ตอนที่แล้ว23.เซียงเช่าอยากปีนเตียง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป25.ตรุษจีน

24.หน้าด้าน


ผู้ใหญ่บ้านให้การต้อนรับหลิ่วเจินดียิ่งนัก ทุกครั้งก็วางตัวราวกับเป็นญาติผู้ใหญ่ของนาง ทว่าภรรยาผู้ใหญ่บ้านดูคล้ายไม่ค่อยพอใจมากนัก ยามหลิ่วเจินก้าวเท้าออกจากบ้าน เดินไปเกือบถึงประตู

ก็ได้ยินภรรยาผู้ใหญ่บ้านเอ่ยขึ้นมาว่า “เจ้ามันเด็กไร้ความสามารถ หากเจ้าได้เรียนรู้ความหน้าด้านจากผู้อื่นบ้าง เช่นนั้นแล้ว หรูเฟิงย่อมเป็นของเจ้า ในเมื่อเจ้าไม่อาจะละทิ้งความละอายลงได้ เจ้าก็คงทำเรื่องไร้ยางอายพรรค์นั้นไม่เป็นหรอก  มาคอยเที่ยวตามเทียวไล้เทียวขื่อเป็นบ้าเป็นหลังในยามนี้ จะมีประโยชน์อันใด? ในเมื่อเจ้ายังหน้าด้านไม่พอ”

เกรงว่าเซียงเช่าคงไม่เข้าใจถ้อยคำเหล่านี้  แต่ไพล่ไปคิดว่าผู้เป็นมารดาด่าตนเอง  เด็กน้อยนึกอยากร้องไห้ออกมานัก ใบหน้าแดงก่ำด้วยความอับอาย  ครั้นแล้วก็เอามือปาดน้ำตาในดวงตาทิ้งลวก ๆ  แล้ววิ่งหนีไป

ทว่าหลิ่วเจินเมื่อฟังแล้วก็กระจ่างแจ้งในใจ ทั้งหมดทั้งมวล ก็ต้องโทษอายุ ซึ่งยังไม่เข้าวัยแรกสาว  เมื่อเห็นว่ามารดาเอาตัวนางไปเปรียบเทียบกับหลิ่วเจิน  ให้ฟังอย่างไร ก็ตีความได้ว่าถ้อยคำเหล่านี้มันคือด่าประจานตัวเองอยู่เห็น ๆ

หญิงสาวหาได้มีโทสะไม่ เพียงคลี่ยิ้ม แล้วสะบัดแขนเสื้อเดินจากไป ถึงอย่างไร ที่ภรรยาผู้ใหญ่พูดถึง ก็คือเจ้าของร่างเดิม หาใช่ตัวนางเสียหน่อย

อย่างไรก็ตาม เรื่องที่เจ้าของร่างเดิมทำลงไปนี้  คล้ายว่าเป็นที่รับรู้ของทุกคนในหมู่บ้าน ชาวบ้านหลายคนพอเห็นเข้า ก็จะชี้ชวนกันดู  เหนืออื่นใด ต่อให้อยู่ในยุคสมัยใหม่ ไอ้เรื่องทำนองมอมยาผู้ชายให้สลบ แล้วเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของผู้อื่น นับว่าสั่นสะเทือนวงสังคมได้แล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงในยุคโบราณคร่ำครึนี้เลย

คนเหล่านั้นแต่ละคนมิได้อยากไฝ่หาความยุติธรรมเพื่อคนอื่นนักหรอก เพียงแต่หลังมื้ออาหาร ดันมีเวลาว่างมากไปหน่อย  ก็เลยตั้งวงซุบซิบนินทากัน เฝ้าดูความวุ่นวายการทะเลาะเบาะแว้งของครอบครัวผู้อื่น ก็เท่านั้น และยังคอยเฝ้าดูเรื่องตื่นเต้นของครอบครัวผู้อื่น คล้ายว่าจะได้เห็นชีวิตครอบครัวของตนเองดูดีขึ้นมากไปอีก

หลิ่วเจินได้ยินเสียงวิจารณ์ของชาวบ้านลอยลมมาไปตลอดทาง หญิงสาวเดินกลับบ้านไปเงียบ ๆจนกระทั่งถึงประตูบ้าน ก็เห็นมีใครบางคนยืนรอตนเองกลับมาอยู่ตรงนั้น

กู้หรูเฟิงยืนรอตนเองอยู่นานแล้ว ชายหนุ่มอยู่ในชุดเสื้อนวมผ้าฝ้ายเรียบ ๆ ธรรมดา บุรุษผู้นี้มีบุคลิกท่าทางซึ่งรับสืบทอดมาแต่กำเนิดประเภทหนึ่ง เอิบอาบอยู่ทั่วทั้งกาย ต่อให้อยู่ในเสื้อผ้าอาภรณ์ที่เหมือนคนอื่น ๆ เขาก็เป็นดั่งหงส์ที่อยู่ในฝูงกาอยู่ดี

สายตานั่นที่ทอดมองมา ปรากฏคลื่นลมเล็กน้อย  ริมฝีปากสีแดงสดเผยอขึ้นเล็กน้อย ครั้นแล้วจึงเอ่ยเสียงเบา “กลับมาแล้ว”

“กลับมาแล้ว”

คนทั้งสองถามและตอบด้วยถ้อยคำเดียวกัน คำสั้น ๆนั้นดูคล้ายจะทำให้คนผู้นั้นโล่งใจขึ้นเป็นพิเศษ

เหนืออื่นใด การก้าวเข้ามาในอาณาจักรที่แปลกประหลาดและไม่คุ้นเคยแห่งหนึ่ง  เป็นไปไม่ได้ที่จะมีหัวใจกล้าหาญ  ไม่สะทกสะท้านเมื่อเผชิญสิ่งใด ต่อให้เป็นผู้ที่แบกความสามารถ ทั้งความกร้าวแกร่งทรงพลังมาด้วย สุดท้ายก็คงมีต้องมีอันสะดุดล้มและ ซวนเซกันบ้าง

หลิ่วเจินเพียงแค่ไม่แสดงออกออกมา ก็แค่นั้น ชีวิตของหญิงสาวในอดีต ทั้งคลุกคลีทั้งได้เห็นชีวิตมนุษย์ที่เกิดมาและชีวิตมนุษย์ที่จากไปโดยตลอด ดังนั้นคนอย่างพวกนางส่วนใหญ่มักมีใจเยือกเย็นกว่าคนปกติธรรมดา ทว่าสุดท้ายเมื่อเหลือเพียงลำพังตัวคนเดียว ก็มีแนวโน้มที่จะเหนื่อยล้าและหวาดกลัวขึ้นมาได้

ตอนมาถึงครั้งแรก นางต้องเผชิญกับการขาดแคลนอาหาร สถานการณ์ถึงขั้นอดอยากหิวโหย ด้วยเหตุนี้ ความสามารถที่ทำสิ่งใดก็ล้วนสำเร็จซึ่งตนเองเคยภาคภูมิใจนั้น ล้วนเลิกคิดถึงไปเลย  ได้แต่คิดให้ตนเองอยู่รอดไปวัน ๆ แค่นั้น พอมาถึงตอนนี้  สถานการณ์คลี่คลายลงบ้างแล้ว  ทว่าภายในใจนางกลับว่างเปล่า

หญิงสาวเองยังไม่อยากเข้าไปในบ้านด้วย เพราะบ้านนี้สร้างมาไม่ดี  มีแสงเข้ามาน้อย ดังนั้นยืนอยู่ในลานบ้านดีกว่า บนพื้นตอนนี้ทั่วทุกที่มีแต่หิมะ และบนท้องฟ้าก็ค่อย ๆ มีหิมะลอยละล่องลงมา หญิงสาวชูมือขึ้นไปรับ เกล็ดหิมะนั้นก็ทยอยหล่นลอดจากนิ้วมือนาง ร่วงใส่กลางดวงตาสีน้ำตาล

ดวงตาคู่นี้สะท้อนท้องฟ้า  และท้องฟ้าก็สะท้อนดวงตา เกล็ดหิมะปลิวว่อนอยู่ไม่รู้จบ คล้ายกระจกคั่นกลาง ที่สะท้อนภาพของโลกทั้งสองใบ

หญิงสาวไม่ยอมกลับเข้าบ้าน กู้หรูเฟิงเลยยืนในลานบ้านเป็นเพื่อนนาง แน่นอนเขาไม่ได้เอาแต่ยืนเหม่อมองอย่างโง่งม ตรงกันข้าม เขาดึงไม้ฟืนที่วางเรียงกองไว้อย่างเป็นระเบียบในลานบ้านมาสองสามอัน และใช้ขวานสับพวกมันให้เป็นชิ้นเล็กลง เพื่อสะดวกเอาไปใช้จุดไฟหุงหาอาหารในภายหลัง

ชัดเจนว่านี่ไม่ใช่งานที่คนประเภทเขาจะทำ ทว่าทุก ๆ อย่างที่ทำก็ดูเป็นระเบียบเรียบร้อยดี

หลิ่วเจินพลันเอ่ยขึ้น “ท่านเต็มใจทำหรือไม่?”

คุณชายจากตระกูลร่ำรวยและมีเกียรติ จะแต่งกายที ก็ยื่นมือมาให้บ่าวไพร่สวม จะกินอาหารที ก็แค่อ้าปากกิน  จะเจรจาแต่ละที ก็มีแต่เรื่องการเมือง หรือเรื่องใหญ่ ๆ ระดับชาติ จะคุยที ก็มีแต่เรื่องโคลงกลอน ทว่ากลับต้องมานั่งผ่าฟืน มาจุดไฟหุงหาอาหาร ในสถานที่ ๆ แม้แต่นกยังไม่อยากมาถ่าย

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด