม่รู้แม่ บริษัทเอนเตอร์เทนเมนท์บ้าอะไรมันจะจัดปาร์ตี้ภายในบ่อยขนาดนี้.." ขอแค่ได้ตอกกลับพี่ชายก็ทำให้รู้สึกชนะขึ้นมาสักหน่อยแล้ว

"แล้วจะไปยุ่งอะไรพี่เขา งั้นนะไปเถอะเดี๋ยวแม่ให้วอนขับรถไปเองก็แล้วกัน ไปตัวดี.. ขึ้นรถเลย.." สุณีย์เอ่ยบอกลูกชายคนเล็กที่หน้าตาเง้างอด

"แล้วอย่าเมามากล่ะนะ ถ้าเมานอนบ้านเพื่อนนะลูก" เธอมิวายเปิดกระจกข้างคนขับบอกลูกชายคนโต ในขณะที่วรภพนั้นกรอกตาให้กับใบหน้ายิ้มเยาะของนรสิงห์ที่ส่งมา

"มันมีความจำเป็นอะไรที่เราต้องไปอะแม่ เขาเป็นญาติฝ่ายไหนหรือไง?" ลูกชายถามคนเป็นแม่แกมประชดในตอนที่รถเคลื่อนตัวออกมา

"ก็คุณอ้อเป็นเพื่อนแม่ตั้งแต่สมัยแม่ทำงานบริษัทประกันเจ้าเก่านู่น จนแยกย้ายไปมีครอบครัว...แล้วจนพ่อแกตายเขาก็ยังมาช่วยเหลือ ติดต่อกันเรื่อยเลยนะ...นี่เขาไปภูเก็ตก็ยังแวะไปเยี่ยมหากันบ่อยๆ" สุณีย์เอ่ยถึงมิตรภาพกับอรณิชย์ เพื่อนที่ทำงานตั้งแต่สมัยสาวๆที่ยังคอยติดต่อกันอยู่เสมอมา

"สมาคมหญิงสูงวัยงี้เหรอ คงจะรวยน่าดูนะถึงได้จัดงานอะไรที่ดูใหญ่โตจนต้องแต่งตัวขนาดนี้.." วรภพเอ่ยด้วยความขบขันพร้อมปรายตามองไปยังมารดาที่จัดเต็มกว่าปกติ

"ปากแกนี่นะ .. ฉันเป็นผู้จัดการสาขาเชียวนะ อีกอย่างงานวันนี้ก็ใหญ่โตจริงๆ ต้องแต่งตัวให้เกียรติเขาหน่อย"

"ขนาดไหนอะ มีคนตีกระบังกันไปเยอะๆไหม หรือมีเดินแบบด้วย? หรือเพื่อนเจ๊เป็นไฮโซแบบมีเพชรเยอะๆแบบในละคร" วรภพยังกวนแม่ไม่หยุด เป็นความวอนที่วอน(?)สมชื่อ

"เหลือเกินนะแก เขาก็ได้สามีมีฐานะน่ะแหละ แต่ตอนทำงานด้วยกันก็มีสามีแล้วนะก็ยังขยันขันแข็ง นี่กิจการลูกชายคนเล็กเขาล่ะ... นั่นไง เลี้ยวซ้ายทางนั้น.." เธอชี้ไปทางข้างหน้า มันเป็นอาคารที่อยู่ห่างจากถนนเข้าไปหน่อย มีที่จอดรถมากมายและรวมถึงสวนขนาดกลางที่ทำให้ตื่นตา

"โอ้โหแม่ สาบานว่านี่ไม่ใช่ห้าง ..." วรภพตาโตเพราะอาคารข้างหน้านี่เหมือนห้างสรรพสินค้าหรือโรงแรมขนาดกลางชัดๆ มีป้ายตัวโตเขียนว่า ETCETERA และภาษาไทยว่า ฯลฯ

"นี่แหละถึงได้อยากให้มาทำความรู้จักไว้...ไม่นานก็จะฝึกงานแล้วด้วยนี่ ไปเจอพี่เขาไว้หน่อยก็ดี คอนเนคชันสำหรับอนาคต..." เธอบอกลูกชายก่อนจะเดินลงจากรถไปก่อน ส่วนตัววรภพยังคงตื่นตากับสถานที่ตรงหน้า

อาคารขนาดไม่เกิน 6 ชั้นนี้ ด้านหน้าเป็นกระจกทั้งหมดยกเว้นชั้นแรกที่มีทางเข้าชัดเจนว่าเป็นสถานบันเทิง ตึกที่ว่ามีขนาดกว้าง มีป้ายมากมายแปะโฆษณาว่าข้างในนั้นมีอะไรบ้าง แต่ละชั้นก็มีความน่าสนใจต่างกัน ซึ่งมันมีทั้งที่สำหรับเช่าซ้อมดนตรี สำหรับแอโรคบิค ฟิตเนส ร้านหนังสือ หรือแม้แต่คอร์ทแบดมินตัน!!

เท่านั้นไม่พอช้้นล่างยังเป็นร้านอาหารและคลับที่ดูน่าสนุกอีกด้วย วรภพลงจากรถมาก่อนจะกดถ่ายรูปไว้รัวๆ แล้วกดส่งมันไปให้พี่ชาย

"พลาดแล้ว!!" วรภพพึมพำกดส่งมันให้ นะ ตามด้วยสติกเกอร์กวนๆ ก่อนจะก้าวเท้าเดินเข้าไปในงานที่มีพรมแดงให้เดินเข้าไป แม่เดินนำเข้าไปก่อนแล้วและคงเจอคนรู้จักเลยมัวยืนทักทายกันอยู่ที่ทางเข้า

Warning! : พลาดแล้วครัช ไม่ใช่งานน่าเบื่อโว้ย

: มีผับด้วย ร้านอาหารยัง Rooftop เอาไงอะ เปลี่ยนใจยังทัน!

ในมือวอนยังคงกดส่งหาพี่ชายไม่หยุด ขาก็ก้าวเท้าเข้าไปในงานไม่ทันมอง จนกระทั่ง...

"เชี่ยยย ขอโทษครับ.." วรภพชนเข้ากับใครสักคนอย่างแรง เขาอุทานก่อนจะรีบเงยหน้าขึ้นขอโทษขอโพย

"ไม่เป็นไร เดินระวังหน่อย.." ชายคนนั้นตอบด้วยเสียงเข้มและใบหน้านิ่งๆก่อนจะเดินหายเข้าไปในอาคาร

วรภพยู่หน้าเล็กน้อยให้ชายคนที่ใส่เชิ้ตพับแขนขึ้นนั่น....หล่อ ดูดี แต่ให้ตายเถอะวะ...มันจะเก็กจะขรึมไปไหน เจ้าตัวละความสนใจรีบสาวเท้าไปหาแม่ที่ยืนกวักมือเหมือนกับว่าให้เร่งหน่อยเพื่อที่จะเดินไปขึ้นลิฟท์ด้วยกัน

อาคารด้านล่างนั้นด้านซ้ายเป็นสถานบันเทิงที่กินเนื้อที่เกือบหมด มีเพียงส่วนหนึ่งถูกแบ่งเป็นเหมือนล๊อบบี้ไว้บริการสำหรับแนะนำการเข้าใช้บริการอาคารชั้นอื่นๆซึ่งส่วนนี้มีคาเฟ่เล็กๆข้างกัน

สองแม่ลูกมองสำรวจก่อนที่จะขึ้นลิฟต์กระจกเพื่อไปยังชั้นดาดฟ้าที่มีงานเลี้ยงนั้น ด้วยความตาดีวอนเหลือบไปเห็นว่ามีกลุ่มคนที่เหมือนเศรษฐีหลายคนเดินถือกระเป๋าเข้าไปในคลับชั้นล่างหลายต่อหลายคน มันทำเอาเขาแปลกใจ...

เมื่อลิฟต์มาถึงวรภพพบว่าด้านบนนี้อากาศดีกว่าที่คิดไว้ มันถูกทำเป็นร้านอาหารที่มีส่วนหลังคาเปิด ตกแต่งด้วยสไตล์โมเดิร์นทันสมัย มีเหล่าผู้หญิงที่แต่งตัวดูดีเดินยิ้มแย้มทักทายกันไปมา ก่อนที่คนหนึ่งจะตรงมาทางมารดาเขา...

"อ้าวสุณีย์ มาจริงๆด้วย ขอบคุณมากเลยนะ สบายดีไหม.." หญิงสูงวัยที่ยังดูสวยคนนั้นกล่าว

"ดีค่ะ คุณอ้อสบายดีเหมือนกันนะคะ ตั้งแต่ไปอยู่ที่ทางเหนือไม่ค่อยได้พบเลย..."

"สบายดีจ้ะ ยังจำได้ไปภูเก็ตหนก่อนไปเที่ยวตามประสาเราสนุกมากเลย ยังบอกกับเนเลยว่าวันนี้ถ้าได้พบจะชวนไปด้วยกันอีก.." เธอบอกด้วยรอยยิ้ม

"ได้เลยค่ะ ยินดีด้วยอีกครั้งนะคะ แล้วก็นี่...วรภพค่ะ ลูกชายคนเล็กของณีย์เอง...สวัสดีคุณป้าเขาสิวอน" แม่แนะนำให้วอนรู้จักกับเธอที่เป็นคนสำคัญของวันนี้

ดูท่าทางแล้วเพื่อนคนนี้ของแม่คงจะสนิทกันน่าดู เหมือนว่าเป็นสมาคมสาวไลฟ์สไตล์ชอบพากันไปเที่ยวเป็นกลุ่ม ทำเอาวรภพรับรู้ได้ถึงการมาเยือนของความน่าเบื่อทันที...

"น่าเอ็นดูจัง ต้องเป็นมนุษย์ป้าซะแล้วสินะ...เจ้าของงานวันนี้ก็ไม่อยู่ด้วยสิไม่งั้นจะแนะนำให้รู้จักกันเสียหน่อย" คนที่เขาต้องเรียกว่าป้าอ้อนั้นเอ่ยขำขันก่อนจะมองหาคนที่คาดว่าคงเป็นลูกชาย

"อ้าววอน แล้วไหนช่อดอกไม้ล่ะ?" เธอถามหาสิ่งที่เตรียมเอาไว้มาแสดงความยินดี

"ตายจริงไม่ต้องหรอกคุณณีย์" อรณิชย์ทำท่าทีเกรงใจ

"เตรียมมาแสดงความยินดีน่ะค่ะ แต่คงลืมไว้บนรถ วอนไปเอามาหน่อยสิ.." เธอบอกกับลูกชายก่อนที่วรภพจะรับคำแล้วเดินออกไป สองเพื่อนสาวจึงพากันไปที่โต๊ะทันทีเพื่อที่จะร่วมรับประทานอาหารกัน

วอนลงจากชั้นดาดฟ้ามาเปิดรถก็พบสิ่งที่เขาต้องการ คว้ามันขึ้นมาแล้วเร่งเท้าเดินกลับไป จากนั้นอยากจะขอปลีกตัวออกมาที่ผับชั้นล่างนี้สักหน่อย ท่าทางข้างในต้องมีอะไรสนุกแน่ๆ...ในขณะที่เดินผ่านและกำลังมองตาไม่วางนั้นเองก็มีสองคนวิ่งมาทางลิฟต์เขาเลยรีบกดปุ่มเปิดรอไว้

"ขอบคุณครับ.." เสียงทุ้มเอ่ยบอกก่อนจะเบียดตัวเข้ามาข้างใน วรภพจำได้ดีว่าหนึ่งในนี้คือคนที่เพิ่งชนกันไปเมื่อกี้

"ชั้นไหนครับ?" เขาเอ่ยถามมองสองคนที่ยืนเยื้องไปด้านหลัง

"น่าจะชั้นเดียวกันนะครับ มางานเลี้ยงเปิดตึกเหรอ?" ชายที่ไม่ใช่คนที่เดินชนกันถามด้วยเสียงนุ่ม

"มาวันนี้มันก็มีงานเดียวมั้ยไอ้เต๋" ครานี้เป็นเสียงของคนที่วอนไม่ค่อยจะชอบหน้า

"แค่อยากชวนคุยไงนัท มนุษย์สัมพันธ์ตายด้านเหรอมึง" คนที่ได้ยินว่าชื่อเต๋เอ่ยด้วยเสียงแกมรำคาญทำเอาวรภพขำน้อยๆและไม่ได้พูดอะไรต่ออีก

ลิฟต์มาถึงแล้ว...ทั้งสามก้าวออกมาพร้อมกัน ก่อนที่วรภพจะสาวเท้าเข้าไปหาสุณีย์ที่นั่งอยู่ ก่อนจะส่งดอกไม้ให้ป้าอ้อเพื่อนของแม่

"ขอบใจจ้ะวอน...อ้าวแล้งนั่นมาด้วยกันซะแล้ว รู้จักกันแล้วหรือ?" อรณิชย์ถามวรภพพร้อมมองไปยังคนด้านหลังอีกสอง

"เปล่าครับ.." วรภพนั่งลงพร้อมกับส่ายหน้า รู้จักอะไรกันล่ะเพียงแค่ขึ้นลิฟต์มาพร้อมกันแค่นั้น...

"งั้นป้าแนะนำเลยแล้วกันนะ นี่นทีหรือนัทลูกชายป้าเอง ส่วนนั่นก็เต๋หลานชายป้า ลูกชายของป้าเนเขา ส่วนเราสอง...นี่น้าณีย์ไงจำได้ไหม ที่เราไปเที่ยวภูเก็ตคราวก่อน" เธอสลับแนะนำทุกคนให้รู้จักกัน วรภพสวัสดีทักทายก่อนจะหันสวัสดีคนที่น่าจะเป็นเพื่อนแม่อีกคนบนโต๊ะ

"สองคนนี้เป็นเจ้าของงานวันนี้จ้ะ เขาหุ้นกันเปิด รู้จักกันไว้นะนัท เต๋ อีกไม่นานน้องฝึกงานอาจจะมีอะไรให้เราช่วยได้บ้าง.." เนบอกกับเด็กๆ ซึ่งทั้งสองซึ่งก็ยกยิ้มบางๆเท่านั้น

"แล้วนี่คนอื่นล่ะแม่?" นทีถามหาพี่น้องคนอื่นๆ

"แยกย้ายกันไปทั่วตึกแล้วมั้ง เราสองคนเองก็เพิ่งมานี่...ปล่อยให้แม่รับแขกคนเดียว อ้าวนั่นไง มาแล้วคนนึง.." อ้อเพยิดไปทางคนที่เดินตรงเข้ามาทางนี้

"อ้าว โต๋.." วรภพร้องเรียกคนมาใหม่

"เฮ้ยวอทซับโบร๋ มาไงอะวอน?" โต๋น้องชายของเต๋เอ่ยทักตอบในขณะที่คนอื่นทำหน้างงๆ

"โต๋เป็นเพื่อนที่คณะผมเองครับ คนละสาขาแต่เจอกันบ่อย.." วอนเอ่ยเพื่อไขข้อสงสัย

"อะไรกันอะ...เรื่องบังเอิญหรือพรหมลิขิตเนี่ย คืนนี้จัดหน่อยไหมอะ ไม่ได้เที่ยวด้วยกันนานแล้วเนะ...สวัสดีครับ" โต๋เอ่ยทักก่อนจะกอดคอเพื่อนแต่ไม่ลืมหันไปสวัสดีสุณีย์ด้วย

"นี่แม่กูเองอะ บังเอิญจัด..." วอนแนะนำด้วยรอยยิ้ม ในใจนี่แทบอยากจะกระโดดโลดเต้นเพราะเห็นลางว่าวันนี้จะไม่น่าเบื่ออีกต่อไป เขาและโต๋เคยเที่ยวด้วยกันบ่อย และไม่มีครั้งไหนที่ไม่สุดเหวี่ยงเลย

"ข้างล่างของดีทั้งนั้น คืนนี้ป๋าเลี้ยงเองนะหนูวอน.." โต๋กระซิบทำเอาวอนขำพรืด มีสายตาจากคนรอบโต๊ะมองมายิ้มๆยกเว้นก็แต่นทีคนมาดขรึม ที่ไม่รู้จะเก็กไปถึงไหนในสายตาของวรภพ

"งั้นแม่กลับดีกว่า เราจะอยู่ต่อนี่ให้แม่ทิ้งรถไว้ให้ไหม?" สุณีย์ถามลูกชายขณะที่เวลาล่วงเลยมาเกือบสองทุ่มแล้ว บรรยากาศคึกคักไปด้วยผู้คนแต่มันหมดเวลาสำหรับคนวัยเธอที่เริ่มง่วงเสียแล้ว

"ไม่ต้องเลยครับคุณน้า...ผมรับผิดชอบเอง อีกอย่างขับรถคงไม่ปลอดภัย" โต๋บอกสุณีย์พร้อมกับยักคิ้วให้เพื่อนอย่างรู้ใจ

"เอางี้ดีกว่า ยังไงคืนนี้เดี๋ยวให้โต๋กับพี่ๆเขารับผิดชอบก็ได้นะ ข้างล่างวันนี้คงสนุกกันน่าดู ณีย์จะได้ไม่ต้องห่วงด้วย.." เนบอกกับเพื่อนสาว อ้างไปถึงอีกสองคนที่ไม่ได้อยู่ในวงสนทนาด้วยแล้ว เต๋กับนัทเพียงนั่งร่วมโต๊ะตามมารยาทเท่านั้นก่อนจะลุกขึ้นทักทายคนโน้นคนนี้ไม่หยุดและหายไปจากดาดฟ้า

"เอางั้นเหรอคะ" มารดาของวรภพลังเลใจ เธอกลัวว่าลูกชายจะซนไปเรื่อย

"เอางั้นแหละนะจะได้สบายใจทุกฝ่าย เด็กวัยรุ่นก็อย่างนี้เราไปกะเกณฑ์เขามากจะหาว่าเราเป็นมนุษย์ป้าเอาได้" อ้อเสริมขึ้นอีกคนก่อนที่โต๋และวอนจะขำพรืด

เมื่อร่ำลากับแม่เสร็จ...เวลาแห่งการท่องราตรีก็มาถึง วรภพเข้ามาเหยียบในสถานบันเทิงที่ยังมีกลิ่นใหม่ราวกับของเล่นเพิ่งแกะกล่อง พร้อมด้วยมองผู้คนที่คราคร่ำกำลังโยกย้ายกันสุดตัว

"เป็นไงวะ แหล่งมั่วสุมใหม่เลยวอน.." โต๋ต้องกระซิบกับเพื่อนเพราะเสียงดนตรีที่ดังจนแทบฟังความอะไรไม่ได้

"วันหลังชวนพวกไอ้กอล์ฟกับเฟยมาด้วยดิ" วอนกระซิบกลับ ผับนี้ต้องถูกใจวัยรุ่นโดยเฉพาะแก๊งเขาแน่ๆ

"วันนี้ไปกับกูก่อน รับรองมันส์!" โต๋ว่าก่อนจะลากคอเพื่อนเดินมาเรื่อยจนถึงโต๊ะที่อยู่ในมุมที่จัดไว้พิเศษ มันเป็นโซนที่มีการ์ดคอยเฝ้าแยกชัดเจนกับนักเที่ยวคนอื่น วอนมองอย่างตื่นเต้น...รู้สึกได้ถึงการจัดอยู่ในโหมดคนสำคัญกับที่นั่งสุด VIP

แต่เขาต้องชะงักเพราะที่โต๊ะนั้นมีนทีกับเต๋นั่งอยู่ก่อนแล้วพร้อมด้วยเพื่อนคนอื่นๆ และมีผู้หญิงรวมอยู่ วรภพไม่ได้ถือสาเพียงแต่ไม่ได้ตั้งใจไว้ว่าจะมารวมกลุ่มแบบนี้โดยเฉพาะมีนทีที่นั่งวางมาดซะเต็มยศ

"เอาเลยวอน คืนนี้พี่กูเล่ี้ยง!" โต๋บอกก่อนจะยกแก้วใส่มือเพื่อน เต๋มองขำหน่อยๆกับความใจป๋าของน้องชายที่ดันให้เขาจ่ายซะงั้น

"เต็มที่เลยนะวอน เพื่อนโต๋ก็เพื่อนพี่ด้วย.." เต๋บอกก่อนจะยกยิ้มให้หนึ่งที

"ได้สิ งั้นผมไม่เกรงใจล่ะนะ.." วอนว่าก่อนจะยกขึ้นซดหมดแก้ว โต๋ถึงกับขยิบตาและยกนิ้วโป้งให้

...ก่อนที่วอนจะเผลอหันสบตากับนทีซึ่งมองมาทางตนนิ่งๆ เขามองผู้หญิงข้างกายอีกคนซึ่งนั่งอยู่ระหว่างเต๋และนที มองมาคงเหมือนว่าเธอคนนี้กำลังควบสองยังไงอย่างนั้น ทั้งท่าทางและสายตาของเธอเหมือนกำลังต้องการปรนเปรอเขาทั้งคู่!

"มองทำไม สนใจเหรอ?" นทีถามออกมาโต้งๆ และทำให้เต๋ก็หันมองด้วย

"ผมชอบผู้ชาย" คำตอบตรงๆทำเอาหนึ่งในเพื่อนของนทีที่ร่วมโต๊ะกันสำลัก

"เหล้าติดคอเลยกู... ตรงว่ะ! พี่ชอบ! นั่งมองมานานแล้วกินโหดจัด พี่ชื่อไทนะ...โต๋กูชอบเพื่อนมึงว่ะ" ไทหนึ่งในกลุ่มว่าขึ้นมาก่อนจะหันไปยกนิ้วให้น้องชายเพื่อน ก่อนที่คนอื่นๆจะทะยอยแนะนำตัวกันจริงจังขึ้นมาบ้าง

"แล้วงี้ชอบแบบไหนอะ ขอถามหน่อยได้ปะ?" ไทถามขึ้นมาอีก ถ้าชอบผู้ชายแล้วเขาอยากจะรู้ว่าวรภพมีสเปคตายตัวไหม...

"เบาได้เบาครับพี่ไท อย่าไปเล่นกับไฟเชียวละวอน แม่งเสือไบ! ลากเพื่อนกูไปแดกหลายคนแล้ว" โต๋ว่าก่อนจะโดนไทปาน้ำแข็งใส่ไปที

"ชอบน่ารักแต่เอาอยู่อะ รุกนะ...เคยพยายามโดนเอาแล้วไม่หนุกว่ะ สงสัยยังไม่เจอคนเก่ง.." คำบอกเล่าตรงๆของวอนทำเอาทั้งโต๊ะอึ้งหนักก่อนจะเปลี่ยนเป็นเสียงเฮโล

"ไม่ต้องอึ้งครับ เพื่อนผมไม่รู้จักทางเลี้ยว..ตรงอย่างเดียวเท่านั้น" โต๋ว่าขำๆ

...ฟากนทีกำลังมองอย่างสนใจ สายตาเหมือนคนเจอของที่ถูกใจ เขาไม่เคยพบคนที่ปากกล้าและตรงเผงแบบนี้มาก่อน เลยได้แต่พิจารณาคนตรงหน้าอย่างถี่ถ้วน

วอนไม่ใช่คนรูปร่างผอมบาง ออกจะดูแลร่างกายอย่างดีแลเมีกล้ามน้อยๆแบบคนสุขภาพดี ท่าทางก็ไม่ได้ออกสาวหรือดูว่ามีจริตมากมายคล้ายคนที่บอกว่าตนเป็นเกย์หลายๆคน แต่ทว่าก็ดูออกอยู่ว่าเป็นคนแบบเดียวกับเขา...

"คงไม่ได้คิดเหมือนกูนะ" เต๋เอ่ยขึ้นหลังจากห้นมองหน้ากับญาติตน

"ใครเร็วกว่าได้ก่อน.." นัทมองตอบแล้จ้องกล้บ ทั้งคู่สบตากันเหมือนว่าเกมเริ่มขึ้นแล้ว...

"มีอะไรเราต้องแบ่งกันตลอดนี่ จำที่แม่สอนไม่ได้หรือไง?" เต๋ถามยกยิ้มให้คนที่มีศักดิ์เป็นพี่ชาบ

"หึ.." นทีส่ายหัวน้อยๆ ก่อนจะยกเหล้าขึ้นซด คำประชดของไอ้ญาติผู้น้องมันทำเขานึกถึงวันวานและความเป็นครอบครัวของเราทั้งคู่...

...ความจริงแล้วตาของนทีนั้นเป็นพี่ชายของปู่เต๋ แต่เพราะคุณปู่นั้นเสียชีวิตคุณตาของนทีเลยเลี้ยงดูพ่อของเต๋มาแต่เล็ก ทำให้แม่ของนทีและพ่อของเต๋เหมือนพี่น้องแท้ๆกัน และนั่นทำให้รุ่นลูกก็ยังสนิทแนบชิดกันด้วย ก็จนถึงขั้นว่าพวกเขาตัดสินใจรวมขันกันเปิดธุรกิจนี้ขึ้น...

แต่ไหนแต่ไรเราถูกเลี้ยงดูให้เป็นดังพี่น้อง มีของต้องแบ่งปันกัน... น้อยครั้งจะผิดใจหรือทะเลาะ หากจะตีกันล่ะก็ต้องห้ามทิ้งแผลไม่อย่างนั้นพ่อหรือแม่ของใครคนใดคนหนึ่งจะทำโทษทั้งคู่ คำสอนเหล่านั้นยังฝังอยู่ในใจของพวกเขาเสมอ

....เวลาของค่ำคืนล่วงเลยผ่าน ทั้งโต๊ะนั้นกำลังกรึ่มได้ที่ เพียงแต่ว่าโต๋ที่ว่าจะดูแลเพื่อนนั้นหายจ๋อมไปตั้งเมื่อไหร่ไม่รู้ทำให้วอนนั้นแทบจะกอดคอกันดื่มกับไทอยู่ที่โต๊ะ

"พี่ชอบว่ะ เอาจริงนะวอน.." ไทเอ่ยบอกกับเพื่อนรุ่นน้องที่เมาแต่ยังประคองสติและดื่มต่อได้อยู่

"ไม่ อึก ไม่ชอบแบบนี้อะพี่ไท" วอนเอ่ยตรงๆทำเอาคนอื่นๆขำก๊ากที่คนอย่างไทโดนปฏิเาธ

"เสียใจว่ะ พี่เก่งนะ...ลองก่อนก็ได้" ไทเอ่ยติดตลกถึงย้อนคำที่วรภพบอกว่าไม่ชอบเป็นฝ่ายรับเพราะยังไม่เคยเจอคนเก่ง แต่วอนกลับตบไปที่ใบหน้าอีกคนแปะๆ

"รอไปก่อนนะพี่ ไปเข้าห้องน้ำนะ..." วรภพบอกกลายๆ ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาบอกใครเพราะเพื่อนก็ไม่อยู่แต่เหมือนว่าเพื่อให้เป็นที่รับรู้เท่านั้นว่าเขากำลังจะลุกไปไหน...

...คนตัวสูงในกางเกงสีดำเสื้อสีขาวที่กระดุมปลดลงมากว่าสามเม็ดนั้นพยายามเดินทั้งที่โงนเงนไปที่ห้องน้ำ วอนจะประคองตัวเองไปยังล้างมือที่อ่างแต่ยังไม่ทันจะพ้นห้องน้ำก็เหลือบไปเห็นทางเข้าน่าสนใจเพื่อเข้าไปในสถานที่ที่อยู่ไม่ไกลกันแทน

เขาหรี่ตามองว่าผู้คนกำลังจะไปไหนกัน มิหนำซ้ำยังมีคนท่าทางเหมือนเสี่ยคล้ายที่เห็นตอนเขาเพิ่งมาถีงเดินเข้าในออกนอกกันไปมาไม่หยุด

หมับ!

ยังไม่ทันที่คนช่างสงวัยจะเดินเข้าไปก็โดนคว้าแขนไว้เสียก่อน เมื่อหันกลับไปมองวอนก็พบว่าเป็นเต๋นั่นเอง

"จะไปไหนวอน.." เต๋ถามหน้าเข้ม

"ในนั้นมีอะไรอะพี่ โต๋อยู่ข้างในเปล่า?" วอนถามด้วยเสียงยานคาง

"อยู่... จะไปดูเหรอ?" วอนพยักหน้าตอบทันที ก่อนที่เต๋จะเป็นคนพาเขาเข้าไป การ์ดเมื่อเห็นว่าเป็นใครก็รีบเปิดทางทันที วรภพยกยิ้ม...นี่ระดับเจ้าของตึกพาเข้าเลยนะพี่เปิดทางให้ไอ้วอนซะดีๆ!

และหลังผ่านด่านหน้าเข้ามาวรภพก็แทบจะสร่างเมื่อด้านในนั้นเป็นบ่อนขนาดกลางที่มีโต๊ะการพนันวางเรียงรายเต็มไปหมด มีเสียงผู้คนจอแจและมีผู้หญิงมากมายคอยบริการเหล่าเสี่ยและนักพนันกันให้ควัก

โดยส่วนใหญ่เสี่ยที่ว่านั่นก็ไม่ใช่พวกคนพุงพลุ้ยแบบภาพจำในละคร แต่เป็นคนหนุ่มหรือมีอายุหน่อยๆที่ยังหล่อเหลาดูดีและแต่งตัวแบบมีแบรนด์เนมทั้งตัว คนเหล่านั้นจะหนีบกระเป๋าทรงที่เราคุ้นตาพร้อมทั้งมาด้วยเสื้อ versace ที่ถ้าคืนนี้หมดกระเป๋าคงต้องมี on the floor แน่

...เต๋เดินนำเขาไปอีกห้อง วอนพบว่าข้างในนั้นมีเพื่อนเขากำลังยืนแทงสนุ๊กอยู่ ข้างกันมีวงพนันบางอย่างที่เขาไม่รู้จักเท่าไหร่นักซึ่งมีนทีนั่งร่วมโต๊ะอยู่ด้วย

"พามันมาทำไมเฮีย หาเรื่องชิบหาย!" โต๋เอ่ยกับพี่ชายด้วยรู้ว่าข้างในค่อนข้างอันตรายสำหรับคนไม่ค่อยรู้ความนัก วรภพไม่ใช่คนซื่อแต่เล่ห์เหลี่ยมไม่มีทางทันใครสักคนที่เดินสุ่มเจอในคาสิโนนี้แน่ๆ

"กูดูแลเอง" เต๋ว่าแต่นทีกลับขำ หึๆ ออกมาด้วยท่าทางเย้ยหยัน

"สนใจไปเล่นอะไรสนุกๆกันไหมวอน?" เต๋ถามด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์

"ไม่เอาอะ เดี๋ยวติด.." วรภพส่ายหน้า

"ไม่ติดหรอก ไม่ต้องใช้เงินเล่น.." นทีว่าขึ้นมาบ้าง

"แล้วใช้อะไร?" วอนถามด้วยความไม่เข้าใจ ไม่ใช่ว่านทีจะดูท่าทางอยากคุยกับใครเกินสามคำมากนักและทุกครั้งที่เอ่ยเหมือยเราต้องทบทวนความหมาอยู่เสมอ

"จะทำอะไรกัน นี่เพื่อนน้องนะโว้ย" โต๋มองพี่ชายสองคนอย่างกังวลและสงสัย

"ทำไมกลัวเพื่อนมึงแพ้เหรอ?" เต๋ถามแกมเย้าก่อนจะมองวอน

"ผมเล่น!"

...แต่ไหนแต่ไรวรภพเกลียดคำว่า “แพ้” ที่สุด ตั้งแต่จำความได้เขาต้องการจะชนะเท่านั้นเหมือนกับชื่อเล่นที่ตั้งมา

won...

และการพนันที่สองพี่น้องว่าคือการทายแต้มที่ถูกหมุน แลเเพราะไม่เคยเล่นมาก่อนแน่นอนว่าวอนไม่มีทางชนะคนที่เป็นเจ้าของบ่อนได้แน่ๆ บททำโทษของทุกตาคือการที่วรภพต้องดื่มแอลกอฮอลเข้าไปจนตอนนี้สภาพนั้นแทบดูไม่ได้

"สัส เวรแล้วมั้ยล่ะมึง.." โต๋พึมพำเพราะยิ่งถลำลึกสภาพเพื่อนยิ่งน่าเวทนา

"เพื่อนมึงแพ้ราบคาบแล้วโต๋.." นทีเอ่ยหัวเราะน้อยๆ

"เฮียจะทำอะไรมัน อย่าเล่นแรงนะโว้ย.."

"มึงกลับบ้านดีๆล่ะ กูไปส่งมันเอง.." เต๋บอกน้องชายก่อนจะอุ้มวอนขึ้นกอดคอ

"จะพามันไปไหน แม่ฝากโต๋พามันกลับนะ" โต๋บอกมองสภาพเพื่อนแล้วส่ายหัวอยู่หลายที แต่พี่ชายสองคนเขากลับไม่ตอบอะไรจากนั้นจึงพาเพื่อนเขาลากออกไปจนลับสายตา

21.10.2020

ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปThree of us 02 : หัวใจเต้นแรง (NC)
แบ่งปัน
สวัสดีค่า สำหรับใครที่เข้ามาอ่านงานเรา ไม่ต้องคอมเม้นท์เราก็ได้ เข้ามาติดตามกันก็ชื่นใจแล้ว จะพยายามอัพเดทผลงานเรื่อยๆเลยนะ ติชมอยากให้เปลี่ยนแปลงตรงไหนบอกได้เลยพร้อมพัฒนาแก้ไขให้ทุกคน เราตั้งใจเปลี่ยนนามปากกาใหม่เป็น ศศิศิลป์ ศศิ ที่แปลว่าดวงจันทร์ และศิลป์ ที่หมายถึงศิลปะ เพราะส่วนตัวเราชอบคิดเรื่องที่จะแต่งในตอนกลางคืน เกือบทุกเรื่องจะเขียนจบในเวลาที่ฟ้ามืดแล้ว ศิลปะทางภาษาของเรามักจะทำงานในตอนกลางคืนว่างั้นก็ได้ ยังไงฝากติดตามกันด้วยนะ ศศิศิลป์
0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด