ตอนที่แล้วตอนที่ 13 เหยียบหลินเฉี่ยนให้จมดิน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 15 ยัยนั่นแค่ขี้มโนเท่านั้นเอง

ตอนที่ 14 คดีพลิก


ติดตามตอนอื่น ๆ ได้ที่ : novelrealm

ไม่มีพ่อแม่คนไหนที่ไม่เชื่อคำพูดของลูกตัวเอง ยิ่งเห็นลูกสาวร้องห่มร้องไห้อย่างหนักก็ยิ่งบีบหัวใจคนเป็นพ่อแม่ พ่อแม่ของหนานอินรู้สึกโกรธมากขึ้นกว่าเดิมจนในที่สุดคนเป็นพ่อก็ประกาศเสียงแข็ง  “อาจารย์จาง! เป็นเพราะผมไว้หน้าอาจารย์นะถึงได้ยอมมานั่งเจรจาวันนี้ แต่ตอนนี้ผมคิดว่าคงจะต้องแจ้งความจริงๆแล้วล่ะ!”

 

“ใช่ แจ้งความตอนนี้เลย! ฉันบอกแต่แรกแล้วว่าให้แจ้งความไปเลย หน้าสวยๆของลูกสาวฉันเป็นถึงขนาดนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะฝีมือเด็กหลินเฉี่ยนนี่จะเป็นใครได้ จะบอกว่าลูกฉันเป็นคนตบตัวเองอย่างนั้นเหรอ? พวกฉันไม่ยอมหรอกนะ ยังไงเราก็จะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด!”

 

“ใช่ๆ”

 

“เรื่องนี้ยอมไม่ได้”

 

ทันทีที่พ่อแม่ของหนานอินยืนยันว่าจะแจ้งความ ผู้ปกครองคนอื่นๆต่างก็รีบส่งเสียงสนับสนุนดังลั่น

 

ถ้าหากวิดีโอที่หลินเฉี่ยนให้ดูเป็นของจริง นั่นแสดงว่าลูกๆของพวกเขาเป็นฝ่ายผิด พวกเขาคือคนก่อเหตุทะเลาะวิวาทรุมทำร้ายหลินเฉี่ยนก่อนโดยมีหนานอินเป็นผู้บงการ ด้วยเหตุผลนี้ทำให้ไม่มีพ่อแม่ผู้ปกครองคนไหนเชื่อหลักฐานของหลินเฉี่ยน เพราะพวกเขาทำใจเชื่อไม่ได้ว่าลูกของพวกเขาทำเรื่องเลวร้าย ‘ฉันเลี้ยงลูกมากับมือ ลูกของฉันเป็นคนดี ไอ้เรื่องงี่เง่าที่ลูกฉันเป็นคนผิดแบบนั้นใครมันจะเชื่อ!’

 

ในบรรดาผู้ปกครองทั้งหมด มีหนึ่งครอบครัวที่ส่งทนายความมาเป็นตัวแทนถึงที่นี่ ในทันทีที่เริ่มมีการพูดถึงการแจ้งความเขาก็เดินมาด้านหน้าแล้วพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “นี่เป็นความผิดข้อหาทำร้ายร่างกายโดยเจตนาครับ ตามกฎหมายมาตรา 234 แล้ว ผู้ที่เจตนาทำร้ายร่างกายผู้อื่น มีโทษถูกกักบริเวณหรือจำคุกไม่เกินสามปี”

 

“ใช่! คนแบบนี้สมควรเข้าไปอยู่ในนั้นแล้ว จะได้ถูกอบรมสั่งสอนซะบ้าง”

 

“เรื่องมันมาถึงขนาดนี้แล้วแต่พ่อแม่กลับไม่มาสนใจ คงจะเป็นแบบนี้กันทั้งบ้านเลยล่ะสิ”

 

เมื่อทั้งคณะผู้บริหารและอาจารย์ที่ปรึกษาเห็นว่าไม่สามารถพูดโน้มน้าวผู้ปกครองเหล่านี้ได้จึงหันมาหาหลินเฉี่ยน “หลินเฉี่ยนนิสัยซุกซนของเธอครูไม่ว่าอะไรหรอกนะ แต่เรื่องนี้มันเกี่ยวกับอนาคตของเธอโดยตรง อย่าเอาเรื่องมันมาล้อเล่นเลย เรียกพ่อแม่เธอมาเถอะ”

 

หลินเฉี่ยนตอบ “อาจารย์ หนูไม่ได้โกหก อาจารย์ก็รู้หนูไม่มีพ่อแม่”

 

ถึงจะฟังประโยคแบบนี้มานับครั้งไม่ถ้วนแล้วแต่ก็ไม่มีครั้งไหนที่อาจารย์ที่ปรึกษาจะไม่รู้สึกปวดใจ  ทว่าในตอนนี้เรื่องนี้มันบานปลายมากจนเธอเองก็ไม่สามารถรับหน้าแทนได้ “งั้นมีคนอื่นที่สามารถเป็นผู้ปกครองเธอได้ไหม? ยังไงก็ต้องเรียกใครมาสักคนนะ”

 

“ถ้าอยากจะแจ้งความก็ทำเลย หนูไม่กลัว ยังไงวิดีโอนี่ก็ยืนยันทุกอย่างได้ หนูเป็นคนอัดไว้เอง ใครทำอะไรไว้ ‘ความจริงมัน’ ก็บอกชัดอยู่แล้ว หนูเชื่อว่ายังไงตำรวจก็จะต้องช่วยยืนยันความบริสุทธิ์ให้ได้” หลินเฉี่ยนโต้กลับเสียงดัง

 

คำพูดเด็ดขาดกับน้ำเสียงที่มั่นใจของหลินเฉี่ยนเริ่มทำให้เหล่านักศึกษาคู่กรณีของเธอเกิดความกลัวขึ้นมา

 

แต่ในช่วงเวลาแสนคุกรุ่นที่ทั้งสองฝ่ายต่างก็ไม่มีใครยอมใครนั้น จู่ๆก็มีอาจารย์ผู้หนึ่งขอเข้ามาในห้องก่อนจะนำคลิปวิดีโอบางอย่างมาเปิดให้คณะผู้บริหารดู

 

อาจารย์ที่ปรึกษาของหลินเฉี่ยนเองก็แอบชะเง้อมองคลิปนั้นด้วย เธอพบว่ามันเป็นคลิปวิดีโอที่ถูกส่งต่อกันในโลกออนไลน์ มีหัวข้อว่า “เมื่อไหร่ความรุนแรงในมหาลัยถึงจะหยุดเสียที?” คลิปวิดีโอนั้นเป็นภาพเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทของกลุ่มนักศึกษา วันที่และเวลาตรงกับเวลาที่หลินเฉี่ยนมีเรื่อง ในนั้นมีภาพของคนที่ดูท่าทางเหมือนนักศึกษาชายตัวเล็กกำลังถูกรุมทำร้าย ซึ่งคนคนนั้นก็พยายามป้องกันตัวเองและสู้กลับอย่างเต็มที่

 

มุมจอด้านหนึ่งระบุรายละเอียดของคลิปที่ชี้ให้เห็นว่าภายในระยะเวลาช่วงๆสั้นๆวิดีโอนี้กลับกลายเป็นวิดีโอที่ถูกเสิร์จมากที่สุด

 

เห็นได้ชัดว่าคลิปนี้ถูกถ่ายโดยคนเห็นเหตุการณ์ที่เดินผ่านมาตรงถนนเส้นนั้น ถึงแม้ว่ามันจะไม่มีเสียงมีเพียงแค่ภาพแต่มันก็ชัดเจนและเป็นภาพที่ตรงกับคลิปวิดีโอของหลินเฉี่ยน

 

อธิการบดีและคณะผู้บริหารคนอื่นๆหันมองหน้ากันก่อนที่จะพยักหน้า

 

อาจารย์ที่ปรึกษานำโทรศัพท์ของหลินเฉี่ยนออกมาก่อนที่จะเปิดคลิปวิดีโอทั้งสองให้ผู้ปกครองทั้งหลายในห้องดูไปพร้อมกัน

 

ทันทีที่ผู้ปกครองเหล่านั้นเห็นภาพในคลิปก็รู้ทันทีว่า หลินเฉี่ยนพูดความจริงและเรื่องนี้พวกเขาก็ถูกหนานอินหลอกใช้เต็มเปา

 

“คะ...คะ...คือ.....” หนานอินพูดตะกุกตะกัก เธอพยายามหาข้ออ้างอย่างเต็มที่แต่ก็ไม่สามารถแก้ตัวอะไรได้

 

พ่อแม่ของเธอหันมามองลูกสาวด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความอับอาย

 

ในเวลาเดียวกันผู้ปกครองคนอื่นๆก็เริ่มเค้นถามลูกหลานของตัวเองถึงความจริงของเรื่องที่เกิดขึ้น จนในที่สุดพวกเขาก็ยอมเปิดปากพูดออกมา

 

“ผมไม่รู้ครับ แต่วางหยางเรียกให้ผมไป”

 

“ผมเองก็ไม่รู้เรื่องนะ ผมแค่ทำตามที่วางหยางบอก”

 

“ผมก็ด้วย ผมยังไม่รู้จักหลินเฉี่ยนด้วยซ้ำ”

 

คนเหล่านั้นพาดพิงถึงนักศึกษาหนุ่มที่ชื่อวางหยาง ซึ่งก็คือลูกชายคนเดียวของตระกูลวางเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในเมืองบี เรื่องที่บังเอิญไปกว่านั้นก็คือวางหยางคือคนที่นอนอยู่ที่โรงพยาบาลและคนที่ถูกส่งมาแทนเขาในวันนี้ก็คือทนายความของตระกูลวาง

 

“เห็นไหมเล่า ก็บอกแล้ว เก้าคนนี้มารุมทำร้ายหนูก่อน” หลินเฉี่ยนพูดอย่างเป็นต่อ

 

เธอตบหน้าขาตัวเองก่อนที่จะพูดต่อ “ถูกพวกนี้รุมเข้ามาขนาดนั้นจะไม่ให้สู้เลยได้ยังไงล่ะ? หนูไม่ได้โง่ถึงขนาดยืนอยู่เฉยๆปล่อยให้ใครมาทำร้ายร่างกายง่ายๆได้หรอกนะ แล้วที่ทำไปทั้งหมดนั่นก็เพราะต้องการป้องกันตัวเองเท่านั้นด้วย”

 

“นี่ คุณน่ะ เป็นทนายสินะ? กฎหมายได้เขียนบอกไว้รึเปล่าล่ะว่าห้ามไม่ให้มีการป้องกันตัวถ้าหากถูกทำร้ายร่างกายน่ะ?”

 

ทนายคนนั้นไม่ตอบและยังคงรักษาใบหน้านิ่งๆเอาไว้เหมือนเดิมไม่มีผิดเพี้ยน อันที่จริงที่เรื่องเป็นแบบนี้เขาไม่แปลกใจสักนิด ไม่ว่าจะยังไงเขาก็ได้รับคำสั่งมาจากคุณชายน้อยให้มาที่นี่เพื่อสะสางปัญหาที่เกิดขึ้น หลายปีมานี้เขาต้องตามเก็บกวาดเรื่องพวกนี้อยู่ตลอดจนทำให้เขาชินชากับเรื่องแบบนี้ไปแล้ว

 

“แค่นี้ก็ไม่รู้เหรอว่าผิดกฎหมายไหม? สรุปว่าเป็นทนายจริงป้ะเนี่ย?”

 

หลินเฉี่ยนกลอกตามองบนพร้อมกับพูดก่อนที่จะหันไปหาพ่อแม่ของหนานอิน “คุณลุงคุณป้า พวกคุณเลี้ยงดูลูกสาวยังไงเหรอถึงได้ทำตัวแบบนี้? ลองให้ไปอยู่ที่กักตัวอบรมสั่งสอนลูกสาวพวกคุณหน่อยดีไหมล่ะ?”

 

แม่ของหนานอินหน้าเสีย เธอยังคงพยายามหาข้อแก้ต่างให้ลูกสาว เธอพูดด้วยเสียงที่พยายามอย่างหนักที่จะไม่ให้มันสั่นเครือ “แล้ว..แล้วหน้าของลูกสาวฉันเป็นแบบนี้ได้ยังไงล่ะ!”

 

“ฉันไม่ได้เป็นคนทำ” หลินเฉี่ยนพูด “บาดแผลของยัยนั่นเกิดขึ้นข้างขวา แต่โทษทีนะฉันไม่ได้ถนัดซ้าย ถ้าฉันใช้มือขวาตบหน้ายังไงก็ต้องเป็นแผลที่ฝั่งซ้ายอยู่แล้ว อีกอย่างนั่นก็เป็นทางกลับบ้านของฉันด้วย ฉันจะไปดักทำร้ายหนานอินตอนกลับบ้านของตัวเองได้ยังไงล่ะ?”

 

ทันทีที่หลินเฉี่ยนพูดจบ พ่อแม่ของหนานอินก็พูดอะไรไม่ออกอีก เหมือนตอนนี้พวกเขาสูญเสียเสียงพูดไปแล้ว

 

“แผลบนหน้ายัยนั่นเกิดขึ้นได้ยังไงฉันว่าพวกคุณไปถามกันเอาเองน่าจะดีกว่า ถ้าเป็นเพราะถูกฉันตบจริงๆ รับประกันได้เลยว่ามันจะไม่ใช่แค่สามแผลที่อยู่บนหน้าเธอหรอก”

 

“เก้ารุมหนึ่ง ถ้ารวมหนานอินด้วยก็เป็นสิบคน คนพวกนี้ถูกเธอทำร้ายร่างกายจนหมด แถมยังมีอีกสามคนที่ต้องเข้าโรงพยาบาล แต่เธอกลับไม่เป็นอะไรเลยเนี่ยนะ” เสียงของผู้ปกครองคนหนึ่งดังแทรกขึ้น

 

“คุณป้าเข้าใจผิดแล้วล่ะ หน้าฉันก็ถูกชกจนบวมเป่งเหมือนกัน!” หลินเฉี่ยนพูดพร้อมกับชี้ที่ตาของเธอ “พวกคุณดูสิ แผลฉันยังชัดอยู่เลย แต่ถ้าถามว่าทำไมลูกๆของพวกคุณถึงได้อาการหนักกว่าฉัน ฉันว่านั่นคงจะเป็นปัญหาส่วนตัวของพวกเขาแล้วล่ะ”

 

เหล่าผู้ปกครองที่อยู่ในห้องต่างพากันเงียบเสียง มีบางคนที่แอบกระซิบถามลูกๆของตัวเองอย่างเงียบๆ แต่ไม่มีใครโต้เถียงหลินเฉี่ยนได้

 

“จะแจ้งความอีกไหม? ทั้งคุณลุงคุณป้าแล้วก็คุณทนายน่ะ”

 

ทุกคนเงียบกริบ ไม่มีใครกล้าพูดอะไรอีก

 

…..ตอนนั้นเจอ ‘เก้ารุมหนึ่ง’ ถึงจะมีเจ็บตัวบ้างนิดหน่อยแต่เธอก็สามารถเอาชนะได้สบายๆอยู่แล้ว แต่ตอนนี้ ต้องเจอถึง ‘ยี่สิบรุมหนึ่ง’! ….อืมมม ก็ดูเหมือนเธอจะชนะอยู่ดีนั่นแหละ...

 

หลินเฉี่ยนหันไปยักคิ้วให้อาจารย์ที่ปรึกษา เมื่อเห็นพฤติกรรมเล่นหูเล่นตาน่าตีของศิษย์ตัวแสบที่พึ่งจะรอดพ้นโทษร้ายแรงมา อาจารย์ผู้ปวดหัวแต่เช้าก็อดไม่ได้ที่จะเอ็ดเจ้าตัวดีออกไปเบาๆ “เดี๋ยวเถอะ จริงจังหน่อย!”

 

ถึงอาจารย์จะพูดแบบนั้นแต่คนจอมซ่าก็ยังแอบเห็นรอยยิ้มมุมปากของอาจารย์อยู่ดี เธอจึงพยักหน้าแล้วตอบรับ “โอเคๆ”

 

หลินเฉี่ยนไม่ได้แจ้งความกลับคนพวกนั้น อันที่จริงเธอไม่คิดที่จะเอาเรื่องอยู่แล้วตั้งแต่แรก เพราะเธอเองก็ไม่อยากให้เรื่องมันยุ่งยากมากความ มันก็แค่คนไม่ชอบหน้าที่หาเรื่องทะเลาะกัน สำหรับเธอมันไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่อะไรจนถึงขั้นต้องเสียเวลาไปกับมัน

 

แต่ถึงแม้ว่าหลินเฉี่ยนจะไม่ได้ใส่ใจอะไร แต่เรื่องนี้เหล่าผู้ปกครองคนอื่นๆคงไม่ปล่อยหนานอินไปง่ายๆ แถมทางมหาวิทยาลัยเองก็คงจะต้องมีการลงโทษเธอด้วยแน่ๆ

 

หลินเฉี่ยนเดินออกมาจากห้องพักอาจารย์ด้วยท่าทางสบายใจ พร้อมกันนั้นในใจเธอก็นึกขอบคุณคนที่ช่วยถ่ายวิดีโอนั่นไว้ไปด้วย

เมื่อเห็นหลินเฉี่ยนออกมา หลินหยีก็ยิ้มส่งให้ด้วยท่าทางตื่นเต้น “ฮ่าๆๆๆ หลินเฉี่ยนเมื่อกี้เธอโคตรเท่เลย”

 

หลินเฉี่ยนกอดอกก่อนที่จะเชิดหน้าขึ้นด้วยท่าทางภาคภูมิใจ สาวห้าวเก๊กหน้าให้เท่สุดๆแล้วพูด “เรียกฉันว่าอะไรนะ?”

 

“คุณชายเฉี่ยน เจ๋งสุดๆไปเลย!”

.

.

.

ติดตามตอนอื่น ๆ ได้ที่ : novelrealm

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด