ตอนที่แล้วตอนที่ 48
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 50

ตอนที่ 49


ตอนที่ 49

“เป็นคนที่หัวสมองไวจริงๆ”

คิมดูอุยสัมผัสได้ว่าซูฮยอนปกปิดความสามารถของตัวเองเอาไว้ ทำให้เขาตัดสินใจโทรเรียกกำลังเสริมโดยไม่รีรอ

ด้วยเหตุนี้ทำให้ซูฮยอนอดเชิดชูเขาไม่ได้ เพราะคิมดูอุยเป็นคนที่มีไหวพริบดีจริงๆ

โชคดีที่การพูดคุยช่วยสุดท้ายของซูฮยอนและคิมดูอุย นอกจากพวกเขาก็ไม่มีคนอื่นได้ยิน

เพราะถ้า ‘ผู้ตื่นขึ้น’ คนอื่นได้ยินแผนการของซูฮยอน พวกเขาจะเสียแรงจูงใจในการต่อสู้กับซูฮยอนไป

ซึ่งเขาไม่อยากให้มันเกิดขึ้น เพราะมันคือจิ๊กซอว์ตัวสำคัญในการรับบทเป็นผู้ก่อการร้ายต่อไป....

“ถ้างั้น...สิ่งที่ฉันควรทำต่อไปคือ..”

ซูฮยอนเรียกเปลวเพลิงที่กำลังเผาไหม้อยู่รอบๆกลับมา

เขาในตอนนี้ไม่จำเป็นต้องทำร้ายบ้านเรือนอีกต่อไป...สิ่งที่เขาต้องทำต่อจากนี้คือ...

“ค่อยตั้งรับการโจมตีจากพวกเขาสินะ”

คิมดูอุยในฐานะที่เป็นหัวหน้ากลุ่ม ถ้าเขายังยืนอยู่เฉยไม่สั่งการอะไร มันคงเป็นจุดน่าสงสัยเกินไป

ในเมื่อเรื่องราวต่างๆมันมาถึงขั้นนี้แล้ว เขาคงต้องแสดงบทบาทหัวหน้ากลุ่มซะหน่อย

“ไปจับตัวเขามาซะ”

เมื่อได้รับคำสั่งจากคิมดูอุย ‘ผู้ตื่นขึ้น’ ที่มาด้วยกันจึงเริ่มเคลื่อนไหว

ฟิ้ว ฟิ้ว

ฉัวะ

ซูฮยอนกระโดดขึ้นไปบนอากาศเพื่อหลบการโจมตีที่มาจากทั่วทุกสารทิศ

แต่บางครั้งซูฮยอนก็เกือบเสียท่าไปเหมือนกัน เพราะการโจมตีมันเยอะเกินไป แถมยังมีมาเรื่อยๆอีกต่างหาก

เมื่อเห็นดังนั่นซูฮยอนจึงตัดสินใจยกดาบที่เตรียมเอาไว้ขึ้นมา และปัดการโจมตีกลับไป....

วุป

ทันใดนั้นเอง ร่างกายของซูฮยอนก็ถูกปกคลุมไปด้วยเปลวเพลิง

เปลวเพลิงของเขาทำหน้าที่เป็นม่านป้องกันอีกหนึ่งชั้น ด้วยความหนาแน่นของเวทมนตร์ที่ปล่อยออกมา ทำให้ ‘ผู้ตื่นขึ้น’ คนอื่นๆไม่กล้าเข้าใกล้ซูฮยอนเลยสักคน

“อืม... ‘ผู้ตื่นขึ้น’ แรงค์ A งั้นเหรอ?”

คิมดูอุยผู้ยืนชมการต่อสู้ของซูฮยอนอยู่บริเวณรอบนอก วิเคราะห์ความสามารถของซูฮยอนออกมาอย่างใจเย็น

‘สกิลที่เขาครอบครองอยู่ พัฒนาไปไกลมาก...แถมทักษะการต่อสู้ของเขายังดูเชี่ยวชาญอีกต่างหาก’

สกิล พลังเวทย์ สเตตัส ความเชี่ยวชาญในการต่อสู้ ทุกอย่างที่กล่าวมาล้วนอยู่บนตัวของซูฮยอนทั้งสิ้น

ในสายตาของคิมดูอุยทักษะการต่อสู้ของซูฮยอนมันน่าทึ่งยิ่งกว่า แรงค์ A บางคนซะอีก

ถ้าบอกซูฮยอนคือปรมาจารย์ด้านการต่อสู้ คิมดูอุยก็เชื่อสนิทใจ เพราะสิ่งที่เขาเห็น แม้แต่คนที่ปีกหอคอยมานานยังมีศักยภาพไม่เท่าซูฮยอน..

“ฉันละไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองเลยจริงๆ เขาได้รับการฝึกฝนมาจากปรมาจารย์คนไหนกันแน่?”

ไม่ว่า ‘ผู้ตื่นขึ้น’ จะสาดการโจมตีไปมากแค่ไหน แต่ซูฮยอนก็หลบได้หมดร่างกายของเขาพลิ้วไหวดุจสายน้ำ...

“ถ้าลองประมือกับเขา ฉันคงแพ้หมดรูปแน่ๆ”

คิมดูอุยลองจิตนาการถึงฉากการต่อสู้ระหว่างเขากับซูฮยอน ทำให้กระดูกสันหลังของเขาหนาวสั่นไปถึงตาตุ่ม

แม้พวกเขาจะมีปัจจัยเวทย์ที่เท่ากัน แต่ทักษะการต่อสู้ของเขา 2 คน แตกต่างกันเกินไป

ถ้าเปรียบเทียบกับซูฮยอน คิมดูอุยก็เป็นดั่งเด็กอมมือที่หาเรื่องกับผู้ใหญ่มากกว่า

“คิมดูอุย นายจะยืนบื้ออยู่ทำไม? มาช่วยพวกเราจัดการมันสิ”

‘ผู้ตื่นขึ้น’ คนหนึ่งสังเกตเห็นว่าคิมดูอุยไม่ทำอะไรเลย เขาจึงตะโกนถามด้วยความโมโห

คิมดูอุยผู้ซึ่งไม่ได้อยากต่อสิ้อยู่แล้ว ได้ขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนตอบกลับไป

“อ่อ ผมกำลังคิดอะไรเพลินๆอยู่”

“นายคิดอะไรอยู่?”

“ผมไม่รู้ว่าเขาใช้ศัตรูที่เราควรสู้ด้วยจริงๆหรือป่าว”

“นายกำลังจะสื่ออะไรกันแน่?”

“เฮ้อ....คุณนี้หัวสมองช้าจริงๆ คุณไม่เข้าใจจริงๆเหรอ”

ด้วยคำพูดที่กํากวมทำให้ชายที่ทักคิมดูอุยเกิดความแคลงใจ

คิมดูอุยเลียลิ้มฝีปากไปมา ก่อนพูดออกเปิดปากพูดอีกครั้ง

“คุณลองสังเกตเพื่อนๆดูสิว่ามีใครบาดเจ็บไหม”

“หืม?”

“ถ้ายังเห็นไม่เห็นชัด คุณก็ลองมอง ‘ผู้ตื่นขึ้น’ ที่กำลังโจมตีเขาดูสิ ว่ามีใครเคยแตะตัวเขาได้มั่ง?”

หลังจากได้ยินคำพูดของคิมดูอุย ทำให้เขาจมเข้าสู่ห้วงความคิด สิ่งที่คิมดูอุยพูดมาถูกต้องทั้งหมด

ในฐานะที่เขาต้องสู้กับซูฮยอนมาได้สักพัก ทำให้เขารู้ซึ้งถึงความแข็งแกร่งของศัตรูที่อยู่ตรงหน้าเป็นอย่างดี

แค่สกิลเปลวเพลิงที่ปล่อยออกมา ขนาดพวกเขาร่วมมือกัน ยังต่อกรกับซูฮยอนไม่ได้

ถ้าซูฮยอนคือผู้ก่อการร้ายจริงๆคงฆ่าพวกเขาทิ้งไปนาน

“นายอยากจะสื่ออะไรให้ฉันทราบกันแน่?”

“คุณไม่เห็นหรือว่าเขากำลังหลีกเลี่ยงพวกเราอยู่..”คิมดูอุยตอบ

มันเป็นคำตอบที่ทำลายเกียรติยศของเขาจริงๆ แต่สิ่งที่พูดมามันก็จริง

ไม่ว่าพวกเขาจะโจมตีซูฮยอนไปมากแค่ไหน แค่ซูฮยอนก็หลบมันได้หมด

เหมือนเห็นพวกเขาเป็นแค่อากาศ

“นายกำลังจะบอกว่า เขาไม่ใช่ผู้ก่อการร้ายงั้นเหรอ”

“แล้วคุณคิดว่ามันมีโอกาสเป็นไปได้ไหม?”

“อืม...”

เมื่อได้ยินคำถามจากคิมดูอุย ทำให้เขามองไปทางซูฮยอนอีกครั้ง.....ไม่ว่าจะคิดสักอีกกี่ครั้ง

แต่เหมือนข้อสงสัยของคิมดูอุยจะเป็นจริง เพราะซูฮยอนไม่เคยโจมตีสวนกลับเลย

ที่สำคัญสภาพของสิ่งปลูกสร้างที่ถูกทำลายก็ไม่ได้มาจากฝืมือของซูฮยอน แต่มาจากการโจมจีของพวกเขาต่างหาก

“งั้น.....ทำไมนายถึงเรียกกำลังเสริมมา? ถ้าข้อสันนิษฐานของนายเป็นจริง ทำไมเราไม่ยกเลิกคำสั่งล่ะ? ทำไมพวกเราต้องเสียกำลังพลโดยใช้เหตุด้วย?”

ถ้าคิมซูฮยอนไม่ใช่ผู้ก่อการร้ายจริงๆ ก็ไม่เห็นจำเป็นต้องเรียกกำลังเสริมมาเลยสักนิด ถึงมีพวกเขามาเสริมกำลัง...มันก็ไร้ความหมายอยู่ดี

ในฐานะที่คิมดูอุยคือหัวหน้าปฏิบัติการในครั้งนี้ ทำไมเขาจะทราบเรื่องนี้ แต่เขาปิดตาข้างหนึ่งแล้วยืนกรานเรียกกำลังเสริมมาอีก?

“เอ่อ...”

หลังจากโดยยิงคำถามมาอย่างกะทันหัน....ทำให้คิมดูอุยค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าแล้วตอบกลับ

“ที่ผมเรียกกำลังเสริมไป ไม่ได้ให้พวกเขามาหยุดศัตรูสักหน่อย”

“ห๊า?”

ชายหนุ่มที่ฟังคำพูดของคิมดูอุยยังคงสับสนเหมือนเดิม...

แต่ให้เมื่อคิมดูอุยตัดสินใจไปแล้ว เขาก็ทำอะไรมากไม่ได้..

“นายไม่ต้องคิดอะไรให้มากความหรอก เดียวพวกเราก็รู้เอง”

ในขณะที่คิมดูอุยกำลังคิดอะไรเรื่อยเปื่อย อยู่ๆประสาทสัมผัสของเขาก็รู้สึกได้ถึงสิ่งมีชีวิตจากด้านหลัง ซึ่งมีจำนวนหลายคน

“กำลังเสริมมาถึงแล้ว” กำลังเสริมที่คิมดูอุยต่อสายไปหา ได้มาถึงจุดเกิดเหตุเป็นที่เรียบร้อย...

เขาหันกลับไปมอง ‘ผู้ตื่นขึ้น’ ที่มาใหม่ ซึ่งคิมดูอุยไม่เคยเห็นหน้าพวกเขามาก่อน

“อืม..ครั้งนี้ เป็นครั้งแรกของพวกเขาสินะ”

ไม่แปลกใจที่คิมดูอุยจะไม่รู้จัก เพราะสำนักงานรับรองเหล่าสหายผู้ตื่นขึ้นมีสาขาอยู่ทั่วประเทศ...

แถมยังมีผู้ตื่นขึ้นมากหน้าหลายตาประจำการอยู่ ที่คิมดูอุยคิดว่าพวกเขาน่าจะเป็นมือใหม่

เพราะสีหน้าที่พวกเขาแสดงออกมามันดูลนลานและมีความกลัวปะปนมาด้วย

“ขอเดาว่าตอนนี้ ผู้อำนวยการ คงกำลังโกรธอยู่แน่ๆ.”

*****************************

ฉัวะ

ใบมีดเปลวเพลิงเฉียดจมูกของซูฮยอนไปอย่างหวุดหวิด ซูฮยอนกระโดดถอยหลังไปตั้งหลักแล้วใช้ห่างตามองผู้มาใหม่...

“กำลังเสริมมาเร็วกว่าที่คิดอีกแฮะ”

เขาก็สงสัยตั้งนานว่ากำลังเสริมที่คิมดูอุยเรียกมา จะมาถึงตอนไหน...แต่เขาคิดไม่ถึงจริงๆว่าจะมาเร็วขนาดนี้

ดูท่าทางแผนการของเขา จะเริ่มได้เร็วขึ้นอีกนิด...

‘ผู้ตื่นขึ้น’ ที่มาใหม่มีจำนวน 50 คนขึ้นไป สายตาของพวกเขาจ้องมองซูฮยอนอย่างจริงจัง

กิริยาท่าทางของพวกเขาเหมือนจะถูกฝึกฝนมาเป็นอย่างดี เพราะออร่าที่ปล่อยออกมา มันเข้มข้นกว่า ‘ผู้ตื่นขึ้น’ บางคนซะอีก

แค่ดูจากสรีระภายนอก ซูฮยอนก็รู้ได้ทันทีว่าทักษะและสกิลที่พวกเขาครอบครองน่าจะไม่ธรรมดา

“เฮ้อ..มองไปทางพวกเขา ทำให้ฉันนึกถึงคืนวันเก่าๆจัง”

ในอดีตซูฮยอนก็เคยเป็นสมาชิกของกลุ่มนี้ด้วยเช่นกัน

“ฉันควรเพิ่มความระมัดระวังอีกนิด”

ซูฮยอนหยิบดาบขึ้นมาเตรียมตั้งท่าป้องกัน

วุป

เมื่อดาบของซูฮยอนถูกเอามาใช้ เปลวเพลิงที่อยู่รอบๆตัวก็ค่อยๆมอดดับลง

ทว่า..ดาบที่ดูธรรมดาทั่วไปของเขากลับเริ่มส่องแสงสีแดงแห่งความร้อนออกมา...

“หืม..ดาบงั้นเหรอ”

“เขาไม่เป็นผู้ใช้เวทมนต์งั้นเหรอ?”

‘ผู้ตื่นขึ้น’ ที่พึ่งต่อสู้กับซูฮยอนไปหมาดๆเริ่มกระซิบกันเบาๆ

ตอนแรกพวกเขาเห็นซูฮยอนใช้พลังเวทย์ออกมาได้อย่างเชียวชาญ พวกเขานึกว่าซูฮยอนถนัดด้านเวทมนตร์ซะอีก

แต่ตอนนี้เขากับหยิบดาบออกมาเพื่อเตรียมโจมตี.....เลยทำให้พวกเขาอดแปลกใจไม่ได้

“หรือว่าเขาจะเป็นนักดาบจริงๆ แล้วสกิลเปลวเพลิงสุดอลังการเมื่อกี้ล่ะ จะอธิบายยังไงดี?”

ไม่ใช่แค่พวกเขาเท่านั้นที่สงสัย แม้แต่คิมดูอุยก็สงสัยด้วยเหมือนกัน เขาเองก็คิดไม่ถึงว่าซูฮยอนจะถนัดด้านการใช้ดาบด้วย เขานึกว่าซูฮยอนเก่งแต่ด้านเวทมนตร์ซะอีก

‘ผู้ตื่นขึ้น’ ที่ต่อสู้กับซูฮยอนก่อนหน้า..ใช้สายตามองไปทางเขาด้วยความแคลงใจ

ส่วนกำลังเสริมที่พึ่งมาถึงก็มองไปทางซูฮยอนและมองไปทางสมาชิกของพวกเขาด้วยความมึนงง? พวกเขาไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไมคนอื่นๆถึงแสดงสีหน้าแบบนั้นออกมา…..

“ฟู่”

ซูฮยอนหลับตาลงแล้วปล่อยลมหายใจออกมา..

ฟิ้ว

ทำใดนั้น เส้นใยสีเงินคล้ายๆโซ่เส้นใหญ่ก็พุ่งออกมาตามพื้นดินแล้วมุ่งหน้าไปหาซูฮยอน

เมื่อ ‘ผู้ตื่นขึ้น’ เห็นดังนั้นพวกเขาจึงเริ่มเคลื่อนไหว

ฉัวะ

ตูม ตูม

ใบมีดและโซ่ต่างโจมตีซูฮยอนไปทั่วทิศทาง....ที่สำคัญการควบคุมการเคลื่อนไหวของโซ่ มันดูซับซ้อนจนคาดเดาได้อยาก...

ดูทางท่าพวกเขาจะมีความเชียวชาญค่อนข้างสูงในการโจมตีแบบนี้..

“เห้..กลยุทธ์ทอใย เพื่อล่าเหยื่อแบบแมงมุมนี้เอง”

ซูฮยอนรู้จักเทคนิคนี้พอสมควร มันถูกพัฒนามาเพื่อการต่อสู้แบบกลุ่ม ซึ่งต้องอาศัย ‘ผู้ตื่นขึ้น’ หลายคน เพื่อใช้เทคนิคนี้ออกมาได้..

ฉัวะ

ดาบที่ซูฮยอนถืออยู่ตัดเส้นใยที่สร้างด้วยโซ่ขาดออกจากกันอย่างง่ายดาย

เมื่อโซ่ที่พุ่งมาขาดขาดรุ่งริ่งไปบางส่วน ทำให้เขาหาช่องว่างและกระโดดหลบออกมาจากวงล้อมของโซ่ได้อย่างทันท่วงที

หลังจากซูฮยอนหลบออกมาจากวงล้อมของโซ่ เขาก็มาเจอเข้ากับดาบใหญ่ที่กำลังเหวี่ยงมาถึงตัว เพื่อหวังเผด็จศึก

ซึ่งซูฮยอนก็คิดอยู่แล้วว่าจะเจอแบบนี้ ทำให้เขายกดาบแกรมขึ้นมาแล้วไปปะทะกับดาบใหญ่กลับไป...

เคร่ง เคร่ง

ดาบแกรมของซูฮยอน มันไม่ใช่ดาบตามตลาดโรงเกลือ แต่มันคือดาบที่สร้างมาจากหินอีเธอร์เกรดสูงสุด

ทำให้ความคมของดาบแกรมมีมากกว่าดาบตามตลาดโรงเกลือซะอีก

หลังจากดาบแกรมแล้วดาบใหญ่ปะทะกันไปหนึ่งกระบวนท่า ดาบใหญ่ที่ดูองอาจก็เริ่มเกิดรอยปริแตก

‘ผู้ตื่นขึ้น’ ผู้ยกดาบใหญ่โดนแรงสะท้อนกลับไปจนแขนของเขาสั่นเทิ้มไปหมด

“เฮ้อ..นิสัยทะนงตัวของเขายังมีอยู่เหมือนเดิมเลย”

ซูฮยอนบ่นพึมพำออกมาหลังจากยืนตั้งหลักได้อย่างมั่นคง....

ชายผู้โดนการโจมตีของดาบแกรมไปครู่มองซูฮยอนด้วยความประหลาดใจ..แต่ทันใดนั้น

ฉัวะ

ดาบของซูฮยอนก็ฟันเข้ากลางหน้าอกของชายคนนั้นอย่างจัง...แต่แปลกที่หน้าอกของเขากลับไม่มีเลือดเลยสักหยด

“…?”

ชายคนนั้นมองไปทางซูฮยอนด้วยความสงน เขาอยากได้คำตอบจากซูฮยอนจริงๆว่าเป็นเพราะอะไรทำไมเขาถึงไม่บาดเจ็บ?

แต่แทนที่ซูฮยอนจะตอบ เขากลับไม่ตอบ เขาใช้สกิลกระโดดออกมาเพื่อหาจุดยืนที่ใหม่

เมื่อเห็นดังนั้น ‘ผู้ตื่นขึ้น’ คนอื่นๆจึงเกิดอาการลังเลว่าควรตามไปหรือไม่

ฟรึ่บ

ซูฮยอนไปยืนอยู่บนตึกเก่าๆหลังหนึ่ง ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากจุดเดิมมากนัก เขากวาดสายตามองไปทางด้านล่างซึ่งมี‘ผู้ตื่นขึ้น’ ยืนเกาะกลุ่มกับอยู่

หลังจากมองไปได้สักพัก ซูฮยอนก็คุ้นหน้ากับใครบางคนซึ่งซูฮยอนเคยอยู่กลุ่มเดียวกันกับพวกเขามาก่อน

“ตัวฉันเองก็เคยอยู่ในกลุ่มนั้นด้วย”

ในอดีตซูฮยอนเคยอยู่กับพวกเขาในนามของซองอิน แต่อดีตก็คืออดีต..

“เอ่อคือ..”ชายผู้ถือดาบใหญ่พยายามเปิดปากพูดกับซูฮยอน

“นายเป็นใครกันแน่? นายรู้จักกับพวกเราหรือป่าว ทำไมถึงรู้กลยุทธ์ของพวกเราด้วย?”

ซูฮยอนไม่แปลกใจว่าทำไม เขาถึงถามคำนั้นออกมา เพราะกลยุทธ์ที่พวกเขาพึ่งใช้ไปเมื่อครู่

มันคือกลยุทธ์ที่ถูกฝึกฝนมาเป็นอย่างดี...ถ้าคนอื่นมากเจอกลยุทธ์ที่แสนซับซ่อนเช่นนี้ พวกเขาคงโดนกลุ่มนี้จัดการไปนานแล้ว...แต่โชคร้ายที่พวกเขาโจมตีใส่ผิดคน มีหรือซูฮยอนจะเสียท่าให้กับกลยุทธ์ที่เขาคุ้นเคยเป็นอย่างดีในอดีต....

“กลยุทธ์ที่พวกเขาใช้กัน มันเหมาะแกการล้อมจับบอสของดันเจี้ยนมากกว่า”ซูฮยอนคิด

ที่ซูฮยอนคิดออกมามันไม่ผิดเลยสักนิด เพราะกลยุทธ์ที่พวกใช้มันถูกจัดอันดับโดย ‘ผู้ตื่นขึ้น’ จำนวนมาว่าเป็นกลยุทธ์ที่หวังผลได้มากที่สุด... แต่การที่จะใช้กลยุทธ์นี้ออกมาได้ ต้องอาศัยการเชื่อใจกันของสมาชิกในกลุ่ม

แต่เมื่อพวกเขามาเจอซูฮยอน กลยุทธ์ที่ภูมิใจนักภูมิหนากลับถูกลำลายลงไปอย่างง่ายดาย..

การเคลื่อนของซูฮยอนเต็มไปด้วยความลื่นไหล ราวกับเขาหาข้อบกพร่องของกลยุทธ์เจอ....

ฉะนั้นไม่แปลกใจว่าทำไมชายผู้ถือดาบใหญ่ถึงถามออกมา..เพราะเขากลัวว่ากลยุทธ์ที่พวกเขาช่วยกันคิดค้นอาจรั่วไหลไปสู่ภายนอกแล้วก็ได้...

“ไม่นะ ผมไม่รู้จักพวกคุณสักคน”ซูฮยอนตอบ

หลังจากชายคนนั้นได้ยินเสียงคำตอบของซูฮยอน เขาก็เอาดาบใหญ่ปักลงพื้นและพูด “จริงเหรอ? แต่ทำไมฉันถึงรู้สึกว่านายรู้จักพวกเราเป็นอย่างดีเลยล่ะ”

“เห้...นายกำลังจะสื่อว่า ทำไมฉันถึงหลบออกจากกลยุทธ์ของนายได้สินะ”

“ใช่…”

“หึ...นายประเมินตัวเองสูงเกินไป คิดจริงๆหรือว่ากลยุทธ์ง่อยๆแบบนั้นจะหยุดวายร้ายอย่างฉันได้?”

‘ผู้ตื่นขึ้น’ นับสิบคน หลังจากได้ยินคำพูดถากถางของซูฮยอน สายตาของพวกเขาก็เต็มไปด้วยความอาฆาต

กลยุทธ์ที่ภาคภูมิใจ กลับโดนไอ้โง่หน้าไหนก็ไม่รู้มาตำหนิซะได้...

“หน็อยแน่...แล้วแกจะเสียใจกับสิ่งที่แกพูด”

“หึ...ทำไมฉันต้องเสียใจด้วย?”ซูฮยอนกล่าว

มันไม่มีเหตุผลอะไรที่ทำให้ซูฮยอนเสียใจ....เพราะซูฮยอนรู้อยู่แล้วว่ากลยุทธ์ที่พวกเขาใช้มันมีจุดบกพร่องเต็มไปหมด

“คิดว่าฉันคือพวกปลาซิวปลาสร้อยหรือไง ถึงกล้าใช้กลยุทธ์ที่ไม่สมบูรณ์ เพื่อหวังจับมหาวายร้ายอย่างฉัน?”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด