ตอนที่แล้วตอนที่ 15 คืนนองเลือด 2
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 17 กลุ่มทหารรับจ้างปืนดำ

ตอนที่ 16 เมืองหลังสงคราม


ท้องฟ้าเพิ่งสว่างและแสงยามเช้าก็ส่องลงมาบนพื้น ให้ความสว่างแก่ถนนและตรอกซอยของเขตปลอดภัย ขยายไปยังตัวอาคาร ต้นไม้เล็กๆและโคมไฟถนนบนพื้นอิฐสีส้ม เงามากมายเกี่ยวพันกัน เหมือนภาพแสนอบอุ่น ลมหนาวพัดจากระยะไกลเข้าสู่เมือง ไหลผ่านตรอกซอยซับซ้อน เพิ่มกลิ่นต่างๆให้สภาพแวดล้อมที่ลมพัดผ่าน วัชพืช โคลน ฝุ่น เลือด ดินปืนและสมุนไพร

เสียงร้องดังจากชายคาและสายไฟเหนือหัวพวกเขา อีกาสีดำที่มีขนสะท้อนแสงยามเช้าออกจากรังก่อนเวลาอันควร ดวงตาเล็กๆพวกมันก็กลอกไปมา ราวกับพวกมันอยากก้มมองแม่น้ำสายเลือดและกองซากศพมนุษย์กับหมาป่า

เป็นเวลาสักพัก พวกมันบินวนเหนือเมือง ปล่อยเสียงร้องอยู่นาน เพิ่มความโศรกเศร้าของการสูญเสียชีวิตในเมือง

การทำความสะอาดมีตามปกติ ทุกคนในหน่วยทหารรับจ้างถือไมโครโฟนยุคอารยธรรมและตะโกนบอกพลเรือนที่หลบซ่อนด้วยเสียงดัง อันยี่ประกาศว่าจะให้อาหารเป็นรางวัลกับคนที่จัดการกับศพบนถนน  พวกเขาใช้แค่ผ้า หรือแขนเพื่อขนศพออกไป และขุดหลุมฝังพวกเขาไว้นอกเมือง

ทางตะวันตกของเมือง มีสุสานที่ใช้มาห้าสิบปีแล้ว  มีไม้กระดานแขวนตรงหน้าสุสาน ซึ่งถูกเขียนไว้ว่า’สถานที่พักผ่อน’ สุสานใช้เสาไม้แตกๆเป็นตัวแบ่งเขต ในพื้นที่กว่าสิบไร่ ไม่ว่าอะไรจะตายในเมือง ร่างจะถูกส่งมาขุดฝังที่สุสาน ผู้คนที่สภาพร่างกายยังดีหลังตาย มักจะมีสมาชิกครอบครัวสร้างกระดานไม้หรือสวมบางอย่างให้คนตาย สำหรับคนที่ไม่มีญาติพี่น้องอะไร ส่วนใหญ่จะถูกฝังโดยทหารรับจ้างแบบไม่ทิ้งร่องรอย

ดินของสุสานดำกว่าดินทั่วไป ราวกับศพของผู้ตายถูกย่อยสลายโดยแบคทีเรียกลายพันธุ์ในดิน สีของกระดูกในดินก็ผสานรวมกันเป็นหนึ่ง หากมีฝนตก จะมักมีของเหลวสีดำเหนียวมากผุดขึ้นมาตามรอยแยกของดิน..ไม่มีใครกล้าเข้าสุสานตอนนี้เพราะผู้คนกังวลถึงการติดเชื้อกลายพันธุ์จากศพ

ไม่มีฝนในเมืองหลังสงคราม มันเป็นลางดี แสงยามเช้าสีส้มทองข้ามผ่านเมฆบางและลามมาถึงสุสานทางตะวันตกของเมือง แสงสีทองส่องบนด้านหนึ่งของกระดานไม้กว่าสิบ บันทึกร่องรอยชีวิตสุดท้ายไว้ แสดงให้เห็นทั้งด้านสว่างและมืดของชีวิตคน

ตอนนี้ พลเมืองนับร้อยกำลังแบกศพหรือพลั่วขุดดินเพื่อฝังศพที่ยังไม่ถูกฝัง ศพที่เหลือทอดยาวเป็นแม่น้ำ ถูกโยนลงหลุมทีละศพ เมื่อหลุมเริ่มเต็ม ผู้คนก็จะเริ่มกลบมัน

สามทหารรับจ้างนำโดยโจวฉิงรับผิดชอบคุมงานที่สุสาน แสงยามเช้าส่องบนหลังโจวฉิง ส่วนด้านหน้าเขาซ่อนอยู่ในเงา

อากาศเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือด แต่โจวฉิงไม่มีความรู้สึกอยากอาเจียนเลย แค่ยืนดูพลเมืองแบกศพและกลบมันซ้ำๆ ในสถานที่ที่แสงไม่อาจเข้าถึง ใบหน้าเขายังมีรอยน้ำตาแห้งๆ เขาพยายามสะกดกลั้นซ้ำแล้วซ้ำอีก เพราะหากเขาหยุด ความรู้สึกเศร้าเสียใจจะท่วมท้นเขา

ความรู้สึกเช่นนี้เป็นธรรมชาติของมนุษย์ มนุษย์คือสัตว์สังคม การพบเห็นคนตายจำนวนมากย่อมทำให้พวกเขาเศร้าเสียใจ

ความเศร้าโศรกนี้เหมือนโรคระบาดทางจิต ทุกคนในเมืองเล็กๆต่างสูญเสียจากการโจมตีของพวกหมาป่า

อู่ฉีเองก็เช่นกัน แต่มันไม่ชัดเจน ในดวงตาคล้ายทะเลดำของเขา มันไม่เคยมีอารมณ์หรืออะไร มีเพียงความเศร้าโศรกเล็กๆในหัวใจเขาเท่านั้น แต่มันไม่ได้แสดงออกมาบนใบหน้าเขา

เขาและเฒ่าหลี่รับผิดชอบการย้ายศพหมาป่า หลังย้ายทั้ง31ศพไปประตูของค่ายทางย่านA อู่ฉีก็แบกกระเป๋าพาดไหล่ ถือมีดยาวที่หุ้มด้วยหนังสัตว์ในมือขวา เดินอยู่ลำพังบนถนนสะอาดที่สว่างสดใส ดวงอาทิตย์นำความอบอุ่นกลับคืนมา ไม่เหมือนกลางคืน ที่มีแต่ลมหนาว

เขาเปิดกระเป๋าหลวมๆ และหัวของฉีเยวี่ยก็โผล่ออกมา จมูกน้อยๆมันพยายามสูดอากาศบริสุทธิ์รอบๆ มันใช้อุ้งมือน้อยๆปีนป่ายตัวอู่ฉี จากนั้นก็ขึ้นไปยืนบนไหล่ซ้ายเขา

ในการต่อสู้ก่อนหน้านี้ ฉีเยวี่ยยังซ่อนตัวเงียบๆในกระเป๋าตั้งแต่ต้นจนจบ เพราะอู่ฉีไม่กล้านำมันออกมาต่อหน้าฝูงหมาป่า ตอนนี้มันสามารถออกมาสูดอากาศหายใจได้แล้ว

ขณะเดิน อู่ฉีก็เผอิญเห็นเฒ่าคัง ผู้ขดอยู่มุมถนน นั่งพิงประตูของร้านร้าง เขาห่อตัวในชุดผ้าฝ้ายโทรมๆสีม่วงเข้ม และร่างเขาก็ดูเหมือนจะหนาวสั่นเล็กน้อย

อู่ฉีเดินไปหาเฒ่าคังเงียบๆ จากนั้นก็เห็นชายหนุ่มที่พิงไหล่ของเฒ่าคังที่ตอนแรกถูกบดบังโดยร่างกายของเฒ่าคัง ชายหนุ่มสวมชุดทหารรับจ้าง ใบหน้าเขาไม่เหมือนเฒ่าคัง ที่เต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่น เขายังหนุ่มยังแน่น

มันแค่ว่าดวงตาของชายหนุ่มนั้นปิดและหน้าอกเขาก็ไม่ขยับขึ้นลงเลย ยังมีแมลงวันสีดำตัวโตหยุดใกล้บริเวณขมับเขา และเขาก็ยังไม่ปัดไล่พวกมันออกไป ราวกับเขาเหนื่อยและหลับลึก แสงยามเช้าส่องบนใบหน้าครึ่งหนึ่งของชายหนุ่ม มือของชายหนุ่มวางบนขา และปืนลูกซองยาวก็วางแนบระหว่างต้นขาและหน้าท้องเขา มีรอยเปื้อนสีแดงบนชุดทหารขาดๆ และมันก็แห้งไปแล้ว

ชายหนุ่มผู้นี้ก็คืออาปิง

เขาตายในการต่อสู้ บางที นั่นจึงเป็นเหตุว่าทำไมไม่มีศพพลเรือนบนถนนนี้

อู่ฉีเดินห่างไป ไม่รบกวนเฒ่าคัง แสงสะท้อนในตาของฉีเยวี่ย มันนั่งนิ่งบนไหล่อู่ฉี ไม่คิดขยับไปไหน

เงาของหนึ่งคนหนึ่งจิ้งจอกแนบชิดกันและหายลับไปจากถนนภายใต้แสงแห่งวันใหม่

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด