ตอนที่แล้วตอนที่ 222 ดอกท้อที่เปื้อนเลือด - 3
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 224 ดอกท้อที่เปื้อนเลือด - 5

ตอนที่ 223 ดอกท้อที่เปื้อนเลือด - 4


ตอนที่ 223 ดอกท้อที่เปื้อนเลือด - 4

"กลุ่มที่ 2 ยิงได้ กลุ่มแรกเตรียมตัวให้พร้อม!"

"ยิง!"

เมื่อกองกำลังพลแม่นปืนทั้ง 100 คนเข้ามาในระยะ 30 เมตร หัวหน้ากองกำลังก็ออกคำสั่งทันที จากนั้นเสียงปืนก็ดังขึ้นมาอย่างพร้อมเพรียงกันและปืนทุกกระบอกก็เล็งไปที่ต้าหนิว

"ปัง ปัง!"

กระสุนปืนที่ร้อนแรงเข้ากระทบกับร่างกายของต้าหนิว ไม่ว่าต้าหนิวจะมีผิวหนังที่หนามากเพียงใดแต่มันก็ต้องใช้มือปกปิดส่วนสำคัญของร่างกายเอาไว้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งดวงตาและใบหน้าของมันที่ถือเป็นจุดอ่อน

แม้แต่ต้าหนิวก็ต้องถอยหลังกลับไปหลายก้าวหลังจากรับการโจมตีของกระสุนปืนรอบแรก

เมื่อกระสุนปืนถูกยิงออกมานั้น พลังแห่งจิตใจของมู่อี้ก็กระจายตัวออกไปทันที ในไม่ช้าสีหน้าของเขาก็ขาวซีดและพลังแห่งจิตใจของเขาก็กลับมาอย่างรวดเร็ว

"ปืนคาบศิลา ช่างรุนแรงจริงๆ!"

สีหน้าของมู่อี้ดูเคร่งขรึมขึ้นมาทันที พลังของปืนคาบศิลาเหล่านี้เกินกว่าที่เขาคิดเอาไว้ แม้แต่บนร่างกายของต้าหนิวก็มีกระสุนเหล็กมากมายฝังอยู่ หน้าอก หน้าท้อง และมือทั้งสองข้างของมัน กลายเป็นเป้ายิงของกระสุนปืนที่พุ่งเข้ามา

มู่อี้รู้สึกได้ว่าร่างกายของต้าหนิวมีอาการสั่นเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่ามันรู้สึกเจ็บปวดอย่างยิ่ง

ต้าหนิวสามารถทนรับกระสุนปืนได้เพียงแค่รอบเดียวหรือสองรอบเท่านั้น ถ้าหากมากกว่านั้นมู่อี้คิดว่าอาจจะส่งผลต่อชีวิตของมันได้ และพลแม่นปืนเหล่านี้ก็ยืนห่างออกไป 30 เมตร พวกเขาจงใจโจมตีต้าหนิวจากระยะไกลโดยที่มันไม่สามารถตอบโต้อะไรได้เลย

"กลุ่มแรกยิงได้ กลุ่มที่ 2 เตรียมตัว"  ไม่มีเวลาให้มู่อี้ตัดสินใจมากนัก พลแม่นปืนเหล่านั้นก็เริ่มยิงอีกรอบหนึ่ง

"ปัง ปัง!"

เสียงปืนดังขึ้นมาอย่างพร้อมเพียงกันอีกครั้งและครั้งนี้ต้าหนิวถอยออกไปมากกว่าเดิม ยังมีกระสุนบางลูกที่พุ่งผ่านใบหน้าของมู่อี้ไปจนมู่อี้รู้สึกได้ถึงความร้อนที่เข้ามาใกล้

ส่วนต้าหนิวนั้น บางส่วนของร่างกายมันเริ่มมีเลือดไหลออกมา แม้ว่าผิวหนังของมันจะสามารถรับลูกกระสุนปืนที่เข้ามาได้แต่ความเจ็บปวดก็ไม่ลดน้อยลงไปเลย

หลังจากรับกระสุนปืนมา 2 รอบมู่อี้ก็ไม่ลังเลใจอีกต่อไป เขานำยันต์ออกมา 2 แผ่น แผ่นแรกแปะลงไปบนร่างกายของต้าหนิวและอีกแผ่นแปะลงไปที่ร่างกายของตนเอง

แสงสีขาวส่องสว่างออกมาอย่างเห็นได้ชัด ในตอนนี้ไม่ว่าต้าหนิวหรือมู่อี้ต่างก็มีแสงสีขาวห่อหุ้มร่างกายเอาไว้ มันทำให้ผิวหนังของพวกเขามีความแวววาวเหมือนกับโลหะและดูแปลกตาอย่างยิ่ง

ยันต์ทั้ง 2 แผ่นนี้คือยันต์คงกระพัน ผลก็ตามชื่อของมัน มันทำให้ร่างกายของผู้ที่ใช้งานคงกระพันฟันแทงไม่เข้า

มู่อี้เคยทดสอบยันต์คงกระพันก่อนหน้านี้และพบว่าหลังจากใช้ยันต์ชนิดนี้แล้วพลังป้องกันของต้าหนิวจะเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 50%

อย่าคิดว่า 50% นี้น้อยเกินไป ต้องรู้ก่อนว่าเดิมทีพลังป้องกันของต้าหนิวนั้นถ้าหากไม่ใช่ยอดฝีมือที่แท้จริงลงมือด้วยตนเองก็ไม่มีทางทำให้มันบาดเจ็บได้เลย ถ้าหากเพิ่มพลังป้องกันของมันอีก 50% แม้แต่ระดับยอดฝีมือก็ยากจะทำให้มันบาดเจ็บได้

ในตอนนี้เสียงปืนดังขึ้นมาอีกครั้ง

ครั้งนี้ต้าหนิวยังคงถอยหลังกลับไปแต่กระสุนปืนที่เข้ามานั้นก็ไม่สามารถทะลุผ่านผิวหนังมันได้เลย เห็นได้ชัดว่าพลังป้องกันของต้าหนิวเพิ่มขึ้นมากเพียงใด

"โฮก!"

ต้าหนิวย่อมรู้ดีถึงสถานการณ์ของตนเองและความโกรธของมันก็ระเบิดออกมาทันที

"ยิ่งต่อไปอย่าหยุด" ในกองกำลังพลแม่นปืน เมื่อหัวหน้ากองกำลังได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้น เขาก็ไม่รู้ว่ามันเป็นเพราะอะไรแต่ในใจของเขากลับรู้สึกหวั่นวิตกเล็กน้อย

เสียงปืนยังคงดังอย่างต่อเนื่องแต่กระสุนปืนไม่สามารถทะลุผ่านการป้องกันของต้าหนิวเข้าไปได้เลย

เมื่อได้เห็นเช่นนี้มู่อี้ก็ไม่ลังเลใจอีกต่อไปแล้ว เขาใช้จังหวะที่พลแม่นปืนกลุ่มแรกและกลุ่มที่ 2 กำลังสลับกันยิงพุ่งตัวออกไปเพื่อร่นระยะห่าง 30 เมตรทันที เขาย่อมรู้ดีว่าปืนคาบศิลานั้นอันตรายมากเพียงใดและใช้ยันต์คงกระพันอีก 2 แผ่นให้กับร่างกายของตนเองและต้าหนิว

แม้ว่ายันต์คงกระพันจะสามารถป้องกันการโจมตีของปืนคาบศิลาได้ แต่มันก็ยังมีข้อจำกัดอยู่โดยเฉพาะในด้านเวลาและหลังจากที่มันรับการโจมตีจนถึงระดับหนึ่งแล้วยันต์นี้จะสลายหายไปทันที อย่างน้อยในการทดสอบของมู่อี้ถ้าหากไม่ใช่การโจมตีที่รุนแรงมากพอก็ไม่สามารถทำลายยันต์คงกระพันได้ในครั้งเดียว

แต่ถ้าหากปล่อยให้พลแม่นปืนโจมตีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง กระสุนปืนมากมายพุ่งเข้ามาอย่างพร้อมเพียงกัน ไม่ว่ายันต์คงกระพันจะทรงพลังมากเพียงใดก็คงต้านทานได้ไม่นานแน่นอน หลังจากทดสอบจนรู้ขีดจำกัดของยันต์คงกระพันแล้วมู่อี้ก็เลือกที่จะโจมตีสวนกลับไปทันที

การลงมือของเขาในครั้งนี้เห็นผลได้อย่างชัดเจน เดิมทีเขาไม่เคยมีประสบการณ์รับมือกับพลแม่นปืนมาก่อนเลย แต่ในครั้งนี้ดูเหมือนเขาจะตัดสินใจได้อย่างถูกต้อง พลแม่นปืนเหล่านี้ไม่ได้แข็งแกร่งขนาดนั้นโดยเฉพาะเมื่อเป็นการต่อสู้ระยะประชิดแล้วปืนคาบศิลาที่อยู่ในมือพวกเขาก็ไม่ต่างอะไรกับแท่งไม้เท่านั้น

บางทีอาจเป็นเพราะเขามั่นใจในกองกำลังพลแม่นปืนของตนเองและมั่นใจในปืนคาบศิลา ฉางเว่ยจึงไม่ได้ให้พลแม่นปืนของเขาพกอาวุธประเภทดาบติดตัวเลย เพราะอาวุธเหล่านั้นทำให้ร่างกายของพลแม่นปืนเคลื่อนไหวไม่สะดวก และเขาเองก็ไม่คิดว่าจะมีศัตรูที่สามารถเข้ามาประชิดตัวพลแม่นปืนได้

ไม่ว่าจะเผชิญหน้ากับศัตรูที่มากกว่าหรือเผชิญหน้ากับพลแม่นปืนเหมือนกัน กองกำลังพลแม่นปืนของเขาก็ไม่เคยหวาดกลัวผู้ใด

"ทั้ง 2 กลุ่มยิงอย่างพร้อมเพรียงกัน อย่าปล่อยให้มันเข้ามาใกล้!"

เมื่อมู่อี้พุ่งตัวออกไปนั้น อีกฝ่ายก็เข้าใจเจตนาของเขาได้ทันทีและรีบตะโกนออกคำสั่งอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นเสียงปืนก็ดังขึ้นมาอีกครั้งแต่ครั้งนี้ปืนทุกกระบอกเล็งมาที่มู่อี้

ดอกท้อยังคงร่วงลงมาเรื่อยๆ ความเร็วในการร่วงหล่นลงมานั้นเชื่องช้ายิ่งกว่ากระสุนปืนเสียอีก จนกระทั่งมู่อี้พุ่งออกไปแล้วนั้นดอกท้อจึงร่วงหล่นกระทบกับพื้นดิน

ดอกท้อที่เบ่งบานนั้นงดงามและให้ความรู้สึกสุนทรีอย่างยิ่ง แต่ในตอนนี้มันกลับกลายเป็นสัญลักษณ์ของเหตุการณ์นองเลือดที่เกิดขึ้นที่นี่

"รีบส่งสัญญาณให้ท่านยอดฝีมือออกมาเร็วเข้า"

ในตอนที่มู่อี้เริ่มโจมตีออกไปนั้น ฉางเว่ยก็ร้องตะโกนออกมาทันที สายตาของเขาจ้องมองไปที่ร่างของมู่อี้ที่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว และลางสังหรณ์ไม่ดีในใจของเขานั้นก็รุนแรงมากยิ่งขึ้น

ผู้ดูแลธงที่อยู่ด้านหลังของเขาตกตะลึงไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็หยิบอะไรบางอย่างออกมาและยิงขึ้นไปบนท้องฟ้าทันที

"ตึม!" พลุไฟพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าและระเบิดออกจนสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน

ต้วนไคเริ่มเคลื่อนไหวทันที ร่างกายของเขากระโดดลงมาจากเนินเขาลูกหนึ่งและพุ่งเข้าไปหามู่อี้อย่างรวดเร็ว แต่ความเร็วของเขานั้นก็น้อยกว่ามู่อี้มากไม่ต้องพูดถึงระยะห่างระหว่างเขากับมู่อี้ที่อยู่ไกลมากกว่าระยะห่างของมู่อี้กับพลแม่นปืน ดังนั้นเขาจึงไม่มีทางหยุดมู่อี้ได้เลย

"ปัง ปัง!"

กระสุนปืนยิงออกมาอีกครั้งแม้ว่ามู่อี้จะพยายามหลบ แต่ก็มีกระสุนปืนอย่างน้อย 5 นัดที่ได้สัมผัสกับร่างกายของเขาและความเจ็บปวดก็เกิดขึ้นมาทันที

เพราะยันต์คงกระพันทำได้เพียงเพิ่มพลังป้องกันของเขาเท่านั้นไม่สามารถหยุดยั้งการโจมตีที่เข้ามาได้ พลังป้องกันที่เพิ่มขึ้นก็มาจากพลังป้องกันของร่างกายเขาเอง จึงทำให้ผลของยันต์คงกระพันที่ใช้กับมู่อี้และต้าหนิวนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

ดังนั้นแม้ว่ามู่อี้จะใช้ยันต์คงกระพันเขาก็ไม่สามารถเทียบกับต้าหนิวได้เลย โชคดีที่กระสุนปืนที่สัมผัสร่างกายของเขานั้นมีเพียงแค่ 5 นัดแม้ว่ามันจะทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดแต่ก็ยังไม่สามารถทะลุผ่านการป้องกันของยันต์คงกระพันเข้ามาได้ ในช่วงเวลา 2-3 ลมหายใจที่ผ่านมานี้เขาพุ่งตัวออกมาได้เป็นระยะทางกว่า 20 เมตรแล้ว

ในขณะที่เสียงปืนดังขึ้นมาอีกครั้งนั้นมู่อี้ก็กระโดดลอยขึ้นไปจากพื้นทันทีและในตอนนี้ระยะห่างของเขากับอีกฝ่ายนั้นห่างกันไม่ถึง 3 เมตรแล้ว

เมื่อเห็นว่ามู่อี้เข้ามาประชิดตัวได้สำเร็จ แม้ว่ากองกำลังพลแม่นปืนจะได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดีแต่พวกเขาก็ยังรู้สึกตื่นตระหนก พวกเขาไม่เคยเห็นใครที่เคลื่อนไหวได้เร็วขนาดนี้มาก่อนเลย แต่ละคนทำได้เพียงหันกระบอกปืนของตัวเองไปมาเท่านั้น

และพวกเขาแต่ละคนก็รู้ดีว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าหากศัตรูเข้ามาประชิดตัวได้สำเร็จ

"ตาย!"

ร่างกายของมู่อี้เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว มือขวาของเขาสะบัดออกไปและในขณะเดียวกันก็มีแสงสีขาว 5 สายพุ่งออกไปจากมือของเขา แสงสีขาวเหล่านี้คือยันต์ปราบปีศาจซึ่งตรงเข้าไปหาพลแม่นปืนเหล่านี้อย่างรวดเร็ว เหล่าพลแม่นปืนที่จัดแถวอย่างเป็นระเบียบต่างก็กระจัดกระจายออกไปทันที

และมู่อี้ก็ใช้โอกาสนี้พุ่งเข้าไปประชิดตัวให้มากขึ้น มือซ้ายของเขายังคงส่งยันต์ปราบปีศาจออกไปในขณะที่มือขวาของเขาถือต้นไผ่แห่งชีวิตเอาไว้พร้อมกับฟาดออกไป ในขณะเดียวกันต้าหนิวก็กำลังวิ่งตามมาเหลือระยะห่างไม่ถึง 20 เมตรแล้ว คนที่ตายเพราะมู่อี้ก็เพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ

"ฆ่ามันซะ" หัวหน้ากองกำลังตะโกนออกมาทันทีแต่สิ่งที่เขาเห็นก็คือมู่อี้ลงมือสังหารอยู่ฝ่ายเดียวเท่านั้น ถ้าหากพลแม่นปืนต้องต่อสู้ระยะประชิดพวกเขาก็ไม่ต่างอะไรจากคนธรรมดาเลย ทุกๆคนต่างก็ถูกฝึกฝนมาให้ยิงปืนเท่านั้นเมื่อปืนที่อยู่ในมือไม่สามารถใช้งานได้ก็ไม่ต่างอะไรกับพยัคฆ์ร้ายที่ถูกถอดเขี้ยวเล็บออกไป

เมื่อต้าหนิวตามมาถึงที่นี่ การสูญเสียของกองกำลังพลแม่นปืนก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

อีกทางด้านหนึ่งนั้นฉางเว่ยก็ต้องตกตะลึงกับสิ่งที่ได้เห็นแต่เขาก็รู้ดีว่าไม่มีทางแก้ไขอะไรได้อีกแล้ว ด้วยพลังของเขาเองแม้ว่าจะเข้าไปช่วยเหลือที่นั่นเขาก็คงต้องตายไปด้วย ไม่มีใครช่วยเหลือเขาได้อีกต่อไปแล้ว

แม้ว่าเขาอยากจะให้ทุกๆคนหนีออกไปจากที่นี่แต่ก็พูดออกมาไม่ได้ ดูจากความเร็วของมู่อี้แล้ว ใครจะหนีทันบ้าง?

"นักพรตปีศาจ ยักษ์คลั่ง จงหยุดมือซะ"

ในตอนนี้มีเสียงตะโกนดังขึ้นมาและมันทำให้ฉางเว่ยมองเห็นความหวังขึ้นมาเล็กน้อย เพราะแม้ว่าฉางเว่ยจะเอาชนะมู่อี้ไม่ได้แต่ถ้าหากคุณที่เหลืออยู่ร่วมมือกันก็คงพอที่จะเอาชนะมู่อี้ได้ คนระดับยอดฝีมือที่มาที่นี่ในวันนี้ย่อมมีมากกว่า 1 คนแน่นอน

เมื่อคิดเช่นนี้แล้วฉางเว่ยก็กัดฟันและตะโกนออกคำสั่งว่า "ออกคำสั่งต่อทุกๆคนห้ามใครคิดหนีทัพเป็นอันขาด และบอกว่าถ้าหากพวกเขาไม่อยากตายให้ทำตามคำสั่งของยอดฝีมือผู้นั้น"

"รับทราบขอรับท่านแม่ทัพ" ผู้ใต้บังคับบัญชาที่อยู่ด้านหลังเขารับคำสั่งแล้วรีบออกไปทันที แต่สีหน้าของเขาก็ดูซีดเซียวและน้ำเสียงก็มีอาการสั่น

"มันเป็นแบบนี้ได้ยังไงกัน?" บรรดาท่านชายจากตระกูลต่างๆที่กำลังดูฉากจบของสงครามครั้งนี้ต่างก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาทันที พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่าจากชัยชนะที่เคยคิดเอาไว้มันจะกลับกลายเป็นเช่นนี้

โดยเฉพาะอย่างยิ่งฉือจื่อเหิงเขาแทบไม่อยากจะเชื่อสายตาของตนเอง ในสายตาของเขานั้นกองกำลังพลแม่นปืนยิ่งใหญ่เหนือผู้ใดแต่ในตอนนี้ความยิ่งใหญ่ของกองกำลังพลแม่นปืนได้หายไปแล้ว เหลือเพียงพลแม่นปืนที่ถูกสังหารอยู่ฝ่ายเดียวโดยไม่อาจสวนกลับไปได้เลย

โชคดีที่ต้วนไคมาถึงได้ทันเวลา เสียงตะโกนของเขาไม่เพียงแต่ทำให้ฉางเว่ยรู้สึกมั่นใจมากขึ้นเท่านั้น แต่ยังทำให้ฉือจื่อเหิงและคนอื่นๆเหมือนได้เห็นแสงแห่งความหวัง เพราะในสายตาของพวกเขาชาวยุทธระดับยอดฝีมือคือผู้ที่อยู่ในจุดสูงสุดของยุทธภพ

"หนิวเอ้อร์ ชายผู้นี้ข้ามอบให้เจ้า" มู่อี้ย่อมทราบดีว่าต้วนไคกำลังไล่ตามมาแต่แทนที่จะปะทะด้วยตนเองเขากลับมอบหน้าที่นี้ให้กับเนี่ยนหนิวเอ้อร์ ตอนนี้เนี่ยนหนิวเอ้อร์อยู่ในระดับวิญญาณชั่วร้ายแล้ว และต้วนไคผู้นี้ก็เหมาะสมที่จะให้นางฝึกฝนฝีมือ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด