ตอนที่แล้วเธอเปลี่ยนไปเป็นเจ้าพ่อ บทที่ 8: การพบกันครั้งแรกกับพระเอกตามต้นฉบับ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเธอเปลี่ยนไปเป็นเจ้าพ่อ บทที่ 10: กลับไปยังบ้านเก่าตระกูลเจี่ยน 1

เธอเปลี่ยนไปเป็นเจ้าพ่อ บทที่ 9: ดูเหมือนว่าเธอจะขี้อายมาก


FSTB บทที่ 9: ดูเหมือนว่าเธอจะขี้อายมาก

“อีหลิงคงต้องรบกวนคุณต่อไประยะหนึ่งแล้วล่ะ” เจี่ยนหยุ่นเฉิงกล่าวกับฉินชวน

ฉินชวนตอบว่า “ไม่ต้องกังวลเรื่องนั้น”

“เช่นนั้นก็เริ่มกันวันนี้ คุณคงต้องทำงานหนักหน่อยอาทิตย์นี้”

“ไม่มีปัญหา”

งานหนักไม่ใช่ปัญหา และการสอนพิเศษทุกวันก็หมายความว่าเขาได้รับค่าตอบแทนจำนวนมากทุกวัน

เจี่ยนหยุ่นเฉิงยังสัญญาที่จะจ่ายค่าเล่าเรียนของเขาให้ด้วย

นี่จะสามารถช่วยแก้ปัญหาค่ารักษาพยาบาลแม่ของเขาในโรงพยาบาลด้วย

พูดให้ตรงจุดก็คือการที่เจี่ยนอีหลิงหยุดเรียนก็เหมือนเป็นความช่วยเหลือที่มาทันเวลาสำหรับฉินชวน

ฉินชวนติดตามเจี่ยนอีหลิงไปที่ห้องทำงานของเธอ

ห้องทำงานของเจี่ยนอีหลินนั้นก็เหมือนกับห้องของเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ตระกูลเจี่ยนมีลูกสาวเพียงคนเดียว ซึ่งถูกเลี้ยงดูเหมือนกับเจ้าหญิงตัวน้อย ห้องทำงานทั้งห้องจึงเป็นสีชมพูอ่อนละมุน

แน่นอนว่าเจี่ยนอีหลิงไม่ชอบสีโทนชมพูนี้ ซึ่งไม่สอดคล้องกับนิสัยลึกๆในตัวเธอ

แต่ตอนนี้เจี่ยนอีหลิงไม่มีเวลาที่จะมาปรับเปลี่ยนรูปแบบของห้องเธอ เธอมีสิ่งที่สำคัญกว่านั้นที่จะต้องทำ

ทันทีที่ฉินชวนเข้าสู่ห้องทำงานของเจี่ยนอีหลิง เขาก็รู้สึกถึงกลิ่นอายของเด็กหญิงพวยพุ่งเข้าปะทะหน้า

เป็นเจ้าหญิงตัวน้อยของตระกูลเจี่ยนจริงๆ แต่กล่าวกันว่าแท้จริงแล้วเธอเป็นปีศาจมากกว่า อย่างน้อยก็ในคำกล่าวขานกันภายในโรงเรียน

แน่นอนว่าฉินชวนย่อมไม่สนใจแม้แต่น้อยในเด็กสาวประเภทนี้ ไม่ว่าเธอจะเป็นปีศาจหรือเจ้าหญิง เธอก็คืองานที่เขาจำเป็นที่จะต้องทำให้สำเร็จ

ฉินชวนรับกระดาษข้อสอบของเจี่ยนอีหลิงเมื่อเดือนที่แล้ว

เจี่ยนอีหลิงเพิ่งเรียนมัธยมศึกษาตอนปลาย และผลทดสอบประจำเดือนแรกแย่มาก

ในเก้าวิชาหลัก ภาษาจีน คณิตศาสตร์ อังกฤษ ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ ภูมิศาสตร์ การเมือง และประวัติศาสตร์ เธอสอบตกหกวิชา และสอบผ่านสามวิชาด้วยคะแนนต่ำ

ผลการเรียนของเธออธิบายได้เพียงว่า “แย่มาก”

ฉินชวนขอให้เจี่ยนอีหลิงแก้ไขคำตอบที่ผิดในข้อสอบอีกครั้ง

“ฉันจะทำเองด้วยตัวเองก่อนเป็นอันดับแรก และถ้าฉันทำผิด นายค่อยชี้แนะให้กับฉัน” เจี่ยนอีหลิงต้องการที่จะหลีกเลี่ยงการยุ่งเกี่ยวกับฉินชวนให้มากที่สุด

เจี่ยนอีหลิงยังคงไม่คุ้นเคยกับการสื่อสารกับผู้คน ดังนั้นเธอจึงพูดได้ช้ากว่าปกติ

เมื่อเห็นเจี่ยนอีหลิงยืนกรานเช่นนั้น ฉินชวนก็ไม่ได้บีบบังคับเธอ ดังนั้นเขาจึงนั่งลงที่โซฟาข้างตัวเธอรอให้เจี่ยนอีหลิงตอบคำถามให้เสร็จ

ถือโอกาสที่ฉินชวนไม่ได้ใส่ใจ เจี่ยนอีหลิงแอบวางข้อสอบไว้ด้านล่างและหยิบเอาโทรศัพท์มือถือขึ้นมาพิมพ์ลงไปบนหน้าจอ

ถ้าฉินชวนเดินมาดูในเวลานั้น เขาคงจะเห็นได้อย่างชัดเจนว่าถ้อยคำที่เจี่ยนอีหลิงพิมพ์ลงไปบนหน้าจอนั้นเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด

หลังจากที่ผ่านไปได้สักพัก ฉินชวนก็มาตรวจสอบความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาของเจี่ยนอีหลิง

เมื่อฉินชวนเดินมา เจี่ยนอีหลิงก็ซ่อนโทรศัพท์ และทำเป็นเหมือนกับว่าเธอกำลังตั้งใจแก้ไขปัญหา

ฉินชวนเข้ามาและมองไปยังสิ่งที่เจี่ยนอีหลิงได้เขียนไว้

เขาพบว่าถึงแม้เจี่ยนอีหลิงได้ตอบคำถามเพียงข้อเดียว แต่เธอก็ตอบได้ถูกต้อง

ขั้นตอนการแก้ไขโจทย์ของเธอนั้นไม่มีปัญหา

ความคืบหน้าเป็นไปค่อนข้างช้า ดังนั้นฉินชวนจึงตัดสินใจที่จะให้เจี่ยนอีหลิงแก้ไข ในขณะที่เขาอธิบาย

เมื่อฉินชวนเข้ามา เจี่ยนอีหลิงจึงทำการเลี่อนโทรศัพท์ใต้ข้อสอบไปที่ตักของตนเองอย่างระมัดระวัง

ฉินชวนมองไม่เห็นโทรศัพท์มือถือของเจี่ยนอีหลิง เห็นแต่เพียงว่าเจี่ยนอีหลิงห่อตัว

ดูเหมือนว่าเธอจะขี้อายมาก

โดยไม่ได้คิดมาก ฉินชวนเริ่มอธิบายคำถามให้กับเจี่ยนอีหลิง

ฉินชวนพูดได้ดี อธิบายด้วยถ้อยคำพื้นๆเข้าใจง่าย และเมื่อพูดถึงประเด็นสำคัญ ฉินชวนก็หยิบปากกาและกระดาษจากเจี่ยนอีหลิงเขียนประเด็นสำคัญนั้นลงไปเพื่อให้เจี่ยนอีหลิงได้ทบทวนในภายหลัง

ในขณะที่หยิบปากกาและกระดาษ ฉินชวนเผอิญสัมผัสถูกมือของเจี่ยนอีหลิง และเจี่ยนอีหลิงก็ดึงมือของเธอหนีในทันที

ปฏิกิริยานี้เหมือนกับกระต่ายสีขาวตัวน้อยที่กำลังตกใจกลัว

ในยามนั้น ฉินชวนมีความรู้สึกเหมือนกับว่าเขากำลังรังแกเด็กหญิงตัวเล็กๆ

ตามความเป็นจริง นี่เป็นเพียงแค่การต่อต้านการสัมผัสกับคนแปลกหน้าของเจี่ยนอีหลิง โดยเฉพาะอย่างยิ่งฉินชวน ซึ่งปฏิกิริยาแบบนี้เป็นสัญชาตญาณโดยทั่วไปของเจี่ยนอีหลิง

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด