ตอนที่แล้วบทที่ 35 จะรับเธอไว้เป็นลูกทีมดีไหมนะ?
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 37 ปล่อยเธอ

บทที่ 36 กลับไปยังอาคารโรงเรียนฝึกทหาร


บทที่ 36 กลับไปยังอาคารโรงเรียนฝึกทหาร

ทีมมีความสำคัญในวันโลกาวินาศ

ยกตัวอย่างง่ายๆ เช่น ภารกิจการล่าสัตว์ประหลาดหรือสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์ที่พบบ่อยที่สุดในวันโลกาวินาศ ถ้าพวกมันอยู่ในระดับที่ 3 ผู้ที่รับภารกิจที่สามารถทำงานเพียงคนเดียวได้ก็คือผู้มีวิวัฒนาการระดับ 3 ดาวที่มีระดับเทียบเท่ามัน แต่นั่นหมายถึงว่าเป้าหมายจะต้องแยกออกจากกลุ่มอยู่ตามลำพัง ถ้าไม่เป็นแบบนั้น ไม่ต้องพูดถึงพวกมันในระดับ 3 เลย แม้แต่ระดับ 2 ก็อาจจะไม่สามารถจัดการได้ แต่ถ้าหากมีอุปกรณ์หรืออาชีพที่ทรงประสิทธิภาพแล้วล่ะก็ เงื่อนไขนั้นก็จะไม่เป็นปัญหาและก็อาจจะสามารถลองล่าสิ่งมีชีวิตที่มีวิวัฒนาการระดับ 4 ได้อีกด้วย

สำหรับทีมนั้นต่างกัน ถ้าเป็นทีมที่ประกอบด้วยผู้วิวัฒนาการระดับ 3 ดาว 3 คน ไม่เพียงสัตว์ประหลาดหรือสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์ระดับ 3 อย่างเดียวกับภารกิจข้างต้น พวกเขายังสามารถท้าทายกับพวกระดับ 4 และถ้ามีกลยุทธดีๆ ก็ยังอาจจะสังหารพวกระดับ 5 ได้อีกด้วย! แต่ท้ายที่สุดธรรมชาติก็เป็นสิ่งที่ไม่มีสิ่งใดเทียบได้ แม้แต่ทีม 3 คนหรือมากกว่านั้นขึ้นไปก็ตาม

อย่างไรก็ตามทีมย่อมปลอดภัยกว่า ได้ประโยชน์มากกว่า และทำให้แข็งแกร่งขึ้นได้อย่างรวดเร็ว

ในวันโลกาวินาศความแข็งแกร่ง เป็นเพียงการรักษาความปลอดภัยเท่านั้น

ในชีวิตก่อนเย่จงหมิงก็เป็นสมาชิกคนหนึ่งในทีม ทุกคนในทีมมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ทุกคนคือพี่น้องที่แท้จริง แม้เขาจะรู้ที่อยู่ของทุกคน แต่เย่จงหมิงจะไม่ไปตามหาพวกเขาชั่วคราว เพราะเขามีบางอย่างที่ต้องทำที่นี่

ความจริงก่อนหน้านี้เย่จงหมิงไม่เคยคิดสร้างทีม อย่างน้อยก็ไม่เคยคิดสร้างก่อนที่หาพี่น้องในชีวิตก่อนเจอ

แต่การปรากฏตัวของโม่เย่ ทำให้เขาหวั่นไหว

ผู้หญิงคนนี้จะเป็นสมาชิกในทีมที่ดีมาก

เธอมีทักษะที่ดีที่ได้รับการฝึกมาอย่างมืออาชีพ บวกกับได้รับการฝึกวิชากังฟูบางอย่างมาจากครอบครัว ทำให้เธอมีพื้นฐานที่ดีกว่าคนทั่วไป ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่หาได้ยาก หากได้รับการวิวัฒนาการ เธอจะดีกว่าคนอื่นๆ ที่อยู่ในระดับเดียวกัน

ที่สำคัญที่สุดก็คือ ผู้หญิงคนนี้รักความยุติธรรม เต็มใจช่วยเหลือผู้อื่น มีความดีงามตามธรรมชาติ และมีแนวคิดในการร่วมมือ

แม้สมาชิกในทีมจะมีความสามารถที่แข็งแกร่ง แต่ถ้ามีใครซักคนที่ไม่น่าเชื่อถือ หรือถูกหักหลังในนาทีสุดท้าย ไม่ว่าทีมจะมีความแข็ง แกร่งแค่ไหนก็จะกลายเป็นแค่เรื่องไร้สาระ

ในชีวิตก่อนเย่จงหมิงไม่ต้องมารับผิดชอบในเรื่องเหล่านี้ เพราะนี่คือสิ่งที่หัวหน้าทีมจะต้องเป็นผู้กังวล แต่ตอนนี้ต่างกัน เขาต้องวางแผนสำหรับอนาคต

เย่จงหมิงระงับความคิดในใจลง และตัดสินใจที่จะตรวจสอบผู้หญิงคนนี้

ลิ้นของกิ้งก่าลิ้นเลือดส่งกลิ่นอบอวล ทำให้รู้สึกหิว ตี้หวงหวันน้ำลายหยดติ๋งๆ จ้องเขม็งรอให้เย่จงหมิงแบ่งให้มันกิน

แต่โม่เย่กลับมีสีหน้าไม่เต็มใจ เธอปิดจมูกขณะใส่เครื่องปรุง กลิ่นนี้ทำให้เธอรู้สึกคลื่นไส้

เย่จงหมิงแบ่งลิ้นออกเป็นสามส่วน ชิ้นแรกเป็นส่วนของตี้หวงหวัน สุนัขตัวใหญ่รีบกินทันทีและหมดเกลี้ยงภายในไม่กี่วินาที มันแลบลิ้นเลียปากจ้องมองเย่จงหมิงเหมือนต้องการกินอีก

เย่จงหมิงใช้มีดหั่นลิ้นอีกส่วนเป็นชิ้นๆ ใส่จานส่งให้โม่เย่ เธอผละหนีแสดงความตั้งใจที่จะไม่กินมัน

เย่จงหมิงยักไหล่ไม่ได้บังคับ เตรียมส่วนของตัวเองและนำส่วนที่เหลือให้ตี้หวงหวันกิน

ตอนนี้ตี้หวงหวันอยู่ในช่วงของการกลายพันธุ์ การกินมากๆเป็นสิ่งที่ดี

เย่จงหมิงเอาส้อมจากในครัว มาจิ้มกินอาหารส่วนของตนจนหมด เขารู้สึกอบอุ่นไปทั่วทั้งร่าง เขารู้ว่าสิ่งนี้เรียกว่า พลังทางพันธุกรรม พลังนี้ไม่เพียงแต่จะทำให้ร่างกายดีขึ้น แต่ยังฟื้นฟูพลังวิญญาณได้ในระดับนึง

ขณะที่ร่างกายย่อยเนื้อเหล่านี้ เย่จงหมิงรู้สึกถึงอัตราเร็วในการฟื้นตัวของพลังวิญญาณได้อย่างชัดเจน แม้ว่าพลังวิญญาณจะยังอยู่ในระดับที่ต่ำมาก แต่อย่างน้อยก็ไม่ส่งผลกระทบต่อร่างกายอีกต่อไป

เขาลุกขึ้นยืนเคลื่อนไหวร่างกาย และรู้ว่าสามารถสู้ต่อไปได้อีกครั้ง ตราบใดที่ไม่ใช้ทักษะอาชีพ

“ไปกันเถอะ”

แค่เก็บของเล็กน้อย เย่จงหมิงก็สะพายกระเป๋าเป้ขึ้นหลัง พร้อมออกเดินทาง

  “ไปไหน?”

โม่เย่ถาม เธอยังรู้สึกเหนื่อยอยู่เล็กน้อย แม้ว่าที่นี่จะเต็มไปด้วยกลิ่นอันน่ารังเกียจที่ทำให้เธอรู้สึกคลื่นไส้ แต่อย่างน้อยที่นี่ก็ปลอดภัย มันคงจะดีถ้าได้พักสักคืน

“กลับไปเอาของบางอย่างคืน และเตรียมพร้อมสำหรับวันพรุ่งนี้” เย่จงหมิงเหลือบดูสีหน้าเหนื่อยล้าของโม่เย่ “ผมรู้ว่าคุณเหนื่อย แต่ถ้าทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี เวลานี้ของวันพรุ่งนี้ คุณควรจะได้รับพลังที่ยิ่งใหญ่”

โม่เย่ได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกกระเตื้องขึ้นมาบ้าง เธอนำมีดปอกผลไม้ที่หาเจอจากในครัวพกติดตัว แล้วตามเย่จงหมิงออกไป สำหรับมีดเดินป่าสีขาวเล่มนั้น เย่จงหมิงได้นำกลับคืนไปแล้ว

เย่จงหมิงวางแผนที่จะกลับไปมหาวิทยาลัย ไปยังอาคารโรงเรียนฝึกทหารเพื่อรับเหลียงชูหยิน เพราะเธอมีกิ่งต้นหลิวกลายพันธุ์อยู่ สำหรับอาชีพช่างฝีมือผู้มีเกียรติ เขาสามารถทำให้กิ่งต้นหลิวเหล่านั้นกลายเป็นอาวุธชั้นดี

มีซอมบี้รวมตัวกันอยู่มากมายที่สนามเทนนิส กะคร่าวๆ ก็ประมาณหลายร้อยตัว เย่จงหมิงได้แต่ร้องเสียดายอยู่ในใจ ถ้าครั้งนี้เขามีทีม แม้ว่าลูกทีมจะเป็นผู้ที่ยังไม่วิวัฒนาการ เขาก็มั่นใจว่าจะสามารถจัดการกับซอมบี้เหล่านี้ได้ภายใน 2 ชั่วโมง

เพราะมันหมายถึงผลึกวิเศษระดับ 1 หลายร้อยชิ้น ที่สามารถนำไปหมุนรูเล็ต ซึ่งอาจได้รับยาวิวัฒนาการระดับ 1 มาได้สักขวด มันเป็นโชคลาภที่ไม่เล็กเลย

แต่ตอนนี้เขามีเพียงโม่เย่ เขาไม่แน่ใจว่าจะสามารถจัดการกับซอมบี้มากมายเหล่านี้ได้ จึงได้แต่ยอมแพ้ไป

เย่จงหมิงที่ได้รับการฟื้นฟูสภาพร่างกายกับทักษะที่ดีและความกล้าหาญในการต่อสู้ของโม่เย่ จึงไม่มีอันตรายใดๆ เกิดขึ้นในระหว่างทาง มีเพียงซอมบี้หลายสิบตัวที่ต้องสละชีวิตมอบผลึกวิเศษให้พวกเขาเท่านั้น

ระหว่างทางโม่เย่ไม่อาจเก็บกดความอยากรู้ของตนเองไว้ได้

เธอถามเย่จงหมิงว่าผลึกวิเศษเหล่านี้ใช้ทำอะไร เขาก็ไม่ได้ปิดบังอะไร และได้บอกเธอถึงเรื่องของรูเล็ต หลังจากรู้เรื่องหญิงสาวก็แสดงสีหน้าว่ามันยอดเยี่ยมมาก

เกือบสิบชั่วโมงหลังจากวันสิ้นโลก ไฟฟ้า ก๊าซ การสื่อสารในเมืองถูกตัดขาด สิ่งเดียวที่ยังคงทำงานอยู่ก็คือระบบน้ำประปา แต่ตราบใดที่ไม่โง่จนเกินไปทุกคนย่อมรู้ว่า มันไม่สามารถดื่มได้ เพราะน้ำได้รับการปนเปื้อน การฆ่าเชื้อโรคตามปกติไม่สามารถทำงานได้อย่างสมบูรณ์

ผู้ที่รอดชีวิตเริ่มถูกห้อมล้อมไว้ด้วยความหิวและความกระหาย เย่จงหมิงกับโม่เย่เดินทางผ่านไปพบซอมบี้นับพันกำลังล้อมซุปเปอร์มาร์เก็ตในมหาวิทยาลัยอยู่ มันมีมากกว่าและหนาแน่นกว่าที่อยู่ตรงสนามเทนนิสหลายเท่า ภาพที่เห็นทำเอาโม่เย่ถึงกับหนังศีรษะชา เหตุที่เป็นแบบนี้เห็นได้ชัดว่า เป็นเพราะนักศึกษาที่รอดชีวิตได้มารวมกันที่นี่เพื่อหาของกิน แล้วถูกพวกซอมบี้พบเข้า ไม่จำเป็นต้องจินตนาการก็สามารถนึกภาพนองเลือดออก

ทั้งคู่ผ่านฝูงซอมบี้มาจนถึงอาคารเล็กๆอันเป็นที่ตั้งสำนักงานของโรงเรียนฝึกทหาร ที่นี่เงียบมาก แทบจะไม่มีซอมบี้อยู่รอบๆ เลย

โม่เย่ต้องการผ่านประตูหลักเข้าไปตรงๆ แต่ถูกเย่จงหมิงรั้งไว้ หญิงสาวไม่เข้าใจ เย่จงหมิงจึงชี้ไปที่ชั้นสอง เธอเงยหน้าขึ้นมอง มีแสงเล็กน้อยอยู่บนหน้าต่างหลายบาน และมีเงาของบางคนอยู่บนกระจกหน้า ต่าง เมื่อพิจารณาดูก็เห็นว่าเงาของคนเหล่านั้นถูกแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม และกำลังเผชิญหน้ากันอยู่

เขาส่งสัญญาณให้โม่เย่ ไปที่ต้นไม้ใหญ่ข้างอาคาร พอมาถึงเขาก็นำมีดแทงลงไปในตำแหน่งที่สูงที่สุดที่สามารถทำได้ และชี้ไปยังหน้าต่างชั้นสอง

โม่เย่เข้าใจทันที เธอสามารถปีนขึ้นไปได้ด้วยมือเปล่า ยิ่งไม่ต้องพูดถึงตอนนี้ที่มีคนช่วย เธอเหยียบขอบหน้าต่างชั้นล่างกับด้ามมีดปีนขึ้นไป พลิกร่างกายเล็กน้อยเข้าไปทางหน้าต่างชั้นสอง

สำหรับเย่จงหมิงทำได้ง่ายกว่ามาก เขาดึงมีดออกเหยียบบนผนัง ส่งร่างกายกระโดดขึ้นสูง และใช้มือข้างหนึ่งจับขอบหน้าต่างชั้นสอง แล้วเหวี่ยงตัวเองเข้าไป ส่วนตี้หวงหวันไม่ต้องมีใครช่วย มันกระโดด 2-3 ครั้งก็เข้าไปได้แล้ว สิ่งนี้เกินกว่าความสามารถของสุนัขดินปกติ โม่เย่ยืนมองอยู่เงียบๆ

ห้องที่ทั้งคู่เข้าไปอยู่ส่วนปลายด้านหนึ่งของชั้นสอง ซึ่งควรจะเป็นที่ตั้งเก่าของสำนักงาน เพราะมันค่อนข้างรกและมีสิ่งต่างๆกองทับๆกันไว้ ดูเหมือนที่นี่จะถูกใช้เป็นห้องเก็บของ

ประตูห้องเปิดอยู่ กุญแจล็อคประตูหักตกอยู่บนพื้น เห็นได้ชัดว่ามันถูกพังอย่างแรง ที่นี่ควรจะเป็นที่ๆ ผู้รอดชีวิตถูกใครบางคนนำมาขังไว้

ทั้งคู่มองหน้ากัน เย่จงหมิงส่งสัญญาณให้ตี้หวงหวันอยู่เงียบๆ จากนั้นก็แอบไปยังประตูที่ได้ยินเสียงคนทะเลาะกัน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด