ตอนที่แล้วบทที่ 11 ซื้อทาส (อ่านฟรี 24-10-2020)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 13 ปัญหาของการผลิตจำนวนมาก(อ่านฟรี 30-10-2020)

บทที่ 12 พัดลมเวทมนตร์รุ่นปรับความเร็วได้(อ่านฟรี 27-10-2020)


ทาสตัวน้อยถูกปกคลุมไปด้วยรอยฟกช้ำและบาดแผล แม้ว่าบาดแผลของเขาจะดูน่ากลัวมาก แต่จริงๆแล้วมันเป็นเพียงบาดแผลที่ผิวหนังเท่านั้นและไม่ได้ทำร้ายร่างกายของเขาเลย

ซูยี่ส่งเขาไปยังโรงพยาบาลที่ดีที่สุดของเมืองบันต้าหลังจากยืนยันว่าไม่มีอันตรายถึงชีวิตเขาก็ฝากเขาไว้กับหมอและให้หมอคอยดูแลเขาเมื่อเขากลับไปที่หอคอยเวทมนตร์คามิลล่า

กลับไปที่ห้องทดลองเพื่อนร่วมงานของเขาแปลกใจเล็กน้อยที่เห็นเขาเข้ามาในทันที

“เฮ้ซูยี่ไม่ใช่ว่านายหยุดงานวันนี้เหรอ? นายกลับมาทำไม” เรมถามเสียงดัง

“ฉันทำเรื่องเสร็จแล้วและไม่มีอะไรจะทำก็เลยกลับมาดูว่าที่นี่มีงานอะไรหรือเปล่า” ซูยี่ตอบด้วยรอยยิ้ม

“โอ้? ฉันนี้ึกว่านายจะไม่กลับมาแล้วซะอีก”

“เรมเธอไม่เข้าใจเหรอ? ตอนนี้พัดลมเวทมนร์ขายดีแค่ไหนซูยี่คงจะสบายดีแม้ว่าเขาจะไม่กลับมา แค่เขาขายพัดลมเวทมนตร์เขาก็มีเงินมากมายแล้ว เขาจะต้องกลับมาที่หอคอยซอมซ่อนี้เพื่อทำงานน่าเบื่อนี้อีกทำไม”

เมื่อได้ยินเสียงที่แดกดันซูยี่ขมวดคิ้วเล็กน้อย จากนั้นเขาก็ส่ายหัวด้วยรอยยิ้มและไม่สนใจมัน

เนื่องจากเขาจำเป็นต้องจัดระเบียบโรงงานและทำงานอื่น ๆ อีกมากมายเขาจึงต้องหยุดงานหลายวัน

จอมเวทย์คามิลล่าเองก็ไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่เพื่อนร่วมงานของเขาในห้องทดลองกลับมีการวิพากษ์วิจารณ์อย่างไม่ปิดบัง มีบางคนีเจือความโกรธเล็กน้อยในน้ำเสียงของพวกเขาเมื่อพวกเขาพูด

ซูยี่ขี้เกียจเกินไปที่จะสนใจว่าทำไมพวกเขาถึงต้องสนใจเรื่องของเขามากขนาดนั้น อีกอย่างเรื่องนี้มันก็ไม่ได้ส่งผลกระทบกับเขามากนัก

“เวลล่าการวิจัยรูปแบบเวทมนตร์เป็นอย่างไรบ้าง” ซูยี่ตรงมาที่โต๊ะทำงานของเวลล่าจากนั้นจึงถามด้วยเสียงต่ำ

“มันกำลังไปได้ด้วยดีเลย” เวลล่าหยิบพิมพ์เขียวรูปแบบเวทมนตร์ออกมาแล้วกางลงบนโต๊ะ“ดูนี่ฉันเห็นด้วยกับที่นายคิดว่าการใช้อักขระลิเดียลจะขัดแย้งกับรูปแบบเวทมนตร์ฉันได้ทำการทดลองหลายครั้งในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาและพบโมเดลที่เหมาะสมที่สุดแล้ว นายคิดว่ามันโอเคไหม”

“เนื่องจากเธอบอกว่าเหมาะสมที่สุดก็ไม่มีปัญหาแน่นอน”

แม้ว่าเขาจะพูดแบบนี้ซูยี่ก็ยังคงมองดูพิมพ์เขียวรูปแบบเวทมนตร์อย่างระมัดระวัง ในที่สุดเขาก็ยืนยันว่าวิธีแก้ปัญหาของเวลล่านั้นเหมาะสมอย่างยิ่ง

“เยี่ยมมาก! ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือของเธอนะ” หลังจากพูดสิ่งนี้ซูยี่ก็ไอเบา ๆ “แน่นอนว่าฉันจะไม่รับการช่วยเหลืออยู่ฝ่ายเดียว ค่าตอบแทนเป็นสิบเหรียญทองเธอคิดว่าไง”

ใบหน้าของเวลล่าแดงระเรื่อเล็กน้อยและเธอก็พูดอย่างเชื่องช้า“ไม่มากไปเหรอ? ฉันใช้เวลาแค่คืนเดียวกับมันเท่านั้นเอง”

“นั่นเป็นเพราะเธอคืออัจฉริยะ ความรู้คือสิ่งที่มีค่าฉันยังคิดว่าสินเหรียญทองมันยังน้อยไปด้วยซ้ำ” ซูยี่กล่าว

เวลลาครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้และไม่สุภาพอีกต่อไปขณะที่เธอพยักหน้าเห็นด้วย

เมื่อซูยี่เดินจากเวลล่าไป เรมก็ขมวดคิ้วขึ้นมาในทันที

“เวลล่าเธอกำลังพูดถึงเรื่องอะไรกับซูยี่ซูยี่? ทำตัวส่อเสียดจัง”

เวลล่าจ้องมองไปที่เธอ“ใครเรียกส่อเสียด? มันส่อเสียดยังไง”

เรมประหลาดใจแล้วเธอก็รีปขอโทษทันที“ไม่ ไม่ คือฉันหมายความว่า… .. ลึกลับใช่แล้วลึกลับ”

“ไม่มีอะไรซูยี่แค่ต้องการความช่วยเหลือจากฉันในการศึกษารูปแบบเวทมนตร์จากนั้นเขาก็ให้เหรียญทองสิบเหรียญเป็นค่าตอบแทนแก่ฉัน” เวลล่าไม่คิดว่าจะมีอะไรที่ต้องซ่อนจากเธอจึงพูดอย่างเปิดเผย

“สิบเหรียญทอง?” เรมตะโกนออกมาด้วยความประหลาดใจดึงดูดความสนใจของทุกคนในห้องทดลอง เธอรู้สึกประหลาดใจก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา“เขาให้เหรียญทองสิบเหรียญกับเธอเพื่อศึกษารูปแบบเวทมนตร์หนึ่งอัน? เขาหลอกเธอหรือเปล่า”

“เขาจะหลอกฉันไปทำไมกัน” เวลล่ากลอกตาไปที่เรม“นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาจ่ายเงินให้ฉัน ความจริงเขาจ่ายเงินให้ฉันมาสองสามครั้งแล้ว ฉันจะต้องไม่เชื่อใจเขาด้วยเหตุผลอะไร”

“ไม่ใช่ครั้งแรกเหรอ” เรมตกใจมากขึ้นไปอีก“เวลล่าเธอ...มีความลับกับฉันเรื่องเธอกับซู……”

เวลล่าตะโกนด้วยความโกรธทันที“เธอกำลังพูดเรื่องอะไร  มีความลับกับเธอ? เธอเป็นอะไรกับฉัน ทำไมฉันจะต้องรายงานให้เธอรู้ว่าฉันกำลังทำอะไรด้วย”

เสียงของเวลล่าก็ดังขึ้นเรื่อย ๆ และไปถึงหูของทุกคนในห้องทดลอง ทุกคนมองไปที่เวลล่าและเรมที่ราวกับคู่รักทะเลาะกัน

แล้วทุกคนก็มองไปที่ซูยี่พวกเขาไม่เข้าใจทำไมพอซูยี่คุยกับเวลล่าถึงทำให้เธอกับเรมทะเลาะกัน เด็กคนนั้นเรมปกติเขาไม่ใช่คนขี้อิฉฉา… ...

ซูยี่ไม่มีเวลาสนใจเวลล่าและเรม หลังจากที่เขาได้รับพิมพ์เขียวณูปแบบเวทมนตร์จากเวลล่าแล้วเขาก็กลับไปที่โต๊ะเพื่อทำงานต่อ

รูปแแบบเวทมนตร์นี้เป็นรูปแบบเวทย์ลมหมุนของพัดลมเวทมนตร์

เนื่องจากการออกแบบครั้งแรกของพัดลมเวทมนตร์นั้นเร่งรีบเกินไปจึงมีหลายส่วนที่ไม่สมบูรณ์แบบ ตอนนี้ซูยี่ได้เตรียมที่จะขยายสายการผลิตพัดลมเวทมนตร์แล้วเขาก็เตรียมพร้อมที่จะพัฒนาพัดลมเวทมนตร์ขึ้นมาใหม่

ตัวอย่างเช่นหากเขาค้นคว้าูรูปแบบเวทมนตร์ในมือเสร็จแล้วเขาจะสามารถทำให้ พัดลมเวทมนตร์นี้เปลี่ยนความเร็วใบพัดได้้ มันจะไม่หมุนด้วยความเร็วเท่าเดิมเหมือน พัดลมเวทมนตร์รุ่นแรก

แต่ในขณะที่การดัดแปลงนี้ฟังดูเรียบง่าย แต่ก็มีความต้องการรูปแบบเวทมนตร์ที่สูงขึ้น ซูยี่ไม่มีปัญหาที่ต้องศึกษาเรื่องนี้ด้วยตัวเอง แต่มันจะเสียเวลาไปพอสมควรดังนั้นเขาจึงขอความช่วยเหลือจากเวลล่าเขาหวังว่าเธอจะปรับแต่งรูปแบบเวทมนตร์ได้ตามความต้องการของเขา

เวลล่าสนใจพัดลมเวทมนตร์รุ่นแรกของซูยี่เมื่อได้ยินว่าซูยี่ต้องการให้เธอช่วยในการปรับแต่งรูปแบบเวทมนตร์เธอก็ตอบตกลงทันที

ในฐานะนักเวทย์ที่มีพลังเวทย์อยู่ในอันดับต้น ๆ ของห้องทดลองความสามารถในการค้นคว้าของเวลล่าที่มีต่อรูปแบบเวทมนตร์์นั้นแข็งแกร่งกว่าของซูยี่มาก เธอใช้เวลาไม่นานในการปรับแต่งรูปแบบเวทมนตร์ได้ตามข้อกำหนดของซูยี่

ซูยี่มีความสุขมากกับผลลัพธ์นี้ เขาตระหนักดีว่าพลังของคน ๆ เดียวมี จำกัด และแต่ละอาชีพมีความเชี่ยวชาญดังนั้นในแง่ของระดับเวทมนตร์เวลล่าแข็งแกร่งกว่าเขามาก ดังนั้นการให้งานทางเวทมนตร์แบบนี้กับผู้เชี่ยวชาญอย่างเวลล่าถือเป็นเรื่องดี

เวลล่าช่วยเขาแก้ปัญหาทุกอย่างโดยแค่ต้องจ่ายสิบเหรียญทองเป็นค่าตอบแทน

เวลล่ามักจะพูดว่ามันมากเกินไป แต่ซูยี่ไม่คิดอย่างนั้น

ต้องรู้ว่าหากเป็นที่โลกเก่าของเขาหากต้องการให้ผู้เชี่ยวชาญมาทำงานให้หากราคาไม่สูงพอพวกเขาก็ไม่แม้แต่จะชายตามอง

ที่สำคัญกว่านั้นคือสิ่งนี้สามารถช่วยซูยี่ได้ไม่น้อย มันทำให้เวทมนตร์กับสิ่งที่เขาออกแบบทำงานร่วมกันได้

เพื่อให้เหมาะกับณูปแบบเวทมนตร์ที่เปลี่ยนแปลงไป โครงสร้างของพัดลมเวทมนตร์ก็จำเป็นต้องได้รับการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และคนเดียวในทวีปไซน์ที่เข้าใจเรื่องนี้คือซูยี่เรื่องนี้ไม่มีใครช่วยเขาได้

ตอนนี้เป็นช่วงปลายเดือนกรกฎาคมและฤดูร้อนจะอยู่ไม่เกินอีกสองเดือน หากเขาต้องการปล่อยพัดลมเวทมนตร์คลื่นลูกที่สองออกมาในช่วงฤดูร้อนซูยี่จำเป็นต้องใช้เวลาให้เกิดประโยชน์สูงสุด

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วเมื่อเขาจดจ่ออยู่กับการค้นคว้า เมื่อซูยี่ได้กำหนดขั้นตอนแรกในการออกแบบพัดลมเวทมนตร์รุ่นปรับควมเร็วได้แล้วเขาก็เงยหน้าขึ้นมาก็พบว่าห้องทดลองเงียบไปแล้ว เพื่อนร่วมงานของเขาทำงานเสร็จแล้วและจากไป

ซูยี่ยืดตัว เมื่อเขาเตรียมพร้อมที่จะเก็บข้าวของและออกไปทันใดนั้นประตูห้องทดลองก็เปิดออกและหัวของสเตลล่า(เปลี่ยนจากสเตลนะครับ)ก็โผล่เข้ามา

“เฮ้ซูยี่นายยังไม่กลับจริงๆด้วย” สเตลล่าโบกมือของเธอให้กับซูยี่และเผยรอยยิ้มที่สดใส

"มีเรื่องอะไรเหรอ? เธอมีเรื่องอะไรให้ฉันช่วยอย่างนั้นเหรอ? หรือว่าจอมเวทย์คามิลล่าเรียกฉันอีกแล้ว” ซูยี่ถามด้วยรอยยิ้ม

แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้คุยกันมากนักในตอนที่เธอช่วยให้เขาได้งานในหอคอยเวทมนตร์แต่เขาก็รู้สึกขอบคุณเธอมาโดยตลอด เมื่อเทียบกันแล้วเขาเป็นมิตรกับฌะอมากกว่าเพื่อนร่วมงานขเงเขาเสียอีก

สเตลล่ากลอกตาและส่งเสียงพึมพำเบา “อะไร? ฉันจะมาหานายได้ก็ต่อเมื่อมีธุระเหรอ”

ซูยี่มีรอยยิ้มเจื่อนๆขณะที่ส่ายหัว เขาไม่เชื่อว่าสเตลล่าจะมาหาเขาหากไม่มีเรื่องอะไร แต่เขาก็ไม่โง่พอที่จะพูดมันออกมาต่อหน้าเด็กสาวอายุสิบเก้าปีตรงหน้า

“มาหาฉันโดยไม่มีเหตุผลเหรอ คงไม่ใช่เพราะว่าฉันหลอเกินไปเธอเลยตกหลุมรักฉันหรอกใช่มั้ย” ซูยี่อดที่จะแกล้งเธไม่ได้

ใบหน้าของสเตลล่าแดงระเรือขณะที่เธอจ้องมองมา เธอพูดอย่างโกรธ ๆ ว่า “ทำไมพวกผู้ชายถึงเหมือนกันหมด เอาล่ะหยุดพูดไร้สาระได้แล้วมากับฉัน เรากำลังจะออกไปกินข้าวกัน”

“ออกไปกินข้าว” ซูยี่ตะลึง เขาคิดว่าเรื่องนี้มันช่างไม่มีเหตุผลเลย

"อะไร?นายไม่เชื่อฉันเหรอ” สเตลล่าจ้องมองเขา. เธอเข้ามาเกี่ยวแขนของ ซูยี่และดึงเขาออกไปข้างนอก

“เฮ้เฮ้เฮ้นี่จะทำให้คนอื่นเข้าใจผิดนะ ฉันเดินเองได้… ..”

สเตลล่าพาซูยี่มากินข้าวที่ร้านอาหารไม่ใกลจากหอคอยเวทมนตร์นัก

ร้านนี้ดูไม่แพงมาก แต่มีบรรยากาศเงียบสงบ สถานที่แห่งนี้ไม่แออัดเกินไปและอาหารก็ค่อนข้างพิเศษรสชาติค่อนข้างดี เห็นได้ชัดว่าสเตลล่ามีเรื่องบางอย่างถึงได้พาเขามาที่นี่

ในขณะที่พวกเขาทานอาหารสเตล่าลังเลอยู่สองสามครั้ง แต่เธอก็ไม่ได้พูดอะไร ซูยี่รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องตลกและไม่ได้พูดอะไรเขาทำเพียงก้มหน้าลมแล้วกินอาหารของเขา

เมื่อเห็นว่าพวกเขากำลังทานอาหารเสร็จสเตลล่าก็ไม่สามารถทนมันได้อีกต่อไปแล้วพูดกับซูยี่ด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “คือ...ซูยี่ฉันขอถามอะไรนายหน่อยได้มั้ย”

ซูยี่เผยรอยยิ้มจาง ๆ ขณะที่เขาคิดว่าสเตลล่าค่อนข้างอดทน เขาถามกลับว่า“ถามอะไรล่ะ บอกคำถามของเธอมาได้เลย ฉ้นจะตอบคำถามตามมื้ออาหารนี้”

หัวใจของสเตลล่าเต็มไปด้วยความโกรธ เธอคิดกับตัวเองว่าถ้าเป็นผู้ชายคนอื่นมีสาวสวยขอความช่วยเหลือใครกันจะไม่ช่วยอย่างเต็มที่

ซูยี่บอกว่าเขาจะช่วยตามอาหารมื้อนี้ เห็นได้ชัดว่าเขาไม่เต็มใจ เขาชั่งไม่รู้จักดีชั่วเลยจริงๆ

แต่ตอนนี่เป็นเธอที่มาขอความช่วยเหรือเธอจึงยอมทิ้งท่าที เธอฝืนยิ้มแล้วพูดว่า “เอ่อคือ...ยังงี้นะนายยังจำวันแรกที่นายสัมภาษณ์ที่หอคอยเวทมนตร์แล้วหยิบเปียโนรุ่นนั้นออกมาได้มั้ย”

“ทำไมฉันจะจำไม่ได้ล่ะ”

“ตอนนี้นายมีมันอยู่หรือเปล่า”

“ไม่ สิ่งนั้นไม่เล็กเลยทำไมฉันจะเอามันมาโดยไม่มีเหตุผล”ซูยี่ส่ายหัว

"มันก็ใช่"สเตลล่าคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ก่อนที่จะพูดว่า "แล้วถ้าเราจะไปบ้านของนายตอนนี้ได้จะได้มั้ย"

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด