ตอนที่แล้ว17.ซื้อของเข้าบ้าน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป19.ความสัมพันธ์ที่น่ากระอักกระอ่วนอีกแล้ว

18.กินลูกกวาดไหม


หลิ่วเจินออกจะประหลาดใจอยู่เล็กน้อย  หญิงสาวเงียบงันไปชั่วครู่ แล้วจึงหยิบของขวัญที่ห่ออย่างดิบดีออกมาส่งให้ “ข้าอ่านไม่ออกหรอก ทว่าเถ้าแก่ร้านหนังสือบอกว่า เป็นตำราที่เมื่อเร็วนี้ๆ ทุก ๆ คนล้วนเสาะหามาอ่าน มีชื่อว่าหลักพิชัยสงครามรณรัฐ”

กู้หรูเฟิงหาได้ประหลาดใจแต่อย่างใด ก่อนเอามือลูบม้วนตำราอย่างทะนุถนอม ชายหนุ่มส่งยิ้มหวานให้อีกฝ่าย ท่าทางที่เงยหน้าขึ้นมา และการเคลื่อนไหวของมุมปาก เพียงพอให้เอาชนะใจมหาชนแล้ว หลิ่วเจินถึงกับใจเต้นรัว คิดว่าช่างคุ้มค่าที่จ่ายไปจริง ๆ

ขณะที่โจวโยวอ๋อง[1]เพื่อให้ได้ครอบครองรอยยิ้มของโฉมงาม ถึงกับใช้กลยุทธ์จุดไฟสัญญาณหยอกล้อเจ้าแห่งรัฐทั้งหลาย จนพาแคว้นให้ล่มสลายในท้ายสุด ทว่าตนเองเพียงใช้ม้วนตำรานี้  ก็สามารถครอบครองรอยยิ้ม ซึ่งสามารถข่มแคว้นทั้งแคว้นให้ดูด้อยค่าลงได้

ถึงเขาจะชอบของขวัญมาก  ทว่ากลับลูบคลำตำราในมือเพียงครู่เดียว ก็ส่งคืน “บัณฑิตคือพวกไร้ประโยชน์ ตำรานี่ก็ไร้ประโยชน์  เช่นนั้น..เอาไปคืนที่ร้านเถิด แล้วนำเงินไปซื้อเสื้อผ้าให้เจ้าดีกว่า”

ต่อให้เขาอ่านหนังสือมามากมายเพียงใด ก็ไม่สามารถเข้าสอบเป็นขุนนาง  หรือร่ายโคลงกลอนกับสหายได้ ในเมื่อมาถึงหมู่บ้านเชิงเขาอันไกลโพ้นนี้แล้ว เช่นนั้น...ก็ควรเปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิตเสียเถิด

อาหารก็ไม่พอกิน จะอ่านตำราไปเพื่ออันใด?

เขาละอายใจนัก

“ไม่ใช่เช่นนั้นเลย สมองก็ต้องการอาหารนะ ในเมื่อท้องอิ่มแล้ว แต่สมองยังไม่อิ่ม ดูท่าจะทำให้ทุกข์ทรมานทีเดียว” หลิ่วเจินหยิบตำราวางบนรถเกวียน ครั้นแล้วจึงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ดีร้ายอย่างไร นี่ถือเป็นครั้งแรกที่ข้ามอบของขวัญให้ท่าน รับไปเถิดน่านะ”

“อื้ม” กู้หรูเฟิงเปล่งเสียงครางในลำคอ น้ำเสียงค่อนข้างทุ้มนุ่ม ทว่าสีหน้ากลับดูหนักใจนัก

ทั้งสองคนกลับมาถึงบ้าน  หลังเอาข้าวของที่ซื้อมาไปเก็บในบ้านแล้ว ก็เอารถเกวียนเทียมลากลับไปคืนผู้ใหญ่บ้าน บ้านของผู้ใหญ่บ้านตั้งอยู่ด้านหลังบ้านของหลิ่วเจิน  มีถนนสายหนึ่งซึ่งนับว่าไม่กว้างนัก คั่นกลางระหว่าง 2 บ้านเท่านั้น

บ้านที่ผู้ใหญ่บ้านพำนักอยู่ ใหญ่โตมโหฬารกว่ามาก  ในบริเวณลานบ้านที่มีรั้วรอบขอบชิด เลี้ยงสัตว์ไว้ใช้งานจำนวนมาก ครอบครัวนั้นมีลูกสะใภ้สองสามคน ซึ่งล้วนกำลังเร่งมือตระเตรียมของกิน ของใช้สำหรับฉลองเทศกาลปีใหม่อยู่

บ้านนี้มีลูกสะใภ้ 3 คน  แต่มีลูกสาวเพียงคนเดียว  คล้ายว่าอายุราว 5 ถึง 6 หนาว หน้าตาน่ารักไร้เดียงสา น่าทะนุถนอม  แต่งกยในในชุดสีแดงเจิดจ้า มองดูก็รู้ว่าเป็นชุดที่ตัดมาใหม่เอี่ยม

แม้ว่าหลิ่วเจินดูอายุเพียง 16 หนาว ทว่าจิตใจก็คือผู้หญิงอายุ 30 ปี  พอเห็นเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ น่ารัก ก็ยากจะห้ามใจไม่ให้รักใคร่เอ็นดูได้ นางหยิบลูกกวาดมากำมือหนึ่ง แล้วส่งให้เด็กน้อย “ข้าเพิ่งซื้อลูกกวาดมา ลองชิมดูไหม?”

แม่นางน้อยเม้มปากแน่น แล้ววิ่งหนีไป

ผู้ใหญ่บ้านทักทายพวกเขาที่เดินเข้ามาในบ้าน “อย่าไปถือสาเด็กนั่นเลย  นางถูกมารดาตามใจไปหน่อย” ทว่าเวลาเขาพูด ใบหน้านั้นเปี่ยมด้วยความรักความเอ็นดู  ดูท่าจะไม่ใช่หญิงวัยกลางคนผู้เป็นมารดาเพียงคนเดียว ที่ตามใจนางเสียแล้ว

หลังจากเข้าไปในตัวบ้าน ก็นั่งลงบนเตียงเตาอันอบอุ่น ทำให้หายหนาวเป็นปลิดทิ้ง

กู้หรูเฟิงกับผู้ใหญ่บ้านอยู่สนทนากันสองสามประโยค  แล้วจึงหันกายเดินจากไป

หลิ่วเจินฉงนใจนิดหน่อย  ทว่าไม่กล้าถามมากนัก ผู้ใหญ่บ้านก็พูดแต่เรื่องที่ตนสนใจ “พอเห็นพวกเจ้าสองคนสามีภรรยา รักใคร่ปรองดองกัน ข้าเองก็รู้สึกโล่งใจ บ้านช่องก็ซ่อมแซมแล้ว ยามนี้ก็ซื้ออาหารตุนไว้มากอีก ดูท่าชีวิตคงดีขึ้นพอสมควร เป็นเช่นนี้ก็ดีแล้ว ภายหลังตายแล้ว ข้าพบบิดาเจ้าเมื่อไร ก็จะได้ไปบอกเขา เขาจากไปเร็วแบบนั้น...”

ระหว่างคุยสัพเพเหระกันหลายเรื่อง หญิงสาวถึงได้พบข้อมูลใหม่ ผู้ใหญ่บ้าน กับบิดาของหลิ่วเจินมีความสนิทสนมกันดี  ถึงไม่ใช่พี่น้องกันจริง ๆ ก็นับว่าดีกว่าพี่น้อง ผู้ใหญ่บ้านก็พูดชี้แนะมากมาย  ไม่มีอะไรอื่น เพียงขอให้หลิ่วเจินประพฤติตัวดี เลิกก่อปัญหา

หญิงสาวย่อมรับรองแข็งขัน “ก่อนหน้าข้านิสัยไม่ดี ชอบก่อเรื่อง ตอนนี้ข้ารู้แล้ว ข้าจะคอยกวดขันตนเอง  ท่านวางใจเถิด”

ผู้ใหญ่บ้านลูบเคราตนเอง แล้วพยักหน้าอย่างพึงพอใจ “เช่นนั้น..ก็ดี เด็กสาวในหมู่บ้านเรา ไม่มีใครได้แต่งให้บัณฑิตเลย เมื่อมองดูผู้อื่นมีกิริยามรรยาทอ่อนโยน มีความรู้ มีการศึกษา พวกเราทุกคนที่นี่ ล้วนไม่อาจเทียบเคียงได้ แม้เขาจะประสบเคราะห์กรรมมา  ชีวิตตกระกำลำบาก ทว่าชีวิตใคร มันจะดีในชั่วข้ามคืนเล่า? เขาน่าสงสาร ไม่มีงานในมือ ข้าอยากให้เจ้าเกลี้ยกล่อมเขาให้มาสอนหนังสือเสี่ยวซานลูกชายข้าหน่อย  ข้าจะมีเงินให้เขาตามสมควร”

**

[1] โจวโยวอ๋อง หรือ โจวโยวหวาง(周幽王)คือกษัตริย์องค์สุดท้ายของโจวตะวันตก ถ้าจะบอกว่าเขาไร้ซึ่งสติปัญญาคงจะไม่เกินกว่าเหตุ ในขณะที่เขาครองอำนาจนั้น ได้แต่งตั้งกว๋อสือฟู่(虢石父)ดำรงตำแหน่งซ่างชิง(上卿)(ตำแหน่งสูงสุดของขุนนาง มหาอำมาตย์) ขูดเลือดขูดเนื้อราษฎร เป็นเหตุให้ประชาชนเดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า จนทำให้เกิดการก่อจลาจลในช่วงปลายของราชวงศ์โจวตะวันตก

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด