ตอนที่แล้วบทที่ 33 - 34
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 36 กลายเป็นฮีโร่

บทที่ 35 ข่าวลือ~


บทที่ 35 ข่าวลือ~

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ภายในพริบตาเวลาหนึ่งสัปดาห์ก็ผ่านพ้นไป นับตั้งแต่ครั้งสุดท้ายที่เขาถูกปล้นบนท้องถนน

ในสัปดาห์ที่ผ่านมานี้ จี้เฟิงลืมเรื่องนี้ไปเกือบหมดแล้ว เขาทุ่มเทเวลาและพลังทั้งหมดให้กับการเรียนรู้และฝึกฝนสมองภายในจิตใต้สำนึกของเขา หลังจากเลิกเรียนในตอนเย็น ถงเล่ยยังคงให้คำปรึกษาและติววิชาต่างๆ ให้กับจี้เฟิงต่อไป โดยยังคงตกใจกับความจำที่น่ากลัวของจี้เฟิง

แม้ว่าเขาจะนึกถึงเหตุการณ์ที่เขาพบเจอในคืนนั้นบ้างเป็นครั้งคราว แต่จี้เฟิงก็ไม่ได้รู้สึกไม่พอใจแม้แต่น้อย เขากลับตระหนักได้มากขึ้นว่า การฝึกฝนนั้นมีประสิทธิภาพมากเพียงใด

ดังนั้นการฝึกของเขาจึงต้องใช้ความพยายามมากขึ้น ทุกๆ คืนเขาจะขอให้สมองหมายเลข 1 ฝึกเขาอย่างเข้มงวด และเขาก็พยายามทำมันอย่างเคร่งครัด

ผลลัพธ์ที่ได้คือ ความรู้ความเข้าใจในเรื่องการเรียนของจี้เฟิงได้รับการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดโดยที่เขาไม่รู้ตัว รวมถึงความก้าวหน้าของหลักสูตรการฝึกอบรมสายลับระดับสูงก็น่ายินดีมากเช่นกัน

ที่สำคัญกว่านั้นถึงจะยังมีช่องว่างขนาดใหญ่ระหว่างเขาและถงเล่ยแต่หลังจากเหตุการณ์ครั้งสุดท้ายบวกกับการติดต่อกันอย่างต่อเนื่องทุกวันในสัปดาห์นี้ทำให้ช่องว่างระหว่างจี้เฟิงและถงเล่ยค่อยๆ แคบลง

แม้ว่าช่องว่างนี้จะยังไม่หมดไปและมันยังมีอยู่จนถึงตอนนี้ แต่วันหนึ่งช่องว่างทั้งหมดนี้จะหายไปอย่างสมบูรณ์และมันจะกลายเป็นประวัติศาสตร์!!

เกี่ยวกับประเด็นนี้ ในฐานะที่เป็นเพื่อนสนิทและเพื่อนร่วมโต๊ะของจี้เฟิง และเป็นพี่ชายของถงเล่ย จางเล่ยรู้สึกมีความสุขที่ได้เห็นสิ่งเหล่านี้ ทุกครั้งหลังโรงเรียนเลิก ก่อนจะกลับบ้าน เขาจะตบไหล่จี้เฟิง และแสดงท่าทีที่คาดเดาไม่ได้ แต่แววตาของเขาดูเหมือนกับจะบอกว่า “กล้าๆ หน่อยพวก ฉันรู้นายมีดีพอ!”

หลายครั้งที่จี้เฟิงรู้สึกตะลึงกับผู้ชายคนนี้ เพราะนอกจากเขาจะมองเพื่อนในแง่ดีมากแล้ว เขายังจะสนับสนุนให้เพื่อนสนิทตามจีบน้องสาวของเขาอีกต่างหาก!

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจางเล่ยจะยุยงสนับสนุนแค่ไหน จี้เฟิงก็ยังคงนิ่งเฉยไม่แสดงอาการใดๆ

เพราะเขารู้ดีว่า ไม่ว่าเขาจะฉลาดแค่ไหน ความจำจะดีแค่ไหนหรือทักษะจะดีแค่ไหน เขาและถงเล่ยก็ยังคงเป็นคนที่อยู่กันคนละโลกกันอยู่ดี

ต่อให้ตอนนี้ถงเล่ยจะชอบเขาและสารภาพกับเขา แต่เขาก็จะไม่ยอมรับโดยเด็ดขาดเพราะเขารู้ดีว่าตัวตนของเขาในตอนนี้ยังไม่มีอะไรดีพอที่จะคู่ควรกับถงเล่ยเลยแม้แต่น้อย

แน่นอนว่ามันเป็นเพียงแค่ความเป็นไปได้ ด้วยนิสัยของถงเล่ย ไม่ว่าเธอจะชอบจี้เฟิงมากแค่ไหน เธอก็จะไม่มีวันสารภาพกับเขาจริงๆ เพราะสิ่งแวดล้อมของครอบครัวและบุคลิกของเธอ ทำให้เป็นไปไม่ได้เลยที่ถงเล่ยจะทำแบบนั้น!

อย่างไรก็ตามความสัมพันธ์ระหว่างถงเล่ยและจี้เฟิง ยังคงพัฒนาไปอย่างช้าๆ เพราะอย่างน้อยการทำเรื่องตลกหรือคุยเล่นก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติที่ไม่มีพิษมีภัยอะไรอยู่แล้วสำหรับความสัมพันธ์ระหว่างคนทั้งสอง

ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ มันเป็นสิ่งที่จี้เฟิงไม่สามารถจินตนาการได้เลยด้วยซ้ำ กับการที่เขาได้มาพูดคุยหยอกล้อกับดอกไม้ประจำโรงเรียนคนนี้ มันคงเป็นฉากที่เกิดขึ้นได้แค่เพียงในความฝันเท่านั้น!

ในทุกๆ วันจี้เฟิงและถงเล่ยจะรอให้นักเรียนคนอื่นๆ กลับบ้านกันจนหมด และใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วโมงในห้องเรียน... (คิดดีไม่ได้เลย #ผู้แปล) แต่ก็มีคำกล่าวที่ว่า “หน้าต่างมีหูประตูมีช่อง” และสิ่งที่พวกเขาทำในห้องหลังเลิกเรียนได้ถูกส่งต่อไปยังหูของคนอื่นๆ

ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งวัน นักเรียนทุกคนในโรงเรียนมัธยมปลายหมางซือวิทยาเขตที่สองก็รู้เรื่องนี้ทั้งหมดและข้อมูลที่พวกเขารู้ก็ยังถูกบิดเบือน

“เฮ้! นายได้ยินเรื่องจี้เฟิงที่เพิ่งถูกฮูซู่ฮุ่ยทิ้งไปได้ไม่ถึงเดือน แล้วไปตกหลุมรักดอกไม้ประจำโรงเรียนของพวกเราป่ะ!”

“เฮ้ย! จริงดิ?! แม่งเอ้ย!! ไอ้คางคกอยากกินเนื้อหงส์ ไอ้สารเลว!!”

“มันเป็นเรื่องจริงแน่นอน ทุกเย็นหลังเลิกเรียนพวกเขาจะแอบนัดกันในห้องเรียน ฉันเห็นมากับตาของฉันเอง!!”

“ไอ้กล้วยเอ้ย! ทำไมฉันไม่ทันสังเกตว่าไอ้เด็กยากจนสกปรกนั่นมันจะกล้าดีขนาดนี้!”

…………

ข่าวลือของจี้เฟิงและถงเล่ยที่ว่าพวกเขาแอบคบกันกำลังแผ่ขยายไปทั่วทุกมุมของโรงเรียนอย่างรวดเร็ว

หลังจากที่ได้ยินข่าว เด็กผู้ชายหลายคนที่เพ้อฝันและหลงใหลในตัวถงเล่ย ก็ถึงขั้นโกรธแค้น บางคนถึงขนาดจะเข้ามาโจมตีจี้เฟิงโดยตรง!!

อย่างไรก็ตามคนที่โมโหและโกรธแค้นที่สุด คงหนีไม่พ้นรองหัวหน้าชั้นซูหม่าหลังจากที่ได้ยินข่าวนี้ ซูหม่าก็ทุบโต๊ะที่เขานั่งทำงานอยู่อย่างแรง เขาอยากจะหาคนมาจัดการกับจี้เฟิงให้เหมือนกับโต๊ะที่เขาเพิ่งทุบไป! แต่เมื่อนึกถึงคำเตือนของจางเล่ย เขาทำได้แค่เพียงค่อยๆ ข่มใจลง

มันง่ายมากที่จะจัดการขั้นเด็ดขาดกับจี้เฟิง แต่การที่จะจัดการกับจางเล่ยนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย!

เขานึกถึงประโยคที่เย่อหยิ่งอย่างวางอำนาจของจางเล่ย ที่พูดว่า “แม้ว่าจี้เฟิงจะเหยียบเปลือกแตงโมล้ม จางเล่ยก็จะไม่ปล่อยเขาไป!”

อย่าบ้าไปหน่อยเลย ถ้าจี้เฟิงมันเหยียบเปลือกแตงโมลื่นล้ม แล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉันวะ!  ถ้าไม่ใช่เพราะเหลาซือที่ปล่อยให้มันหลุดมือ...!!

แต่ต่อให้เหลาซือจัดการกับจี้เฟิงได้ ซูหม่าก็คงจะโยนเปลือกแตงโมใส่จี้เฟิงอยู่ดี!

หลังจากระบายความในใจอย่างดุเดือด ซูหม่าก็ค่อยๆ สงบลง ถึงเขาจะสามารถอาละวาดให้สาสมกับความโกรธแค้น แต่ผลที่ตามมามันไม่ใช่สิ่งที่เขาจะสามารถจ่ายได้!  ดังนั้นซูหม่าจึงได้แต่ข่มความโกรธไว้ในใจ เขาเพียงแค่รอโอกาสที่จะทำให้จี้เฟิงได้รับหายนะครั้งใหญ่…

…………

เมื่อข่าวลือได้แพร่กระจายจนมาถึงหูของจี้เฟิง เขารู้สึกโกรธมากไม่แพ้กันกับซูหม่า

อันที่จริงแล้วสิ่งที่ทรงพลังที่สุด ไม่ใช่ผู้มีอำนาจหรืออาวุธที่มีเทคโนโลยีอันทันสมัย แต่สิ่งที่ทรงพลังอย่างแท้จริงกลับเป็นสิ่งที่เรียกว่า ข่าวลือ!

โดยเฉพาะสำหรับเด็กผู้หญิง ข่าวลือที่ไม่ดีนั้น มันสามารถทิ่มแทงได้อย่างน่าเจ็บปวดกว่าอาวุธมีคมเสียอีก

สำหรับจี้เฟิงแล้วมันไม่ใช่เรื่องใหญ่ถ้าเขาจะได้รับความเสียหายจากข่าวลือเพียงคนเดียว แต่นั่นต้องไม่ใช่กับถงเล่ย เขารู้สึกแย่มากที่ถงเล่ยต้องมาเสียหายในเรื่องที่เขามีส่วนเกี่ยวข้อง!

แต่ไม่ว่าจี้เฟิงอยากจะอธิบายความจริงแค่ไหน ก็คงไม่มีใครเชื่อ!

ดังนั้นจี้เฟิงจึงทำได้แค่เพียงอยู่อย่างเงียบๆ ด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก

ในขณะนั้นเอง ประตูห้องเรียนได้ถูกเปิดออก ถงเล่ยเดินเข้ามาพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้าและพูดว่า “นักเรียนทุกคนโปรดอยู่ในความเงียบ เจ้าหน้าที่ตำรวจของเราจากสถานีตำรวจ ต้องการแจ้งให้ทุกคนทราบเกี่ยวกับบางเรื่องเพื่อทำให้พวกเรารู้สึกอุ่นใจขึ้น!”

นักเรียนทุกคนที่ได้ยินรู้สึกตกใจกับคำว่า “ตำรวจ”

ทันทีที่ถงเล่ยพูดจบ ชายสองคนในเครื่องแบบตำรวจก็เดินเข้ามาในห้องเรียนและขึ้นไปยืนบนแท่นบรรยาย หนึ่งในนั้นคือ ผู้กองหยาน ตำรวจผู้เข้มงวดที่จี้เฟิงรู้จัก!

......จบบทที่ 35~❤️

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด