ตอนที่แล้วตอนที่ 6 ปากบอกไม่แต่ร่างกายกลับต้องการ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 8 อนาคตยังอีกยาวไกลไม่ต้องรีบร้อนหรอก

ตอนที่ 7 ไม่เคยมีใครทำแบบนี้กับเธอมาก่อน


ติดตามตอนอื่น ๆ ได้ที่ : novelrealm

นี่เป็นครั้งแรกที่กู้เฉิงเซียวเห็นหลินเฉี่ยนเงยหน้าขึ้นมาและเป็นครั้งแรกที่ทั้งคู่สบตากัน ครั้งนี้ทำให้เขาเห็นบาดแผลบนใบหน้าของเธอได้อย่างชัดเจน โหนกแก้มซ้ายและมุมปากของเธอบวมเป่ง ส่วนตาด้านขวาก็หรี่เล็กซึ่งก็เป็นเพราะโหนกแก้มเกิดความปูดบวมจึงทำให้ตาข้างนั้นแทบจะลืมไม่ขึ้น ‘มิน่าล่ะทำไมเธอถึงเอาแต่ก้มหน้าอยู่ตลอดเวลา ที่แท้ก็ต้องการจะปกปิดบาดแผลบนหน้านี่เอง’

 

“พ่อครับ ลูกผู้ชายทำอะไรไว้ก็ต้องกล้ารับผิดชอบและนี่เป็นสิ่งที่ผมต้องทำ ยิ่งผมเป็นนายพลมีชื่อเสียงมันยิ่งทำให้ผมต้องรับผิดชอบชื่อเสียงของตัวเองมากเข้าไปอีก นี่เป็นเรื่องที่พ่อสอนผมด้วยตัวพ่อเองมาตลอด พ่อกับแม่จะมาตัดสินเธอเพียงเพราะพ่อแม่ของหลินเฉี่ยนแยกทางกันไม่ได้นะครับ”

 

“กะ...แก” กู้หยวนได้ยินเช่นนั้นก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรต่อ

 

“พ่อกับแม่รบเร้าอยากจะเห็นแฟนของผมนักไม่ใช่เหรอครับ ผมก็พาเธอไปให้ดูแล้วไง แล้วที่ผมพาเธอไปรอบนี้ก็ไม่ได้ต้องการความคิดเห็นจากพ่อกับแม่ แต่มันเป็นเพราะผมต้องการให้รู้จักกันเท่านั้น พ่อกับแม่จะชอบหรือไม่ชอบก็แล้วแต่ แต่ผู้หญิงคนนี้เป็นคนที่ผมเลือก สำหรับผมแค่ผมชอบมันก็พอแล้ว”

 

“พรุ่งนี้ฉันจะไปคุยกับเสี่ยวหลิวเรื่องของแก!” กู้หยวนข่มขู่

 

กู้เฉิงเซียวชะงักไปชั่วขณะก่อนที่จะสูดหายใจเข้าลึกๆครั้งหนึ่งก่อนจะพูดออกมาว่า “ก็ดีเหมือนกันครับ ผมเองก็เขียนใบสมัครเพื่อไปเป็นเจ้าหน้าที่อาสารักษาสันติภาพที่แอฟริกาแล้วเหมือนกัน งั้นก็ฝากพ่อทักทายผู้บัญชาการหลิวด้วยก็แล้วกันครับ”

 

“แก!...” กู้หยวนมองลูกชายอย่างโกรธจัด “นี่แกจะทิ้งชีวิตของตัวเองเรอะ มันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดหรอกนะ!”

 

“ก็ตามใจครับ พวกผมจะไปกินข้าวแล้วแค่นี้ก่อนนะ”

 

พูดจบ กู้เฉิงเซียวก็ตัดสายในทันที เขาหันมาสบตากับหลินเฉี่ยนพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “สบายใจเถอะ เกิดอะไรขึ้นฉันจะเป็นคนรับผิดชอบเอง”

 

ในเวลานั้นหลินเฉี่ยนรู้สึกได้ว่าขอบตาของเธอกำลังร้อนผ่าว ภาพตรงหน้าเริ่มพร่ามัวเพราะหยดน้ำตาใสๆกำลังจะเอ่อล้นออกมา ความตื้นตันและซาบซึ้งใจอย่างบอกไม่ถูกเต็มตื้นอยู่ในอก

 

ไม่เคยมีใครทำแบบนี้กับเธอมาก่อนเลย...

……...

 

ณ บ้านตระกูลหลิน

 

หลินเผยและจูม่านยวี่ยังคงนั่งรอสายจากคนตระกูลกู้ ทันทีที่โทรศัพท์ดังขึ้น หลินเผยก็รีบรับสาย และเมื่อได้ฟังสิ่งที่ปลายสายพูดเขาก็แสงสีหน้าไม่สู้ดีนัก

 

“ครับ...ได้ครับ เข้าใจแล้ว” เขาตอบเพียงไม่กี่คำก่อนที่จะวางสาย

 

“เป็นยังบ้างคุณ? เขาว่ายังไง?”

 

หยดเหงื่อเม็ดโตๆผุดขึ้นบนหน้าผากของหลินเผยอีกครั้ง “ผู้บัญชาการกู้บอกว่าเรื่องนี้จะต้องถูกเก็บไว้เป็นความลับ ใครเอาเรื่องนี้ออกไปพูดจะต้องตายอย่างไม่มีข้อยกเว้น!”

 

“.......” เสี้ยววินาทีนั้น จูม่านยวี่รู้สึกถึงความมืดมนที่เข้าปกคลุมทั่วทั้งร่าง ก่อนที่เธอจะล้มลงไปกองอยู่ที่พื้น

 

“ที่รัก! ที่รัก! เธออย่าทำให้ฉันตกใจสิ” หลินเผยรีบนั่งลงแล้วประคองร่างของภรรยาขึ้นมา

 

จูม่านยวี่พูดพลางร้องไห้สะอึกสะอื้น “หมดกัน หมดกัน! ตายแน่ๆ พวกเราต้องตายแน่ๆ หลินเฉี่ยนนั่นต้องแก้แค้นพวกเราแน่ๆเลยคุณ หลินเฉี่ยนมันได้กู้เฉิงเซียวเป็นเสาหลักให้แล้ว มันจะไม่กลับมาฆ่าเราเลยเหรอคะ?” เธอหวาดกลัวจนรู้สึกว่าตนเองกำลังจะเสียสติแล้ว

 

หลินเผยที่มีสติมากกว่ายกเหตุผลปลอบโยนภรรยา “ที่รักเรายังโชคดีอยู่นะที่พอจะคุยกับผู้บัญชาการกู้ได้ ยัยเด็กนั่นไม่กล้าทำอะไรแบบนั้นหรอก อีกอย่างนิสัยอย่างเด็กบ้านั่นจะต้องทำให้หัวหน้ากู้รำคาญในวันสองวันนี้แน่ๆ แถมผู้บัญชาการกู้ก็ยังบอกให้เราเก็บเรื่องนี้เป็นความลับด้วยแสดงว่าเขาเองก็ต้องไม่ชอบเด็กนั่นแน่ๆ”

 

“แต่พวกเขาจดทะเบียนกันแล้วนะ”

 

“แล้วไง? แต่งได้ก็หย่าได้ไม่ใช่เหรอ?”

 

หลังจากได้ยินสามีพูดแบบนั้น จูม่านหยี่ก็เริ่มสงบอารมณ์ได้บ้าง เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดตอบ “ฉันก็หวังว่ามันจะเป็นแบบนั้น...”

……….

 

กู้เฉิงเซียวขับรถมาจอดตรงหน้าร้านปิ้งย่างแห่งหนึ่ง เขาอยากให้บรรยากาศของเนื้อย่างหอมๆทำให้หลินเฉี่ยนรู้สึกผ่อนคลายลงแล้วเขาจะใช้โอกาสนี้ถามเธอเกี่ยวกับเรื่องเมื่อคืนว่าทำไมเธอถึงไปนอนอยู่บนเตียงของเขาได้

 

ภายในร้านปิ้งย่างไม่ได้หนาวเหมือนกับข้างนอกแถมไอร้อนจากเตาย่างเนื้อยังทำให้อุณหภูมิภายในค่อนข้างสูงเสียด้วยซ้ำ และเป็นเพราะเริ่มรู้สึกร้อนหลินเฉี่ยนจึงถอดเสื้อนอกของเครื่องแบบนายพลตัวใหญ่ที่คลุมร่างกายอยู่ออกก่อนจะค่อยๆ พับและวางไว้บนเก้าอี้ด้านข้างอย่างระมัดระวัง

 

ในขณะที่กำลังจะสั่งอาหาร กู้เฉิงเซียวก็หันมาพูดกับเธอว่า “ปากเป็นแผลแบบนี้ เธออย่ากินของเผ็ดร้อนเลย เราสั่งอะไรที่กินง่ายๆหน่อยก็แล้วกัน”

 

หลินเฉี่ยนพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง “อื้อ ตามสบายเลย ฉันกินอะไรก็ได้” เมื่อได้ยินคำตอบของสาวน้อยกู้เฉิงเสียวก็เลื่อนเปิดเมนูแล้วคลิกสั่งอาหารอย่างพึงพอใจ

 

ตอนนี้เป็นเวลาเกือบสองทุ่ม ตั้งแต่อาหารน้อยนิดมื้อล่าสุดเมื่อตอนเที่ยงจนถึงตอนนี้ก็ผ่านมาหลายชั่วโมงแล้วที่ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเธอเลย เรื่องวุ่นวายหลายอย่างในวันนี้ที่ล้วนแล้วแต่ดูดกลืนพลังชีวิตทำให้หลินเฉี่ยนรู้สึกหิวจนแสบท้องไปหมด...แต่หลังจากสั่งอาหารไปได้ไม่นานทุกเมนูก็ถูกนำมาเสิร์ฟ เนื้อหลายจานและผักอีกหลายอย่างวางเรียงรายจนเต็มโต๊ะ

 

กู้เฉิงเซียวมองสาวน้อยผมซอยสั้นที่กำลังจ้องมองเนื้อบนเตาตรงหน้าด้วยสายตาหิวโหย “ใจเย็น เดี๋ยวก็สุกแล้ว”

 

หลินเฉี่ยนหิวจนแทบจะแทะตะเกียบกินอยู่แล้วในระหว่างที่จ้องมองเนื้อย่างบนเตาเหล็กตาละห้อย ใครมันจะไปทนได้ ‘ให้ตายเถอะกลิ่นหอมๆเตะจมูกนั่น อาา~ สันนอกชุ่มๆส่งเสียงฉี่ฉ่าบนเตา ให้ตายเถอะ! ทนไม่ไหวแล้วนะ’

 

และเพราะตั้งอกตั้งใจยื่นหน้าเข้าไปจับจ้องเนื้อบนเตา ทันใดนั้นควันที่ลอยขึ้นจากเนื้อที่แตกปะทุก็พุ่งเข้าใส่จมูกของหลินเฉี่ยน มันทำให้เธอคันจมูกยิบๆ จนอดไม่ได้ที่จะจามเสียงดังลั่น

 

“ฮัดชิ้ว!~”

 

หลินเฉี่ยนตัวแข็งทื่อราวกับเป็นก้อนหินโดยข้างๆ เธอยังคงมีกู้เฉิงเสียวนั่งอยู่

 

น้ำมูกใสๆ ไหลออกมาจากปลายจมูกเล็กๆ มีสองหยดที่ไหลลงมาที่ริมฝีปากในขณะที่มีอีกไม่น้อยหยดแหมะลงไปบนเนื้อตรงหน้า  ยิ่งไปกว่านั้นน้ำมูกน้ำลายอีกมากมายนับไม่ถ้วนกระเด็นไปถูกเนื้อหมูที่อยู่บนเตาจากการจามดังสนั่นของเธอ

 

ฉ่า~

 

ก่อนที่กู้เฉิงเสียวจะทันได้พูดอะไร หลินเฉี่ยนก็รีบหยิบกระดาษทิชชูขึ้นมาเช็ดจมูกของเธอ อีกมือก็รีบจับตะเกียบคีบเนื้อพวกนั้นขึ้นทันที “ฉันขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจเดี๋ยวฉันกินเนื้อพวกนี้เอง คุณสั่งใหม่แล้วปิ้งแยกไปก็ได้”

 

กู้เฉิงเสียวหัวเราะแล้วพูดขึ้น “ไม่เป็นไร เธอกินเถอะ เรื่องสำคัญคือการกินให้อิ่มท้อง”

 

กู้เฉิงเซียวนั่งนิ่งๆ ดูหลินเฉี่ยนกินไปเรื่อยๆ พลางนึกสงสัยอยู่ในใจ  ‘การกินปิ้งย่างมันต้องปิ้งให้สุกก่อนกินไม่ใช่หรือไง?! แต่ตอนนี้สาวน้อยตรงหน้าเขาคนนี้แทบจะไม่ย่าง เธอเหมือนเอาเนื้อจิ้มกับน้ำจิ้มแล้วส่งเข้าปากเคี้ยวเลยด้วยซ้ำ’

 

จนถึงตอนนี้ สิ่งที่หลินเฉี่ยนรู้ก็คือ กู้เฉิงเซียวเป็นทหารยศนายพลที่มีชื่อเสียงคนหนึ่ง เขามาจากครอบครัวที่ร่ำรวยและดูเหมือนว่าจะมีชาติตระกูลที่ดีไม่น้อย แต่เรื่องอื่นนอกเหนือจากนี้แล้วเธอแทบไม่รู้อะไรเลย แม้แต่เหตุผลที่เขาเลือกขอเธอแต่งงานเธอเองก็ไม่รู้เช่นกัน

 

แต่แค่รู้ว่าหลังจากนี้เธอไม่ต้องกลับไปที่บ้านตระกูลหลินแล้ว มันก็ทำให้เธอหัวใจของเธอรู้สึกเบิกบาน—ไม่ว่าจะอย่างไร การหนีออกมาจากที่แย่ๆนั่นก่อนก็คือการเริ่มต้นที่ดีที่สุด เพราะมันเป็นสิ่งที่ควรทำมากที่สุดเป็นอันดับแรกอยู่แล้ว ส่วนเรื่องหลังจากนี้ก็ค่อยคิดกันอีกทีว่าจะเอายังไงต่อไป

 

ตั้งแต่เล็กจนโตเธอได้รับแต่ความอัปยศอดสูจากบ้านหลังนั้น แต่เรื่องเลวร้ายที่สุดคือเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้...เป็นเพราะลุงของเธอต้องการให้บริษัทของเขารอดพ้นจากวิกฤติเศรษฐกิจเขาจึงขายเธอให้กับตาแก่เฮงซวยนั่น ซึ่งหลังจากเรื่องเลวทรามนั่นเธอก็ปฏิญาณไว้แล้วว่าจะไม่มีทางกลับไปใช้ชีวิตร่วมกับคนพวกนั้นอีกแน่ๆไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น

 

ที่จริงแล้ววันนี้ที่เธอกลับ เธอตั้งใจไปทำลายครอบครัวหลินเป็นการสั่งลา แต่ก็มีเรื่องเหนือความคาดหมายเกิดขึ้นเสียก่อน เธอเห็นแล้ว...ลุงกับป้าแทบจะเป็นบ้าไปเลย ซึ่งมันก็ช่วยสงเคราะห์ความตั้งใจของเธอได้ ส่วนเรื่องต่ำช้าที่พวกเขาทำกับเธอเมื่อคืนวานก็ถือว่าเป็นการตอบแทนบุญคุณที่ลุงเอาเธอมาเลี้ยง แต่หลังจากนี้ก็อย่าได้เผาผีกันอีกเลย!

 

จะว่าไป การได้พบเจอกับกู้เฉิงเซียว ก็เป็นเรื่องไม่คาดฝันที่ยิ่งกว่าไม่คาดฝันเสียอีก ซึ่งก็ทำให้เรื่องที่จะต้องคิดต่อว่าจะเอายังไงหลังจากนี้เรียกว่าแทบจะมืดแปดด้านสำหรับเธอเลย

 

กู้เฉิงเซียวเห็นว่าหลินเฉี่ยนกินจนอิ่มแล้วและเอาแต่นั่งเหม่อลอย แถมสีหน้าของเธอก็ยังค่อยๆปรากฏร่องรอยของความโกรธแค้นบางอย่างขึ้น เขาจึงเอ่ยปากถาม “หน้าเธอไปโดนใครต่อยมา?”

 

หลินเฉี่ยนยังคงยืนยันคำตอบเดิม “ฉันสะดุดล้มจริงๆนะ ฉันเดินไม่ดูตาม้าตาเรือเองแหละถึงได้สะดุดน่ะ แหะๆ”

 

กู้เฉิงเซียวไม่สนใจคำตอบของเธอ เขาเลือกถามต่อไปว่า “นอกจากหน้าเธอแล้วยังมีตรงไหนบาดเจ็บอีกไหม?” เมื่อคืนเขาไม่ได้ทำร้ายร่างกายเธอ ถ้าจะมีส่วนไหนบาดเจ็บจากฝีมือเขาก็คงจะเป็นตรงส่วนนั้น…จุดที่อยู่ด้านล่างของเธอนั่นแหละ

 

หลินเฉี่ยนพยายามหลบหลีกที่จะตอบคำถามของอีกฝ่าย จึงชี้ไปที่ถาดเนื้อตรงหน้า “ย่างเนื้อนั่นหน่อยสิ”

 

กู้เฉิงเซียวได้ยินเช่นนั้นก็ใช้ตะเกียบคีบเนื้อลงไปย่างให้สาวน้อย ก่อนที่จะถามอีกว่า “กินเสร็จจะไปตรวจที่โรงพยาบาลหน่อยไหม?”

 

“แค่ถลอกน่ะ ไม่ได้เป็นอะไรมากหรอก”

 

เมื่อเห็นว่าหญิงสาวยังดูสบายดีอย่างที่เธอบอกจริงๆเขาจึงเลิกเซ้าซี้ แล้วตั้งคำถามใหม่ “เธอเจ็บแบบนี้บ่อยๆเหรอ?”

 

หลินเฉี่ยนชะงักไปในทันที เธอคิดจะพูดบางอย่างแต่สุดท้ายก็เลือกที่จะไม่เอ่ยออกมา

 

“เอาเถอะ ถ้าเธอไม่อยากบอกก็ไม่เป็นไรฉันไม่บังคับ รีบกินเถอะ”

 

คงเป็นเพราะว่าเธอหิวมาก หลินเฉี่ยนถึงได้สนใจแต่เรื่องกินของตัวเองจนไม่ได้สังเกตเลยว่ากู้เฉิงเซียวเอาแต่คีบเนื้อส่งให้เธอ โดยที่ตัวเขาไม่มีอะไรตกถึงท้องแม้แต่นิดเดียว

.

.

.

ติดตามตอนอื่น ๆ ได้ที่ : novelrealm

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด