30.โดนกล่าวหา
เซียงเช่าย่อมเข้าใจได้ เหตุผลที่นางไม่ได้พูดอะไรออกไปก่อน เพราะกลัวว่าพูดไปแล้วอาจเผยพิรุธ ตอนนี้แม่นางมาช่วยนางแล้ว นางจึงมีความกล้าเพียงพอจะพูดทุกอย่างตามที่ใจปรารถนา
“พี่หรูเฟิง เขาเมา แล้วก็ครอบครองข้า...”
เด็กสาวพูดไปสะอื้นไป น้ำตาเอ่อคลอเต็มสองหน่วยตา เด็กสาวผู้น่าสงสารกวาดตามองดูผู้คนตรงหน้า ยกเว้นเพียงกู้หรูเฟิง ด้วยเพราะความรู้สึกผิดในใจ
ภรรยาผู้ใหญ่บ้านลอบยิ้ม เคราะห์ดีที่ลูกสาวนางฉลาดพอจะเข้าใจและตามคำพูดของนางทัน
“อะไรนะ?” ภรรยาผู้ใหญ่บ้านทำท่าทางประหลาดใจเป็นล้นพ้น “เจ้าว่าอะไรนะ? เขาครอบครองเจ้ารึ?
บางคนในกลุ่มคนที่ยืนเป็นพยานอยู่ ไม่รู้ว่าสภาพเซียงเข่าเป็นอย่างไรในครั้งแรกที่ลงจากเตียง ดังนั้นจึงคิดว่าที่ภรรยาผู้ใหญ่บ้านพูดเป็นเรื่องจริงไปโดยปริยาย อย่างไรก็ตามภรรยาเสี่ยวซาน อีกทั้งหลิ่วเจินผู้ซึ่งเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด มาตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงตอนนี้ พบว่ามันช่างเหลวไหลจนน่าขัน
ภรรยาเสี่ยวซานเป็นสตรีที่แต่งงานแล้ว แน่นอนย่อมรู้ดีว่าผู้หญิงหลังผ่านสัมพันธ์มาจะมีสภาพอย่างไร นางนึกบ่นในใจว่า “แหกตาชาวบ้านชัด ๆ ช่างโกหกสิ้นดี!”
“ใช่เจ้าค่ะ... ท่านแม่ ได้โปรดช่วยเซียงเช่าด้วย...” พอกล่าวจบ น้ำตาที่เอ่อคลออยู่ก็ไหลรินลงมา
หลิ่วเจินซึ่งยืนอยู่อีกฟากยกยิ้มหยัน
ฝีมือการแสดงช่างเข้าถึงบทบาทอะไรเยี่ยงนี้! หากอยู่ในโลกยุคสมัยใหม่ ต้องได้รางวัลออสการ์สาขานักแสดงนำฝ่ายหญิงยอดเยี่ยมไปครองเป็นแน่แท้
“หรูเฟิง เจ้าบอกมาสิ ว่าจะแก้ไขเรื่องนี้อย่างไร?” ภรรยาผู้ใหญ่บ้านชี้นิ้วไปที่กู้หรูเฟิง
นางหมายความว่า หากเจ้าไม่มีคำตอบที่น่าพอใจให้ข้าในวันนี้ ชีวิตเจ้าคงตกที่นั่งลำบากแน่
หลิ่วเจินพยายามหัวเราะเบา ๆในลำคอ แต่มิคาดว่าเสียงหัวเราะดันออกมาดังลั่น
การที่หลิ่วเจินหัวเราะ พาให้ทุกคนอึ้งไปตาม ๆ กัน ที่หัวเราะนี่คืออันใด? เจ้าไม่เสียใจหรือไร ที่สามีทำเรื่องอย่างว่ากับผู้หญิงอื่น? หากเป็นเมื่อก่อน นางควรร้องแรกแหกกระเชอ หรือไม่ก็อาละวาดยกใหญ่สิ ทำแบบนี้สิถึงจะถูกต้อง แล้วไหงตอนนี้อาแต่หัวเราะเล่า?”
“ฮูหยิน อาเจินเพิ่งเห็นชายผู้หนึ่งเข้าไปในห้องเซียงเช่าโดยบังเอิญ ดูจากรูปร่างแล้วไม่เหมือนสามีข้าเลย เกรงว่าเซียงเช่าคงจะจำคนผิดกระมัง? และนอกจากนี้ สามีข้าสุขภาพไม่ค่อยดี ยังจะมีแรงไปฉกตัวใครได้รึ? เกรงว่ายังไม่ทันฉกตัวใครเลย คงได้ม่องเท่งไปก่อนเสียแล้ว” ประโยคสุดท้ายดูจะซ่อนความหมายลึก ๆไว้
ยามที่หลิ่วเจินกล่าววาจาออกไป หางตาก็เหลือบมองกู้หรูเฟิงซึ่งยืนอยู่ข้าง ๆ ครั้นแล้วก็สลัดมือออกจากอุ้งมือของกู้หรูเฟิง
ความหมายก็คือ ระวังตัวเจ้าไว้ให้ดี...!
คำพูดของหลิ่วเจินพาให้ผู้คนมึนงง ทว่าความหมายในคำพูดกล่าวได้ว่า เกรงว่าเซียงเช่าคงถูกชายอื่นขอร้องไว้ ทว่าดันเอาความเสื่อมเสียนี้ไปโยนให้กู้หรูเฟิง
“เจ้าหมายความว่าอย่างไร? ตอนนี้ลูกสาวข้าถูกเขาครอบครองไปแล้ว เขาจะหนีความรับผิดชอบนี้ได้รึ? เขาเดินออกจากห้อง ทุก ๆคนก็เห็นว่าลูกสาวข้าก็ไม่ได้สวมเสื้อผ้าเรียบร้อย ชาวบ้านก็เห็น หลิ่วเจินเจ้ายังมีอะไรจะพูดอีกรึ!” ภรรยาผู้ใหญ่บ้านท้าวสะเอว ตวาดลั่นดูคล้ายผู้หญิงปากตลาด
หลิ่วเจินไม่ได้ตั้งใจพูดประเด็นนี้ออกไป นางแค่รู้สึกว่าหากกู้หรูเฟิงโดนผูกมัดด้วยเรื่องนี้ แล้วไม่ยอมรับผิดชอบ ภายหน้าเกรงว่าคงยากจะหนีอีก
กู้หรูเฟิงสับสนในใจ ชายหนุ่มเอาแต่ครุ่นคิดว่าเหตุใดหลิ่วเจินถึงปล่อยมือจากเขา
“อาเจิน...ข้า” กู้หรูเฟิงพลันเงยหน้ามองหลิ่วเจิน ดูเหมือนเขาจะคิดอะไรขึ้นมาได้เหมือนกัน
“หุบปาก ไม่เกี่ยวอะไรกับท่าน” หลิ่วเจินเอ่ยเสียงเย็น โดยไม่เหลียวมองเขาเลย ท่าทางนางน่าเกรงขามขึ้นมาทันใด
คนที่อยู่รายรอบพลันสัมผัสได้ถึงบรรยากาศกดดันที่แผ่ออกมาจากตัวหลิ่วเจิน
กู้หรูเฟิงนิ่งงันไป ถ้อยคำที่คิดจะเอ่ยออกมาติดคาอยู่ในลำคอ แล้วโดนกลืนกลับลงไป
หลิ่วเจินทำหน้าเฉยชา แต่ผู้อื่นกลับมองว่านางครุ่นคิดจนคิ้วขมวด ดูร้ายมาก
และนี่คือสงครามระหว่างภรรยาเอกกับผู้หญิงอีกคนของสามีสินะ!