ตอนที่แล้วตอนที่ 35 มีทายาทในเร็ววัน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 37 ฝังไปด้วยกัน

ตอนที่ 36 บุปผาฝันร้าย


ติดตามตอนอื่น ๆ ได้ที่ : novelrealm

ผู้นำตระกูลหยางกะพริบตาและมองไป๋จ้านสงด้วยความงุนงง

 

เขารู้สึกราวกับไป๋จ้านสงพูดอะไรผิดไป  อย่างไรก็ตามในเวลานี้ ไป๋จ้านสงยื่นมือออกมาตบใบหน้าชราของเขาเบา ๆ และเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มเย็นชา

 

“ตาแก่ บุปผาฝันร้ายนี้รสชาติดีหรือไม่? เหตุใดท่านไม่ใช้ปราณแท้จริงและดูว่ามันจะก่อให้เกิดความเจ็บปวดที่กัดกินเข้าไปถึงกระดูกหรือไม่ล่ะ?”

 

เมื่อใบหน้าชราของตนถูกตบเข้าหลายครั้ง  ผู้นำตระกูลหยางจึงตระหนักได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้น  จากคำแนะนำของไป๋จ้านสง เมื่อเขาโคจรปราณแท้จริง จุดตันเถียนทุกจุดในร่างกายเกิดอาการกระตุก  ราวกับว่าหากเขาใช้พลังแม้เพียงเล็กน้อย จุดตันเถียนทั่วร่างจะถูกทำลายในทันที!

 

ผู้นำตระกูลหยางที่อยู่ในอาการมึนเมาเริ่มได้สติ  แสงเย็นเยียบฉายแววออกมาจากดวงตาของเขาขณะจับจ้องไปที่ไป๋จ้านสงที่กำลังยิ้มกริ่ม  เพราะเขาเพิ่งตระหนักได้ว่าบุปผาฝันร้ายคืออะไร

 

มันคือสมุนไพรมีพิษชนิดหนึ่ง และสรรพคุณทางยาของมันทรงพลังอย่างมาก  หากกินเข้าไปโดยตรงจะสามารถทำลายเส้นชีพจรมังกรและจุดตันเถียนของผู้ฝึกยุทธ์ได้  แต่หากกินบุปผาฝันร้ายพร้อมกับน้ำ สรรพคุณทางยาจะลดลงเล็กน้อย และหากผู้ที่กินเข้าไปไม่ใช้พลังปราณก็จะไม่ได้รับอันตราย   แต่หากใช้พลังปราณ มันจะทำให้จุดตันเถียนของคนผู้นั้นระเบิด

 

แต่ต่อให้บุปผาฝันร้ายถูกนำมาละลายกับน้ำ  มันก็ยังมีกลิ่นหอมรุนแรง ผู้นำตระกูลหยางจำได้อย่างชัดเจนว่าเหล้าที่เขาดื่มเข้าไปก่อนหน้านั้นมีกลิ่นหอมแปลกประหลาด  อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้สนใจกลิ่นหอมจาง ๆ ของดอกไม้เพราะกำลังมีความสุขจนกระทั่งตอนนี้

 

ในเวลานี้ สีหน้าของทุกคนในตระกูลหยางต่างเปลี่ยนแปลงไปราวกับพลิกหน้ามือเป็นหลังมือเพราะพวกเขาตระหนักว่าตราบใดที่พวกเขาโคจรปราณแท้จริงในจุดตันเถียน  จุดตันเถียนของพวกเขาจะอ่อนแอราวเต้าหู้ก็ไม่ปาน!

 

เมื่อมาถึงจุดนี้ พวกเขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าพวกเขาถูกคนตระกูลไป๋หักหลัง?  สรรพคุณของบุปผาฝันร้ายนั้นรุนแรงอย่างยิ่ง มันมีชื่อเลื่องลือไปทั่วจนทำให้ผู้คนตื่นตระหนก  พวกเขาไม่คิดว่าตระกูลไป๋จะใช้มันกับคนตระกูลหยางที่เป็นดั่งพี่น้องเช่นนี้!

 

ผู้ที่ประหลาดใจมากที่สุดก็คือผู้นำตระกูลหยาง  เขามองไป๋จ้านสงด้วยความงุนงง จากนั้นจึงหันไปมองผู้นำตระกูลไป๋ที่อยู่ข้าง ๆ และเอ่ยขึ้นด้วยความเกลียดชัง

 

“ไป๋เซิง?  เหตุใดกัน? ข้า... หยางชางชง ทำอะไรไม่ดีต่อท่านงั้นหรือ?”

 

ผู้นำตระกูลไป๋ที่ก่อนหน้านี้มีหน้าแดงก่ำกลับแปรเปลี่ยนเป็นฉายแววมุ่งร้าย  เขาหัวเราะอย่างเย็นชาและเอ่ยขึ้น

 

“ข้าอยากจะถามเจ้านัก อายุปูนนี้แล้ว  เจ้ายังแสร้งทำตัวไร้เดียงสาและน่าขันมาถึงตอนนี้ได้อย่างไร?”

 

เขาพยักหน้าให้ไป๋จ้านสง

 

“สงเอ๋อร์  เจ้าไปดื่มกับสหายเถอะ  พาตัวหยางเสวี่ยชิงมาที่นี่ด้วย ให้คนตระกูลหยางตายด้วยกันที่นี่ในวันนี้”

 

เมื่อได้ยินคำว่า ‘ตาย’ จากผู้นำตระกูลไป๋  สีหน้าของคนตระกูลหยางก็เปลี่ยนไปในทันที

 

แม้ว่าพวกเขาจะไม่ใช้พลังปราณ  แต่พวกเขายังต้องเอนตัวพิงกัน ผู้นำตระกูลหยาง หยางชิงเสวียน หยางหยุนเทียนและคนอื่น ๆ ยืนอยู่ด้านหน้าด้วยใบหน้าซีดเผือด

 

ด้านหลังพวกเขาคือลูกชายคนอื่น ๆ ของผู้นำตระกูลหยาง แน่นอนว่ารวมทั้งคนแก่ ผู้หญิงและเด็ก ๆ เวลานี้หยางชิงเสวียนขยับมาใกล้ผู้นำตระกูลหยางและกระซิบด้วยความโศกเศร้า

 

“ท่านพ่อ หากพวกเราโคจรปราณและใช้พลัง พวกเราก็จะถูกพิษของบุปผาฝันร้ายเล่นงาน ตระกูลไป๋ช่างชั่วช้านัก!”

 

หัวใจของผู้นำตระกูลหยางเกิดอาการสั่นอย่างรุนแรง  และสิ่งที่ผู้นำตระกูลไป๋เพิ่งพูดออกมานั้นทำให้เขาตกตะลึงอย่างมาก

 

หยางชางชงมิอาจจินตนาการได้เลยว่าผู้ที่เป็นเหมือนกับพี่น้องของเขามาเกือบทั้งชีวิตจะมีท่าทีราวกับคนที่เขาไม่เคยรู้จักมาก่อน  และไป๋เซิงเองก็กำลังมองมาที่หยางชางชงด้วยสายตาหยอกล้อ

 

ครู่หนึ่งผ่านไป  หยางเสวี่ยชิงซึ่งมีผมเผ้ายุ่งเหยิงก็ถูกไป๋จ้านสงลากมา  ทั้งสองยังคงสวมชุดแต่งงานสีแดง และหยางเสวี่ยชิงช่างดูงดงามนัก  แต่เมื่อนางเห็นบิดาและพี่ชายถูกล้อมไว้และทุกคนมีสีหน้าซีดเผือด หยางเสวี่ยชิงถึงกับใจหาย

 

“ไป๋จ้านสง ท่านกำลังทำอะไร? ตระกูลไป๋ของท่านเสียสติไปแล้วรึ?”

 

เมื่อไม่สามารถโคจรปราณแท้จริงได้  หยางเสวี่ยชิงจึงเป็นเพียงผู้หญิงอ่อนแอคนหนึ่งที่ไร้ซึ่งเรี่ยวแรงเมื่ออยู่ต่อหน้าไป๋จ้านสง  เขาสะบัดมือที่นางคว้าไว้และตบหน้านางอย่างแรง จากนั้นก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา

 

“เจ้าน่ะหุบปากเสียดีกว่า!”

 

เมื่อพูดจบ เขาก็ผลักนางไปทางผู้นำตระกูลหยาง  ทำให้หยางเสวี่ยชิงกลิ้งไปกับพื้นในทันที เสื้อผ้าที่เคยงดงามกลับยับย่น  เครื่องหมายสีแดงบนหน้าผากดูไม่น่ามอง

 

ผู้นำตระกูลหยางช่วยพยุงหยางเสวี่ยชิงขึ้นมา  เขาผลักนางไปหลบข้างหลังโดยไม่พูดอะไร

 

หลังจากที่ปกครองเมืองพฤกษาหมอกมานานหลายปี ต่อให้ไม่สามารถใช้ปราณแท้จริงได้  ทว่าภาพลักษณ์ของผู้นำตระกูลหยางก็มิอาจดูแคลน เขาเงยหน้าขึ้น ดวงตาที่เฉียบคมดุจเหยี่ยวกวาดมองไปที่สมาชิกตระกูลไป๋  ก่อนที่จะหยุดลงที่ผู้นำตระกูลไป๋

 

ผู้นำตระกูลไป๋หัวเราะอย่างเย็นชา

 

“ดูลูกสาวของเจ้าตอนนี้สิ   สิบแปดปีก่อนนางทิ้งลูกชายของข้าไปและแต่งงานกับเจ้าเศษสวะนั่น พอมันตายไปนางก็ริอาจสานต่อความสัมพันธ์กับลูกชายของข้า คิดว่าเรื่องมันจะง่ายเช่นนั้นหรืออย่างไร? และนางคู่ควรกับลูกชายของข้างั้นหรือ?”

 

ผู้นำตระกูลหยางยังคงนิ่งเงียบ  แต่เมื่อเขาได้ยินเรื่องนี้ สีหน้าของหยางเสวี่ยชิงก็ถอดสีในทันที  นางไม่คิดว่าคนจากตระกูลไป๋จะกล้าพูดออกมาจนนางมิอาจทนรับได้เช่นนี้

 

นางมองไป๋จ้านสงอย่างไม่เชื่อสายตา ชายที่เอ่ยคำสาบานอย่างจริงจัง แต่ไป๋จ้านสงกลับไม่สนใจสายตาที่นางมองเลยแม้แต่น้อย  เขาเอ่ยขึ้น

 

“งานแต่งงานในวันนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของแผนการทำลายตระกูลหยางของเจ้า  ข้า...ไป๋จ้านสง ใช้ชีวิตอย่างอิสรเสรี ข้าได้ผู้หญิงทุกคนที่ข้าต้องการ แล้วเหตุใดข้าจะต้องเลือกเจ้า?  ท่านพ่อ ในเมื่อเราก็ทำสำเร็จแล้ว ลงมือเสียเถอะ มิเช่นนั้นเราอาจเจอปัญหามากกว่านี้”

 

บุตรชายคนที่สี่ของตระกูลไป๋ ไป๋จ้านเฟิงหัวเราะร่า

 

“ข้าจะบอกอะไรพวกเจ้าสักเรื่อง  การแข่งขันล่าสัตว์อสูรคงจะจบลงในไม่ช้า  แต่ข้าคิดว่าผลึกอสูรที่ตระกูลหยางได้มาคงจะเป็นศูนย์ เพราะพวกเขาไม่มีโอกาสได้ฆ่าสัตว์อสูรแม้แต่ตัวเดียว  ป่านนี้ซื่อเฉินและซื่อจีคงจะฆ่าพวกเขาตายไปแล้ว!”

 

ไป๋จ้านสงมองหยางเสวี่ยชิงอย่างเย็นชา

 

“ไอ้เด็กเหลือขอที่เจ้าให้กำเนิดทำร้ายลูกข้า หากไม่ใช่เพราะข้าจับตัวพวกเจ้าทั้งหมดไว้ที่นี่ในวันนี้ ไอ้เด็กนั่นคงตายไปนานแล้ว! ข้าทนรอมาจนถึงตอนนี้ได้อย่างไรกัน!”

 

คำพูดของคนตระกูลไป๋ทั้งสองเป็นดั่งสายฟ้าที่ฟาดลงบนร่างของทุกคนในตระกูลหยาง

 

เมื่อพวกผู้หญิงได้ยินว่าลูกชายและลูกสาวของพวกนางตายสิ้น  พวกนางหมดสติไปทันทีด้วยความโศกเศร้า คนเดียวที่ยังสามารถยืนหยัดอยู่ได้คือผู้นำตระกูลหยางและหยางชิงเสวียน  เมื่อนึกไปถึงหยางอู่และคนอื่น ๆ ที่ตายด้วยน้ำมือของตระกูลไป๋ ผู้นำตระกูลหยางและคนอื่น ๆ ต่างก็รู้สึกราวกับหัวใจของพวกเขาแตกเป็นเสี่ยง

 

ขณะมองไปที่ใบหน้าอันน่าเกลียดชังของคนตระกูลไป๋  คนตระกูลหยางต่างหอบหายใจถี่รัว แม้แต่หยางชิงเสวียนที่มักจะอารมณ์ดีอยู่เสมอ  ทว่าในตอนนี้ดวงตาของเขาแดงก่ำ เส้นเลือดบริเวณคอปูดโปนออกมา หากไม่ใช่เพราะผู้นำตระกูลหยางที่เป็นคนมีเหตุผลห้ามเขาไว้  เขาคงพุ่งตัวออกไปข้างหน้าและสู้จนตัวตาย!

 

เพราะเมื่อสูญเสียทั้งลูกชายและลูกสาว เท่ากับว่าได้สูญเสียสิ่งล้ำค่าที่สุดในช่วงชีวิตของเหยางชิงเสวียนไปแล้ว

 

“ตระกูลไป๋ พวกเจ้าทุกคนจะต้องตกนรกหมกไหม้!”

 

หยางชิงเสวียนในตอนนี้ดูราวกับสัตว์ร้าย!

 

สำหรับหยางหยุนเทียนที่สูญเสียลูกชายไป  และหยางหลิงชิงก็กำลังพัฒนาฝีมืออย่างยอดเยี่ยม นางเป็นบุตรสาวที่เขาหวงแหน  เมื่อนึกถึงเด็กสาวจิตใจงดงามที่ต้องมาตายไปเช่นนี้ หยางหยุนเทียนก็กลายเป็นสัตว์ร้ายไปในเวลาเดียวกัน!

 

“ไป๋เซิง ไป๋จ้านสง ไป๋จ้านเฟิง และพวกเจ้า .... พวกเจ้าทุกคนล้วนแล้วแต่ต่ำช้าเยี่ยงสัตว์เดรัจฉาน!”

 

อย่างไรก็ตาม  หยางเสวี่ยชิงยังคงนิ่งอึ้งและไม่เชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้น

 

นางมิอาจเชื่อว่าทุกสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้เป็นความจริง  ทั้งเรื่องที่ไป๋จ้านสงไม่เคยรักนาง และงานแต่งงานที่นางเฝ้าฝันมาตลอดเป็นเพียงแผนลวงของอีกฝ่ายที่จะทำลายครอบครัวของนางเอง

 

และนาง... หยางเสวี่ยชิง  เป็นเพราะความเขลาของนางเอง ที่ทำให้นางกลายเป็นคนบาปของตระกูลหยาง!

 

จากความอิ่มเอมใจไปจนถึงความเศร้าโศกเสียใจอย่างมาก  การทิ้งดิ่งทางอารมณ์อย่างรุนแรงทำให้ทุกคนในตระกูลหยางรู้สึกอึดอัดจนหายใจไม่ออก!

 

ในเวลานี้  หยางเสวี่ยชิงถึงกับคิดอยากตาย  มีเพียงความตายเท่านั้นที่จะทำให้นางสามารถหนีไปจากสถานที่แห่งนี้ได้  เช่นนั้นแล้วนางจะได้ไม่ต้องโทษตนเองและเป็นอิสระจากเหตุการณ์นี้

 

มีเพียงหนทางเดียวสำหรับนางเท่านั้น  เป็นหนทางเดียวที่นางสามารถทำได้!

 

นางกินบุปผาฝันร้ายเข้าไป และหยางเสวี่ยชิงก็รู้ดีว่าหากนางโคจรปราณแท้จริง  จุดตันเทียนของนางจะแหลกสลายในทันที และนี่เป็นสิ่งที่นางต้องการ!

 

หยางชิงเสวียนและหยางหยุนเทียนสูญเสียลูกๆ ของพวกเขาไป  ดังนั้นผู้นำตระกูลหยางจึงพุ่งความสนใจไปที่การห้ามพวกเขา  และไม่ทันได้สนใจหยางเสวี่ยชิง ทุกคนในตระกูลไป๋ต่างจับจ้องไปที่หยางชิงเสวียนและหยางหยุนเทียนราวกับพวกเขาเป็นตัวตลก  และไม่ได้สนใจหยางเสวี่ยชิงเลยแม้แต่น้อย ในเวลานี้ หยางเสวี่ยชิงเผยรอยยิ้มบนใบหน้า

 

นางคิดไปถึงสิ่งต่าง ๆ มากมายที่ผ่านเขามาในชีวิต  คิดไปถึงความฝันของเด็กสาว แสงระยิบระยับที่นางได้เห็นเมื่อหลงฉิงหลานปรากฏตัวขึ้น  นางเคยมีชีวิตที่เป็นสุขราวกับได้รับพร ทว่าความสุขนั้นช่างผ่านมาและจากไปอย่างรวดเร็วเหลือเกิน บัดนี้นางเกลียดชังหลงฉิงหลานและแม้แต่เลือดเนื้อเชื้อไขของนางที่เกิดกับเขา

 

นางไม่สามารถอธิบายได้ว่าเหตุใดนางถึงจงเกลียดจงชังหลงเฉินได้ถึงเพียงนี้  นางเพียงรู้สึกว่าหลงเฉินนั้นมีความละม้ายคล้ายหลงฉิงหลานเกินไป ไม่ว่าจะเป็นรูปลักษณ์หรือการพูดจา ดวงตา ความมุ่งมั่น ความคิด นิสัยใจคอ จิตวิญญาณ  ทุกสิ่งล้วนแล้วแต่เหมือนหลงฉิงหลาน

 

แม้ว่าหลงเฉินจะเป็นลูกชายของนาง  แต่กลับไม่มีส่วนใดในตัวหลงเฉินที่เหมือนนางเลย  เป็นเพราะความเกลียดชังที่มีต่อหลงฉิงหลาน ผู้ที่ทำลายชีวิตทั้งชีวิตของนาง  นางจึงจงเกลียดจงชังหลงเฉิน

 

โดยเฉพาะช่วงเวลานี้  ความแข็งแกร่งของหลงเฉินเพิ่มพูนขึ้นอย่างน่าตกใจ  และรูปลักษณ์ของเขาก็ละม้ายคล้ายหลงฉิงหลานในอดีตไม่มีผิดเพี้ยน

 

ความภาคภูมิใจของหลงเฉินทำลายความเคารพในตนเองของนางอย่างสิ้นเชิง

 

และตอนนี้  เมื่อรู้ว่าภาพลักษณ์ของนางพังพินาศไปแล้ว  และนางก็เป็นผู้ที่นำภยันตรายมาสู่ตระกูลหยาง  ก่อนที่นางจะตาย นางพลันนึกถึงหลงเฉินและจำทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับเขาได้

 

เด็กคนนั้นมีความภาคภูมิใจในตนเองสูงมากทีเดียว  ทั้ง ๆ ที่หยางหลิงชิงไม่เหลียวแลเขา และหลงฉิงหลานก็ไม่ได้ใส่ในในตัวเขาเช่นกัน  แต่เขากลับไม่เคยร้องขอความเห็นอกเห็นใจใด ๆเลยสักครั้ง

 

แม้จะเกิดในตระกูลหยาง แต่เขาก็อยู่ด้วยตัวคนเดียวและเป็นเหมือนสุนัขจรจัดที่มาอาศัยอยู่ในตระกูลหยางเสียมากกว่า

 

ไม่เคยมีใครสนใจในตัวเขา  ไม่มีใครคอยชี้แนะ มีเพียงบาดแผลที่ปรากฏให้เห็นอยู่บนร่างกายตลอดเวลา

 

ครั้งแรกที่นางบอกกับเขาว่านางต้องการแต่งงานกับไป๋จ้านสง  ภาพการจากไปของเขาที่ทั้งหยิงทะนงและเย็นชา และสายตาดื้อรั้นหลังจากที่เขาเอาชนะหยางหลิงเยวี่ยในการประลอง ปรากฏขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าในดวงตาของหยางเสวี่ยชิง

 

นางหลั่งน้ำตาออกมาในที่สุด

 

มันเป็นเพียงช่วงเวลาที่ความฝันของนางแตกสลาย จนในที่สุดนางก็รู้ตัวว่าตนเองได้ปล่อยปละละเลยเด็กหัวแข็งคนนี้มากเพียงใด

 

แต่ก็สายเกินไปเสียแล้ว  เพราะหลงเฉินได้ตายลงด้วยน้ำมือของลูกหลานตระกูลหยาง

 

‘ลูกเอ๋ย ไม่ต้องกลัว  ข้าจะไปอยู่กับเจ้าเดี๋ยวนี้แล้ว  ในยมโลก พวกเราสามคนอาจจะสร้างครอบครัวที่อบอุ่นได้อีกครั้ง!’

 

‘หากชาติภพหน้ามีจริง  ข้าจะขอชดใช้ให้เจ้าเอง’

 

‘อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้...’

 

นางค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นและมองไปที่ใบหน้าเยาะเย้ยของไป๋จ้านสงด้วยสายตาเย็นชา นางพึมพำกับตัวเอง

 

‘ข้าไม่อยากละอายที่ต้องเห็นหน้าเจ้า เช่นนั้นแล้ว อย่างน้อยก็ขอให้ข้าได้ฆ่าเจ้าคนชั่วช้านี้ให้ได้!”

 

ทุกคนต่างกรีดร้องเมื่อเห็นหยางเสวี่ยชิงวิ่งเข้าใส่ไป๋จ้านสง  มือของนางกำลังร่ายกระบวนท่าผนึกมังกรลึกล้ำ!

 

ทว่าตอนนั้นเอง ประตูที่ปิดอยู่ก็พลันระเบิดออก  ประตูไม้แตกกระจายเป็นเสี่ยง ๆ และปลิวว่อนเข้าสู่ห้องโถง  ทหารยามจำนวนหนึ่งล้มลงที่ประตูพร้อมกับร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวด!

*****************

ติดตามตอนอื่น ๆ ได้ที่ : novelrealm

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด