ตอนที่แล้วเทพปีศาจหวนคืน บทที่ 970 ใบหน้าภูตผีและดอกบัวสีแดง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพปีศาจหวนคืน บทที่ 972 แผนการใหม่

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 971 เพียงคิดก็รู้สึกตื่นเต้น (อ่านฟรี)


เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 971 เพียงคิดก็รู้สึกตื่นเต้น (อ่านฟรี)

แปลโดย iPAT 

เหตุการณ์แปลกประหลาดในสายธารแห่งกาลเวลาเกิดขึ้นเพียงช่วงเวลาสั้นๆแต่มันกลับฝังลึกอยู่ในหัวใจของฟางหยวน

มันเป็นช่วงเวลาแห่งชีวิตและความตายที่เขาจะจดจำเอาไว้ตลอดไป

ตอนนี้เมื่อฟางหยวนคิดถึงช่วงเวลานั้น เขายังเต็มไปด้วยความสงสัย

‘ใบหน้าภูตผีและดอกบัวสีแดง มันหมายความว่าอย่างไร? ข้าไม่เคยพบสถานการณ์เช่นนี้มาก่อน มันจะเกิดขึ้นเฉพาะเมื่อวิญญาณกาลเวลาล้มเหลวงั้นหรือ?’

ฟางหยวนส่ายศีรษะและปัดเป่าความคิดเหล่านี้ออกไป

เขาบินออกจากบ่อโลหิต

‘อาการบาดเจ็บของข้าค่อนข้างสาหัส ตอนนี้ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าความสำเร็จถูกทำลายไปแล้วเพราะความล้มเหลวในการหลอมรวมวิญญาณ นี่เป็นเรื่องที่น่าเสียดายจริงๆ’

ฟางหยวนตรวจสอบร่างกายของตนเองและสังเกตเห็นผลลัพธ์ของความล้มเหลวในการหลอมรวมวิญญาณอย่างรวดเร็ว

ร่างกายของฟางหยวนเต็มไปด้วรอยแตกร้าว โดยทั่วไปอาการบาดเจ็บดังกล่าวต้องใช้เวลาหลายเดือนในการฟื้นฟู

ครั้งนี้ฟางหยวนล้มเหลวในการหลอมรวมวิญญาณอมตะเพราะการกำเนิดใหม่

แต่สิ่งที่เขาเสียดายมากที่สุดคือร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าความสำเร็จที่เขาได้รับมาจากความพยายามในการแข่งขันบนเส้นทางแห่งการหลอมรวม

อย่างไรก็ตามมันทำให้ฟางหยวนเกิดความเข้าใจบางอย่าง

‘ก่อนหน้านี้สิ่งที่ทำให้ข้าล้มเหลวในการหลอมรวมวิญญาณอมตะความคิดดาราไม่ใช่เพราะวิธีการหลอมรวมแต่เป็นแง่มุมของการผสานพลังงานแห่งเต๋าหลายชนิดเข้าด้วยกันซึ่งไม่ใช่สิ่งที่ผู้ใดจะสามารถควบคุม นี่เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้อัตราความสำเร็จในการหลอมรวมวิญญาณอมตะต่ำมาก’

‘ดังนั้นเมื่อข้าเริ่มหลอมรวมวิญญาณอมตะ ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าความสำเร็จจึงกลายเป็นส่วนประกอบพิเศษที่ช่วยในการหลอมรวมวิญญาณ’

‘คราวก่อนข้าประสบความสำเร็จในการหลอมรวมวิญญาณอมตะเปลี่ยนรูปลักษณ์เพราะความช่วยเหลือจากร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าความสำเร็จ แต่การกำเนิดใหม่ของข้าส่งผลให้การหลอมรวมล้มเหลว’ ฟางหยวนคิด

โดยปราศจากร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าความสำเร็จ เขาจะประสบความสำเร็จในการหลอมรวมวิญญาณอมตะได้อย่างไร

แน่นอนว่าหากวิธีการไม่ถูกต้อง แม้จะได้รับความช่วยเหลือจากร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าความสำเร็จ พวกเขาก็จะไม่ประสบความสำเร็จ

ก่อนหน้านี้เหตุใดฟางหยวนจึงเลือกแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งดวงดาวเป็นสถานที่หลอมรวมวิญญาณอมตะ? เพราะเขาเกรงว่าการรบกวนจากภายนอกจะทำให้การหลอมรวมวิญญาณอมตะล้มเหลว

ในกรณีที่ล้มเหลว มันไม่เป็นไรหากเขาจะสูญเสียเพียงทรัพยากรและได้รับบาดเจ็บ แต่สิ่งที่น่าเสียดายมากที่สุดก็คือร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าความสำเร็จจะถูกทำลาย

การกำเนิดใหม่ของฟางหยวนรบกวนการหลอมรวมและทำให้เขาพบกับความล้มเหลว

แต่ตอนนี้ไม่มีสิ่งใดที่เขาสามารถทำได้

‘ข้าสามารถกำเนิดใหม่และอาจมีข้อได้เปรียบในเรื่องการหยั่งรู้อนาคต อย่างไรก็ตามมันไม่ได้หมายถึงเส้นทางสู่ความสำเร็จ’

‘แต่การกำเนิดใหม่ครั้งนี้ยังทำให้ข้ามีข้อได้เปรียบ ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าความสำเร็จไม่ใช่สิ่งสำคัญ!’

ฟางหยวนปรับอารมณ์และความคิดของเขาให้คงที่ก่อนจะกระตุ้นใช้วิญญาณท่องแดนอมตะ!

เขากลับไปยังแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หู

ในอดีตเขาค่อนข้างกังวล แต่ตอนนี้เขารู้แล้วว่ายังมีเวลาอีกพอสมควรก่อนที่ผู้อมตะภาคกลางจะรู้ความจริงเบื้องหลังการล่มสลายของวังแปดสิบแปดเปลวเพลิงที่แท้จริง นี่ทำให้เขารู้สึกสบายใจขึ้น

แม้ฟางหยวนจะรู้อนาคต แต่เขาเป็นคนที่จะพิจารณาทุกการกระทำอย่างรอบคอบ คนใจร้อนจะไม่บรรลุถึงระดับเดียวกับเขาในวันนี้

เขาจะใช้เบาะแสและทรัพยากรทั้งหมดเพื่อให้ได้รับประโยชน์สูงสุด

นี่คือสิ่งที่ฟางหยวนต้องพิจารณา

ผีดิบอมตะคิดได้ช้ามาก ดังนั้นเขาจึงต้องพึ่งพาแสงแห่งปัญญา

ด้วยความสำเร็จระดับปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งปัญญาและค่ายกลวิญญาณ ฟางหยวนใช้เวลาเพียงครึ่งวันในการหาคำตอบที่ดีที่สุด

วิญญาณท่องแดนอมตะ!

เขาเดินทางไปยังภาคใต้และลอบเข้าสู่ภูเขาอี้เทียนอย่างลับๆ

ในชีวิตก่อนหน้าฟางหยวนเข้าร่วมในการแข่งขันบนภูเขาอี้เทียน เป็นธรรมดาที่เขาจะสามารถจดจำภูมิประเทศของที่นี่ได้อย่างแม่นยำ

ภูเขาอี้เทียน!

ตอนนี้มันยังเป็นเพียงภูเขาไร้นาม

ฟางหยวนมองทิวทัศน์ของภูเขาอี้เทียนด้วยสายตาคาดหวัง

หากถามว่าสิ่งใดที่ดึงดูดใจฟางหยวนมากที่สุดหลังการกำเนิดใหม่?

ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันก็คือคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปดสนามรบแห่งความโกลาหลและร่างผีดิบอมตะสุดยอดกายาเทพยุทธ์ที่แท้จริงระดับแปด!

ความสำคัญของพวกมันไม่จำเป็นต้องกล่าวถึงอีก

‘แม้ผีดิบอมตะสุดยอดกายาเทพยุทธ์ที่แท้จริงระดับแปดจะแข็งแกร่ง แต่ตราบเท่าที่ข้าได้รับคฤหาสน์วิญญาณอมตะสนามรบแห่งความโกลาหล ข้าจะสามารถปราบปรามเขาได้อีกครั้ง’

‘หากข้าได้รับสนามรบแห่งความโกลาหล...’ ฟางหยวนเลียริมฝีปากขณะคิดถึงเรื่องนี้

คฤหาสน์วิญญาณอมตะไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย!

คฤหาสน์วิญญาณอมตะและค่ายกลวิญญาณรูปแบบการต่อสู้โบราณเป็นสองสิ่งที่อยู่บนจุดสูงสุดของโลกใบนี้

สำหรับค่ายกลวิญญาณรูปแบบการต่อสู้โบราณ มันสูญหายไปในประวัติศาสตร์ ขณะที่คฤหาสน์วิญญาณอมตะได้รับความนิยมมาถึงปัจจุบัน

ไม่ว่าจะเป็นกองกำลังขนาดใหญ่ของภูมิภาคใด พวกเขาล้วนต้องครอบครองคฤหาสน์วิญญาณอมตะอย่างน้อยที่สุดหนึ่งหลัง ตัวอย่างเช่น เผ่าไหมีคฤหาสน์วิญญาณอมตะคุกทมิฬ

ในชีวิตก่อนหน้าเมื่อคฤหาสน์วิญญาณอมตะคุกทมิฬสูญหาย ผู้อาวุโสสูงสุดทั้งสี่ของเผ่าไห่ยังต้องออกมาตามหาด้วยตนเอง

ความสำคัญของคฤหาสน์วิญญาณอมตะสามารถเห็นได้จากเหตุการณ์นี้

สนามรบแห่งความโกลาหลไม่เพียงอยู่ในระดับที่สูงกว่าคุกทมิฬ แต่ผู้อมตะลึกลับระดับเจ็ดยังสามารถใช้มันเอาชนะและผนึกผู้อมตะสุดยอดกายาเทพยุทธ์ที่แท้จริงระดับแปดเอาไว้ภายใน

ด้วยเหตุนี้คุณค่าของสนามรบแห่งความโกลาหลจึงเหนือกว่าคุกทมิฬหลายเท่า

‘คิดย้อนกลับไป คฤหาสน์น้ำแข็งของฉลามปีศาจเป็นเพียงคฤหาสน์วิญญาณอมตะที่ไม่สมบูรณ์แต่มันยังสามารถหลบหนีจากท่าไม้ตายเขตแดนที่ทรงพลัง หากข้าได้รับสนามรบแห่งความโกลาหล แม้ผู้อมตะทั้งโลกจะไล่ล่าข้า แต่ข้าก็ยังสามารถปกป้องตนเองหรือกระทั่งข่มขู่ศัตรู’

คฤหาสน์วิญญาณอมตะคือป้อมปราการเคลื่อนที่ที่ใช้ในการต่อสู้และปราศจากข้อบกพร่องไม่ว่าจะเป็นในด้านของการโจมตี ป้องกัน หรือกระทั่งสามารถสนับสนุนการบ่มเพาะของผู้อมตะ

มันมีโครงสร้างที่มั่นคงและควบคุมง่าย

คฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับเจ็ดสามารถควบคุมได้โดยผู้อมตะระดับหก

อย่างไรก็ตามคฤหาสน์วิญญาณอมตะยังมีจุดอ่อนสองข้อ หนึ่ง การให้อาหารวิญญาณ สอง พลังงานอมตะที่ต้องใช้

คฤหาสน์วิญญาณอมตะประกอบขึ้นมาจากวิญญาณอมตะและวิญญาณระดับมนุษย์จำนวนนับไม่ถ้วน พวกมันถือเป็นภาระที่ยิ่งใหญ่

แต่ฟางหยวนรู้ว่าสนามรบแห่งความโกลาหลมีความเกี่ยวข้องกับเส้นทางแห่งอาหาร ดังนั้นจุดอ่อนนี้จึงถูกลบออกไป

ต่อมาคือพลังงานอมตะ

การกระตุ้นใช้งานคฤหาสน์วิญญาณอมตะต้องพึ่งพาพลังงานอมตะจำนวนมหาศาล ฟางหยวนเพียงลำพังไม่สามารถเติมเต็มจุดนี้

ย้อนกลับไปการกระตุ้นใช้งานคฤหาสน์น้ำแข็งของฉลามปีศาจทำให้พวกเขารู้สึกปวดใจเป็นอย่างมากกับการสูญเสียพลังงานอมตะ

กล่าวได้ว่าราคาของมันสูงมาก

ตอนนี้ฟางหยวนอยู่ในสถานการณ์ที่ค่อนข้างลำบาก เขาไม่แม้แต่จะสามารถรวบรวมทรัพยากรในการหลอมรวมวิญญาณอมตะเปลี่ยนรูปลักษณ์ได้อีกครั้ง

แม้เขาจะมีหลายแหล่งรายได้ แต่มันยังไม่เพียงพอให้เขาใช้กระตุ้นการทำงานของสนามรบแห่งความโกลาหล

อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหา!

แม้ฟางหยวนจะมีพลังงานอมตะเพียงเล็กน้อย แต่เขามีพลังงานอมตะของเทพอมตะตะวันเดือด!

เรื่องนี้ต้องย้อนกลับไปถึงช่วงเวลาในแดนศักดิ์สิทธิ์เมืองหลวงของภาคเหนือ

เทพอมตะตะวันเดือดทิ้งพลังงานอมตะระดับเก้าของเขาเอาไว้มากมาย พลังงานอมตะระดับเก้าเหนือกว่าพลังงานอมตะระดับหกอย่างไม่สามารถเปรียบเทียบ

ฟางหยวนไม่สามารถใช้พลังงานอมตะระดับเก้าของเทพอมตะตะวันเดือดได้โดยตรง แต่คฤหาสน์วิญญาณอมตะสามารถดูดซับพวกมันเข้าไป

คฤหาสน์วิญญาณอมตะสามารถดูดซับพลังงานอมตะของผู้อื่น มิฉะนั้นฉลามปีศาจกับคนอื่นๆจะไม่สามารถร่วมมือกันกระตุ้นการทำงานของคฤหาสน์น้ำแข็ง

นี่คือคุณสมบัติพื้นฐานของคฤหาสน์วิญญาณอมตะ หลอมรวมพลังงานอมตะ!

ฟางหยวนเคยคิดถึงประเด็นนี้ในชีวิตก่อนหน้า

แต่พลังงานอมตะของเทพอมตะตะวันเดือดไม่ต่างจากต้นไม้ที่ไร้ราก มันเป็นสิ่งที่ใช้ได้ครั้งเดียวและไม่สามารถเติมเต็ม

ดังนั้นวิธีที่ประหยัดกว่าก็คือรวบรวมผู้อมตะและใช้พลังงานอมตะของพวกเขากระตุ้นการทำงานของคฤหาสน์วิญญาณอมตะ

น่าเสียดายที่ผู้อมตะภาคใต้เสียชีวิตเร็วเกินไป

หรืออาจกล่าวได้ว่าฟางหยวนไม่สามารถทำได้ทันเวลา

สนามรบแห่งความโกลาหลยังไม่ได้รับการปรับแต่งอย่างสมบูรณ์ขณะที่การต่อสู้บรรลุถึงจุดสุดท้าย

‘หากข้ามีสนามรบแห่งความโกลาหล ข้าจะสามารถต่อต้านได้กระทั่งลำแสงที่สังหารข้า’ ฟางหยวนเต็มไปด้วยความมั่นใจ

ในความเป็นจริงสนามรบแห่งความโกลาหลไม่ใช่คู่แข่งของหอคอยดวงตาสวรรค์ แต่พลังอำนาจของเสาแสงลดน้อยลงหลังจากทะลุผ่านค่ายกลวิญญาณสุดยอดกายาทั้งสิบ

ด้วยสนามรบแห่งความโกลาหล แม้เขาจะไม่สามารถเอาชนะ แต่เขายังสามารถต่อต้านและหลบหนี

กล่าวได้ว่าสนามรบแห่งความโกลาหลสามารถเทียบเคียงกับวังแปดสิบแปดเปลวเพลิงที่แท้จริงของภาคเหนือหรือหม้อหลอมรวมของแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา

เปรียบเทียบกับสนามรบแห่งความโกลาหล วิญญาณอมตะความแข็งแกร่งของตนเอง วิญญาณอมตะระเบิดพลัง วิญญาณอมตะความคิดารา และอื่นๆยังถือว่าไม่สำคัญ

ตราบเท่าที่เขามีคฤหาสน์วิญญาณอมตะและพลังงานอมตะของเทพอมตะตะวันเดือด ฟางหยวนสามารถใช้มันยึดครองร่างผีดิบอมตะสุดยอดกายาเทพยุทธ์ที่แท้จริงระดับแปดเพื่อสร้างมิติช่องว่างแห่งชีวิตและความตายระดับสูงสุด

‘เพียงคิดก็ทำให้ข้าตื่นเต้นขึ้นมาเล็กน้อย’ ฟางหยวนตรวจสอบสภาพแวดล้อมอย่างระมัดระวังก่อนจะเข้าสู่ส่วนลึกของภูเขาอี้เทียน