ตอนที่แล้วตอนที่ 19 ม่านพลังลึกลับ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 21 หมัดปีศาจวายุเก้าดัชนี

ตอนที่ 20 ตลาดจอมยุทธ์


ติดตามตอนอื่น ๆ ได้ที่ : novelrealm

เมื่อพบตัวหยางหลิงชิง  หลงเฉินก็หยุดพูดคุยกับหลิงซี

 

หยางหลิงชิงพ่ายแพ้แก่หยางหลิงเยวี่ยในการแข่งขันประจำตระกูล  แต่นางก็มิได้ถอดใจ และพยายามมากขึ้นกว่าเดิม เมื่อเห็นว่าหลงเฉินมาหา นางรู้สึกขัดแย้งในใจตนเองอย่างมาก จึงได้ปฏิบัติต่อเขาด้วยท่าทีเย็นชา

 

“เจ้ามาตามหาข้าทำไม?”

 

เรื่องบาดหมางระหว่างหลงเฉินและพี่ชายของนาง นางรู้ดีว่ามันเป็นเพียงความขัดแย้งเล็ก ๆ น้อย ๆ แม้ว่าหลงเฉินจะฉีกเสื้อผ้าของหยางจ้านต่อหน้าทุกคน แต่นางก็รู้สึกว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอยู่ดี

 

หยางหลิงชิงคิดว่ามันเป็นเพียงการกระทำที่ไม่ได้ตั้งใจของหลงเฉิน แต่หยางจ้านก็ตายเพราะเขา  แม้ว่านางและพี่ชายจะไม่ได้สนิทกันมาตั้งแต่เด็ก แต่อย่างไรเสีย เลือดย่อมข้นกว่าน้ำ

 

เมื่อเห็นความโกรธแค้นในสายตาของหยางหลิงชิง  หลงเฉินตระหนักดีว่าเขาทำให้ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ผู้นี้ต้องเจ็บปวดทรมาน  ลึก ๆ แล้วเขาก็รู้สึกไม่สบายใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น

 

“เรื่องที่เกิดขึ้นกับพี่ชายเจ้า  ข้าไม่ได้ตั้งใจให้มันเป็นแบบนี้เลย ข้าคงพูดได้เพียงข้าเสียใจ และที่ข้ามาในวันนี้ก็เพื่อจะถามอะไรเจ้าสักหน่อย”

 

หยางหลิงชิงพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

 

“อยากถามอะไรก็ถามมา ข้าต้องรีบฝึกต่อ  การแข่งขันล่าสัตว์อสูรใกล้เข้ามาแล้ว ข้าไม่อยากแพ้ให้กับคนตระกูลไป๋”

 

“ข้าต้องการยาที่สามารถบำรุงวิญญาณของข้าได้  เจ้ารู้รึเปล่าว่ามันหาได้จากที่ไหน? แล้วในตระกูลของเรามีบ้างรึเปล่า?”

 

หยางหลิงชิงเย็นชาต่อเขา เขาจึงกังวลว่านางอาจจะไม่ยอมช่วย

 

อย่างไรก็ตาม เขาก็ยอมลดความหยิ่งยโสลง และถามนาง

 

“ในตระกูลไม่น่าจะมียาที่เจ้าว่าหรอก แต่เจ้าลองไปดูที่ร้านขายยาในตลาดจอมยุทธ์ดูก็ได้  ยาสมุนไพรที่พวกเขาขายน่ะ ได้มาจากพวกผู้ฝึกยุทธทั้งนั้น มิเช่นนั้น ร้านขายยาก็ซื้อมาจากเมืองใหญ่โดยตรง น่าจะมียาที่เจ้าตามหา”

 

หลงเฉินมักจะหลงระเริงอยู่ตามโรงเตี๊ยมและหอนางโลมมาโดยตลอด ดังนั้นเขาจะรู้ได้อย่างไรว่าตลาดอยู่ที่ใด  เขาจึงเอ่ยปากถาม

 

หยางหลิงชิงพูดอย่างไม่สบอารมณ์

 

“ตลาดจอมยุทธ์ค่อนข้างลึกลับอยู่สักหน่อย ข้าจะพาเจ้าไปเองก็แล้วกัน”

 

หลงเฉินมองนางด้วยความซาบซึ้ง  แม้ว่าผู้หญิงคนนี้จะเกลียดหลงเฉิน แต่เมื่อเขาต้องการนาง นางก็พยายามเพื่อเขา  นางนิสัยดีกว่าหยางหลิงเยวี่ยมาก

 

การเดินไปกับหลงเฉินนั้นเป็นจุดสนใจอย่างมาก  แต่ก็ไม่มีใครกล้าพูดอะไร เพราะพวกเขาทั้งสองต่างเป็นนายน้อยของตระกูลหยาง

 

ชื่อของหลงเฉินแพร่สะพัดไปทั่วเมืองพฤกษาหมอกในช่วง 2-3 วันนี้  เขากลายเป็นที่รู้จักของทุกคนในเมืองพฤกษาหมอก ในอดีตเขาก็มีคนรู้จักมากเช่นกัน แต่มักจะเป็นเป้าหมายของการดูถูกเหยียดหยามเสียมากกว่า

 

“จริงสิ เจ้าฝึกเพลงหมัดดาวตกได้รวดเร็วมาก แล้วผนึกมังกรล่ะ ก้าวหน้าไปถึงไหนแล้ว?”

 

ขณะที่พวกเขาเดินไปตามถนน  หยางหลิงชิงก็เอ่ยถาม

 

หลงเฉินยิ้มกริ่ม

 

“เจ้าอิจฉางั้นรึ? ข้าสอนให้ก็ได้นะ แต่เจ้าต้องเรียกข้าว่า พี่ใหญ่เฉิน”

 

หยางหลิงชิงมีสีหน้าไม่พอใจและพูดอย่างมีอารมณ์

 

“ตอนนี้ข้าเพิ่งบรรลุขอบเขตชีพจรมังกรขั้นห้า  ข้ายังไม่มีพลังปราณมากพอที่จะฝึกวิชาผนึกมังกรหรอก และข้าต้องใช้ความสามารถของตัวเองเพื่อให้ได้ผนึกมังกรมาเท่านั้น!”

 

เมื่อเห็นสายตาดื้อรั้นของนาง หลงเฉินรู้สึกชื่นชมนางในใจ

 

หลังจากเดินด้วยกันมาพักใหญ่  หยางหลิงชิงขมวดคิ้วและเอ่ยขึ้น

 

“เจ้าเองก็บรรลุขอบเขตชีพจรมังกรขั้นห้าเหมือนกันนี่  ผนึกมังกรเป็นทักษะวิชาระดับสูง และมันก็ไร้ประโยชน์กับเจ้า เจ้าน่าจะมอบมันให้พี่หลิงเยวี่ยนะ ความแข็งแกร่งของนางใกล้เคียงกับขอบเขตชีพจรมังกรขั้นเจ็ด น่าจะพอมีหวังอยู่บ้าง ...”

 

มันเป็นทักษะวิชาขั้นสูงก็จริง ยิ่งไปกว่านั้น เขามีพลังเพียงขั้นที่ 5  หลงเฉินจึงรู้สึกไม่แปลกใจที่หยางหลิงชิงจะไม่ได้คาดหวังในตัวเขามากนัก เขาเพียงยิ้มเจื่อน ๆ และไม่พูดอะไรอีก

 

“หลงเฉิน เจ้ารู้เรื่องการแข่งขันล่าสัตว์อสูรใช่หรือไม่? ตระกูลไป๋แข็งแกร่งกว่าตระกูลหยางของเรา หากพวกเขาได้สิทธิ์ในการปกครองนครพฤกษาหมอก ตระกูลหยางคงตกที่นั่งลำบาก  เมืองพฤกษาหมอกในตอนนี้ ทุกคนเริ่มเห็นพ้องต้องกันว่าในอนาคตตระกูลไป๋คงได้สิทธิ์ปกครองเมืองพฤกษาหมอก และเป็นกำลังสำคัญให้กับตระกูลหลิงอู่แห่งนครหยวนหลิง และพวกเขาจะสามารถใช้อำนาจของตระกูลหลิงอู่ได้ด้วย!”

 

ตระกูลหลิงอู่ตั้งรกรากอยู่ในนครหยวนหลิง หลงเฉินเคยได้ยินเกี่ยวกับตระกูลนี้มาบ้าง ว่าเป็นตระกูลแรกที่ตั้งขึ้นในนครแห่งนั้น ทั้งยังได้รับการยอมรับจากราชวงศ์แห่งแคว้นชางหยาง พวกเขามีอำนาจในการปกครองดูแลนครหยวนหลิง  ถือได้ว่าเป็นตระกูลที่มีอำนาจสูงสุดของที่นั่น หากได้สิทธิ์ในการปกครองเมืองพฤกษาหมอก พวกเขาจะได้รับการปกป้องจากตระกูลหลิงอู่ รวมทั้งผลประโยชน์มหาศาลอย่างไม่ต้องสงสัย

 

ดังนั้น ต่อให้ผู้นำตระกูลหยางและผู้นำตระกูลไป๋เป็นดั่งพี่น้อง  พวกเขาก็ต้องการจะสู้กันเพื่อช่วงชิงสิ่งนี้

 

หลงเฉินหัวเราะ

 

“ก็เพราะลูกหลานตระกูลหยางไม่เคยมีประสบการณ์จริง ๆ กันเลยน่ะสิ”

 

หูของหยางหลิงชิงแดงเรื่อด้วยความกระดากอาย ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยสายตาอับจนหนทาง

 

“ในหมู่ยอดฝีมือที่เป็นลูกหลานตระกูลหยาง ก็มีพี่หยางอู่ และพี่หลิงเยวี่ย แม้จะรวมเจ้าเข้าไปด้วย เราก็มีเพียงผู้ที่บรรลุขอบเขตชีพจรมังกรขั้นเจ็ดคนหนึ่ง และขั้นหกอีก 2 คนเท่านั้นเอง”

 

“แต่มีถึง 2 คนในตระกูลไป๋ที่บรรลุขั้นเจ็ด และมีไป๋ซื่อเฉินที่มีฝีมือเทียบได้กับพี่หยางอู่ แต่ไป๋ซื่อเฉินบรรลุขอบเขตชีพจรมังกรขั้นเจ็ดตั้งแต่อายุ 17 ปี และเป็นคนแรกที่บรรลุขั้นนั้น  การฝึกฝนของเขาล้ำลึกมาก เขาจึงเป็นยอดฝีมือรุ่นเยาว์ที่แข็งแกร่งที่สุดในเมืองพฤกษาหมอกมาตลอด”

 

หลงเฉินเอ่ยถามด้วยความสงสัย

 

“หากพวกเขาทั้งคู่บรรลุขอบเขตชีพจรมังกรขั้นเจ็ด แล้วไป๋ซื่อเฉินมีอะไรพิเศษนักล่ะ?”

 

หยางหลิงชิงส่ายศีรษะ

 

“เจ้าไม่รู้อะไร ว่ากันว่าตอนนี้เขาใกล้จะบรรลุขอบเขตชีพจรมังกรขั้นแปดแล้ว และเขายังฝึกฝนดัชนีสวรรค์ทมิฬขั้นสูงของตระกูลไป๋  ลือกันว่าเขาฝึกฝนไปจนถึงขั้นที่ 2 แล้วดัชนีสวรรค์ทมิฬ ซึ่งแข็งแกร่งกว่าผนึกมังกรของตระกูลหยางเสียอีก วิชาผนึกมังกรมีการเคลื่อนไหว 2 กระบวนท่า แต่ดัชนีสวรรค์ทมิฬมีถึง 3 และพลังโจมตีของมันก็รุนแรงกว่าผนึกมังกรมากทีเดียว”

 

เมื่อหยางหลิงชิงอธิบายเกี่ยวกับไป๋ซื่อเฉิน  น้ำเสียงของนางดูสิ้นหวังอย่างบอกไม่ถูก

 

“ขอบเขตชีพจรมังกรขั้นเจ็ด  ดัชนีสวรรค์ทมิฬ อย่างนั้นหรือ?  มันฟังดูน่ากลัวก็จริงอยู่ แต่ข้า หลงเฉิน ก็แพ้เขาแค่ปริมาณของปราณแท้จริงเท่านั้นแหละ”

 

ในตอนนี้ หยางหลิงชิงหันมามองเขา

 

“หากมีไป๋ซื่อเฉินอยู่ เป็นไปได้ว่าตระกูลไป๋จะสามารถจัดการกับสัตว์อสูรระดับอำพันขั้นแปดเลยเชียวนะ ไหนเจ้าบอกข้าสิ ว่าตระกูลหยางจะสู้ได้อย่างไร?”

 

หลงเฉินไม่รู้จะตอบคำถามนางอย่างไร จึงเอ่ยขึ้น

 

“นี่ไม่ใช่เวลาที่จะมารู้สึกท้อแท้เสียหน่อย หากเราคนใดคนหนึ่งยอมรับความพ่ายแพ้ตั้งแต่ก่อนเริ่ม คนผู้นั้นก็ไม่ต่างจากขยะไร้ค่าหรอก และข้า... หลงเฉิน ก็ไม่ใช่ขยะไร้ค่าอย่างแน่นอน ดังนั้น ไม่ว่าเจ้าไป๋ผู้นั้นจะเป็นอย่างไรก็ตาม ต่อให้เขาเป็นดอกไม้ขาว ข้าก็จะซัดเขาจนฟกช้ำดำเขียวเลยคอยดู!”

 

นางกลอกตาใส่หลงเฉินและเอ่ยขึ้น

 

“นิสัยคุยโวของเจ้านี่ไม่เปลี่ยนเลยนะ  เจ้าและตระกูลไป๋ได้สร้างความบาดหมางใหญ่หลวงขึ้น และหากพูดถึงการแข่งขันล่าสัตว์อสูร ผู้ที่ตกอยู่ในอันตรายมากที่สุดก็คือเจ้านั่นแหละ ข้าว่าเจ้าฝึกวิชาไปเงียบ ๆ เถอะ แล้วพอถึงตอนนั้น เจ้าก็จงซ่อนตัวให้ดี จะได้ไม่ทำให้ตัวเองขายหน้า...”

 

หลงเฉินรีบพูด

 

“ขอรับ แม่นาง ข้าน้อยเข้าใจแล้ว”

 

อย่างไรก็ตาม ในใจของเขา เขากลับเยาะเย้ยและคิดในใจ

 

‘ซ่อนตัวงั้นรึ? ไม่ใช่นิสัยข้าหรอก’

 

เมื่อเห็นว่าหลงเฉินนิ่งไป หยางหลิงชิงจึงไม่พูดอะไรอีก

 

เพียงชั่วพริบตา หลงเฉินก็ตามหลิงชิงเข้ามาในศาลาทรงสูง หลังจากผ่านโถงทางเดินที่คดเคี้ยว และเข้าประตูไป  เขาไม่ได้คาดหวังว่าจะได้เห็นพื้นที่โล่งกว้างขนาดใหญ่อยู่เบื้องหน้าเช่นนี้

 

เมื่อมองไปยังถนนหนทางและร้านรวงมากมาย  หลงเฉินถึงกับงุนงง

 

“นี่คือตลาดจอมยุทธ์  แต่ข้าก็ไม่แน่ใจเรื่องยาบำรุงวิญญาณที่เจ้าตามหาหรอกนะ  เจ้าไปถามเองเถอะ เจ้าเฉลียวฉลาดมาตั้งแต่เด็กแล้วนี่ ข้าเชื่อว่าเจ้าคงไม่โดนหลอกหรอก  ข้าเองก็ใกล้จะบรรลุขอบเขตชีพจรมังกรขั้นหกแล้ว แต่ข้าก็ยังขาดความรู้ความเข้าใจอีกมาก มาคราวนี้ ข้าจะหาอะไรให้ตัวเองเสียหน่อย ข้าจะได้ไม่ต้องถูกเจ้าทำให้โกรธจนตายไงล่ะ”

 

เมื่อพูดจบ นางก็ไม่รอให้หลงเฉินพูดอะไร และเดินไปยังถนนสายหนึ่ง

 

ที่นี่มีผู้ฝึกยุทธ์อยู่มากมาย  มองเพียงปราดเดียว หลงเฉินก็บอกได้ว่ามีคนนับร้อยเดินอยู่ตามถนนเหล่านี้

 

“ตลาดจอมยุทธ์นี่เป็นชุมชนเสือหมอบมังกรซ่อนจริง ๆ สินะ”

 

“เสี่ยวซี เจ้าสัมผัสถึงยาที่ใช้บำรุงวิญญาณได้บ้างรึเปล่า?”

 

เสียงอ่อนแรงของหลิงซีดังขึ้นข้างหูของเขา

 

“เจ้าต้องเข้าไปใกล้ ๆ อีกหน่อย เจ้าอยู่ไกลเกินไป ข้าจึงสัมผัสไม่ได้ ในเมืองเล็ก ๆ แบบนี้ ยาสมุนไพรแบบนั้นเป็นของหายาก ข้าต้องค้นหาให้ละเอียด...”

 

เสียงของหลิงซีอ่อนแรงลงอีกครั้ง หลงเฉินรู้สึกกระวนกระวายมาก เขาจึงภาวนาให้เขาพบยาที่ตามหาโดยเร็ว

 

เมื่อตัดสินใจได้แล้ว หลงเฉินก็เข้าไปในร้านขายยาร้านแรก มีร้านรวงอยู่มากมายในตลาดจอมยุทธ์แห่งนี้

 

โรงรับจำนำเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นแหล่งของวัตถุดิบจากสัตว์อสูร  เช่นเดียวกับสมบัติที่หายากบางอย่าง แน่นอนว่าสามารถซื้อของสิ่งใดก็ได้ที่ต้องการ เพราะแทบทุกสิ่งที่ผู้ฝึกยุทธ์ต้องการล้วนถูกรวบรวมไว้ที่นี่

 

แม้แต่สมุนไพรวิญญาณระดับเดียวกับโสมภูเขาปีศาจ ก็อาจพบได้มากในตลาดแห่งนี้ หลงเฉินสังเกตว่าการแลกเปลี่ยนที่นี่ใช้หยกวิญญาณ  ดังนั้นไม่ว่าเขาจะมีทองหรือเงินมากเพียงใด ก็ไม่สามารถใช้ได้ เขามีหยกวิญญาณอยู่เพียง 500 ชิ้น ดังนั้นเขาจึงตระหนักดีว่าจะต้องใช้เท่าที่จำเป็น

 

หยกวิญญาณ 500 ชิ้นนี้คือสิ่งที่ผู้นำตระกูลหยางให้มาเพื่อใช้ในการฝึกวิชา  แต่เพื่อชีวิตของหลิงซีแล้ว หลงเฉินก็ไม่สนใจเรื่องนั้นเลยแม้แต่น้อย

 

หลงเฉินแสร้งทำเป็นเข้าไปดูสินค้าและเดินไปรอบ ๆ ร้าน แต่ความจริงแล้ว เขาทำเช่นนั้นเพื่อให้หลิงซีได้สำรวจ แต่หลังจากเดินไปรอบ ๆ นางก็ตระหนักว่ามันไม่อยู่ที่นั่น

 

หลงเฉินรู้สึกกระวนกระวายเล็กน้อย และพบกับเจ้าของร้านซึ่งเป็นชายวัยกลางคนผู้มีสีหน้าเคร่งขรึม หลงเฉินเอ่ยถาม

 

“ขอถามหน่อยเถอะ ในร้านของท่านมียาที่มีสรรพคุณบำรุงวิญญาณหรือไม่?”

 

เจ้าของร้านผงะไป “ต้องขออภัย เราไม่มีของที่ท่านว่า”

 

สีหน้าของหลงเฉินเต็มไปด้วยความผิดหวัง

 

“พ่อหนุ่ม ในเมืองเล็ก ๆ อย่างเมืองพฤกษาหมอกแห่งนี้  ยาที่ช่วยบำรุงวิญญาณไม่ค่อยเป็นที่ต้องการนัก ร้านของข้าจึงไม่มีขาย  แต่หากเจ้าต้องการใช้เร่งด่วน คงต้องลองถามร้านอื่นและเสี่ยงดวงดูแล้วล่ะ”

 

หลงเฉินพยักหน้าและขอบคุณเจ้าของร้าน จากนั้น เขาก็เดินออกมาจากร้านและถามหลิงซีด้วยความร้อนใจ

 

“จากที่เขาบอก  ไม่มียาแบบนั้นในเมืองพฤกษาหมอก  เสี่ยวซี...”

 

“เช่นนั้นเราจะทำอย่างไรดี...”

 

เสียงของเสี่ยวซีฟังดูตื่นตระหนกเล็กน้อย เมืองพฤกษาหมอกช่างห่างไกลมากกว่าที่นางคิด

 

หลงเฉินกำหมัดแน่น

 

“ไม่หรอก ข้ายังไม่ได้ไปร้านอื่น ๆ เลย เรายังตัดสินอะไรไม่ได้ในตอนนี้ ข้าจะหาต่อไป  ข้าไม่เชื่อหรอกว่าตลาดจอมยุทธ์ที่กว้างใหญ่เช่นนี้จะไม่มียาสมุนไพรนั่นเลย!”

 

ตลาดจอมยุทธ์มีร้านขายยาไม่ต่ำกว่า 50 ร้าน หลงเฉินไล่ถามไปทีละร้าน ๆ ซึ่งใช้เวลามาก แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญ  สิ่งที่ทำให้เขาวิตกกังวล คือคำตอบปฏิเสธที่ได้รับมากกว่า

 

“ขอโทษด้วย เราไม่มียาแบบนั้นหรอก”

 

“ข้าไม่ค่อยรับยาแบบนั้นมาขายน่ะ”

 

“เราไม่มีขาย”

 

สีหน้าของหลงเฉินเคร่งเครียดขึ้นเรื่อย ๆ ในใจของเขาก็เริ่มวิตกกังวลมากขึ้น

 

“หากเจ้าหายานั่นไม่พบ เช่นนั้นก็ช่างมันเถอะ ในเมื่อร่างของข้าแหลกสลายไปแล้ว ข้ารู้ดีว่าเวลาใกล้หมดลงเต็มที อย่างไรก็ตาม หลงเฉิน ข้าดีใจที่ได้รู้จักเจ้านะ...”

 

ดวงตาของหลงเฉินแดงก่ำ  เขาตะโกนก้อง

 

“อย่าพูดจาไร้สาระนะ! ยังมีอีกตั้งหลายร้านที่เราต้องตามหาไม่ใช่รึ? ข้าไม่เชื่อหรอกว่าข้าจะทำเรื่องเล็ก ๆ แค่นี้ให้สำเร็จไม่ได้  หากเมืองพฤกษาหมอกไม่มียานั่น ข้าก็จะไปหาที่อื่น ช่างหัวการแข่งขันล่าสัตว์อสูรงี่เง่านั่นปะไร ข้าจะไม่เข้าร่วมมันแล้ว!”

 

“ไม่ได้นะ ยิ่งไปกว่านั้น ข้าต้องช่วยเจ้าคลายผนึกออก...”

 

เมื่อทั้งคู่ไม่มีคำใดจะพูดอีก  ทันใดนั้น ก็เกิดเสียงระเบิดดังขึ้นหลายครั้ง  ผู้คนรอบข้างรีบมองทางต้นเสียง ทีแรกหลงเฉินไม่สนใจ  แต่จู่ ๆ ก็มีใครบางคนร้องขึ้นมา

 

“ดูเหมือนว่าคุณหนูจากตระกูลหยางกำลังทะเลาะกับคนของตระกูลไป๋แน่ะ!”

 

“หยางหลิงชิง?”

************************

ติดตามตอนอื่น ๆ ได้ที่ : novelrealm

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด