ตอนที่แล้วตอนที่ 5 หยางหลิงชิง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 7 แก้แค้น

ตอนที่ 6 เกราะดาราจรัสแสง


ติดตามตอนอื่น ๆ ได้ที่ : novelrealm

สำหรับหลงเฉิน  แม้ว่าเซี่ยวฮวงจะเป็นเพียงคนรับใช้ที่ขี้ขลาดตาขาวและกลัวตาย แต่เขาก็ติดตามรับใช้หลงเฉินมานานถึง 6 ปี และซื่อสัตย์ต่อเขาอย่างมาก  ไม่ว่าหลงเฉินจะได้ดีแค่ไหน เขาจึงไม่เคยหลงลืมเซี่ยวฮวงเลยสักครั้ง

 

หลงเฉินรู้มานานแล้วว่าเซี่ยวฮวงมีพ่อแม่ที่ป่วยไข้ต้องดูแล  หากเกิดอะไรขึ้นกับเซี่ยวฮวง หลงเฉินคงต้องโทษตัวเองเป็นแน่!

 

เขาฉีกกระดาษแผ่นนั้นออกเป็นชิ้น ๆ โดยไม่พูดอะไร  จากนั้น เขาก็รีบรุดออกจากบ้านตระกูลหยางด้วยความเร็วปานลมกรด และมุ่งตรงไปยังโรงเตี๊ยมตะวันฉาย

 

โรงเตี๊ยมตะวันฉายอยู่ถัดจากหอนางโลมหยกมรกต หลงเฉินเร่งฝีเท้าเต็มที่ ผู้คนที่เดินอยู่บนถนนต่างรู้สึกราวกับมีลมพัดผ่านมาแล้วก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย

 

หลงเฉินใกล้เข้าไปทีละก้าว มีผู้คนมากมายเดินไปมาอยู่หน้าโรงเตี๊ยม  หลงเฉินจึงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องชะลอฝีเท้าลง เขาเข้าใกล้ประตูมากขึ้นเรื่อย ๆ

 

ในตอนนั้นเอง รถม้า 4 คันก็พุ่งออกมาจากทางด้านซ้ายของถนน  ผู้คนบนถนนต่างตะโกนโหวกเหวกและหลบให้พ้นทาง แต่ความเร็วของรถม้าก็มิได้ชะลอลงเลย  หลงเฉินสามารถหลบได้อย่างง่ายดาย ทว่าในตอนนั้นเอง เด็กน้อยคนหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกลจากตัวเขากำลังมองรถม้าด้วยความงงงันและเริ่มร้องไห้จ้า

 

รถม้านั้นรวดเร็วมาก หากมันวิ่งทับเด็กน้อยเข้าละก็ ร่างคงแหลกจนไม่เหลือแม้โครงกระดูก  หลงเฉินตกใจ เขาควรจะเบี่ยงตัวหลบ แต่เขากลับหันไปและกอดเด็กน้อยเอาไว้ ปราณแท้จริงทั่วทั้งร่างปะทุขึ้นมา  พร้อมกับที่ม้าเหยียบลงบนหลังของหลงเฉิน และทำให้เขากระเด็นออกไป

 

ใคร ๆ ต่างก็คิดว่าหลงเฉินและเด็กน้อยคงไม่รอดแน่  แต่สิ่งที่พวกเขาไม่คาดคิด คือหลงเฉินหมุนตัวกลับกลางอากาศและลงมายืนบนพื้นได้อย่างมั่นคง  เขาไม่ได้ปลอบโยนเด็กน้อย และก่อนที่ทุกคนจะมองเห็นเขาได้ชัดเจน หลงเฉินก็อันตรธานหายไปเสียแล้ว  เพราะเขาจำต้องรีบไปช่วยชีวิตเซี่ยวฮวงให้เร็วที่สุด

 

อย่างไรก็ตาม  ภาพที่เกิดขึ้นนั้นช่างโกลาหลวุ่นวาย  หลงเฉินอดทนกับอาการปวดกล้ามเนื้อบนหลังและเข้าไปในโรงเตี๊ยมตะวันฉาย

 

ขณะที่เขาก้าวเท้าข้ามธรณีประตู หลงเฉินก็เกือบชนเข้ากับคน ๆ หนึ่งที่อยู่เบื้องหน้า

 

เด็กหนุ่มคนนี้อายุราว ๆ 14-15 ปีเท่านั้น และดูอ่อนเยาว์กว่าหลงเฉิน  แม้รูปร่างหน้าตาของหลงเฉินถือได้ว่าหล่อเหลาอยู่แล้ว แต่เด็กหนุ่มที่อยู่เบื้องหน้านั้นงดงามจนทำให้ตัวเขาดูราวกับปีศาจไปทันตา  หากไม่ใช่เพราะลูกกระเดือกที่เห็นได้ชัดเจน หลงเฉินคงคิดว่าเขาเป็นหญิงสาวที่งดงามราวกับแกะสลักจากหยก

 

ทั้งสองเกือบจะชนกัน ทำให้หลงเฉินมองเขาด้วยความตกใจและพินิจพิจารณา

 

“นี่เจ้าเป็นหญิงหรือชายกันแน่?”

 

หลงเฉินถึงกับควบคุมตนเองไม่อยู่ และหลุดปากถามออกไป

 

อย่างไรก็ตาม เด็กหนุ่มรูปงามกลับไม่ถือโทษโกรธเคือง  เขามองหลงเฉินอย่างใจเย็น ชี้ไปที่ลูกกระเดือกของตนเองและเอ่ยขึ้น

 

“ข้าเป็นผู้ชาย”

 

สีหน้าของเขาจริงจัง  และเสียงก็ไพเราะเสนาะหู  หลงเฉินเคยฟังเสียงหญิงสาวในหอนางโลมพูดจาหยอกเย้ากัน แต่เมื่อได้ยินเสียงเด็กหนุ่มพูด เขากลับรู้สึกหวั่นไหวเล็กน้อย

 

เขาตำหนิตนเองในใจ และเมื่อตระหนักว่ายังไม่ได้ช่วยชีวิตเซี่ยวฮวง เขาจึงรีบผละจากเด็กหนุ่ม และเข้าไปในโรงเตี๊ยมตะวันฉายทันที

 

“ข้าเห็นว่าท่านเพิ่งช่วยชีวิตเด็กคนหนึ่งไว้...”

 

เด็กหนุ่มพูดไล่หลังหลงเฉิน แต่ไม่คาดคิดว่าเขาจะเร่งรีบเข้าไปในโรงเตี๊ยมถึงเพียงนั้น  เขาจึงหุบปาก และมองหลงเฉินด้วยความกระหายใคร่รู้ เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้รู้สึกรังเกียจหลงเฉิน  แต่กลับรู้สึกชื่นชมกับการที่หลงเฉินช่วยชีวิตผู้อื่นไว้ก่อนหน้านี้

 

“คน ๆ นี้เหมือนกับพี่ใหญ่ ที่มีคลื่นพลังดวงดาวแผ่ออกมา พวกเขาคงจะฝึกกระบวนท่าในกลุ่มดวงดวงอยู่แน่ ๆ ข้าเองก็ไม่ได้ใช้วิชาเกราะดาราจรัสแสงมานานแล้ว...”

 

เด็กหนุ่มพึมพำกับตนเองขณะมองแผ่นหลังของหลงเฉิน

 

เมื่อหลงเฉินเดินเข้ามา เขาก็รู้สึกถึงสายตาที่จับจ้องอยู่ เมื่อหันกลับไป เขาก็เห็นหยางจ้านนั่งอยู่ตรงที่นั่งริมหน้าต่าง  เบื้องหน้าเขาคือสาวงามคนหนึ่ง

 

“หยางจ้านอยู่ที่นี่จริง ๆ เป็นไปได้รึไม่ว่าเขาคือผู้ที่อยู่เบื้องหลังการลักพาตัวเซี่ยวฮวง?”

 

เมื่อมองไปยังหญิงสาวที่อยู่เบื้องหน้าเขา หลงเฉินก็ส่ายศีรษะพลางเอ่ยขึ้น

 

‘หากหยางจ้านผู้นี้ต้องการมีเรื่องกับข้า  เขาก็ไม่จำเป็นต้องใช้วิธีนี้เลย ยิ่งไปกว่านั้น เขาคงมาที่นี่เพื่อมาหาสาว ๆ มากกว่า…’

 

เมื่อคิดได้เช่นนี้ หลงเฉินจึงไม่เสียเวลาอีกต่อไป และรีบตรงไปยังชั้นสองของโรงเตี๊ยมตะวันฉาย เพื่อไปยังห้องดอกโบตั๋นหมายเลข 1 ตามที่เขียนไว้ในกระดาษ  เมื่อมาถึง เขาก็มิอาจสะกดกลั้นความโกรธภายในใจได้อีก

 

ขณะที่เข้ามาในห้อง  หลงเฉินก็สัมผัสได้ถึงแสงวาบของดาบที่กำลังพุ่งเข้าใส่  เขารีบเบี่ยงตัวหลบในทันที ชั่วขณะนั้นเองที่เขาเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นภายในห้อง  ในตอนนี้ ผู้ที่จู่โจมเขาเมื่อครู่กำลังยืนอยู่ที่ประตู เขาปิดประตูเบา ๆ และมองหลงเฉินด้วยสายตาเย็นชา  ในขณะที่อีกด้านหนึ่ง หลงเฉินเห็นเซี่ยวฮวงถูกมัดด้วยเชือกป่านทั้งตัว และมีเศษผ้าอุดปากไว้

 

ด้านข้างตัวเขามีชายอีกคนยืนอยู่ ทั้งสองปิดบังใบหน้าเอาไว้ และจิตสังหารของพวกเขาก็ไม่อาจประเมินได้เลย

 

พวกเขาคือคนที่ลอบฆ่าหลงเฉินในคืนนั้น  หลงเฉินยังคงไม่เข้าใจว่าเหตุใดถึงมีคนส่งนักฆ่ามาจัดการคนที่ไร้ความสำคัญเช่นเขา

 

“เจ้าสองคนเป็นใคร เหตุใดจึงทำเช่นนี้กับข้า?”

 

“เพียงแค่รับเงินมา เพื่อล้างแค้นให้คนอื่น ไม่ต้องถามให้มากความ หยางเฉิน ยอมรับความตายของเจ้าซะเถอะ!”

 

ดาบสองเล่มฟาดฟันมาทางหลงเฉินทันที  แรงเหวี่ยงของดาบนั้นช่างดุดัน เสียงลมที่แหวกอากาศทำให้รู้สึกเสียววาบจนขนหัวลุก

 

“ปราณแท้จริงของทั้งสองคนไม่ต่างกับข้านัก แต่คงมีประสบการณ์มาโชกโชน และคงสังหารคนไปมากมายแล้ว น่ากลัวกว่าเจ้าลาโง่เฉินหลิวเป็นร้อยเท่า หากข้าไม่ทุ่มพลังสุดฝีมือ ข้าคงได้ตายที่นี่เป็นแน่!”

 

“ดูจากการเคลื่อนไหวของคนทั้งสองแล้ว  พวกเขาน่าจะชำนาญในการต่อสู้ร่วมกัน ข้าจะต้องเอาชนะคนใดคนหนึ่งให้ได้เสียก่อน เช่นนั้นแล้ว ข้าก็จะสามารถทำลายพลังในการโจมตีร่วมกันของพวกเขาได้!”

 

ท่ามกลางความมืด หลงเฉินจ้องมองด้วยสายตาเย็นชา ดาบสองเล่มพุ่งเข้าใส่เขาด้วยความเร็ว เขาใช้ความว่องไวของตนเองกลิ้งตัวไปทางด้านข้าง ซึ่งการทำเช่นนั้น ทำให้เขาแก้ปัญหาการเผชิญหน้าทั้งสองคนในคราเดียวได้อย่างชาญฉลาด ชายชุดดำทั้งสองคนจู่โจมอีกครั้ง โดยที่คนหนึ่งยืนอยู่ด้านหน้า และอีกคนหนึ่งอยู่ด้านหลัง

 

“ดาบวายุหมุน!”

 

เสียงตะโกนดังขึ้น ชายที่อยู่เบื้องหน้าพุ่งเข้าใส่หลงเฉินพร้อมคมดาบ เมื่อเห็นว่าชายชุดดำทั้ง 2 คนแยกห่างจากกัน หลงเฉินกัดฟันแน่นและใช้ปราณทั้งหมดในร่าง  แทนที่จะหนีไป เขากลับพุ่งตัวเข้าใส่ชายชุดดำอย่างบ้าคลั่ง!

 

“หมัดดาวตก!”

 

ในห้องที่มืดสนิท  ระเบิดที่ส่องประกายดุจแสงดาวส่องสว่างไปทั่ว  ดวงตาของชายชุดดำเบิกกว้างและรู้สึกราวกับมีคลื่นพลังรุนแรงปะทะเข้ากับดาบของตนจนเปลี่ยนทิศ  มันพุ่งเข้าใส่ร่างของเขาพร้อมเสียงอันดัง

 

ปังงง!

 

ชายชุดดำที่อยู่ด้านหน้ากระอักเลือดออกมาและชนเข้ากับชายชุดดำอีกคนที่อยู่ข้างหลัง  หลงเฉินรีบวิ่งไปข้างหน้าและชิงดาบของเขามา ก่อนจะแทงเข้าไปที่หัวใจของคู่ต่อสู้พร้อมเสียงคำราม  ทำให้เสื้อผ้าและใบหน้าของชายชุดดำถูกย้อมด้วยสีแดงฉาน

 

สิ่งที่น่าประหลาดใจที่สุด คือแสงดาวที่แผ่ออกมาจากหมัดดาวตกทำให้สายตาของคู่ต่อสู้พร่ามัว  และหมัดดาวตกเป็นวิชาต่อสู้ระดับอำพันขั้นกลาง เช่นนั้นแล้ว มันจึงเทียบได้กับการโจมตีที่รุนแรงที่สุดของผู้ฝึกฝนในขอบเขตชีพจรมังกรขั้นสาม  จึงทำให้ชายชุดดำบาดเจ็บอย่างหนัก และหลงเฉินก็สามารถฆ่าพวกเขาได้อย่างง่ายดาย

 

เมื่อชายชุดดำอีกคนเห็นว่าสหายของตนถูกฆ่า เขามองหลงเฉินด้วยความประหลาดใจ และใช้โอกาสนี้รีบพุ่งตัวผ่านหน้าต่างโดยไม่สนสิ่งใดทั้งสิ้น  หลงเฉินต้องการไล่ตามคนร้ายไปเพื่อถามให้ได้ว่าใครที่พยายามลอบสังหารตนเอง ทว่าในตอนนั้น ประตูก็เปิดออกในทันที หยางจ้านยืนอยู่ตรงประตู เห็นว่าใบหน้าของหลงเฉินเต็มไปด้วยเลือด และมีคนตายนอนอยู่บนพื้น

 

“เจ้าคนสารเลว เจ้านี่ช่างไม่รู้ดีรู้ชั่วเอาเสียเลย กล้าดีอย่างไรถึงฆ่าคนในโรงเตี๊ยมตะวันฉายด้วยฝีมืออ่อนด้อยเช่นนั้น เจ้าไม่รู้เลยรึว่าข้าเป็นสหายของเถ้าแก่ชิง?”

 

หลงเฉินเมินเฉยเขาโดยสิ้นเชิง หันกลับไปแก้มัดให้เซี่ยวฮวง และเอ่ยขึ้น

 

“เซี่ยวฮวง เจ้ารีบออกไปจากที่นี่ก่อนเถอะ แล้วค่อยคุยกันทีหลัง”

 

นักฆ่าสองคน คนหนึ่งตาย อีกคนหนีไปได้ เซี่ยวฮวงมองหลงเฉินด้วยความประหลาดใจ ทว่าหยางจ้านที่เพิ่งเข้ามากลับมีสายตาไม่เป็นมิตร  ทำให้เซี่ยวฮวงรู้สึกหวาดกลัว แม้ว่าเขาจะเป็นห่วงความปลอดภัยของหลงเฉิน แต่เขาก็รู้ตัวดีว่าตนเองคงไม่สามารถทำอะไรได้ ดังนั้น เขาจึงรีบวิ่งลงไปข้างล่าง

 

เมื่อเห็นว่าหลงเฉินไม่สนใจ  ใบหน้าของหยางจ้านก็ค่อย ๆ บิดเบี้ยวด้วยความโกรธ

 

ด้านหลังหยางจ้าน ชายร่างอ้วนที่แต่งตัวหรูหรามองดูที่เกิดเหตุซึ่งเต็มไปด้วยเลือด  สีหน้าของเขาซีดเผือดและเอ่ยขึ้น

 

“นายน้อยผู้นี้ช่างอุกอาจเกินไปแล้ว ท่านก่อเหตุนองเลือดถึงเพียงนี้ ทำให้ลูกค้าของข้าหวาดกลัวจนหนีเตลิดกันไปหมด”

 

เมื่อเพิ่งสังหารคนไป และภายในจิตใจของเขาก็ยังคงคุกรุ่นด้วยจิตสังหารที่รุนแรง  เพียงมองด้วยสายตา เขาก็ทำให้เถ้าแก่ชิงหวาดกลัวจนต้องถอยหนีไป

 

หยางจ้านอยู่ในขอบเขตชีพจรมังกรขั้นสี่ และได้เรียนรู้ทักษะต่อสู้มามากมายเช่นกัน ในตอนนี้ หยางจ้านจึงยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่เขาสามารถเอาชนะได้ เขาจึงทำได้เพียงอดทนเท่านั้น

 

แม้ว่าหลงเฉินจะเพิกเฉยต่อหยางจ้าน แต่เขาก็ยังเกรี้ยวกราด

 

เขาไม่ชอบหลงเฉินมาแต่ไหนแต่ไร และยังเคยกลั่นแกล้งเขาอีกด้วย  แต่ในเมื่อตอนนี้หลงเฉินมีความแข็งแกร่งขึ้นมาบ้าง และยังทำให้เฉินหลิวบาดเจ็บก่อนหน้านี้อีก เขาจึงทำได้เพียงสะกดกลั้นความโกรธเอาไว้  แต่เมื่อความเกลียดชังครั้งใหม่บังเกิดขึ้น สายตาที่เขามองเฉินหลงจึงเต็มไปด้วยจิตสังหาร

 

“...คราวที่แล้ว เจ้าทำให้เฉินหลิวบาดเจ็บ แต่ข้าก็ไว้ชีวิตเจ้า มาวันนี้ เจ้าทำให้ตระกูลหยางเสื่อมเสียชื่อเสียง  ดูเหมือนว่าข้าคงจะต้องสั่งสอนบทเรียนให้เจ้าเสียหน่อย เจ้าจะได้ไม่ไปดูถูกคนอื่นและทำตามอำเภอใจเช่นนี้อีก!”

 

ขณะพูด  เขาก็ก้าวมาข้างหน้าเล็กน้อย พร้อมท่าทีข่มขวัญอันทรงพลังแผ่ออกมากดดันหลงเฉิน

 

“คน ๆ นี้... แข็งแกร่งมาก”

 

ขอบเขตชีพจรมังกรขั้นสี่นั้นนับว่าไม่ธรรมดาทีเดียว  ดวงตาของหยางจ้านจับจ้องมาที่เขาด้วยความโกรธแค้นซึ่งหนักอึ้งดุจดั่งขุนเขา หลงเฉินถึงกับต้องถอยหลังไปเล็กน้อย

 

อย่างไรก็ตาม เขายังไม่วางดาบในมือ  เลือดที่ติดอยู่บนดาบยังคงหยดลงบนพื้น  เมื่อรวมกับแววตากระหายเลือด ดูราวกับเขากำลังจะเข้าปะทะหยางจ้านได้ทุกเมื่อ

 

เมื่อเห็นท่าทางของหลงเฉิน ความโกรธแค้นในใจของหยางจ้านก็ทวีความรุนแรงมากขึ้น เขากัดฟันพูด

 

“เจ้าเศษสวะ เจ้ายังกล้าท้าทายข้าอีกรึ!? หากวันนี้เจ้าไม่คุกเข่าและเลียเท้าข้าละก็ อย่าหวังว่าจะออกไปจากที่นี่ได้แบบเป็น ๆ เลย!”

 

หลงเฉินไม่เอ่ยคำพูดใด ๆ และมองเขาด้วยสายตาเย็นชา

 

เขาตระหนักดีว่าหากหยางจ้านกดดันเขามากเกินไป  แม้ว่าเขาจะไม่ต้องการเอาชีวิตหยางจ้าน แต่เขาก็มุ่งมั่นว่าจะทำให้คู่ต่อสู้ต้องชดใช้อย่างสาสม

 

ขณะที่ทั้งสองกำลังจะเคลื่อนไหว ด้านหลังเถ้าแก่ชิง หญิงสาวที่เคยนั่งอยู่กับหยางจ้านเมื่อครู่ก็ปรากฏตัวขึ้น เมื่อเห็นทุกอย่างในห้องนั้น ใบหน้าของนางก็ซีดเผือดและผงะถอยหลังไปหลายก้าว

 

“ท่านพี่จ้าน อย่าทำเช่นนี้เลย เราไปจากที่นี่กันเถอะ...”

 

หยางจ้านถอนหายใจ  เขาหันกลับมามองที่หญิงคนนั้น ก่อนจะมองหลงเฉินและพูดอย่างเกรี้ยวกราด

 

“ก็ได้ วันนี้ข้าจะปล่อยเจ้าไปก่อน  แต่พรุ่งนี้เช้า เจ้าจะได้รู้ว่าความตายเป็นเช่นไร!”

 

จากนั้น เขาจึงจากไปพร้อมหญิงสาว

 

หลงเฉินถอนหายใจด้วยความโล่งอก  เขาทิ้งดาบลงกับพื้น

 

“หยางจ้าน เรามีหนี้แค้นครั้งใหม่เพิ่มเข้ามาแล้วสินะ  ข้าใกล้จะตัดผ่านขอบเขตชีพจรมังกรขั้นสามเต็มที เมื่อไรที่ข้าแข็งแกร่งกว่าเจ้า เจ้าต่างหาก ที่จะได้ลิ้มรสความตาย...”

 

หนึ่งในนักฆ่าที่ลอบสังหารเขาตายไปแล้ว  แต่เขาก็ไม่รู้ว่าเลยว่าอีกคนจะสร้างปัญหาให้ตัวเขาอีกหรือไม่  เมื่อยังหาตัวผู้บงการไม่ได้ เขาจึงรู้สึกสับสนอย่างมาก

 

เขาวิ่งลงไปข้างล่างและพบว่าเซี่ยวฮวงกำลังรอเขาด้วยท่าทีกระวนกระวาย  เมื่อเห็นว่าหลงเฉินปลอดภัย เขาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกและรีบเอ่ยขึ้น

 

“นายน้อยเฉิน ข้าวิ่งลงมาข้างล่าง แล้วจู่ ๆ ก็มีเด็กหนุ่มรูปงามให้ข้ามอบสิ่งนี้กับท่าน เขาบอกว่าเขาชื่นชมในตัวท่านอย่างมาก แต่ตอนนี้เขาไม่อยู่แล้ว”

 

หลงเฉินผงะไปทันที เขาย้อนนึกไปถึงเด็กหนุ่มผู้มีใบหน้าหล่อเหลา ทั้งน้ำเสียงที่ไพเราะเสนาะหู และใบหน้าจริงจัง เขาก็รู้สึกขบขันอย่างบอกไม่ถูก เขารับคัมภีร์ลับมาจากเซี่ยวฮวงด้วยความงุนงง

 

“เด็กหนุ่มผู้นั้นบอกว่าสิ่งนี้สอดคล้องกับเพลงหมัดดาวตกของท่าน วันนี้เขาเห็นท่านช่วยเด็กน้อยไว้ จึงคิดว่าท่านเป็นคนดี ยิ่งไปกว่านั้น เขาไม่ต้องการสิ่งนี้แล้ว ก็เลยมอบให้ท่าน”

 

หลงเฉินพยักหน้าและมองดูคัมภีร์ ‘เกราะดาราจรัสแสง’ อย่างละเอียด

 

“มันคือวิชาระดับอำพันขั้นกลาง...”

 

“ข้าก็แค่ช่วยเด็กไว้  เจ้าหนุ่มคนนั้นถึงกับให้คัมภีร์เกราะดาราจรัสแสงกับข้า ดูเหมือนที่มาที่ไปของเขาจะไม่ใช่เล่น ๆ เสียแล้ว ข้าเดาว่าคงไม่ใช่คนในเมืองพฤกษาหมอกนี่หรอก  แต่น่าเป็นตระกูลใหญ่จากเมืองอื่นมากกว่า...”

 

“ช่างมันเถอะ การพบกันในวันนี้คือชะตาลิขิต ข้ากำลังต้องการสิ่งนี้อยู่พอดี ในเมื่อเขาให้มันกับข้า หากได้พบกันในวันหน้า ข้าจะตอบแทนความมีน้ำใจของเขาแน่นอน”

 

หลงเฉินยิ้ม และไปส่งเซี่ยวฮวงที่บ้าน  จากนั้น เขาก็กลับไปที่ตระกูลหยาง

 

“...ดูดซับพลังดวงดาวศักดิ์สิทธิ์ และผสานเข้ากับเนื้อหนัง กระดูก และเลือด ... ด้วยการบ่มเพาะทั้งวันทั้งคืนและเพียรพยายาม จึงจะบรรลุวิชาเกราะดาราจรัสแสงได้ ... ขณะเดิน ฝุ่นทรายจะปลิวว่อน  ก้อนหินจะกระเด็นไปทั่ว และในทุก ๆ หมัด จะดึงพลังของกระบวนท่านี้ออกมาได้ ...”

 

“เกราะดาราจรัสแสงนี้เป็นคัมภีร์ที่เยี่ยมยอดจริง ๆ เทียบกับทักษะยุทธ์อื่น ๆ แล้ว มันมีค่ากว่ามากทีเดียว”

 

“เกราะดาราจรัสแสง มีสองระดับด้วยกัน คือระดับรู้แจ้ง และระดับเชี่ยวชาญ  อย่างไรก็ตาม แม้คัมภีร์นี้จะกำกวม แต่ข้าก็ยังสามารถเข้าใจมันได้ คืนนี้ แสงดาวช่างสุกสกาว  ข้าต้องใช้แสงดาวในคืนนี้เพื่อฝึกวิชาเกราะดาราจรัสแสง ต่อให้ข้าต้องเจอกับหยางจ้านอีกครั้ง ข้าก็น่าจะหนีรอดมาได้อย่างไร้รอยขีดข่วน ยิ่งไปกว่านั้น อาจจะสู้เขาได้อย่างสูสี!”

 

สำหรับหลงเฉิน เกราะดาราจรัสแสงนั้นไม่ได้ยากจนเกินไป

 

ในตอนนี้ แสงดาวสว่างไสว และเขากำลังฝึกวิชาอยู่ภายใต้แสงดาวเฉกเช่นปลาที่แหวกว่ายอยู่ในน้ำ

 

เวลาผ่านไป เมื่อเห็นว่าแสงจากดวงดาวบนท้องฟ้ากำลังทอดลงมาบนร่างของเขา ร่างของเขาจึงดูราวกับกลุ่มดาวที่เปล่งรัศมีออกมาอย่างเลือนราง

 

ทันใดนั้นเอง หลงเฉินก็ลืมตาขึ้น

 

“เกราะดาราจรัสแสงยังฝึกไม่สำเร็จ แต่หลังจากประสบการณ์การต่อสู้ที่น่าตื่นเต้นในวันนี้  การได้อาบแสงดาวรวมทั้งพลังของจี้หยกลึกลับ ปราณแท้จริงของข้าก็เพิ่มขึ้นอีกครั้ง คราวนี้แหละ ข้าจะพยายามบรรลุสู่ขอบเขตชีพจรมังกรขั้นสามให้จงได้!”

************************************

ติดตามตอนอื่น ๆ ได้ที่ : novelrealm

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด