ตอนที่แล้วเทพปีศาจหวนคืน บทที่ 958 ตัวหมากไป่หนิงปิง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพปีศาจหวนคืน บทที่ 960 การตื่นขึ้นของโป้ชิง

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 959 สนามรบแห่งความโกลาหล (อ่านฟรี)


เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 959 สนามรบแห่งความโกลาหล (อ่านฟรี)

แปลโดย iPAT 

มันเป็นการต่อสู้ที่รุนแรงมาก

อย่างไรก็ตามมันเป็นเพียงภาพมายาที่ไม่ส่งผลกระทบต่อโลกแห่งความเป็นจริง

การต่อสู้ดำเนินมาถึงจุดสำคัญ ผู้อมตะระดับแปดเงยหน้าหัวเราะอย่างดุเดือด “ข้าเป็นผู้อมตะระดับแปดและยังมีสุดยอดกายาเทพยุทธ์ที่แท้จริง แต่ผู้อมตะระดับเจ็ดเช่นเจ้ากลับกล้าท้าทายข้างั้นหรือ?”

ผู้อมตะลึกลับที่มีรอยสักรูปดอกบัวสีแดงอยู่กลางหน้าผากหัวเราะเบาๆและกล่าวเสียงเรียบ “ราชันเทพยุทธ์สวรรค์ ความพ่ายแพ้ของท่านถูกกำหนดไว้แล้ว รับสิ่งนี้!”

หลังกล่าวจบคำผู้อมตะระดับเจ็ดสะบัดมือส่งบางสิ่งออกไปทันที

ใบหน้าของผู้อมตะระดับแปดราชันเทพยุทธ์สวรรค์ถูกแทนที่ด้วยความตกใจ “คฤหาสน์วิญญาณอมตะ! มันคือคฤหาสน์วิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

ผู้อมตะระดับเจ็ดเผยรอยยิ้มภาคภูมิใจ “ให้ข้าแนะนำท่าน นี่คือผลงานของข้า สนามรบแห่งความโกลาหล!”

“สนามรบแห่งความโกลาหล?” ไป่หนิงปิงขมวดคิ้ว เท่าที่เขารู้ ไม่มีคฤหาสน์วิญญาณอมตะชนิดนี้อยู่ในภาคใต้

สนามรบแห่งความโกลาหลทรงพลังมาก

ไม่ว่าราชันเทพยุทธ์สวรรค์จะส่งการโจมตีใดออกมา สนามรบแห่งความโกลาหลก็สามารถดูดซับและปิดผนึกพวกมันได้ทั้งหมด

นอกจากนั้นมันยังสะท้อนกลับไปหาศัตรู นี่ทำให้ราชันเทพยุทธ์สวรรค์ต้องรับมือกับการโจมตีของตนเองอย่างช่วยไม่ได้

ภาพเหตุการณ์ดำเนินต่อไปอย่างต่อเนื่อง การต่อสู้ยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นทุกขณะ

สุดท้ายด้วยความช่วยเหลือจากสนามรบแห่งความโกลาหล ผู้อมตะระดับเจ็ดจึงเป็นฝ่ายได้รับชัยชนะ

ผู้อมตะระดับเจ็ดชนะผู้อมตะระดับแปด!

แต่ผู้อมตะระดับเจ็ดก็สูญเสียค่าใช้จ่ายมหาศาลเช่นกัน

ในช่วงท้ายของการต่อสู้ ผู้อมตะระดับแปดต้องเปลี่ยนตนเองเป็นผีดิบอมตะเพื่อรักษาชีวิต ผู้อมตะระดับเจ็ดไม่สามารถสังหารฝ่ายตรงข้ามและทำได้เพียงใช้สนามรบแห่งความโกลาหลผนึกเขาไว้ใต้ดินเท่านั้น

เพื่อเอาชนะราชันเทพยุทธ์สวรรค์ ผู้อมตะระดับเจ็ดต้องทิ้งสนามรบแห่งความโกลาหลเอาไว้ที่นี่

เมื่อการต่อสู้สิ้นสุด เขามองไปยังสนามรบแห่งความโกลาหลที่อยู่ใต้พิภพและถอนหายใจก่อนจะบินจากไป

เงาร่างของผู้อมตะหายไปแต่ภาพมายายังดำเนินต่อ

สนามรบกลับสู่ความเงียบสงบ ต้นไม้เริ่มเติบโตขึ้นหลังจากฝนตก ฤดูกาลเปลี่ยนแปลงไป ที่ราบทุ่งหญ้าค่อยๆยกตัวขึ้นเป็นภูเขา

มีภาพมนุษย์เดินผ่านภูเขาลูกนี้เป็นครั้งคราว

ไม่ว่าจะเป็นภัยธรรมชาติหรือการต่อสู้ระหว่างสัตว์ร้าย ทุกเหตุการณ์ดำเนินไปอย่างรวดเร็ว

สุดท้ายภูมิประเทศในภาพมายาก็เปลี่ยนเป็นภูเขาไร้นามแห่งนี้

ภาพมายาหยุดอยู่ที่นี่ ทุกอย่างกลับคืนสู่สภาพเดิม

ดวงตาของไป่หนิงปิงส่องประกายขึ้นด้วยความประหลาดใจ เขาเข้าใจแล้วว่าวิญญาณอมตะที่ได้รับมาจากผู้อมตะเฒ่าม่านเยี่ยนซื่อคือวิญญาณอมตะสายตรวจสอบบนเส้นทางแห่งกาลเวลา

มันเจาะเข้าไปในสายธารแห่งกาลเวลาและแสดงภาพในอดีตออกมาให้เห็น

“นี่หมายความว่ามีคฤหาสน์วิญญาณอมตะอยู่ที่นี่!?” หัวใจของไป่หนิงปิงแทบกระโดดออกมาจากหน้าอกด้วยความตื่นเต้น

แน่นอนว่าเขารู้คุณค่าของคฤหาสน์วิญญาณอมตะ

มีเพียงกองกำลังที่มีผู้อมตะเท่านั้นจึงจะถูกเรียกว่ากองกำลังระดับแนวหน้า แต่กระทั่งกองกำลังระดับแนวหน้ายังมีไม่กี่กองกำลังที่สามารถครอบครองคฤหาสน์วิญญาณอมตะ

“หากข้าได้รับสนามรบแห่งความโกลาหล มันจะช่วยข้าได้มาก ข้าสามารถจัดการนิกายเงาและจากไป สิ่งนี้จะดึงดูดผู้อมตะจำนวนมากให้เข้ามา ข้าต้องรีบแล้ว!”

ไป่หนิงปิงต้องการยึดครองสนามรบแห่งความโกลาหลแต่เขายังลังเล

เขานึกถึงผู้อมตะเฒ่าม่านเยี่ยนซื่อ

หากเขาเข้าไป เขาจะตกลงสู่หลุมพรางของม่านเยี่ยนซื่อหรือไม่?

บางทีม่านเยี่ยนซื่ออาจคำนวณการตอบสนองของเขาไว้แล้ว

“หากข้าเคลื่อนไหวโดยไม่คิดให้รอบคอบ ข้าอาจถูกหลอกใช้โดยไม่รู้ตัว”

ไป่หนิงปิงตัดสินใจสำรวจพื้นที่ก่อนจะลงมือกระทำการสิ่งใด

อย่างไรก็ตามสิ่งที่เขาไม่คาดคิดก็คือเมื่อเขาเข้าใกล้ภูเขาไร้นามในระยะหนึ่ง เขากลับรู้สึกอ่อนแรงและแทบจะไม่สามารถใช้ความคิด

ไป่หนิงปิงถอยหลังกลับด้วยความตกใจก่อนจะนึกถึงคำกล่าวของชายชราม่านเยี่ยนซื่อ

“เขาบอกว่าหลังจากทำภารกิจสำเร็จ ให้รีบล่าถอยออกมา ภูเขาไร้นามจะกลายเป็นเขตต้องห้ามของผู้อมตะ หากผู้อมตะเข้าไปจะได้รับอันตราย”

ไป่หนิงปิงขมวดคิ้ว นี่อาจเป็นเขตต้องห้ามที่ม่านเยี่ยนซื่อกล่าวถึง

หากมันเป็นเขตต้องห้ามจริง แล้วเขาจะฉกชิงสนามรบแห่งความโกลาหลได้อย่างไร

ไป่หนิงปิงคิด ‘เป็นไปได้หรือไม่ว่ามีเงื่อนงำเกี่ยวกับการรับมอบสนามรบแห่งความโกลาหลซ่อนอยู่ในภาพมายา?’

ภาพมายาฉายซ้ำอีกครั้งและอีกครั้งแต่ไป่หนิงปิงยังไม่พบเบาะแสใด

สิ่งที่เขาค้นพบคือภาพมายาจะฉายซ้ำอย่างไม่รู้สิ้นสุดขณะที่เขตต้องห้ามก็ขยายวงกว้างมากขึ้นเรื่อยๆ

ตอนนี้เขาอยู่ห่างจากภูเขาไร้นามถึงสิบลี้แต่เขายังรู้สึกอ่อนแรง

เมื่อมองไปยังสมบัติล้ำค่าที่ห่างออกไปเรื่อยๆ ช่วยไม่ได้ที่ไป่หนิงปิงจะรู้สึกไม่สบายใจ

เขาอยู่ที่นี่เป็นเวลาสามวันและพยายามซ่อนภาพมายาเหล่านั้น

กลิ่นอายของวิญญาณอมตะถูกลบออกไปแล้วแต่เขาไม่สามารถซ่อนภาพมายาดังกล่าว

แม้ผู้อมตะเฒ่าม่านเยี่ยนซื่อจะช่วยให้เขาก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะแต่เขาก็ไม่ได้รับวิญญาณอมตะใดๆ

ภาพมายาเกิดจากวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลา เป็นธรรมดาที่ไป่หนิงปิงจะไม่สามารถใช้วิธีของมนุษย์เพื่อปิดซ่อนมัน

แน่นอนว่าหากเขาสามารถใช้ท่าไม้ตายระดับมนุษย์ที่ทรงพลัง เขาอาจสามารถปกปิดได้เป็นการชั่วคราว แต่รากฐานของไป่หนิงปิงตื้นมาก เขาไม่มีวิธีการเช่นนั้น

‘หากฟางหยวนอยู่ที่นี่ เขาจะทำเช่นไร?’ ในช่วงเวลาที่น่ากังวล ภาพของฟางหยวนปรากฏขึ้นในใจของเขา

แม้เขาจะไม่สนใจฟางหยวนอีกต่อไป แต่ความสามารถของฟางหยวนยังประทับอยู่ในหัวใจของเขา

เขาคิดก่อนจะหยุดคิดและรีบปัดเป่ามันทิ้งไปอย่างรวดเร็ว

ทันใดนั้นเขาพลันตระหนักได้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นคือแผนการของนิกายเงา

แต่นิกายเงาต้องการทำสิ่งใด?

พวกเขาไม่ได้ต้องการยึดครองสนามรบแห่งความโกลาหลอย่างเงียบๆ แต่กลับประกาศให้โลกรู้?

“สนามรบโบราณและคฤหาสน์วิญญาณอมตะอาจทำให้ภาคใต้เกิดความโกลาหล ผู้อมตะทั้งฝ่ายธรรมะและปีศาจจะมุ่งหน้ามาที่นี่เพื่อหาวิธียึดครองสนามรบแห่งความโกลาหล การปลุกปั่นความวุ่นวายคือเป้าหมายของนิกายเงางั้นหรือ? ทำเช่นนี้แล้วพวกเขาจะได้รับสิ่งใด?”

ไป่หนิงปิงตบหน้าผากอย่างรุนแรงเพื่อเรียกสติของตนให้กลับคืนมา

“หลายวันนี้ข้าทำสิ่งใดอยู่!? ข้าปล่อยให้ความโลภเข้าครอบงำจิตใจ นี่ไม่ใช่สิ่งที่ข้าตามหา ภูเขาไร้นามเแห่งนี้จะกลายเป็นศูนย์กลางของพายุใหญ่ ผู้อมตะเกือบทั้งหมดของภาคใต้จะมาที่นี่ ข้าเป็นเพียงผู้อมตะระดับหก ข้าไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้นานนัก ข้าต้องรีบออกไป ถูกต้อง ข้าควรกลับไปถามตาแก่ม่านเยี่ยนซื่อว่าเขากำลังทำสิ่งใด เขาต้องการใช้สิ่งนี้ล่อฟางหยวนให้ออกมางั้นหรือ?”

ไป่หนิงปิงกลับไปที่ศาลาหินแต่ผู้อมตะเฒ่าม่านเยี่ยนซื่อไม่ได้อยู่ที่นี่อีกแล้ว

ไป่หนิงปิงรีบไปยังแดนศักดิ์สิทธิ์ของนิกายเงาแต่เขากลับไม่สามารถเข้าไป เขาไม่แม้แต่จะสามารถติดต่อสมาชิกนิกายเงา มันราวกับว่านิกายเงารวมถึงผู้อมตะเฒ่าม่านเยี่ยนซื่อหายไปอย่างสมบูรณ์

คลื่นแห่งความสงสัยพุ่งเข้าจู่โจมหัวใจของไป่หนิงปิง เขารู้สึกราวกับถูกทิ้ง เขาไม่รู้ว่ามันเกิดสิ่งใดขึ้นและทำได้เพียงคาดเดาเท่านั้น

…..

ภาคกลาง น้ำตกสวรรค์

ด้านล่างของน้ำตกสวรรค์เต็มไปด้วยแสงสว่าง

ผู้อมตะของภาคกลางจำนวนมากมองไปที่แหล่งกำเนิดแสงด้วยความปรารถนาอันแรงกล้า

ผีดิบอมตะลอยอยู่ท่ามกลางแสงสว่างนั้น รูปลักษณ์ของเขาไม่ต่างจากตอนที่เขายังมีชีวิตอยู่

เขาก็คือโป้ชิง!

“ผู้ใดจะคิดว่าโป้ชิงจะกลายเป็นผีดิบอมตะ”

“ย้อนกลับไปผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณเทพธิดาโม่เหยาเผชิญหน้ากับภัยพิบัติพร้อมกันแต่มีเพียงโป้ชิงอยู่ที่นี่ ดูเหมือนโม่เหยาจะตายไปแล้ว”

“ตามบันทึก ภัยพิบัติครั้งนั้นน่ากลัวมาก คิดไม่ถึงว่าโป้ชิงจะสามารถรักษาชีวิต เขาต้องแข็งแกร่งถึงเพียงใด?”

กลุ่มผู้อมตะพูดคุยวิพากษ์วิจารณ์

“ศพถูกเก็บไว้นานแล้ว ผู้ใดจะรู้ว่ามีความลับซ่อนอยู่มากเท่าใด ตราบเท่าที่เราได้รับมัน เราอาจสามารถถอดรหัสความลับเกี่ยวกับวิธีการบ่มเพาะของโป้ชิง แม้จะไม่ได้รับมรดกที่แท้จริงบนเส้นทางแห่งดาบ แต่การวิจัยนี้จะสร้างประโยชน์มหาศาลให้กับนิกาย”

ผู้อมตะส่วนใหญ่มาจากนิกายโบราณทั้งสิบ พวกเขากำลังพิจารณาสถานการณ์

สำหรับปีศาจอมตะและผู้บ่มเพาะสันโดษ พวกเขาให้ความสนใจกับวิญญาณอมตะที่อยู่กับผีดิบอมตะโป้ชิง

“มีกลิ่นอายของวิญญาณอมตะจำนวนมากออกมาจากร่างของโป้ชิง นี่เป็นเรื่องที่แทบเป็นไปไม่ได้ พวกมันล้วนเป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งดาบ ข้าจะพอใจมากหากได้รับแม้เพียงหนึ่งดวง”

ปีศาจอมตะและผู้บ่มเพาะสันโดษไม่กล้าคิดที่จะฉกชิงร่างผีดิบของโป้ชิง พวกเขาต้องการเพียงผลประโยชน์เล็กๆน้อยๆก่อนจะล่าถอยอย่างรวดเร็วที่สุด

ในความเป็นจริงเมื่อผู้อมตะเหล่านี้เข้าสู่น้ำตกสวรรค์ พวกเขาก็ได้รับผลประโยชน์บางอย่างเรียบร้อยแล้ว

ซากศพของสัตว์อสูรจำนวนมากกระจัดกระจายอยู่รอบๆ ตราบเท่าที่พวกเขาสำรวจอย่างระมัดระวัง พวกเขาก็จะได้รับบางสิ่ง

อย่างไรก็ตามมรดกที่แท้จริงของโป้ชิงดึงดูดใจเกินไป

มนุษย์ตายเพื่อความมั่งคั่ง วิหคตายเพื่ออาหาร เมื่อพวกเขามาถึงจุดนี้ ผู้ใดจะต้องการจากไปโดยง่าย?