บทที่ 18 กำเนิดสลักเกลียว(อ่านฟรี 14-11-2020)
หลังจากส่งคนสุดท้ายที่ถูกโกงไปแล้วซูยี่ก็ถอนหายใจยาว ๆ จากนั้นก็ยืดเส้นยืดสายเบาๆ
“เฮ้อในที่สุดก็จบซักที เหนือยจริงๆ”
ไฮนซ์เดินเข้ามาแล้วยื่นถ้วยชาอุ่นๆให้ซูยี่ เขาพูดด้วยรอยยิ้มว่า “จริงๆแล้วถ้านายรู้ล่วงหน้าว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นนายก็ควรจะเรียกนักเรียนพวกนั้นมาช่วยนะ ตอนนี้นายทำทุกอย่างคนเดียวก็เป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้วที่จะเหนือย”
ซูยี่ส่ายหัว“เราไม่สามารถรบกวนการเรียนที่โรงเรียนของพวกเขาได้ อีกอย่างมันก็ระบุใว้ในสัญญาอย่างชัดเจนว่าเราจะไม่รบกวนการเรียนของพวกเขา และพวกเขายังเป็นกำลังสำคัญในการผลิตพัดลมเวทมนตร์มันคงจะไม่ดีที่พวกเขาจะเหนื่อยจนไม่มีแรงทำงานจนส่งผลต่อการผลิตของเรา”
ไฮนซ์กลอกตาไปที่ซูยี่“แล้วนายก็มาเหนื่อยคนเดียวเนี่ยนะ?”
“แค่นี้ไม่เท่าใหรหรอก เมื่อก่อน… ..” ซูยี่ชะงักกึกทันที
เขาอยากจะบอกว่าเมื่อก่อนเขาเคยทำงานในศูนย์วิจัยติดต่อกันสามวันรวดโดยได้นอนแค่สี่ชั่วโมง เมื่อเทียบกับเวลานั้นแล้วตอนนี้มันไม่มีอะไรเลย
แต่เขามีปฏิกิริยาก่อนที่เขาจะพูด เขาไม่ได้อยู่ในโลกนั้นอีกต่อไปแล้วเขาไม่สามารถกลับไปที่สภาพแวดล้อมการวิจัยที่ป่าเถื่อนได้
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ซูยี่ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกถึงความเศร้าในใจของเขา
เมื่อเห็นซูยี่นิ่งเงียบและสีหน้าของเขาก็เหม่อลอยไฮนซ์ก็สับสนเล็กน้อย อย่างไรก็ตามเขารู้ดีว่าไม่ใช่เวลาที่ดีที่จะถามคำถามเขาจึงเงียบไปเช่นกัน
มีเพียงเสียงของอเล็กซ์วางของในห้อง
หลังจากนั้นไม่นานซูยี่ก็ส่ายหัวและมองไปที่ไฮนซ์ด้วยรอยยิ้ม
“ขอโทษนะฉันเหม่อไปหน่อย ใช่แล้วตอนนี้เรากำลังพูดถึงอะไรอยู่นะ”
“นายบอกว่านายไม่สามารถให้นักเรียนพวกนั้นเหนือยจนไม่สามารถทำงานได้”
"โอ้ใช่. เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ไฮนซ์หาเวลาไปที่สถาบันเวทมนตร์บารานริกโต้และพยายามอย่างเต็มที่เพื่อรับนักเรียนเพิ่ม ถ้านายสามารถให้นักเรียนที่เราจ้างมาโฆษณาให้เราได้ก็จะมีประสิทธิภาพมากขึ้น ฉันเกือบจะค้นคว้าพัดลมเวทมนตร์รุ่นที่สองเสร็จแล้วบางทีเราอาจจะสามารถเริ่มผลิตได้ในช่วงปลายเดือนนี้ เราต้องการกำลังคนจำนวนมากในเวลานั้น”
“เข้าใจแล้ว” ไฮนซ์เขียนสิ่งที่ซูยี่พูดลงในสมุดเล่มเล็กที่เขาพกติดตัวไปอย่างไม่เป็นทางการ
เมื่อเห็นการเคลื่อนไหวของเขาซูยี่ก็อดยิ้มไม่ได้เพราะการกระทำของไฮนซ์เหมือนกับเลขามากประสบการณ์
ไฮนซ์สับสนเล็กน้อยกับรอยยิ้มของซูยี่แต่เขาเปิดหนังสือและจดต่อไป
“เออใช่แล้วซูยี่ ฉันหาข้อมูลมาแล้วนะ มันไม่มีอะไรที่เหมือนกับหนังสือพิมพ์ที่นายพูดถึงเลยที่ใกล้เคืองที่สุดก็คงจะเป็นหนังสือรายงานของรัฐบาลจากคฤหาสน์เจ้าเมืองที่จะส่งออกมานานๆครั้ง แต่มันก็ถูกส่งไปให้ผู้อาวุโสของตระกูลชั้นสูงเท่านั้นคนปกติไม่มีโอกาศได้เห็นมันเลย”
“ถ้าเป็นแบบนั้นก็ลืมมันไปซะ ฉันจะคิดหาวิธีการโฆษณาแบบอื่นเอง” ซูยี่โบกมือส่งสัญญาณให้ลืมเรื่องนี้ไปเสียก่อน“พูดถึงกำลังคนไฮนซ์ฉันคิดว่าเราควรจ้างช่างตีเหล็กกลุ่มหนึ่ง”
"ห๊า?" ไฮนซ์ตกตะลึงกับความคิดฉับพลันของซูยี่“จ้างช่างตีเหล็กเหรอ? ทำไม? ถ้าจะทำพัดลมเราก็ใช้ร้านช่างตีเหล็กในเมืองไม่ได้เหรอ”
“ การทำแบบนั้นมันจะทำให้เราควบคุมอะไรได้ไม่มากนัก ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับร้านช่างตีเหล็กเราจะดูแลเรื่องนี้ได้ยากมาก” ซูยี่ส่ายหัว“แน่นอนสิ่งสำคัญคือเราต้องการคนที่เชี่ยวชาญ ฉันไม่พอใจกับปลอกนอกที่ทำจากร้านช่างตีเหล็กพวกนั้นมาโดยตลอดคุณภาพของมันไม่ตรงกับความต้องการของฉัน เนื่องจากเราไม่สามารถหาสิ่งทดแทนที่เหมาะสมได้เราจึงใช้สิ่งเหล่านี้มาตลอด หลังจากสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้นายไม่สังเกตเห็นเลยเหรอว่าเราสามารถโน้มน้าวคนเหล่านั้นได้อย่างง่ายดายว่าพัดลมเวทมนตร์ที่พวกเขาซื้อนั้นไม่ได้มาจากที่ของเราเพราะคุณภาพของพัดลมเวทมนตร์ของเราดีกว่ามาก? ดังนั้นหากเราต้องการรักษาคุณค่าของแบรนด์เรา เราก็ต้องรักษาคุณภาพไว้”
ไฮนซ์ครุ่นคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้และพบว่าซูยี่พูดถูก
ถ้าไม่ใช่เพราะคุณภาพที่แตกต่างอย่างชัดเจนทำให้คนเหล่านั้นต้องยอมรับว่าพัดลมเวทมนตร์ที่พวกเขาซื้อและพัดลมเวทมนตร์แบรนด์เฟรสเทคนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงเรื่องนี้คงไม่จบลงง่ายๆแน่
“แต่เราจะหาช่างตีเหล็กจำนวนมากได้จากที่ไหน?” ไฮนซ์ขมวดคิ้ว
“ จริงๆแล้วเราไม่ต้องการคนที่มีทักษะมากนักเราต้องการเพียงแค่ช่างตีเหล็กเฉพาะทางเท่านั้น นายเข้าใจที่ฉันต้องการจะสื่อมั้ย” ซูยี่ถาม
“นายกำลังจะบอกว่า… .. เราแค่ต้องจ้างช่างตีเหล็กสักคนที่รู้วิธีการหลอมและให้พวกเขาทำปลอกนอกพัดลมให้เราโดยเฉพาะ”
“ถูกต้องนั่นคือสิ่งที่ฉันจะสื่อ แล้วเวลาต่อมา……” ซูยี่เผยรอยยิ้มจาง ๆ และแววตาแปลก ๆ ในดวงตาของเขา“เมื่อเราพัฒนามาถึงระดับหนึ่งแล้วเราก็ไม่ต้องการช่างตีเหล็กที่เชี่ยวชาญจำนวนมากขนาดนั้นด้วยซ้ำ”
เป็นเวลาบ่ายแล้วเมื่อเขาออกจากร้านขายของทั่วไปไฮนซ์ ซูยี่มองขึ้นไปบนท้องฟ้าและคิดว่าเขาจะหยุดพักผ่อนอีกวัน เขาหยุดงานไปแล้วสามวันในช่วงสัปดาห์นี้เขาไม่ได้ไปทำงานที่หอคอยเวทมนตร์เป็นเวลาเกือบครึ่งหนึ่ง
“เพื่อนร่วมงานในห้องแล็บน่าจะเดาว่าฉันไม่อยากทำอีกแล้ว? บางทีพวกเขาอาจคิดว่าฉันโง่เกินไปทำให้หมดโอกาสเรียนเวทมนตร์กับจอมเวทย์คามิลล่า” ซูยี่เผยรอยยิ้มเยาะเย้ยตัวเอง“แต่เมื่อพูดถึงเรื่องนี้จอมเวทย์คามิลล่าก็ไม่เคยพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ถ้าเป็นคนอื่นบางทีเขาอาจจะขับไล่พวกเขาออกจากหอคอยเวทมนตร์ไปแล้ว”
ในขณะที่พยายามเดาว่าจอมเวทย์คามิลล่ากำลังคิดอะไรอยู่ซูยี่ก็เดินผ่านไปหลายมุมถนนและมาถึงหน้าโรงตีเหล็กภูเขาไฟอีกครั้ง
เหมือนปกติเมื่อเขาเข้าไปในโรงตีเหล็กเขาได้รับการต้อนรับด้วยคลื่นแห่งความร้อน
“เฮ้ปรมจารย์ลานัส” ซูยี่ไม่ได้มองในขณะที่เขาโยนขวดไวน์ในมือไปให้
มือหนายื่นออกมาจากคลื่นความร้อนแล้วคว้าขวดไวน์ไว้แน่น
“ไอ้สารเลวนายไม่เห็นเหรอว่าฉันทำงานอยู่? จะเป็นอย่างไรถ้า… ..โอ้? ไวน์ชั้นดี!”
ปรมจารย์ลานัสกำลังจะสาปแช่งแต่เมื่อเขาถูกดึงดูดจากกลิ่นไวน์อันทรงพลังจากขวดไวน์ เขายื่นมันเข้าปากโดยไม่พูดอะไรเลย
“หือ… .. ไวน์ชั้นดีจริงๆ!” ปรมจารย์ลานัสปล่อยลมหายใจที่เต็มไปด้วยกลิ่นแอลกอฮอล์ก่อนจะเรอออกมา จากนั้นเขาก็มองไปที่ซูยี่“เฮ้เด็กน้อยนี่น่าจะเป็นไวน์อายุสามสิบปีของคฤหาสน์ซาจิใช่มั้ย? ราคานี้อย่างน้อยห้าเหรียญทองต่อขวด เด็กอย่างนายคงไม่ได้ใจดีขนาดนั้น บอกมานายมีคำขอแปลๆอีกแล้วใช่มั้ย”
“คำขอแปลกๆ หมายความว่าอย่างไร” ซูยี่พูดด้วยน้ำเสียงที่เสียใจ“ปรมจารย์ คุณไม่พอใจกับคำขอของผมมาตลอดเลยใช่มั้ย อย่าลืมว่าคุณก็เห็นด้วยกับคำขอนั้น แล้วสุดทายคุณก็รับคำขอทั้งสองนั้นไมาใช่เหรอ?”
"ฮึ! ฉันรับปากก็จริง แต่เด็กน้อย นายก็ยังมาเพิ่มคำขอให้ฉันอีก”
ซูยี่หัวเราะสองเสียง เขามองไปด้านข้างและสายตาของเขาก็ตกลงไปที่เครื่องจักรแปลก ๆ สองเครื่องที่มุมโรงตีเหล็ก
“ โห! ปรมจารย์ลานัสฉันไม่อยู่แค่สองวันและคุณทำสำเร็จแล้วหรือ”
ซูยี่อุทานออกมาอย่างตื่นเต้น เขาเดินไปรอบ ๆ เครื่องจักรนั้นสองสามรอบราวกับกำลังมองดูสมบัติ
"ฮึ!คิดว่าลานัสคนนี้เป็นใครล่ะ? มันก็แค่สองเครื่องมันจะยากแค่ไหนกันเชียว” ปรมจารย์ลานัสส่งเสียงฮึออกมาก่อนจะหยิบไวน์อีกแก้ว
ซูยี่เริ่มมองไปที่เครื่องจักรทั้งสองนี้ตั้งแต่หัวจรดปลาย
หนึ่งในนั้นคือเครื่องรีดเกลียวเวทมนตร์ซึ่งเขาให้ปรมจารย์ลานัสทำเมื่อวันก่อน อีกเครื่องหนึ่งคือเครื่องขันระบบบิดเวทมนตร์ที่เขาเพิ่มเข้ามาในภายหลัง
เครื่องจักรทั้งสองนี้เป็นเครื่องจักรที่สำคัญในการทำสลักเกลียว ตราบเท่าที่ทั้งคู่ทำงานได้อย่างถูกต้องการผลิตสกรูสลักเกลียวจำนวนมากที่ซูยี่จินตนาการไว้ก็จะเป็นไปได้
อย่าดูถูกสลักเกลียว สิ่งนี้ดูเหมือนเป็นเรื่องปกติ แต่สามารถพบได้ในทุกส่วนของระบบอุตสาหกรรมมันเป็นวัสดุที่จำเป็น
ไม่ว่าจะเป็นงานใหญ่หรือเล็กซับซ้อนเรียบง่ายเครื่องจักรและผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเกือบทุกชนิดบนโลกล้วนมีสลักเกลียวอยู่ในตัว
ความสามารถในการผลิตสลักเกลียวจำนวนมากนั่นหมายความว่าซูยี่ได้ก้าวแรกบนเส้นทางแห่งอุตสาหกรรมในทวีปไซน์นี้แล้ว!
“ปรมจารย์ลานัสตอนนี้สองเครื่องสามารถใช้งานได้เลยหรือไม่” ซูยี่หันหน้าไปถามเรื่องนี้
“ไร้สาระ ฉันบอกว่ามันเสร็จแล้วทำไมมันจะยังใช้ไม่ได้”
"ดีมาก."ซูยี่หยิบแท่งเหล็กขนาดเล็กจากในโรงตีเหล็กและวางลงในแม่พิมพ์ของเครื่องขันระบบบิดเวทมนตร์ก่อนที่จะกดสวิตช์เปิด
ไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ เลย
“ไอ้โง่! นายไม่ได้ใส่ผลึกเวทย์มันจะทำงานได้อย่างไร!” เสียงคำรามโกรธของปรมจารย์ลานัสดังมาจากด้านหลังเขา
ซูยี่ตบหัวของตัวเอง เขาตระหนักว่าเขาตื่นเต้นเกินไปจริงๆแล้วลืมสิ่งที่สำคัญที่สุด
ซูยี่รีบหยิบผลึกเวทย์ระดับสูงที่เขาเตรียมไว้แล้วใส่ลงในเครื่องขันระบบบิดเวทมนตร์เป็นแหล่งพลังงานก่อนที่จะกดสวิตช์อีกครั้ง
ทันใดนั้นก็มีเสียง "เปง" จากเครื่องขันระบบบิดเวทมนตร์ขณะที่มันส่งการตีด้วยความเร็วสูงกระทบกับแกนด้านบนของแม่พิมพ์
“แก้ง ----”
ด้วยเสียงแปลก ๆ ที่ชัดเจนจากเครื่องขันระบบบิดเวทมนตร์ตัวเครื่องสั่นอย่างรุนแรง ช่างตีเหล็กทั้งร้านสั่นสะท้านหลายครั้งจากเสียงยักษ์ซึ่งน่ากลัวอย่างแท้จริง
ซูยี่อดไม่ได้ที่จะตะลึง
ไม่ใช่แค่กระแทกหัวสกรูทำไมมันถึงสร้างเสียงสั่นสะเทือนสวรรค์ได้ขนาดนี้?
ในที่สุดเขาก็กลับมามีสติหลังจากนั้นสักครู่ เขากดสวิตช์อีกครั้งและเครื่องก็หยุดทำงาน
ซูยี่หยิบแท่งเหล็กจากแม่พิมพ์ เขารู้สึกยินดีที่พบว่าภายใต้อำนาจของเครื่องนั้นจริงๆแล้วส่วนหัวของแท่งได้มีรูขึ้นมา นอกจากนี้ยังเป็นรูทะลุไปข้างหลังซึ่งเป็นเรื่องปกติสำหรับสลักเกลียว
"ไม่เลว." ซูยี่พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ“มาลองใช้เครื่องรีดเกลียวกันเถอะ”
เมื่อเทียบกับเครื่องขันระบบบิดแบบธรรมดาที่ทำแบบหยาบๆแล้วเครื่องรีดเกลียวมีความซับซ้อนกว่ามาก
แม้ว่าซูยี่จะทำให้มันง่ายขึ้นเล็กน้อย แต่เครื่องรีดเกลียวนี้มีรูปแบบเวทมนตร์มากกว่าสี่ตัว เพียงแค่จารึกรูปแบบเวทมนตร์ก็ใช้ความพยายามเล็กน้อยจากซูยี่แล้วไม่ต้องพูดถึงการรวมรูปแบบเวทมนตร์เข้ากับโครงสร้างของเครื่องอย่างสมบูรณ์แบบ
แต่เมื่อเห็นเครื่องมือตัดแกะสลักเส้นบนสลักเกลียวสกรูอย่างรวดเร็วซูยี่ก็ลืมความยากลำบากในการศึกษาเครื่องนี้ไปโดยสิ้นเชิงและรู้สึกถึงความสำเร็จ
นี่คือทวีปไซน์! นี่คือโลกที่ไม่มีระบบอุตสาหกรรมใด ๆ เลย!
เพื่อให้สามารถสร้างสกรูในโลกนี้ได้นี่ถือเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่แล้ว!
ในฐานะหนึ่งในผู้มีส่วนร่วมที่สำคัญที่สุดในโครงการที่ยอดเยี่ยมนี้ซูยี่มีสิทธิ์ที่จะรู้สึกภาคภูมิใจ!
ที่ด้านข้างลานัสเห็นเครื่องจักรทั้งสองนี้เปลี่ยนแท่งเหล็กนี้เป็นสลักเกลียวที่ทำขึ้นอย่างประณีตและหัวใจของเขาก็เต็มไปด้วยความตกใจ
ตอนแรกเขาคิดว่าเครื่องจักรสองตัวของเด็กคนนี้แปลกมากนั่นคือเหตุผลว่าทำไมลานัสจึงท้าทายเพื่อสร้างมันให้กับเขา
แต่ตอนนี้เขาได้เห็นแล้วว่าเครื่องจักรทั้งสองนี้น่าทึ่งเพียงใดลานัสรู้สึกว่าเครื่องจักรทั้งสองนี้มีความสำคัญมากกว่าสิ่งที่เขาเคยทำ
“เด็กคนนี้คิดเครื่องจักรทั้งสองนี้ออกมาได้ยังไง”ลานัสมองไปทซูยี่ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น
.
.
.
.