ตอนที่แล้วตอนที่ 135 ปราบปรามด้วยความแข็งแกร่ง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 137 ชอบประลอง?

ตอนที่ 136 (ตอนฟรี) ไหนว่างานเริ่มตอนสองทุ่ม


ตอนที่ 136 (ตอนฟรี) ไหนว่างานเริ่มตอนสองทุ่ม

.

ตระกูลหยานนั่งอยู่ที่นั่นเหมือนกับราชาและคอยสังเกตเหตุการณ์ต่อไป

การกระทำหรือคำพูดของพวกเขาในตอนนี้สามารถสร้างผลกระทบต่อจิตใจของทุกคนในที่นี้ได้โดยทันที

ไม่มีใครสามารถหยุดพวกเขาได้!

และพวกเขาเองก็จะไม่หยุด!

การกลับมาของราชา! มันคือการกลับมาของราชาอย่างแท้จริง!

เมื่อเห็น หยาน จงหยวน เดินใกล้เข้ามาใบหน้าของสมาชิกตระกูลต้วน คนอื่น ๆ นั้นขาวซีดราวกับกระดาษขาว

"ตระกูลหยาน พวกเจ้าคิดจะบีบบังคับและรังแกตระกูลที่ด้อยกว่าอย่างนั้นหรือ?

"เจ้าหมายถึงอะไร? ข้าไม่ได้คิดรังแกหรือบีบบังคับอะไรกันเลย มันเป็นเพียงแค่การซ้อมมือทั่วๆไปเท่านั้นเอง อย่างเช่นเมื่อกี้ทั้งหลานชายข้าและหูเฟย ที่อยู่ในระดับนักรบขั้นที่ 9 พวกเขาก็ยังซ้อมมือกันได้ เจ้าและข้าก็เช่นเดียวกันเราทั้งคู่ต่างอยู่ในระดับนักรบขั้นที่ 8 ก็สมควรจะมาซ้อมมือกันสักเล็กน้อย!"

หยาน จงหยวน มองไปที่ ผู้อาวุโสต้วน อย่างยั่วยุก่อนที่จะหันไปหา ผู้อาวุโสซู และถามขึ้นมาว่า "โอ้! เจ้าเด็กนั่นอยู่ที่ไหนกันล่ะ เจ้าเด็กหวังเสียนนั่นน่ะ ทำไมเขาถึงไม่อยู่ที่นี่ด้วยล่ะ?"

หัวใจของ ผู้อาวุโสซู จมลงและมีการแสดงออกที่น่ากลัว เขารู้ว่าความสัมพันธ์ใกล้ชิดของเขากับหวังเสียนในวันนั้นทำให้ตระกูลหยาน โกรธเป็นอย่างยิ่ง

"ผมได้ส่งบัตรเชิญให้เขาแล้ว แต่ดูเหมือนว่าเขานั้นจะไม่กล้ามาที่นี่!"

หยานเฟิง มองไปรอบ ๆ อย่างเย้ยหยัน "ทักษะทางการแพทย์ของเขานั้นถือว่ายอดเยี่ยมมาก จริงๆแล้วเขาก็มีความสามารถที่จะมาปรากฏตัวในที่นี้ แต่ดูเหมือนว่าเขานั้นจะขี้ขลาดตาขาวซะจริงๆ น่าผิดหวังเป็นอย่างมาก!"

เขามีรอยยิ้มที่มุมปากแล้วส่ายหัวอย่างช้าๆและพูดขึ้นมาว่า "อย่างไรก็ตามในเมื่อเขาไม่ปรากฏตัวในที่นี้ ก็บอกให้เขาจงระวังญาติพี่น้องและเพื่อนๆของเขาไว้ให้ดี!"

หยานเฟิง จ้องมองไปที่ ผู้อาวุโสซู และยิ้มเยาะออกมา "ผู้ที่ทำให้ตระกูลหยานของเราขุ่นเคืองจะต้องสำนึกเสียใจอย่างมากกับการกระทำของพวกเขา!"

"มาเถอะ!พวกเรามาซ้อมมือกัน" หยาน จงหยวน มองไปที่ ผู้อาวุโสต้วน และพูดท้าทายออกมา

หยานเฟิง โบกมือเพื่อส่งสัญญาณให้นักรบระดับขั้นที่ 7 ของตระกูลหยาน ออกไปเพื่อไปท้าสู้กับผู้อาวุโสซู

"เอาล่ะ!เข้ามา!ใครจะกลัวพวกเจ้ากัน!"

ใบหน้าของผู้อาวุโสต้วน เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมเขากำหมัดแน่นและเดินไปที่ลานกว้าง

ผู้อาวุโสซู ตอนนี้ก็เคร่งเครียดพอๆกัน เพราะเขาต้องเผชิญหน้ากับผู้เชี่ยวชาญจากตระกูลหยาน

กลุ่มของผู้คนกลั้นหายใจและมองไปที่ผู้อาวุโสต้วนและผู้อาวุโสซู ด้วยความสังเวชและสงสาร

ในปัจจุบันพวกเขาทั้งคู่เป็นตระกูลที่แข็งแกร่งเป็นอันดับสามและสี่ในเมืองเจียงเฉิง และนับได้ว่าพวกเขาทั้งคู่นั้นมีความยิ่งใหญ่มากพอตัวเช่นกันในเมืองเจียงเฉิง! แต่อย่างไรก็ตามเมื่อต้องเผชิญหน้ากับตระกูลหยาน พวกเขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากต้องต่อสู้อย่างสุดกำลัง

"ฮ่าฮ่ามา!" หยาน จงหยวน หัวเราะอย่างเต็มที่ก่อนจะเริ่มโจมตีออกไป

ที่ลานกว้างนี้เดิมทีเป็นสนามฝึกซ้อมของตระกูลหยานอยู่แล้วมันจึงมีพื้นที่ที่กว้างขวางเป็นอย่างมาก

"ทำให้พวกเขานั้นพิการ!แล้วบอกกับหวังเสียน ว่านี่เป็นเพียงการเริ่มต้น และถ้าเขายังคงขี้ขลาดตาขาวไม่เข้ามาพบกับข้า ข้าจะทำให้เขาต้องพบกับชีวิตที่เลวร้ายยิ่งกว่าความตาย!" หยานเฟิง พูดกับนักรบที่กำลังจะต่อสู้กับผู้อาวุโสซู

“ครับ!นายน้อย” ชายวัยกลางคนคนนั้นพยักหน้าและจ้องมองที่ ผู้อาวุโสซู อย่างดุดัน

"หวังเสียนงั้นรึ? เชอะ!"

มีความดูถูกเหยียดหยามอยู่ในแววตาของหยานเฟิง เมื่อเขานึกถึงชายหนุ่มคนที่ชื่อหวังเสียน

ในฐานะที่เขาเป็นคนที่มีพรสวรรค์ทางด้านเพลงดาบ เขาจึงสามารถเป็นลูกศิษย์ของสำนักดาบทะเลศักดิ์สิทธิ์ได้

ผู้เชี่ยวชาญในระดับก่อกำเนิดลมปราณ ของสำนักดาบทะเลศักดิ์สิทธิ์ ได้ผ่านมาพบเจอเขาเข้าโดยบังเอิญ และได้ค้นพบพรสวรรค์ของเขา จึงได้ให้คำแนะนำและสั่งสอนเขามาตั้งแต่ยังเด็ก จนเมื่อเขาอายุ 18 ปีจึงถูกอาจารย์ของเขาพาไปยังเกาะศักดิ์สิทธิ์ของสำนัก

เขานั้นถือได้ว่าเติบโตมาท่ามกลางแสงสว่าง และโดยเฉพาะเมื่ออยู่ในตระกูลตัวของเขานั้นมีอำนาจเปรียบดัง ผู้นำของตระกูลเลยทีเดียว

และในไม่ช้าต่อจากนี้ตระกูลหยานของเขานั้นก็จะได้ครอบครองเมืองเจียงเฉิง เมื่อถึงเวลานั้นตัวเขาที่เป็นเหมือนกับผู้นำของตระกูล ก็คือราชาของเมืองเจียงเฉิง ดีๆนี่เอง

เมื่อถึงเวลานั้นคงจะไม่มีใครกล้าขัดคำพูดของเขาแม้แต่คำเดียว

และโดยเฉพาะเจ้าเด็กหนุ่มหวังเสียน ที่มีดีเฉพาะทางด้านทักษะการแพทย์ ก็จะโดนบดขยี้อย่างง่ายดายเหมือนหนอนแมลงตัวนึง!

หยานเฟิง ยิ้มเยาะและจ้องไปที่ผู้อาวุโสซู พร้อมกับจ้องมองไปที่กลุ่มของผู้คนที่เหลือพร้อมกับปลดปล่อยแรงกดดันของนักรบระดับขั้นที่ 9 เพื่อแสดงความแข็งแกร่งของเขา

ในสนาม หยาน จงหยวน กำลังต่อสู้กับ ผู้อาวุโสต้วน อย่างดุเดือด

ผู้อาวุโสซู และชายวัยกลางคนก็กำลังต่อสู้กันด้วยพลังและความสามารถทั้งหมดที่เขามี

อย่างไรก็ตามเป็นที่ชัดเจนว่า ผู้อาวุโส ต้วน และ ผู้อาวุโส ซู กำลังเสียเปรียบเป็นอย่างมาก

เนื่องจากตระกูลหยานได้เลือกพวกเขาออกมาเอง ซึ่งแน่นอนความเก่งกาจและทักษะในเชิงการต่อสู้ของคนในตระกูลหยาน นั้นต้องสูงเป็นอย่างมาก

"มันจบลงแล้ว ผู้อาวุโส ซู และ ผู้อาวุโส ต้วน คงจะพ่ายแพ้ในไม่ช้านี้ หยาน จงหยวน และ ผู้ฝึกวิชายุทธคนนั้น โจมตีได้รุนแรงกันเป็นอย่างมาก!"

“ ตระกูลที่แข็งแกร่งอันดับสามและสี่กำลังจะถูกบดขยี้ลงอย่างง่ายดายแบบนี้ มันน่ากลัวซะจริงๆ!

กลุ่มของผู้คนเฝ้ามองดูการต่อสู้ของบุคคลทั้งสี่อย่างตั้งใจ

ซูจิง และพ่อของเขา พร้อมด้วยสมาชิกของตระกูลต้วน พวกเขาต่างเฝ้าดูกันอย่างใจจดใจจ่อด้วยใบหน้าอันขาวซีด ในแววตาของพวกเขานั้นเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง

อ๊ากกก!

อ๊ากกก!

เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดดังขึ้น ทุกคนที่กำลังเฝ้าดูการต่อสู้อยู่ หัวใจของพวกเขาเต้นกระหน่ำและสั่นสะท้าน

ฝ่ามือของ หยาน จงหยวน ฟาดลงบนหน้าอกของ ผู้อาวุโส ต้วน อย่างไร้ความปรานีมันจมลงไปในหน้าอกของผู้อาวุโสต้วนทั้งข้อมือ มันเป็นฉากที่โหดร้ายมาก

ทางด้านผู้อาวุโส ซู นั้นโดนทำให้พิการโดยการหักแขนและขาของเขาจนหมดสิ้น เขานอนอยู่บนพื้นและไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ แม้แต่จุดตันเถียนของเขาก็โดนทำลายไปด้วย

มันคือโศกนาฏกรรมที่น่าอนาถที่สุด!

ชายชราทั้งสองนั้นคือตัวแทนของตระกูลซูและตระกูลต้วน เมื่อหมดสิ้นพวกเขาตระกูลของพวกเขาก็จบสิ้นลง

ดวงตาของซูจิง และพ่อของเขานั้นแดงก่ำ พวกเขาจ้องมองไปที่คนของตระกูลหยาน ด้วยความเกลียดชังและอาฆาตแค้นสุดชีวิต

สมาชิกของตระกูลต้วน พวกเขาต่างก็ตัวสั่นด้วยความโกรธทุกคนต่างกำหมัดแน่น

แต่อย่างไรก็ตามในตอนนี้พวกเขานั้นไม่กล้าที่จะตอบโต้

"ไร้ฝีมือจริงๆ! ในตอนนี้ยังมีใครที่คิดจะต่อต้านตระกูลหยาน ของพวกเราอีกไหม?"

ในตอนนี้เมื่อเห็นว่าผู้อาวุโสต้วน และผู้อาวุโสซู ทั้งคู่นอนหมดสภาพอยู่บนพื้น หยาน กู่คง ก็ยืนขึ้นอย่างช้าๆและยกไม้เท้าในมือชูขึ้น พร้อมกับตะโกนถามอีกครั้งด้วยเสียงอันดังว่า

"ยังมีใครขัดข้องกับเงื่อนไขสามประการอีกหรือไม่?"

มันเป็นเสียงตะโกนพร้อมกับปลดปล่อยแรงกดดันอันมหาศาลของระดับผู้เชี่ยวชาญครึ่งก้าวก่อกำเนิดลมปราณ

เมื่อไม้เท้าหัวมังกรของเขาแตะลงบนพื้นแรงกดดันที่มองไม่เห็นได้แพร่กระจายออกไปยังกลุ่มของผู้คนในทันที

ในทันใดนั้นพวกเขาก็รู้สึกกดดันและรู้ระดับขั้นของ หยาน กู่คง กันในทันที!

“ครึ่งก้าว! ก่อกำเนิดลมปราณ!”

ผู้นำตระกูลเหรินที่นั่งอยู่ด้านหน้าเบิกตากว้างทันที ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความกลัว

แรงกดดันนี้ต้องมาจากคนที่อยู่ในขั้นครึ่งก้าวก่อกำเนิดลมปราณอย่างแน่นอน

"ครึ่งก้าวก่อกำเนิดลมปราณ! โอ่ว.. เขาอยู่ครึ่งก้าวก่อกำเนิดลมปราณแล้ว!"

"ผู้อาวุโส หยาน เป็นครึ่งก้าวก่อกำเนิดลมปราณ! ฉันจะยอมรับ!....ฉันจะยอมรับการเข้าร่วมกับตระกูลหยาน!"

"เรายินดีที่จะคล้อยตามตระกูลหยาน!"

"เรายินดีที่จะปฏิบัติตามคำสั่งของตระกูลหยานตั้งแต่ที่นี่เป็นต้นไป!"

ผู้ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้และเหล่าผู้ฝึกวิชายุทธต่างก็ก้มหน้าลงและยอมรับการเข้าร่วมกับตระกูลหยาน ด้วยเสียงสั่นเครือแม้จะรู้สึกไม่เต็มใจแต่พวกเขาก็มีความกลัวมากกว่า

ลูกศิษย์ของสำนักดาบทะเลศักดิ์สิทธิ์ และยังมีครึ่งก้าวก่อกำเนิดลมปราณ ช่างเป็นตระกูลที่น่ากลัวเสียจริงๆ! ต่อไปในอนาคตพวกเขาอาจจะเลื่อนระดับจนกลายเป็นตระกูลระดับ 1 ก็เป็นได้!

เหล่าผู้ฝึกฝนวิชายุทธต่างก้มหน้าลงแสดงเจตจำนงยอมรับการสวามิภักดิ์!

ในสนาม ผู้อาวุโส ซู มองไปที่ ตระกูลหยาน ด้วยความสิ้นหวัง

แม้ว่า หวังเสียน จะอยู่ที่นี่ในตอนนี้ แต่ก็คงไม่สามารถทำอะไรได้เช่นกัน มันจบแล้ว!

"ฮ่าฮ่า เข้าร่วมกับตระกูล หยาน ของเราแล้วพวกท่านจะได้รับความสุขในอนาคตอันใกล้นี้!"

หยาน กู่คง มองไปที่กลุ่มคนและหัวเราะออกมาเสียงดัง จากนั้นเขาก็พูดคำสี่คำออกมาว่า "ราชากลับมาแล้ว!"

"ข้า!....ข้า..ก็ยอมเข้าร่วม!" ผู้นำตระกูลเหรินรู้สึกหมดหนทาง เขารู้ว่าในตอนนี้ตระกูลหยาน นั้นไม่สามารถหยุดยั้งได้อีกแล้ว และตระกูลของพวกเขาก็ไม่สามารถต่อต้านตระกูลหยานได้เช่นเดียวกัน สิ่งที่เหลืออยู่สำหรับพวกเขามีเพียงการยอมจำนนเพียงเท่านั้น

แม้ว่าเขาจะไม่เต็มใจ แต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่นสำหรับเขา!

ในขณะที่เขากำลังจะลดร่างกายของเขาลงก็มีเสียงดังขึ้นมา

"บัตรเชิญระบุว่างานเลี้ยงจะเริ่มเวลา 2 ทุ่ม และในตอนนี้ก็เพิ่งจะ 2 ทุ่ม แต่ดูเหมือนว่าจะมีคนหมดความอดทนเริ่มงานเลี้ยงกันไปเสียก่อน!"

เป็นเรื่องที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน และกลุ่มของผู้คนที่อยู่รอบ ๆ ก็ตกตะลึงเช่นเดียวกัน

พวกเขาหันกลับไปมองไปที่บริเวณทางเข้า

เด็กหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาคนหนึ่งกำลังเดินเข้ามาพร้อมกับรอยยิ้มจาง ๆ

มีกลุ่มคนติดตามอยู่ข้างหลังเด็กหนุ่มคนนี้เข้ามาด้วยกลุ่มใหญ่

อากาศบริเวณโดยรอบกลุ่มของพวกเขานั้นค่อนข้างจะเงียบสงบ เหมือนถูกปิดกั้นด้วยอะไรบางอย่าง จนไม่สามารถจะสัมผัสได้ถึงพลังงานของพวกเขาได้ จึงทำให้มองดูเหมือนพวกเขานั้นเป็นกลุ่มของคนธรรมดา

กลุ่มของผู้คนในงานเลี้ยง พวกเขาทุกคนต่างตกใจเมื่อเห็นคนกลุ่มนี้เดินเข้ามา

ท่ามกลางกลุ่มคนที่อยู่ในตระกูลเหริน ชายหนุ่มคนหนึ่งเบิกตากว้างและตัวสั่นเล็กน้อย เขาคนนั้นก็คือ เหริน อันจื่อ เขานั้นเห็นร่างที่คุ้นเคยเดินมาถึงสองคน สายตาของเขาจับจ้องไปที่หวังเสียน และชายชราคนหนึ่งที่เดินตามหลังเขามา เขากลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดๆและพูดออกมาด้วยเสียงตะกุกตะกัก เหมือนคนลำคอตีบตัน

"นะ!..นั่น!..ขะ!.. เขา..มาแล้ว!”

………

จบบท

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด